17 กันยายน 2549 12:09 น.
White roses
ความมืดมิดปกคลุมหุ้มผืนฟ้า
แต่ก็ยังมีดาราฉายแสงส่อง
ยามรุ่งเช้าสุริยายังเรืองรอง
แสงสีทองงามตาพาสุขใจ
สายน้ำยังไหลรินไม่เหือดแห้ง
ลมพัดแรงใบไม้ยังพลิ้วไหว
คลื่นยังซัดชายหาดอยู่ร่ำไป
ปลาแหวกว่ายไปมาช่างน่าดู
ต้นไม้ยังแตกกิ่งก้านสาขา
เหล่านกกาบินถลาร้องหาคู่
แว่วสำเนียงเสียงร้อง..จู้ฮุกกรู
ยามเช้าตรู่เพลินตาน่าชื่นชม
หยาดฝนโปรยลงมาคราฟ้าฉ่ำ
ดินชุ่มน้ำหญ้าสดเขียวดูเหมาะสม
เสียงหรีดหริ่งเรไรร้องระงม
ดั่งชมรมดนตรีราตรีกาล
ทุกวันโลกยังหมุนไปไม่หยุดนิ่ง
ทุกทุกสิ่งรอบรอบกายใช่ความฝัน
ชีวิตยังเดินหน้าอยู่ทุกวัน
ก็เช่นกัน"เมื่อมีฉัน"..ต้องมีเธอ....
14 กันยายน 2549 22:54 น.
White roses
สงสารเด็กน้อย
ตัวกระจ้อยร่อยยังเด็ก
ต้องเดินขากระเผลก
ก็ยังเด็กอยู่เลยนี่นา
ถูกผู้ใหญ่ทุบตี
หนีไม่ได้เลยสักครา
นั่นดูสิแขน..แข้ง..ขา
ลายตาเหมือนทางม้าลาย
บังคับให้ตื่นแต่เช้า
เพื่อให้ออกไปค้าขาย
สี่แยกไฟแดงอันตราย
ร้องขาย"มาลัย จ้ะ..มาลัย"
พวงละ 5 บาท
ขายเงินขาดก็ไม่ได้
เดี๋ยวพวกผู้ใหญ่ใจร้าย
รังแกได้รังแกดี
ขายเช้าจรดค่ำ
ต้องนำออกไปขายทุกที
หิวข้าวจนน้ำตาแทบจะปรี่
วิ่งรี่ขาย..งกงก..อยู่นั่น
ไม่หมดไม่ได้
เขาใช้ให้ขายสะบั้น
เป็นผู้ใหญ่ยังไงกัน
ตะบี้ตะบันใช้"แรงงานเด็ก"
12 กันยายน 2549 21:47 น.
White roses
พอหรือยังคนดีสุดที่รัก
ที่เธอหักหาญใจให้ฉันเก้อ
หลอกลวงรักหักอาลัยใจละเมอ
วันที่เธอหยามชีวิตอิสตรี
ไม่เหลือแม้เยื่อใยในความหลัง
หมดพลังหมดแรงใจไร้ศักดิ์ศรี
เธอสูญสิ้นความรักความภักดิ์ดี
ฉันเหมือนมีชนักปักกลางใจ
ยังไม่พอเชิญเถิดหนากลับมาย้ำ
ทำให้ช้ำกว่านี้นะกลับมาใหม่
เชิญซ้ำเติมเหยียบย่ำให้หนำใจ
ให้มันรู้กันไปในชาตินี้
จะไม่โกรธโทษใครไหนทั้งนั้น
เพราะว่าฉันเต็มใจชดใช้หนี้
กฏแห่งกรรมเชิญซ้ำเติมอย่าปรานี
ช้ำไปซิช้ำไปให้เกินพอ
8 กันยายน 2549 19:00 น.
White roses
กุหลาบขาวสาวเมืองกาญจน์กล่าวขานไข
ไม่สะสวยดั่งใจใครเพ้อฝัน
เป็นหญิงสาวธรรมดาอย่ายอกัน
แค่สามัญปถุชนคนเดินดิน
เป็นผู้หญิงที่อับโชควาสนา
ช่างไร้ค่าไม่คู่ควรใครถวิล
เหมือนดอกหญ้าริมทางต่ำเพียงดิน
ไม่โสภิณดังคำเธอย้ำมา
ถูกเขาเด็ดนำมาไว้ในแจกัน
ยิ่งนานวันเหี่ยวเฉาเศร้านักหนา
ชอบก็ดมชังก็ทิ้งไม่นำพา
หยาดน้ำตาไหลพรั่งพรูไม่รู้ตัว
จะเดินหน้าสู่ฝันพลันชงัก
เหมือนจมปลักอยู่ในความสลัว
จะถอยหลังก็ขยาดด้วยหวาดกลัว
จึงพันพัวกับอดีตที่กรีดใจ
ทุกวันนี้มีเพียงเรียงอักษร
"เป็นอุทาหรณ์"เตือนตนยามหม่นไหม้
หรือสำหรับเพื่อช่วยคนป่วยใจ
อ่านครั้งใดให้สะกิดเตือนจิตตน
ถึงแม้ว่าคืนนี้จันทร์สุดสวย
แต่ใจป่วยดูไปใจหมองหม่น
อยู่คนเดียวเปลี่ยวจิตคิดวกวน
ไร้แม้คนห่วงใยมีไมตรี
หวังเพียงว่าสักวันคงมาถึง
เป็นวันซึ่งไร้ทุกข์มีสุขขี
เดินไปไหนมีอิสระอย่างเสรี
พบคนที่"รักฉัน"จวบวันตาย
7 กันยายน 2549 16:34 น.
White roses
เจ้ามดคงผูกคอตายไปหลายร้อย
ได้ฟังถ้อยกวีที่หวานหู
อกแตกตายอีกเป็นพันลองคิดดู
"พ่อโฉมตรู"พูดหวานหยดจนมดอาย
น้องไม่ใช่มดหรอกหนาอย่ามาอ้อน
ต้องคอยสอนตัวเองไว้"ใช่ใจง่าย"
มีสมองตรองให้รู้ดูใจชาย
มายาหลายเล่มเกวียนกว่าสตรี
หากช้ำรักพลาดไปใจจะแย่
หาทางแก้ไว้ก่อน"รู้ทางหนี"
ใจมนุษย์สุดหยั่งดั่งชลที
ถ้อยพาทีออกจากปาก"ยากจะฟัง"