วันนี้อยากเขียนบันทึกนะ ทำงานช่วงบ่ายพร้อมสายฝน นอกกระจกบานใหญ่ เสียงฟ้าร้อง เห็นสายฟ้าพาด มองแล้วเพลินตาดี แต่อีกแหละกลัวสายฟ้าเหมือนเดิม...สิ่งที่กลัวนี่มันก็เปลี่ยนยากเหมือนกันนะ อากาศช่วงปลายฝนต้นหนาวของปีนี้ดีที่สุดเท่าที่จำได้นะ แต่ก็นะไม่มีอะไรเต็มร้อยในชีวิตเราเลย อยากหยุดเวลาจัง นั่งมองธรรมชาติที่สดใส ด้วยใจที่ไม่ต้องคิดสิ่งใด ๆ แต่อีกแหละ ชีวิตคือชีวิต มีสิ่งกระทบอยู่ตลอดเวลา อ่อนแอก็อยู่ไม่ได้ แข็งไปมันก็หัก ผลสุดท้ายเราก็ต้องปล่อยให้มันเดินทางไปตามวิถีทางของมัน เมื่อเจอจุดสิ้นสุดมันคงหยุดเดินและกลับมาเดินในเส้นทางที่ควรจะเป็น เส้นทางที่เดินเมื่อถึงทางแยกเราต้องเลือก? กี่ครั้ง กี่หนนะที่เราต้องเลือกเดิน ในหนึ่งชีวิตของคนเรา คิดว่าดีที่สุด สุดท้ายคำตอบมันก็ไม่ใช่ แต่ก็ไม่เป็นไรหรอกในเมื่อเราต้องตื่นขึ้นมาพร้อมฟ้าที่สว่างในยามเช้าทุกวัน ขอแค่เวลาเยี่ยวยาหลาย ๆ สิ่งที่ตกค้างเท่านั้นเอง ถึงมันจะยากแต่เราก็ต้องทำอยู่ดี ไม่มีใครเสียใจได้ตลอดเวลาหรือว่านานตลอดชีวิต สักวันหนึ่งเราต้องได้เริ่มต้นอยู่ดี ฉะนั้นเราควรรอวันนั้นที่จะมาถึงดีกว่า เสียใจได้ ร้องไห้ก็ดี แต่อย่านานนะ น้ำตามันไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย ให้เวลากับมันเพียงเล็กน้อยพอแล้ว ลุกขึ้นมาใหม่พร้อมกับแสงสว่างที่ดวงอาทิตย์สาดส่องมาให้มวลมนุษย์ บางครั้งอยากให้หัวใจว่างป่าวจัง เป็นกระดาษสีขาว ๆ ไม่ต้องบรรจุสิ่งใด แต่มันก็เป็นได้เพียงแค่ความฝัน เพราะความเป็นจริงนั้นมันคือชีวิตล้วน ๆ ......... เปรียบเหมือนคลื่นท้องทะเลยามมีพายุ เมื่อพายุจบทะเลก็สงบเงียบเหมือนไม่เคยเกิดอะไรขึ้น หากเราอยู่ช่วงจังหวะเวลาพายุซิ มันโหดร้ายนะ อาจมองไม่เห็นแผ่นดิน เกิดความกลัว สับสนและสารพัดอย่างที่ใจคนเราคิด สิ่งที่ทำได้เพียงคำว่า รอ รอความปราณีจากพายุแห่งท้องทะเล ความหวังอาจจะมีเพียงเล็กน้อยหรือริบหรี่ แต่ก็ขอให้มีหวัง การเดินตากสายฝนเย็น ๆ ก็คือความรู้สึกอีกรูปแบบที่สร้างความเย็นและหนาวเหน็บให้ร่างกายและหัวใจ ใช่อาจเย็นด้านร่างกายแต่หัวใจสิบางทีมันก็ร้อนยิ่งกว่าสายน้ำที่มันกระหน่ำเทลงมาอีกนะ สิ่งที่เห็นบางอย่างมันอาจเป็นเพียงภายนอกหากแต่ภายในไม่มีใครรู้เลยว่าแท้จริงแล้วเป็นอย่างไร นอกจากเจ้าของความรู้สึกนั้น ณ เวลานั้น ๆ ที่เข้ามากระทบใจ ทำไมนะหัวใจดวงนี้เริ่มอ่อนแอ เริ่มลังเล อีกครั้งในช่วงปลายฝนต้นหนาวทุกทีไป หาเหตุและผลไม่เจอสักที ไม่เข้าใจจริง ๆ แต่ก็ช่างเถอะ คนที่ห้อมล้อมอยู่ก็พร้อมส่งกำลังใจตลอดเวลา แค่นี้ก็น่าจะเพียงพอแล้ว สำหรับกำลังใจและความหวังในครั้งต่อ ๆ ไป +*+ กำลังใจ ไม่เคยห่างหาย หากหัวใจ พร้อมรับฟัง *+* *+* *+* *+* *+*
นานแล้วนะที่ลิลลี่ดอกนี้ไม่ได้เล่าเรื่องสั้น ไม่ได้มาเล่นกับเพื่อน ๆ บ้านกลอนแห่งนี้ ใจจริงคิดถึงตลอดเวลานะ แต่ภาระหน้าที่การงานเป็นตัวการให้จากเวทีแห่งนี้ไปและก็นานมาก ๆ แต่ไม่เป็นไรค่ะ วันนี้ลิลลี่สีนี้ได้กลับมาทักทายล่ะ (อย่างน้อยก็หวังว่าคงมีคนจำได้บ้างเน้อ) วันนี้สาวสวยแห่งวงการเจ้าจอม ปรากฎตัวเฉิดฉาย ณ ดินแดนแห่งความสุข ของสาวสวยแมงกู๊ดจี่ เจ้าของเคหะสถานที่เรียบง่าย แต่เรียบร้อยนะ วันนี้มีแม่ครัวคนใหม่เกิดขึ้นแล้วล่ะ อาหารฝีมือรสเลิศ หน้าตาสวยงาม (คนทำก็สวยนา) วันนี้วันฉลองความสุขของเหล่าเพื่อนผองค่ะ เริ่มต้นด้วยลิลลี่ดอกนี้เดินทางมาเป็นคนแรกในยามบ่าย ๆ ให้น้องสุดสวยไปรอรับ ตกเย็นแลิกงาน อีก 3 เดินทางมาครบองค์ประชุม.........(รอ รอ รอ.........) แล้วก็รอ......ร้อ.....รอ.................... มิตรภาพแห่งนี้เกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจนะ หลายต่อหลายปีแล้วที่เราทุกคนผูกสัมพันกันด้วยมิตรภาพของรอยยิ้ม ความสุข ความสนุก ลุยไหนลุยกัน ไม่เคยท้อ ไม่เคยบ่น ปรึกษาหารือ กอดคอกันอยู่บ่อย ๆ ความรู้สึกแน่ะหรือ มีความสุขค่ะ ไม่ต้องคิดสิ่งใด เห็นรอยยิ้มก็สุขทุกครั้งไป ก่อนหน้านี้ ไม่เคยคิดนะว่ามิตรภาพออนไลน์จะจริงจังหรือป่าว? แต่เวลาก็เป็นเครื่องพิสูจน์ได้แล้วว่าความจริงใจ มีอยู่ในทุกมุมโลก และสังคม เพียงแต่ว่าเรารู้จักใช้มันเพียงใดเท่านั้นเอง ใจส่งต่อด้วยใจเสมอ เราหวังสิ่งไหน อยากได้สิ่งใดก็จงทำสิ่งเหล่านั้นให้กับผู้อื่นก่อน....... แบบนี้แหละความสุขแห่งมิตรภาพมันจะก่อตัว ออกดอกออกผลให้เราเห็นชัดเจน ผูกพันด้วยหัวใจโดยแท้จริง........ ลิลลี่ดอกนี้อาจจะไม่ได้โลดแล่นไปไหนต่อไหนมากมาย แต่ก็รับรู้ความสุขที่เพื่อนมอบให้ทุกครั้งเสมอไป นี่แหละค่ะ เจ้าจอมแสนสวยของเรา อาจโวยวาย อาจบงการ อาจวางแผน อาจเบี้ยว อาจเสียบ แทนคนนั้นคนนี้ แต่สุดท้ายก็แสบได้ที่ทุกคนแหละน่า...... เออ....สงสัยเหมือนกัน มีใครใหมที่เรียบร้อย..? "ขอให้มิตรภาพ ของเจ้าจอมผูกพันด้วยรอยยิ้มและความสุข" วันนี้คืออีกคืนที่เราทั้ง ๕ จะเติมเต็มความผูกพัน และเพิ่มพูนความรู้สึกให้ทวีคูณยิ่งขึ้น
"อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย" จากท้องถนนที่มีแต่รถวิ่งและรถติด แต่คืนนี้กลับมีแต่ผู้คนที่มาเดินเล่น เดินดูแสงไฟที่ประดับเต็มท้องถนน ผู้คนในเมืองหลวงมากมายมาเดินดูกันเป็นครอบครัว เป็นกลุ่มเพื่อนหรือแม้แต่เป็นแฟนก็มี มันก็เป็นความรู้สึกอีกแบบหนึ่งที่เราสามารถหาความสุขได้ค่ะ มีของขายมากมาย อาหารการกิน เครื่องประดับ หรือของเล่น ที่มีแสงไฟกระพริบ เช่น แหวน กิ๊ปหนีบผม ที่คาดผม ใส่แล้วแสงไฟส่องตลอดเวลา มองเห็นแล้วก็มีความสุขค่ะ ตัวเราก็อยู่มานานนับสิบปีแล้วสำหรับเมืองหลวง แต่นี่เป็นครั้งแรกค่ะที่ได้ไปเดินดู แปลกตาไปอีกรูปแบบหนึ่งค่ะ วันนี้เลยขอเป็นช่างภาพจำเป็นถ่ายรูปมาฝากเพื่อน ๆ ค่ะ ขบวนรถที่ประดับไฟในงาน การจุดพุในรูปแบบต่าง ๆ เห็นแล้วสวยประทับใจจัง
สวนข้างบ้าน บ้านข้างสวน นานแล้วนะไม่ได้กลับบ้าน เหนื่อยล่ะขอพักผ่อนนอนที่บ้านรับลมเย็น ๆ ดีกว่าเรา โห...ไปคราวนี้ต้นไม้ใบหญ้าเขียวขจีไปหมดเลยนะ ดีจังเราชอบสีเขียว ๆ เห็นแล้ว สบายตาสบายใจจังเลย (อารมณ์ดี) แต่ที่สำคัญได้กลับบ้านเจอหน้าสุดที่รักค่ะ นั่นแน่....อย่าคิดมาเจ้าค่ะ ก็ พ่อ งัยค่ะสุดที่รักของรี คราวนี้สมใจมาก ๆ เลย ได้เห็นต้นไม้ที่ปลูกไว้เจริญเติบโตในแต่ล่ะปี รอเก็บผลผลิตก็มี ครั้งนี้ก็ไม่ผิดหวังนะ กินลำไยจนฉ่ำใจเลยค่ะ อร่อย ๆ สดจากต้นข้าง ๆ บ้านเองแหละ ไม่ต้องเดินไกล เดินลงบันไดก็พอล่ะ....คริ คริ ผลไม้ปีนี้อุดมสมบูรณ์ที่สุดเลย ไหนจะขนุนต้นเล็ก ๆ แต่ลูกเต็มต้น กล้วยหอมหวีสวย ๆ กล้วยน้ำว้าก็อยู่ใกล้ น้อยหน่าก็อร่อย แก้วมังกรก็ปลูกไว้ เห็นแล้วก็สุขใจดีจัง ไม่ต้องไปซื้อกิน (ไม่มียา) ปลอดภัยหายห่วงเมื่อปลูกเอง ปล. เปล่าหรอกพ่อปลูก ลูกมีหน้าที่กินค่ะ หุหุหุ...... เดี๋ยวจะหาว่ามีแต่ผลไม้ ผักต้มน้ำพริกก็มีน้า บวบลูกโตอวบ ๆ ดอกแคร์เต็มต้นขาวเชียว ผักปรังผัดน้ำมันหอยนี่ก็สุดยอดความอร่อย พริกไทยอ่อนก็มีค่ะ แถมด้วยอ้อยลำสวย ๆ ยาว ๆ (แต่หน้าฝนไม่ค่อยกินอ้อย เพราะอ้อยจืดไม่ค่อยหวาน) บ้านจะสวยต้องมีไม้ดอกประดับด้วยค่ะ สีน้ำเงินช้องนาง ชอบจังเลยค่ะ สีสวยม๊าก ดอกแดงเล็ก ๆ ที่บ้านเรียกดอกประทัด กระบอกเพชรก็ขึ้นแยะไปหมดเลย สัปปะรดเล็ก ๆ ที่เขาโชว์กันก็มีนะ ส่วนกล้วยไม้ก็เด่นอยู่ที่สูงเลยค่ะ วันพักทำไมน้าหมดเร็วจัง อยากพักนาน ๆ จัง หุหุหุ สุขใจทุกทีที่ได้กลับบ้านค่ะ เขาถึงพูดว่า บ้านคือวิมาน เดี๋ยวนี้เข้าใจคำนี้มากกว่าเดิมแยะค่ะ ช่วงนี้ไม่ค่อยว่างค่ะเลยพักสายตาพาเพื่อน ๆ ไปเที่ยวบ้านรี บ้านสวนก็เป็นแบบนี้แหละค่ะ แต่ก็สุขใจเสมอเจ้าค่ะ
ฉันโกหกเธอ อันที่จริงอยากให้เธอสนใจ ฉันโกหกเธอ อันที่จริงไม่อยากให้เธอใกล้ใคร...... โธ่! โทรมาปลุกทำไมแต่เช้าเลย พี่รีตื่นได้แล้วหนูมารอแล้วนะที่ปากน้ำ อ้อ! อือ! เดี๋ยวตื่น อาบน้ำ แต่งตัวก่อนนะ รอก่อนแล้วกันไปถึงแล้วจะโทรหาจ้าน้อง วันหยุดที่เหมาะสำหรับการตื่นสายเป็นอันพังทลาย เพราะมีน้องตัวดีโทรมาปลุกให้พาไปเที่ยว เมืองโบราณ สมุทรปราการแต่เช้า....... (ของีบต่ออีกนิดหนึ่งนะน้อง 5 5 5 ) ก่อนที่จะเดินทาง กองทัพต้องเดินด้วยท้องค่ะ ไปหาอาหารเช้า รับประทานก่อนเป็นอันดับแรก ปากน้ำมีอาหารมากมายหลายอย่าง แต่เราสองคนเลือกที่จะกินก๋วยเตี๋ยวหมูนายฮั่งคนละ 1 ถ้วยพร้อมด้วย ไส้กรอก แกล้ม กระหล่ำปลี ขิง และพริกสด (อร่อยจริง ๆ ) อิ่มแล้ว เราก็มารอเพื่อนที่จะร่วมเดินไปทางไปด้วยอีกหนึ่งชีวิตค่ะ รอไม่นาน เพื่อนก็เดินทางมาถึงเป็นที่เรียบร้อย ก่อนอื่นเราต้องปรึกษากันเรื่องการเดินทางไป เมืองโบราณ แล้ว เราก็สรุปว่าจะนั่งรถสองแถวไปกัน (ประหยัดดีค่ะ คริ คริ คริ) เนื่องจากรีก็ไปเที่ยวที่เมืองโบราณนานแล้วตั้งแต่ตอนเรียนหนังสือ ทำให้จำไม่ค่อยจะได้ว่าจะลงจากรถตอนไหน ที่นี้เราเลยต้องใช้สายตา เป็นอาวุธ เพื่อหาทางลงค่ะ (ตามฟอร์มของรีค่ะ พาเลยไปนิดหน่อย) บอกเพื่อน ๆ เดินออกกำลังกาย.... ก่อนอื่นต้องซื้อบัตรเข้าชม เมืองโบราณ ค่ะ ^.^ ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาท รถยนต์ 50 บาท (ไม่รวมคนขับ) ^.^ บริการเสริม ^.^ เช่าจักรยานคนละ 50 บาท นั่งรถรางคนละ 50 บาท มีรถขับแบบในสนามกอล์ฟด้วยนะ (แต่ลืมถามราคา) พวกเราสามคนเลือกขี่จักรยานสองคัน (จักรยานมีให้เลือก หลายแบบค่ะ แบบสองคน แบบสามคน แบบสี่คน ฯลฯ) แล้วแต่ว่าจะเลือกค่ะ :- @-@ ข้อมูลที่น่าสนใจ @-@ พื้นที่ 600 ไร่ รูปร่าง คล้ายแผนที่ประเทศไทย เริ่มทำการก่อสร้าง พ.ศ. 2506 จำนวนโบราณสถาน 116 แห่ง (และกำลังสร้างเพิ่ม) ซื้อบัตรเรียบร้อยแล้ว ยานพาหนะคู่ใจก็เลือกได้แล้ว เดินหน้าต่อค่ะ ปั่นจักรยานดูโบราณสถานตั้งแต่ปากทาง แวะดูแทบจะทุกจุดที่ขี่จักรยานผ่าน และที่สำคัญขาดไม่ได้ การถ่ายรูปภาพไว้เป็นที่ระลึกค่ะ จุดไหนประทับใจ ถูกใจ ก็มีนางแบบจำเป็นตามสถานที่ที่ชอบ วันทั้งวันตั้งแต่เช้าจนเย็นเราขี่จักรยานอยู่ที่เมืองโบราณ ดูโบราณสถานที่จำลองสถานที่สำคัญของทุกภาคที่มารวม อยู่ที่เมืองโบราณ ประทับใจและงดงามในความคิดและ ความรู้สึกของคนที่มาเที่ยว ให้รีบรรยายเป็นความรู้สึกรีคง บรรยายไม่ถูกค่ะ ถึงแม้การเที่ยวครั้งนี้จะต้องตากแดดบ้าง เจอฝนบ้าง แต่ก็ยินดีค่ะเพราะได้เห็นโบราณสถานที่ทรงคุณค่า ของประเทศไทย ไม่ต้องไปไกลถึงจังหวัดนั้น ๆ แต่เราก็ สามารถมาเห็นได้ที่เมืองโบราณ สำหรับเรื่องอาหารไม่ต้องห่วงเลยค่ะ มีร้านขายอาหารเป็นจุด ๆ สามารถชื้อรับประทานได้ แต่ถ้าใครต้องการปิคนิกที่นี่ก็ถือว่าเป็น สถานที่ ๆ น่าสนใจทีเดียวค่ะ สำหรับพวกเรามื้อเที่ยงก็แค่ขนมปัง น้ำแข็งใสเย็น ๆ และน้ำเปล่า แค่นี้ก็เพียงพอแล้วล่ะ ตอนแรกคิดเพียงแค่มาเที่ยวอย่างเดียวนะ แต่ความจริงไม่ใช่ค่ะ เราสามารถนมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้อีก 9 แห่งค่ะ 1. พระพุทธบาท จ.สระบุรี 2. หอพระแก้ว 3. วิหารหลวง วัดมหาธาตุ จ.สุโขทัย 4. วิหารวัดพร้าว ตลาดน้ำ จ.ตาก 5. วิหารวัดเชียงของ จ.เชียงราย 6. วัดภูมินทร์ จ.น่าน 7. พระธาตุพนม จ.นครพนม 8. พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร หรือเจ้าแม่กวนอิม 9. พระเมตไตรยะ หรือพระศรีอาริย์ รีและเพื่อน ๆ ได้นมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์ 6 แห่งค่ะ ที่เหลือไม่ได้ไป เพราะสถานที่มันกว้างและขี่จักรยานไม่ทั่วเลยได้ไม่ถึง 9 แห่ง สมุทรปราการก็ใกล้ ๆ กรุงเทพฯ ถ้าเพื่อน ๆ สนใจก็ลองไปเที่ยวดู นะค่ะ แล้วคุณจะรู้ว่าประเทศไทยเรามีโบราณสถานที่งดงามไม่น้อยหน้า ใคร ๆ ในโลกเหมือนกัน..... อธิบายความงดงามไม่ถูกลองดูรูปภาพนะค่ะ ^.^ พระพุทธบาท จ.สระบุรี หอพระแก้ว วิหารวัดเชียงของ จ.เชียงราย วัดภูมินทร์ จ.น่าน พระเมตไตรยะ หรือ พระศรีอาริย์ ศาลาพระอรหันต์ *****************************************************