31 ธันวาคม 2550 23:56 น.
WhiteWizard
คือค่ำคืนสุดท้ายของปีเก่า
ฟากฟ้าแฝงความเหงา-ความเศร้าหมอง
สะกิดใจไหวพลันให้หันมอง
ในครรลองสายเก่า เราย่ำมา
มีกี่ท้อกี่ทุกข์ที่รู้รส
มีบทเรียนกี่บทที่หมดค่า
กี่กล้ำกลืนบทโศก-โชคชะตา
จักกี่ครายังไม่ใช่ครั้งสุดท้าย
แลบันทึกรอยเท้าเหล่าผู้คน
หมื่นล้านก้าวสับสนอยู่มากหลาย
รอยทับรอยทั่วแดนแสนวุ่นวาย
ย่ำหาดทราย'มโนธรรม'ดำโสมม
จึงวันใหม่ที่มาน่าพรั่นผวา
และหนทางเบื้องหน้าน่าขื่นขม
ทุกรอยเท้าชอกช้ำระกำกรม
พร้อมบันทึกรอยระทมก้าวต่อไป
ฟ้าปีใหม่อร่ามเรือง-เรื่องของฟ้า
แต่ใต้หล้าพร้อมผจญโศกหนใหม่
วิมานดินสันติแดนยังแสนไกล
ตราบหัวใจชนยังไร้พิสุทธิ์ธรรม
ปีกเมือง
ยังหลับใหลต่อเนื่องในเบื้องต่ำ
ขาดยับเยินถ้วนขนก็หม่นดำ
ไรระยำกิเลสมารเข้าผลาญกิน
วอนผองไทยธำรงค์ธรรมให้ฟูเฟื่อง
บรรเทาแผลปีกเมืองจนเรืองถิ่น
ให้นำพาเมตตาทั่วธานินทร์
ไปบรรเทาทุกข์สิ้นแผ่นดินไทย
ไปโลมร่างหนาวไข้ให้ได้อุ่น
มอบอ้อนกอดการุณย์ชีวิตใหม่
ไปนำพาความหวังอันอำไพ
เพื่อจุดไฟสานฝันสรรค์ความดี
โอบปีกป้องผองไทยให้ไกลโศก
ให้วิโยคผองมารร่านบัดสี
เนรเทศสัตว์พาลร่านโลกีย์
สู่โลกันตร์แดนที่มันคู่ควร
ยังอีกนานกว่าฟ้าจักรุ่งสาง
นำโลกสู่เส้นทางอันปั่นป่วน
แต่ก่อนรับความท้าทายทั้งหลายทั้งมวล
ฉันพร้อมรับแสงนวลดวงตะวัน.
2 พฤศจิกายน 2550 11:04 น.
WhiteWizard
สดับฟัง...........
เข็มนาฬิกาที่ดังเพราะเดินอยู่
เสียงสุดแสนธรรมดาถ้าฟังดู
ย่อมรับรู้เสียงซ่อนเร้นเป็นนัยกาล
ทุกจังหวะเข็มเดินยินเพลินเสียง
ซ่อนสำเนียงชีวามหาศาล
กลบเสียงความปวดร้าวทรมาน
กลืนเสียงสั่นร้าวรานมวลมนุษย์
เสียงเข็มก้าวทุกคราวินาที
ล้วนคร่าผลาญชีวีมิสิ้นสุด
เร้นเสียงความพินาศความเสื่อมทรุด
เพียงท่านหยุดจิตสดับรับฟังมัน
จ้องดู............
เข็มที่ดำเนินอยู่ดูให้มั่น
ในจังหวะเคลื่อนที่ที่สามัญ
ซ่อนภาพแสนสำคัญอันชวนคิด
เข็มนั้นคือคมมีดแห่งความตาย
ไร้จุดหมายเคลื่อนไปไร้ทางปิด
แปรหน้าปัดเป็นลานประหารชีวิต
ตัวเลขคือที่สถิตแห่งจิตใจ
เพียงเห็นภาพแค่นั้นให้หวั่นจิต
พาให้คิดบนหน้าปัดเราอยู่ไหน
จากคมมีดเป็นตำแหน่งแห่งใกล้ไกล
หวาดหวั่นใจในทุกข์คุกเวลา
ยิ่งฟังยิ่งพรั่น......
เสียงเข็มที่ดังนั้นพลันผวา
เพียงเสียงย่ำยักษ์ร้ายหมายชีวา
ดังขึ้นมา ใกล้เข้ามา ทุกนาที
ยิ่งจ้องยิ่งฉงน......
เข็มเดินวนเป็นวงอยู่กับที่
และเวียนวนในวงนั้นทุกวัน-ปี
เรากลับหนีมันไปไม่พ้นเลย.
11 สิงหาคม 2550 14:34 น.
WhiteWizard
''พระคุณแม่เหนือฟ้ามหาสมุทร
พระคุณแม่สูงสุดมหาศาล''
ข้าเห็นมันพร่ำอย่างนั้นเมื่อวันวาร
การกระทำมันกลับค้านตลอดมา
ทุกสิบสองสิงหามาบรรจบ
มันจะพบพระคุณแม่นั้นมีค่า
แล้วจึงซื้อมาลัยมาบูชา
น้อมวันทาไหว้แม่ให้สุขใจ
พวงมาลัยพวงน้อยช่างเล็กนัก
แต่ความรักของมันนั้นยิ่งใหญ่
จึงทดแทนปีละคราแล้วลาไกล
ปล่อยแม่ไว้ในมุมอับลับตาคน
วันนั้นความรักแม่มีค่านัก
ข้าก็ไม่ประจักษ์ยิ่งสับสน
กราบเท้าแม่ใยลำบากยากเกินทน
ต้องเอาฤกษ์นี้มาดลหรืออย่างไร?
เท้านี้แหละหาเลี้ยงมันตอนมันเล็ก
บำรุงเด็กอย่างมันจนเติบใหญ่
ให้มันขึ้นมาหักหาญน้ำใจ
เท้าแม่ต่ำดำไปไม่น่าแล
ต่อวันนี้วันที่สิบสองสิงหา
มันก็มุ่งกลับมาตามกระแส
นำความรักมาให้สักเสี้ยวแด
แล้วปล่อยแม่ให้รอมันอีกแสนนาน
''พระคุณแม่เหนือฟ้ามหาสมุทร
พระคุณแม่สูงสุดมหาศาล''
หยุดพร่ำเถิดน่าขำน่ารำคาญ
ปากบันดาลการกระทำไม่บำเพ็ญ
ความในใจจากแผ่นฟ้ามหาสมุทร
ที่สิ้นสุดในศรัทธารักที่เห็น
วันอื่นนั้นมันรักแม่ไม่เป็น
ต้องวันนี้ที่มันเล่นละครรัก
7 กรกฎาคม 2550 22:54 น.
WhiteWizard
นิยามนักล่าฝัน
มีมานะบากบั่นไม่หวั่นไหว
ทั้งไม่เกรงหวาดผวามรรคาลัย
มีหัวใจแทนแสงทองส่องนำทาง
เติมไฟหวังทุกคราวก่อนก้าวต่อ
จุดหมายที่เฝ้ารอทอแสงพร่าง
แม้นภัยร้ายมืดดำยังอำพราง
อุปสรรคทุกอย่างเริ่มลั่นกลอง
แต่หัวใจก็พร้อมยอมรับแผล
ความย่ำแย่รันทดสยดสยอง
ที่เกลื่อนกล่นมากมายในครรลอง
เพียงเพ่งมองปลายทางก็สร่างใจ
มีหลายคราที่ล้มจมความทุกข์
กลับยิ่งปลุกแรงทะยานการฝันใฝ่
หยาดน้ำตาที่ร่วงหล่นบนกองไฟ
กลับยิ่งโชติโรจน์ไสวในดวงตา
กลั่นความพ่ายที่ลิ้มรสจนหวานลิ้น
เป็นแรงสู้ไม่รู้สิ้นดิ้นฟันฝ่า
ทิ้งรอยเท้าหนักแน่นในมรรคา
กลางผืนทรายกาลเวลาให้ชนชม
หยาดเหงื่อที่รินหลั่งยังไหลต่อ
เสริมค่าความทดท้อและขื่นขม
ตามเส้นทางที่ไร้ซึ่งสายลม
ความโศกตรมทรงอำนาจเกินคาดเดา
อีกหุบเหวกว้างใหญ่มีให้ข้าม
ผ่านบรรพตไร้นามกี่ขุนเขา
ฝนกระหน่ำหนักหนาฟ้าครึ้มเทา
บังแม้นเงาแสงตะวันสู่ฝันไกล
ทว่าเขาคือนักล่าฝัน
ทุกอย่างพร้อมบุกบั่นมิพรั่นไหว
กลีบดอกไม้ทอดสู่ประตูชัย
ย่อมมีไว้สำหรับเขาเพียงผู้เดียว
24 มิถุนายน 2550 16:11 น.
WhiteWizard
เก็บฝาหอยร้อยสังวาลย์สานความรัก
ให้ตระหนักเราทั้งสองได้ครองสุข
เพลานี้ดูงามกว่าสร้อยไข่มุกด์
เขย่าสร้อยปลุกเสียงหวานกังวาลทรวง
โถ่ อกเจ้าเอ๋ย
เมื่อไหร่เอยเจ้าจักลืมความห่วงหวง
ธารน้ำตาท้นกว่าธารทั้งปวง
เจ้าเฝ้าลวงหัวใจให้หลงทาง
แม้นยินเสียงสร้อยฝาหอยคอยบาดจิต
ให้จมปลักความคิดที่หม่นหมาง
กระทั่งเสียงสร้อยนั้นพลันเลือนลาง
เสียงหัวใจยังครวญครางไม่ลางเลือน
เมื่อสังวาลย์ร้อยใจไร้คอห้อย
นั้นย่อมด้อยค่ากว่าฝาหอยเถื่อน
เก็บมันแล้วขึ้นบันไดเข้าในเรือน
นอนลงแล้วหาเพื่อนคือความตรม
หยิบสร้อยนั้นขึ้นพินิจด้วยจิตว่าง
มองความต่างหว่างความทุกข์และสุขสม
พรุ่งนี้ไม่มีสร้อยให้เชยชม
ขอท้าคมบาดใจให้สิ้นความ
สร้อยเอ๋ย
เจ้านั้นเคยเป็นตัวแทนแสนวาบหวาม
ตลอดไปทุกเมื่อเชื่อทุกยาม
จักขอตามเจ้าไปอยู่ก้นทะเล