ฉันเกิดมา..ขาดพ่อแม่..แต่ยังเล็ก อยู่กับยาย..ตั้งแต่เด็ก..จนเติบใหญ่ แม้ลำบาก..ยากจน..อดทนไป หาเลี้ยงกาย..ตามยถา..ชะตาตน แม้แต่ญาติ..เคียงชิด..สนิทใกล้ ฉันนั้นไม่..เคยประสบ..พบสักหน มีแต่ฉัน..อยู่กับยาย..เพียงสองคน เท่านี้ก็..สุขเหลือล้น..ท้นทวี การศึกษา..นั้นได้เรียน..พอเขียนได้ พออ่านออก..ฟังเข้าใจ..ไม่หมองศรี การกินอยู่..พอทำเนา..เท่าที่มี ไม่ลุ่มหลง..แสงสี..ราตรีกาล ได้เล่าเรียน..ฝนฝึก..ตรึกความรู้ ยายเป็นครู..ฝึกหัด..จนจัดจ้าน เรียนวิชา..ขายกล้วยทอด..จนชำนาญ ผสมผสาน..ส่วนผสม..กลมกล่อมกิน เดี๋ยวนี้ยาย..ดูชะแร..แก่ไปมาก ไม่อยากให้..ต้องลำบาก..พรากจากถิ่น หูสองข้าง..ชักเลือนลาง..ไม่ได้ยิน ตาเริ่มสิ้น..ไร้แสง..แห่งแววตา นานเหลือเกิน..ยายเป็นผู้..สู้ตรำตราก อย่าลำบาก..อีกเลยจ้ะ..นะยายจ๋า หลานคนนี้..จะดูแล..ยามชรา ให้สมค่า..ปริญญารัก..จากใจยาย...
วันที่ฉัน..ท้อแท้..และสิ้นหวัง ฉันนั้นยัง..มีพี่..คอยเป็นห่วง ช่วยแบ่งเบา..มอบความหวัง..มอบทั้งปวง วันคืนล่วง..พี่ยังอยู่..คอยห่วงใย ชีวิตคน..ผันแปร..ไม่แน่นัก สุดจะหัก..บางครั้ง..ยังหวั่นไหว เจอน้ำคำ..ร้อยเล่ห์..เพทุบาย ลุ่มหลงไป..ในวังวน..จนซมซาน ยังมีพี่..ให้ความหวัง..ยั้งให้คิด ใช้ชีวิต..อย่าลุ่มหลง..ปลงสังขาร ให้อยู่อย่าง..สมถะ..อย่าจาบัลย์ ชีวิตนั้น..ต้องสู้ทน..ดิ้นรนไป ขอขอบคุณ..กับแรงใจ..ที่ให้นี้ ทำให้มี..ความฝัน..ในวันใหม่ จะเป็นดาว..ดวงน้อย..ลอยสูงไกล ส่องสว่าง..เรื่อยไป..ในนภา จะขจัด..มูลฝอย..ความหงอยเหงา เลิกซึมเศร้า..โศกตรม..ล้วนปัญหา มีพี่ช่วย..ปันพลัง..ยามอ่อนล้า พร้อมมุ่งหน้า..ฝ่าฟัน..ด้นดั้นไป ลุกขึ้นยืน..พร้อมหัวใจ..อันกล้าแกร่ง มีเรี่ยวแรง..ก้าวย่าง..บนทางใหม่ สักวันคง..จะถึง..ซึ่งเส้นชัย ขอขอบคุณ..กับน้ำใจ..พี่ให้มา ณ.ที่นี้..พร้อมเดิน..เคียงข้างพี่ หายเหนื่อยแล้ว..คนดี..นะพี่จ๋า ความอ่อนล้า..หายไป..ในพริบตา มีพี่ยา..เคียงข้าง..ไม่ห่างกาย ความท้อแท้..โยนทิ้งไป..ในฟ้ากว้าง ไม่อ้างว้าง..รันทด..พลันสดใส แสนอบอุ่น..เปรมปรีดิ์..สุขฤทัย มีพี่ให้..ความหวัง..ทุกครั้งครา แม้หนทาง..ข้างหน้า..ฝ่าดงหนาม ไม่ครั่นคร้าม..กล้าผจญ..ทนฟันฝ่า เพราะมีพี่..เคียงอยู่..คู่ชีวา จึงแกล้วกล้า..ไม่หวั่น..พรั่นสิ่งใด เก็บดวงใจ..ดวงเหงา..เคยเศร้าหนัก หลังได้พัก..เติมพลัง..ขึ้นมาใหม่ มีพี่อยู่..คอยเสริม..เติมน้ำใจ สุขอื่นใด..ไหนจะเท่า..เราไม่มี ขอขอบคุณ..พี่ตะวัน..ในวันนี้ ทำให้มี..ความฝัน..อันสุขขี ขออิงแอบ..แนบหนุน..อุ่นชีวี พร้อมตอบรับ..ไมตรี..พี่มอบมา
ณ.ตรงนี้..พี่ขอพัก..สักหน่อยนะ พรุ่งนี้จะ..เริ่มต้น..หนทางใหม่ เหนื่อยนักหนา..ขอพักพิง..อิงอุ่นใจ ไว้ค่อยรุ่ง..วันใหม่..ค่อยจากจร เก็บท้อแท้..เอาไว้..ไม่ให้เห็น แม้ยากเย็น..เพียงไร..จะฝึกฝน แม้มีทุกข์..ถมท่วม..ดวงกมล ขอสู้จน..สุดท้าย..ของชีวิต หลากหนทาง..ข้างหน้า..แม้ล้านัก ไร้ความรัก..จากคนไกล..หมองไหม้จิต แม้โศกตรม..เพียงใด..ในชีวิต ขอพิชิต..ยืนสู้..ดูสักครา เก็บหัวใจ..ดวงท้อ..ไม่ง้อโชค ทุกข์สุขโศก..ขอมุ่งไป..อย่างทายท้า ยิ้มแต่งแต้ม..แจ่มใส..ในอุรา ก้าวเดินหน้า..ด้วยศรัทธา..ในหัวใจ ขอขอบคุณ..พลังใจ..ในวันนี้ ทำให้มี..พลังฝัน..ในวันใหม่ เหมือนชีวิต..ไม่อยู่..อย่างเดียวดาย สู้ต่อไป..ไม่สิ้นหวัง..ดังก่อนเคย...
วันที่หวัง..ยังไม่เห็น..เป็นความหวัง ยังคงว่าง..เปล่าดาย..ไม่ถึงไหน เฝ้ารอคอย..ความหวัง..ดั่งรอใคร จนหัวใจ..ปวดปร่า..พะว้าพะวง เงียบและเหงา..วังเวง..ดุจเพลงเศร้า หัวใจร้าว..ใกล้สลาย..กลายเป็นผง ความมุ่งหมาย..ลดน้อย..ถดถอยลง ไม่นานคง..หายวับ..ไปกับตา ฝนสั่งฟ้า..ลาดิน..สิ้นหยาดฝน ความหมองหม่น..แผ่ขยาย..ในเวหา ได้แต่คอย..น้อยใจ..โชคชะตา ร้าวอุรา..ร้อนรุ่ม..ดั่งสุมไฟ จะสิ้นหวัง..ไหมหนอ..รอแล้วหาย หัวใจคล้าย..หมดพลัง..เคยหวังไว้ ไร้วี่แวว..ของคนดี..ที่แสนไกล ใจสลาย..แทบไม่เหลือ..เมื่อเปลี่ยนวัน แรงลมหนาว..หนาวสั่น..วันสิ้นหวัง ทำนบพัง..น้ำตาไหล..ไม่อาจกลั้น ความหม่นหมอง..สุดทน..จนกัดฟัน เพราะโดนหยัน..เหยียบย่ำ..จนช้ำชา วันพรุ่งนี้..จะมีไหม..ให้ได้หวัง เจ็บทุกครั้ง..เงียบหงอย..เฝ้าคอยหา ต้องอ่อนแอ..แพ้พ่าย..หน่ายระอา หยาดน้ำตา..ไม่หยุดไหล.."ใครช่วยที"
ตรงกับวันที่ 16 กุมภาพันธ์ แรม 14 ค่ำ ฟ้าสะเทือน..เลื่อนลั่น..สวรรค์สะท้าน เกิดเหตุการณ์..สงครามใหญ่..น่าไหวหวั่น พระวิษณุ..กับพรหมมา..รบรากัน เริ่มกำเนิด..ศึกสวรรค์..สะท้านสะเทือน ศรศักดิ์สิทธิ์..ถูกแผลง..ฤทธิ์แรงกล้า พรหมศาสตรา..ของพระพรหม..ถล่มสวรรค์ จักรกรดของ..พระวิษณุ..แสนดุดัน ประทะกัน..โลกต้องแยก..แตกทำลาย ศิวลึงค์..อัศจรรย์..พลันปรากฏ พระศิวะ..ทรงกำหนด..นิมิตหมาย ยุติศึก..ก่อนม้วยมอด..โลกวอดวาย ทรงปรากฏ..พระวรกาย..ด้วยฤทธี... บทสวด " โอม นมัช ศิวาย"