17 มกราคม 2546 22:40 น.
windsaint
ท่าเรือนี้รับคนได้เกือบสี่พันคน และมีเรือถึงหกรอบ แต่ละรอบยังมีเรือสิบกว่าลำ และแต่ละลำบรรจุคนได้กว่าหกสิบ
ท่าเรือแห่งนี้ได้รับความนิยมมาก มีผู้คนต้องการข้ามฝั่งด้วยท่านี้มากมาย
อาจเป็นเพราะผู้พายเรือดี หรือความที่เส้นทางต่อไปนั้นราบเรียบ หรือท่าเรือนี้เปิดทำการมากว่า120ปี หรือท่านี้มีชื่อเสียงใหญ่โต
สมัยก่อนผู้คนเคยขนานนามว่าท่าเรือนี้เป็นท่าเรืออันดับหนึ่ง
แต่ปัจจุบัน ทุกสิ่งดูจะทรุดโทรมไปตามกาลเวลา
รวมทั้งนโยบายของกรมท่าเรือ ซึ่งต้องการให้รับผู้ที่อยู่ใกล้ท่ามากขึ้น
แต่ท่าเรือแห่งนี้ก็ยังแน่นขนัดไปด้วยผู้คนมากมาย
หลายคนมาเพื่อแสวงหาและกอบโกย เมื่อขึ้นไปถึงกลางแม่น้ำก็กระโดดลงไปต่อท่าเรืออื่น
ผู้อำนวยการท่าถูกผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาหลายคน
ฝีพายมือดีของท่านี้เริ่มแก่โรยไปตามอายุ
ท่าเรือแห่งนี้ที่เมื่อก่อนเคยคัดคนเข้าก็ต้องเปลี่ยนนโยบายตามกรมท่า
คนที่จะเข้ามาเริ่มมีหลายระดับมากขึ้น และเริ่มสร้างความเสียหายแก่เรือด้วยการเจาะเรือที่ตนนั่ง
หลายคนยังพอช่วยอุดรูรั่วไว้ได้ แต่เรือบางลำก็แล่นอย่างกระท่อนกระแท่นเต็มที
บางคนกระโดดลงจากเรือเพื่อหนีตาย แต่สุดท้ายก็จมน้ำ
ผู้ที่หลงเหลืออยู่ก็ช่วยกันประคองเรือไว้จนถึงฝั่ง
แต่ละคนต่างก็ขึ้นจากเรือและออกเดินทางตามวิถีของตน
เหลือไว้เพียงแต่เรือและฝีพายซึ่งจะต้องคอยรับส่งต่อไปรอบแล้วรอบเล่าเป็นวัฎจักรที่ไม่มีวันจบไป ของท่าเรือแห่งนี้
14 มกราคม 2546 22:13 น.
windsaint
ในกระดาษแผ่นนั้นหน้าแรกมีบทกลอนสวัสดีปีใหม่อยู่เต็มหน้ากระดาษ
ส่วนด้านหลังมีข้อความที่เขียนด้วยลายมือไม่กี่ประโยค
สำหรับตัวฉันแล้วบทกลอนที่ได้รับ ไม่เพียงมีค่าทางจิตใจ
แต่รวมทั้งมีความหมายสำหรับผู้พิศมัยในบทกลอนอย่างฉันด้วย
ฉันแน่ใจได้ว่า ฉันจะต้องเก็บดูแลรักษามันไว้เป็นอย่างดี
ไม่ใช่แค่เพราะมันเป็นบทกลอน ไม่ใช่แค่เพราะมันมีคุณค่าทางจิตใจ
แต่เป็นเพราะหลายสิ่งหลายอย่าง ประกอบขึ้นรวมกัน
และทุกอย่างนี้จะเป็นสิ่งให้ฉันจดจำมันไว้ และจะลืมเลือนมันได้ยาก
และจะ ทะนุถนอมสิ่งเหล่านี้ตลอดไป เพราะมันคือสมบัติทางจิตใจ
5 มกราคม 2546 22:31 น.
windsaint
นั่งลงเถอะ อย่ามัวแต่เดินอยู่เลย เสียงนุ่มๆสุภาพของเขาก้องกังวาน
ก็ฉันไม่มีอะไรทำนี่นา นับจากวันนั้น ผมตอบเขาพร้อมกับนั่งลงบนเก้าอี้นวมตรงข้ามเขา
ก็เพราะนายเองไม่ใช่หรอ ที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ เขาตอบกลับด้วยความขุ่นเคือง
แต่มันเป็นสิ่งที่ฉันควรจะทำไม่ใช่หรือ ก็เขาทำแบบนั้นแล้วความยุติธรรมมันอยู่ที่ไหนล่ะ
นายจะถามหาอะไรกับความยุติธรรม ในเมื่อความยุติธรรมนั้นไม่สามารถแสวงหาได้ อย่ามัวหาความยุติธรรมอยู่เลยโลกนี้หาความยุติธรรมที่แท้จริงได้ที่ไหนล่ะ ก็ในเมื่อขนาดมนุษย์ผู้แสวงหาความยุติธรรม ยังไม่เคยให้ความยุติธรรมกับใครหรือสิ่งใด แม้กระทั่งมดตัวเล็กๆเลย
แต่เขาก็ไม่ควรทำนี่นา ทั้งเรื่องกีดกัน อ้างโน่นอ้างนี่อ้างไปว่ามีงาน ทั้งๆที่จริงๆแล้วตัวเองไม่ได้ทำงานอะไรเลย มันก็แค่เอาคนอื่นมาอ้างอีกที ทำตัวว่าเป็นคนสำคัญซะประดา แล้วไอ้เด็กนั่นทั้งโขยงอีก ทำตัวไม่ได้เรื่อง ทั้งๆที่ตัวเองก็มาใหม่เพียงไม่เท่าไหร่แท้ๆ หรือว่าจะมีดีที่เพื่อนใหญ่ก็ไม่รู้ ไอ้ประทงประธานอะไรนั่น ฉันล่ะไม่เข้าใจพวกคางคกขึ้นวอจริงๆ ผมสวนกลับไปบ้าง
นายพูดแบบนี้ใช่มั๊ยล่ะ แล้วไงล่ะ ก็เลยต้องมานั่งอยู่อย่างนี้ไง
เอ้า ก็ความจริงนี่นา มันก็คือความจริงนั่นล่ะ ผมเริ่มพูดไม่ออก
แล้วความจริงของนายล่ะ เขาซัก
ความจริงของฉันรึ จะมีอะไร นอกจากที่จะต้องการให้หน่วยงานของฉันที่ฉันสังกัด มันราบรื่นและพัฒนาไปได้ด้วยดีอย่างที่ฉันคิดไว้ ก็เท่านั้นเอง
แต่นายน่ะถูกเขาเฉดหัวออกมาจากหน่วยงานไม่ใช่หรอ จะบอกให้รู้ นายน่ะถูกเขาลืมไปตั้งแต่วันนั้นแล้วเขาไม่มีทางเห็นความสำคัญของนายหรอก ไอ้องค์กรบ้าๆอะไรของนายน่ะ มีคนเข้ามาแทนที่นายไม่รู้จักหยุดหย่อน นายมันก็แค่ลิ่วล้อที่เขามีไว้ใช้งานเท่านั้นเอง ไม่ได้มีความสำคัญอะไรขนาดที่เขาจะมาใส่ใจนี่ พูดง่ายๆเลยนะ นายน่ะอยู่เฉยๆเหอะ แล้วก็ไม่ต้องสนใจอะไรอีก ปล่อยมันไปตามทางเหอะ องค์กรที่รักของนายน่ะ เขาเตือนผม
ปล่อยเรอะ ฉันปล่อยแน่ แต่ปล่อยแล้วมันจะตกแตกรึเปล่า ฉันไม่รับประกันนะ ยิ่งเปราะบางอยู่ด้วย ฮ่าฮ่าฮ่า
ผมตอบเขาและยิ้มอย่างมีเลศนัยก่อนจะเดินไปเปิดกล่องที่บรรจุแท่งสี่เหลี่ยมที่มีตัวอักษรภาษาอังกฤษกับตัวเลขอย่างละตัว พร้อมกับเดินเปิดประตูออกไปด้วยรอยยิ้มอย่างมีชัย
27 ธันวาคม 2545 22:35 น.
windsaint
โหล ปรางมีอะไรหรอ
ปุ๊กหรอ วันนี้มาโรงเรียนเร็วหน่อยได้มั๊ย เราอยากคุยกับเธอน่ะ
โอเช ได้ๆ จะรีบไป แค่นี้นะ แล้วเจอกัน ผมรีบลุกจากที่นอน อาบน้ำแต่งตัวและรีบไปโรงเรียน
ปรางเป็นเพื่อนสนิทของผม เราอยู่ห้องเดียวกันตั้งแต่ ม.1 แต่เริ่มมาสนิทกันตอน ม.3 ปรางเป็นผู้หญิงที่น่ารักในสายตาผมและคนอื่น เรียกได้ว่ามีความสามารถเลยทีเดียว ด้วยความน่ารักนี้ทำให้ผมรู้สึกชอบเธอจริงๆ ผมเคยบอกชอบเธอเมื่อตอน ม.4 แต่ก็ถูกเธอปฏิเสธอย่างสุภาพด้วยเหตุผลที่ว่าเธอยังไม่อยากมีแฟน แต่ผมก็ยังไม่ตัดใจจากเธอ ถึงแม้ตอนนี้จะผ่านจากวันนั้นมาได้เกือบปี ถึงแม้ตอนนี้เธอจะมีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้วก็ตาม ผมก็ยังคงแอบชอบเธออยู่ดี
วันนี้ผมไปถึงที่โรงเรียนเช้าผิดปกติ คนในโรงเรียนยังไม่มากนัก ยามที่หน้าประตูเห็นผมคงแปลกใจจึงถามผมว่า วันนี้มาเช้านะ ปกติเห็นมาสายเป็นประจำไม่ใช่หรอ สงสัยเช้านี้ฝนจะตกแน่ๆ
อ๋อ พอดีวันนี้นัดกับเพื่อนไว้น่ะครับ จะมาลอกการบ้าน เลยมาแต่เช้า
อ๋อ เอาเถอะๆ รีบๆไปสิ เดี๋ยวลอกการบ้านไม่ทันนะ
ผมรีบเดินขึ้นไปทีห้องทันทีเพราะกลัวว่าจะมีคนจำผมได้แล้วถามผมอีก พอไปถึงที่ห้อง ผมเห็นปรางนั่งเหม่ออยู่คนเดียวทีริมหน้าต่าง หน้าต่างของห้องเราเป็นวิวที่ดีมาก คือมองออกไปข้างนอก จะเห็นท้องฟ้าสีฟ้าตัดกับต้นไม้สีเชียว ยิ่งเวลาเช้าๆแบบนี้แล้ว บรรยากาศยิ่งดูสวยมากเหลือเกิน ตอนเช้าแบบนี้มีเพียงเธอคนเดียวที่มานั่งในห้อง เพราะห้องของผมนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นพวกตื่นสาย จึงไม่ค่อยมีใครที่จะมาได้เช้าแบบนี้นัก จึงมีเธอนั่งอยู่คนเดียว
มีอะไรหรอปราง ปลุกเราตั้งแต่ก่อนไก่ตัวเมียจะขันอีก ผมทักเธอเมื่อเดินไปใกล้เธอ และหยุดลงนั่งข้างๆกับเธอ วิวสวยดีนะเช้านี้ บรรยากาศน่านอนชะมัดเลย
ปุ๊ก เราเลิกกับปิงแล้วล่ะเราทะเลาะกับเค้า เค้าแอบไปมีผู้หญิงอื่น
เฮ้ย! แน่ใจแล้วหรอ อาจจะเป็นน้องสาวก็ได้
บ้าหรอ ปิงเป็นลูกคนเดียว จะมีน้องสาวได้ยังไงกัน
เออ นั่นสิ ลืมไป แล้วทำไมไม่ไปถามปิงล่ะจะได้รู้ความจริง
เราไปถามแล้ว เค้าบอกว่าเรื่องของเค้า แล้วเราก็ทะเลาะกัน เธอเล่าพร้อมกับน้ำตาที่เอ่อล้นออกมาเราจะทำยังไงดีล่ะปุ๊ก เราไม่ไหวแล้วนะ เราไม่อยากอยู่แล้ว เราอยากตาย
อ้าว เฮ้ย ไมคิดงี้อะ ไม่ได้นะ อย่าร้องสิ
ก็เราไม่อยากอยู่แล้วนี่ อยู่ไปก็ไม่มีใคร
มีสิ อย่างน้อยก็ยังมีคนนึงคนที่นั่งคุยกับเธออยู่นี่ไง จำไว้นะ ถึงเราจะเป็นได้แค่เพื่อน แต่ไม่ว่าจะยังไง เพื่อนคนนี้จะยังอยู่ข้างกายเธอเสมอ
จริงๆนะ
จริงดิ อย่าร้องอีกนะ เอางี้ โสดแล้วนี่ เสาร์นี้ไปดูหนังกันมะ
ก็เอาสิ
.
.
.
หลังจากนั้น ผมกับเธอก็สนิทกันมากขึ้น เราไปไหนต่อไหนด้วยกัน เพราะเธอไม่มีใครต้องคอยเป็นห่วง และทำให้ผมรู้สึกว่าผมชอบเธอมากยิ่งขึ้นแล้วด้วย มีอยู่ครั้งหนึ่งเธอเคยถามผมว่า
ปุ๊ก เธอมีแฟนแล้วรึยัง
ถามทำไม จะจีบเราเรอะ ผมตอบแบบกวนๆ
ป่าว ก็ลองถามดู
ผมจึงตอบไปแบบเล่นๆว่า ก็รอปรางอยู่นี่ไง ฮะฮะ
เฮ้ย! ล้อเล่นน่า อย่าซีเครียดดิ แต่พูดจริงนะ ผมพูดทิ้งท้ายเมื่อเห็นเธออึ้งๆไป
แต่แล้วชีวิตก็เริ่มเหมือนในละคร ปิง คงกลับมาขอคืนดีกับปรางอีกครั้ง ที่ผมรู้ก็เพราะว่า ผมเห็นปิงกับปรางเดินคุยกันไปแบบเมื่อก่อน เธอทักผมขึ้นว่า
ปุ๊ก ไปกับเราหน่อย เธอเรียกผมและผมก็เดินตามไปห่างๆอย่างงงๆ
หลังจากที่เธอแยกกับปิงแล้วเธอก็หันกลับมาพูดกับผม ผมเดาตามแบบละครไว้ว่า เธอจะต้องมาบอกว่าปิงมาขอคืนดี แล้วก็จะไปคืนดีกับปิง คงไม่มีเวลามาเที่ยวเล่นกับผมอีกแล้ว
ปุ๊ก เธอยังชอบเราอยู่รึเปล่า
เฮ้ย อารัย อยู่ๆมาถามแบบนี้
นี่เราซีเรียสนะปุ๊ก เธอยังชอบเราอยู่รึเปล่า
ก็ แน่นอนล่ะ ชอบและยังชอบไม่เคยเปลี่ยนด้วย
ปุ๊ก จำได้มั๊ย เธอเคยบอกว่าจะเป็นเพื่อนแล้วคอยอยู่ข้างเราตลอดไปใช่มั๊ย
อื้อ ได้สิ ทำไม เพื่อนชอบเพื่อนไม่ได้หรอ
เปล่า ไม่ใช่
แล้วทำไมล่ะ
ตอนนี้ เรา เราขอโทษ แต่เราคงให้เธอเป็นเพื่อนอยู่ข้างกายเราไม่ได้อีกแล้วล่ะ เธอทำหน้าเศร้า
หา ทำไมล่ะ แค่เป็นเพื่อนยังไม่ได้เลยหรอ ตอนนี้ผมรู้สึกว่าสิ่งที่ผมคาดเดาไว้ มันได้เกิดขึ้นแล้ว ขนาดเป็นเพื่อนยังไม่ได้เลยหรือนี่ เฮ้อ! ผมหน้าเสีย ไม่ใช่เพียงแค่หน้า ใจยังเสียอีกด้วย
คือตอนนี้ เราไม่อยากให้เธอเป็นเพื่อนคอยอยู่ข้างกายเราต่อไปอีกแล้วล่ะ แต่เรามีคนแทนที่ของเธอแล้วล่ะ ปิงไงล่ะ ต่อไปนี้ปิงจะเป็นเพื่อนคอยอยู่ข้างกายเราแทนเธอ และส่วนเธอ เราอยากให้เธอย้ายจากข้างๆ เรามาอยู่ตรงนี้ เธอพูดพร้อมกับชี้นิ้วไปที่หัวใจของเธอ ให้เธอมาอยู่ในหัวใจของเราตรงนี้ ตลอดไป จะได้มั๊ย ปุ๊ก
ได้สิ หา! อะไรนะ! เฮ้ย! หูฝาดไปรึเปล่า พูดอีกทีซิ เวลานี้ ผมไม่ได้ยินเสียงอื่นเลยนอกจากเสียงหัวใจตัวเองที่ดัง และเปล่งเสียงแห่งความดีใจออกมา
แหะๆ ไม่เอาแล้ว อายเป็นเหมือนกันนะ เธอตอบด้วยท่าทียิ้มๆ
ในเวลานี้ ผมไม่รู้และไม่อยากรู้เรื่องราวต่อจากนี้ว่าต่อไปจะเป็นแบบไหน ผมขอแค่เพียงตอนนี้ ผมและเธอมีเพียงเราสองคน เท่านั้นผมก็มีความสุขมากที่สุดแล้ว ผมจะเก็บเวลาที่เป็นสุขแบบนี้ไว้ตลอดไป และแค่เพียงตอนนี้ ผมได้อยู่ใกล้ๆเธอ และมีความสุขแบบนี้ ก็เพียงพอ
18 ธันวาคม 2545 23:00 น.
windsaint
เขาตะเกียกตะกายอย่างสุดกำลัง และเขากำลังจะหมดแรง
ไม่!!! เขาจะหมดแรงไม่ได้ เพราะนี่คือสิ่งที่เขาทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อที่จะหนีออกจากมัน
มันที่คอยมารุมเร้าจิตใจของเขาอยู่ตลอดเวลา เขาปีนกรอบนี้มาหลายปี
พยายามเพื่อที่จะหลุดพ้นจากมันเสียที แต่เขาก็ยังหนีไม่พ้นและไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะหนีพ้น
จุดยอดข้างบนที่เหมือนอยู่ใกล้ แต่ยิ่งเข้าใกล้ก็ยิ่งไกลออกไป
เขาปรารถนาที่จะหลุดพ้นจากกรอบบ้าๆนี่ แต่เขาก็ยังทำไม่ได้
เขายังคงต้องปีนป่ายเพื่อที่จะข้ามกรอบนี้ไป วันแล้ววันเล่า ด้วยแรงพยายาม ด้วยความอุตสาหะ
แต่เขาก็เริ่มที่จะหมดแรง หยาดเหงื่อไหลย้อยจากใบหน้า เขาเหนื่อย เขาล้า
แต่เขาก็ยังไม่ยอมแพ้ เพราะถ้าเขายอมแพ้เท่ากับสิ่งที่เขาทำมาต้องเปล่าประโยชน์
แต่ทว่าแม้จิตใจเขาจะเข้มแข็ง แต่ร่างกายของเขากลับยอมแพ้
ทุกส่วนอวัยวะประท้วงการกระทำของเขา แม้กระทั่งสมอง
เขาเกาะหน้าผากรอบไว้อย่างแน่นหนา แต่ก็สุดกำลังที่จะยึดเหนี่ยวต่อไปได้
นิ้วแต่ละนิ้วเริ่มคลายตัว นับจากก้อย นาง กลาง ชี้ และโป้ง
มือของเขาหลุดจากการยึดติดหน้าผา และร่างของเขาเริ่มดิ่งลงสู่พื้นดิน
เขาไม่มีแรงแม้กระทั่งจะยึดสิ่งใดไว้ สมองไม่สั่งงานเสียแล้ว
ร่างของเขาลอยร่วง มันเท่ากับว่าเขาได้ยอมแพ้มันแล้ว
ความพยายามที่จะดิ้นรนให้หลุดออกจากกรอบแคบๆนี้ไม่สำเร็จ และเขากำลังแพ้ให้กับมัน
ร่างของเขาร่วงลงถึงจุดต่ำสุด
แน่นอนว่าเขาต้องการที่จะปีนขึ้นอีกครั้ง เขาไม่ยอมแพ้มัน เขาต้องการจะหลุดไปให้ได้
เขาจะต้องเริ่มต้นออกแรงปีนอีกครั้ง แม้ว่ามันจะนานเท่าไหร่
แต่เขาจะพยายามปีหนีออกไปจากกรอบแห่งนี้ให้ได้
กรอบแห่งความคิด