9 มิถุนายน 2548 10:50 น.

กาพย์นภาลัย.....ตอน....มากรัก

wanmangrux


หิมะโปรยปรายดุจไข่มุกร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้า  
อากาศที่เหน็บหนาวเช่นนี้ 
ผู้คนส่วนใหญ่ต่างขลุกตัวอยู่ภายในบ้าน
น้อยนักที่จะมีผู้คนสัญจรไปมา  
แต่กับคนผู้หนึ่ง..กลับเป็นข้อยกเว้น
ไม่ว่าวันใดหิมะจะตกหรือไม่    ฝนจะตกหนักเพียงใด
มันไม่เคยที่จะละทิ้งกิจวัตรที่มันกระทำ....กี่ปีแล้ว

..สำหรับมันบ่อยครั้ง
ก็คร้านจะไปนับวันเวลาที่ฝากความปวดร้าวขมขื่น
จะมีความปวดร้าวขมขื่นใดเล่า..ที่ลึกซึ้งตราตรึงเท่า....รัก

...สำหรับชาวเมืองที่นี่
ไม่แปลกที่จะเห็นคนผู้หนึ่ง....
พวกเขาเห็นมานานจนไม่เห็นความแปลก...
ยกเว้น...ใครที่ไม่เคยมาเยือนเมืองนี้ 
หรือ มาเยือนเมืองนี้เป็นคราครั้งแรก
ยามเมื่อพบเห็นมัน ต่างอดประหลาดใจไม่ได้

มันเป็นผู้ใด....เหตุไฉนจึงออกมากร่ำหิมะที่ตกหนักเยี่ยงนี้

หากท่านถามชาวเมืองที่นี่ ท่านจะได้รับคำตอบ...

มันเป็นใครไม่มีผู้ใดทราบ   
เพียงแต่เมื่อสิบปีก่อนมันมาที่เมืองนี้
มันเป็นบุรุษหนุ่มรูปงามอย่างยิ่ง...
ชมชอบสวมอาภรณ์สีขาว
เฉกเช่นกับซอในมือของมัน เป็นสีขาวราวหิมะ...
กาลเวลาสิบปี...จิตใจของมันใช่จะเป็นเช่นใด

ชาวเมืองมักพูดเพียงเท่านี้ด้วยความรันทดหดหู่ 
พลางสมเพชเวทนา
ยามเมื่อท่านถามต่อไปมากกว่านี้..
กลับไม่มีผู้ใดตอบคำถามท่าน

ท่านต้องการคำตอบของเรื่องราวบุรุษปริศนาคนนี้   
ท่านจะต้องแวะแผงน้ำชา
ที่อยู่ไม่ไกลจากบุรุษประหลาดผู้นี้

เจ้าของแผงน้ำชา เป็นชายชรา  ร่างกายซูบผอม  
ใบหน้ามันซีดเซียวดุจคนอมโรค
มีแต่มันที่ตอบคำถามเกี่ยวกับ บุรุษปริศนาผู้นี้ได้
....มันนับเป็นบุคคลปริศนาอีกผู้หนึ่ง
และมันก็ปรากฏกายพร้อมๆกับบุรุษปริศนาผู้นี้

...ถ้าท่านไม่เร่งรีบ ท่านมีเวลาพอ
..เล่าฮูจะเล่าเรื่องของ  มัน   ให้ท่านฟัง
เจ้าของแผงน้ำชาพูดพลาง ปลายตาเล็กหยี 
ไปยัง บุรุษผู้นั้น ที่ยามนี้  นั่งอยู่บนเก้า
อี้ไม้ผุเก่าตัวหนึ่ง    
ใต้ต้นสนโบราณที่กิ่งก้านคาคบสุมไปด้วยหิมะกองโต



ในมือของมันมีซออู้สีขาวราวหยกเนื้อดี     
มือของมันก็สะอาดอย่างยิ่ง
ผิวของมันขาวอย่างยิ่ง   
 ทุกสัดส่วนของมันดู ขาวบริสุทธิ์
แม้กระทั่งผมเผ้าก็ขาวราวเย้ยหิมะ    
ใบหน้าหล่อเหลาคมคายสะดุดตา

เสียดาย...นับแต่ข้าพเจ้ามาอยู่ที่นี่ 
ข้าพเจ้าไม่เคยเห็นมันลืมตามาก่อน....   
บุรุษผู้หนึ่งในแผงน้ำชากล่าวขึ้น

มันย่อมไม่ลืมตา เพราะ มันเป็นคนตาบอด...ผู้หนึ่ง         

เจ้าของแผงน้ำชา   ตอบให้กับแขกผู้มาเยือนเมืองแห่งนี้

ข้าพเจ้ารู้สึกบุรุษผู้นี้น่าสนใจยิ่ง 
ท่านพอจะเล่าให้ข้าพเจ้าฟังได้หรือไม่     

เสียงสดใสไพเราะราวไข่มุกร่วงบนจานหยก
ดังมาจากดรุณีน้อยวัยสิบเจ็ดสิบแปดนางหนึ่ง
จากการแต่งกาย คาดเดาได้ว่า 
นางคงเป็นบุตรหลานของชนชาวบู๊ลิ้มคนหนึ่ง

เจ้าของแผงน้ำชา  เหลืบมองนางแวบหนึ่ง   
ก่อนกระแอมเบาๆ แล้วกล่าวขึ้น

....มันมีนามว่า....มากรัก.....
คนผู้หนึ่งมีนามว่า มากรัก .
.ท่านอาจคิดเห็นว่า นิสัยของมันคง มากรัก
..เช่นกับนามของมัน
แต่แท้ที่จริงแล้ว ในชีวิตของมันเพียงมากรัก 
เพียงครั้งเดียว    นอกนั้น ชีวิตของมันกลับ..ไร้รัก..

ไฮ้..ไฉนจึงเป็นเช่นนี้        
ดรุณีน้อยอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา

เพราะ . ..ชีวิตของมันตั้งแต่เยาว์วัยจวบเติบใหญ่   
น่าสมเพชเกินไป  และ น่าอเนจอนาจเกินไป

มันเป็นกำพร้า   หนึ่งร้อยสามสิบชีวิต  ยกเว้นมัน 
ถูกสังหารภายในคืนเดียว 
การสังหารโหดเหี้ยมสิ้นสุดลงอย่างไร้ร่องรอย   
มันเป็นการฆาตกรรมที่เป็นปริศนามาจนถึงทุกวันนี้ 
หรือบางทีอาจมีแต่มันที่ทราบ
ใครคือฆาตกรที่สังหารคนในครอบครัวของมันจนหมดสิ้น

ไม่มีใครรู้ว่า เด็กกำพร้าผู้หนึ่ง  
ไฉนจึงมีวรยุทธ์ล้ำเลิศปานปาฏิหาริย์
ยามที่มันเข้าสู่วงนักเลง   
หมู่มารมิจฉาชีพกลับหลบลี้หนีหน้า   ฝ่ายธรรมะ
กลับให้ความเกรงอกเกรงใจต่อมัน ราวเป็นประมุขบู๊ลิ้ม

ท่าน...ท่าน...บุรุษผู้นี้คือ...........        
นางส่งเสียงสั่นสะท้าน ทั้งตื่นตกใจ ทั้งตื่นเต้น   
หากยัง  มิทันเอ่ยนามของบุรุษปริศนาออกมา  
เจ้าของแผงน้ำชารีบพรายตาบอกใบ้ 
ให้นางอย่าได้เอ่ยนามมันเด็ดขาด

เพียงเห็นริมผีปากสดใสดุจกลีบกุหลาบ
เผยอขึ้นและหุบลง อย่างแสนเสียดาย




...ชีวิตของมัน เหมือนดาวตก...ที่สว่างเจิดจ้า 
ก่อนดับแสง...เพียงสองปี
ที่มันคลุกคลีอยู่ในวงนักเลง   
จากนั้น นามของมัน...กายของมัน
ก็หายสาบสูญ ....มาตรแม้นจะมีผู้คนออกตามหา  
 แต่ทว่าข่าวของมัน
ก็เหมือนกรวดทรายทิ้งสู่ทะเล

...จนกระทั่งวันหนึ่ง...มันก็มาปรากฎกายที่นี่    
คล้ายดั่งมารอคนผู้หนึ่ง..
รอเนิ่นนานอย่างยิ่ง...

ท่านรู้ไหมว่า..ผู้อา...มันรอผู้ใด    
 ดรุณีน้อยอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น

เล่าอูไม่ทราบ   มันไม่เคยบอกกล่าวมาก่อน

งั้นช่วงที่มันหายไป ท่านทราบหรือไม่ว่า มันไปอยู่ใด

ทราบ    ...ละเอียดยิ่ง

มันถึงกลับทอดทิ้งชื่อเสียง 
ทอดทิ้งความแค้นทั้งหมด เพราะ สตรีนางหนึ่ง
สตรีที่มันรักอย่างยิ่ง
....นางมีนามว่าสั้นๆ ว่า  อาเซาะ.....เซาะที่หมายถึง หิมะขาว

นางเป็นสตรีปริศนาเช่นกัน   
แม้แต่เล่าฮูก็มิทราบชาติกำเนิดของนาง 
หากเล่าฮูเคยพบนาง    
ความงามของนางนั้น  เฮ้อ....พูดไปออกจะเหลือเชื่อ
ในบู้ลิ้มที่ผ่านมา รอบร้อยปี  ต่างโจษจันกันว่า   
ราชธิดาหอหยกฟ้า
นั้นงดงามยิ่งกว่า ไซซีกลับชาติมาเกิด    
เล่าฮูเคยพบนางมาแล้วครั้งหนึ่ง
ก็มีความคิดเห็นเช่นนั้น   
แต่พอเล่าฮูพบอาเซาะ....ต่อให้ราชธิดาหยกฟ้า
อีกยี่สิบนางก็ไม่อาจเทียบเทียมความงามของนางได้
... ความงามของนางราวกับ
ไม่ควรจะมีอยู่ในมนุษย์ปุถุชนคนหนึ่ง

...เป็นครั้งแรกที่มันมีน้ำใจระหว่างคนต่อคน
....เพราะ มันเป็นคนไร้น้ำใจอย่างยิ่งจิตใจกระด้างอย่างยิ่ง
. อาจเป็นเพราะประสบการณ์เยาว์วัยหล่อหลอม
ให้มันเป็นคนไร้น้ำใจ..
โดยเฉพาะกับอิสตรี ดูเหมือนมันจะชิงชัง รังเกียจ...
แต่กับอาเซาะ  แม้มันปรารถนาจะชิงชัง  
มันปรารถนาจะรังเกียจ
ปรารถนาจะไร้น้ำใจกับนาง    
หาก..มันกลับทำไม่ได้... มันรักนางตั้งแต่แรกพบ
และนางก็รักมันตั้งแต่แรกพบ......

ข้าพเจ้าสงสัย  เหตุใดดวงตาของมันจึงมองไม่เห็น    
ผมของมันใช่หงอกขาวเช่นนี้มาแต่กำเนิด

ชายคนเดิมเอ่ยขึ้น


เดิมทีผมของมัน มิใช่หงอกขาว    
ตาของมันไม่ใช่บอด ...      
เจ้าของแผงน้ำชาหยุดครู่นึก
ใบหน้าของมันปรากฏแววหวาดหวั่นพรั่นพรึง

วันหนึ่งบนยอดเขาเซียนเหยียบเมฆ    
มันกับอาเซาะ อยู่ๆ ลงมือประหัตประหาร
กันอย่างดุเดือด  สวรรค์จึงเชื่อในโลกนี้ถึงกับ 
มีวรยุทธ์สูงส่งปานปาฏิหาริย์เช่นนั้น
และที่เราแทบไม่อาจเชื่อคือ อาเซาะ 
กลับมีวรยุทธ์เหนือกว่ามันอย่างยิ่ง
    
ศึกในครั้งนั้น มีเพียงเล่าฮูที่มีโชควาสนาได้เห็น  
สองวันที่ทั้งสองต่อสู่กัน
สิ่งที่เล่าฮูคลางแคลงมาจนถึงทุกวันนี้คือ 
ในเมื่ออาเซาะมีวรยุทธ์สูงกว่ามัน
เหตุใดจึงพ่ายแพ้ 

นางพ่ายแพ้.....      ดรุณีน้อยลืมตากลมโต

มิเพียงแต่พ่ายแพ้ นางยังเสียชีวิตเพราะ มัน

ออกจะเหลือเชื่อ   แต่นางตายไปแล้วจริงๆ  
เล่าฮูจับชีพจรของนาง ขาดสะบั้นทุกเส้น
ต่อให้ฮูโต๋มารักษาเอง   ก็รักษาไม่ได้

ตอนนั้น มันราวกับคนเสียสติ  
มันกอดศพนาง นิ่ง ร้องไห้    คืนเดียว ผมมันหงอกขาว
น้ำตาของมันถึงกับเป็นโลหิตไหลรดพื้นหิมะจนแดงฉาน  
 มันร้องไห้จนสลบไสล

เล่าฮูจึงเคลื่อนย้ายศพนางไปฝัง  พอมันได้สติ    
มันพบว่า ดวงตาของมันบอดสนิท
มันคลำมือไปบนหลุมฝังศพของอาเซาะ    
จากนั้นมันก็วิ่งตะบึงจากไป   เล่าฮูตามร่องลอยของมัน
แทบพลิกแผ่นดิน จนกระทั่ง  มาพบมันที่นี่

เล่าฮูทิ้งทุกอย่าง เพียงเพื่อรอดูว่า  มันมาทำอะไร  รอใคร 
 ถึงตอนนี้ก็ยังไม่ทราบ คงมีแต่ต้องถามมันกระมัง  

สายตาทุกคู่ พลันจ้องมองไปยังบุรุษหนุ่ม ผมขาว....
เสียงซอโศกซึ้งลอยอ้อยอิ่งฝ่าหิมะโปรยปราย
ผสานกับเสียง เอื้อนกวี จากริมฝีบางได้รูปของมัน

ต้นหลิวอ่อนช้อยลอยหน้าระเบียง
เหนือเตียงน้อยสายพิณขาดสะบั้น
ห้องหอเหลือแต่เสียงสกุณาที่วังเวง
ทั่วสวนร้างมีแต่กลีบบุบผาที่โรยรา
ความครวญหาอาลัยไม่อาจตัด
ไม่อาจปล่อยให้กาลเวลามาเคี่ยวเข็ญจนลำเค็ญ
ในความฝันเปลี่ยวใจยามสนธยา
ตื่นขึ้นมามีแต่ระทมหมองไหม้
...ตื่นขึ้นมามีแต่ระทมหมองไหม้


.หัวใจของมันกำลังร้องไห้

..ถ้าสิบปี ข้าพเจ้าไม่มาหาท่าน แสดงว่า 
ข้าพเจ้าได้ตายจากโลกนี้ไปแล้ว
ข้าพเจ้าขอโทษที่ปิดบังท่านตลอดมา 
..ข้าพเจ้าไถ่โทษแทนซือแป๋ ที่ทำร้ายครอบครัวของ
ท่านจนหมดสิ้น...นางเป็นมารดาข้าพเจ้า
....สิ่งหนึ่งที่ข้าพเจ้าอยากบอกให้ท่านรู้ไว้..
ข้าพเจ้ารักท่าน....และไม่เคยเสียใจที่ได้รักท่าน....


..อาเซาะ...ฝ่ามือที่ฟาดท่าน..
ข้าพเจ้าเสียใจอย่างยิ่ง   ข้าพเจ้าไม่มีทางเลือกเฟ้น
แต่พอท่านล้มลง ข้าพเจ้าก็รู้....
ความแค้นดั่งหมอกควัน...คนต่างตายไปหมดสิ้นแล้ว
มิแน่บิดามารดาข้าพเจ้าอาจจะต้องการให้ข้าพเจ้า 
ยุติความแค้นนี้
..เพราะ บิดาข้าพเจ้าเป็นหนี้มารดาท่านเหลือเกิน

..อาเซาะกับมัน..ถึงกับเป็นพี่น้องต่างมารดา....

..ข้าพเจ้าจะใช้วิชาที่มารดาถ่ายทอด รักษาตัวอยู่ที่นี่   
อีกสิบปีข้าพเจ้าจะไปตามหาท่านเอง


นางส่งเสียงทางลมปราณให้มันทราบ ใ
นวันที่ มันลูบคล้ำหลุมฝังศพนาง  มันตื่นเต้นดีใจ
แทบคลุ้มคลั่ง   

...สิบปีแล้ววันนี้คือวันครอบกำหนดนัด..
..มันรอ....รอที่จะพบนาง
มันรักนาง....หากไม่รัก..
ไยต้องใช้เวลาสิบปีเพื่อรอสตรีผู้หนึ่ง
ดังนั้น.....มันจึงนับว่าเป็นคนมากรัก.งมงายในรักผู้หนึ่ง

....ตัวไหมจวบจนตายใยจึงสิ้น..
..เทียนไขลามมลายน้ำตาจึงเหือดแห้ง...
				
3 มิถุนายน 2548 16:50 น.

..กาพย์นภาลัย...ตอน..แค้นฟ้า

wanmangrux

ภายใต้เก๋งที่ตกแต่งอย่างประณีตงดงาม 
แพรสีขาวพลิ้วไหวไปตามสายลมอย่างอ้อยสร้อย 
ทิวทัศน์เบื้องหน้างดงามปานสวรรค์ในแดนดิน
 ..สวนบุปผาหลากสีส่งกลิ่นหอมรวยระริน 
โอบล้อมสระบัวกว้าง.ซึ่งบัดนี้คลี่กลีบสีขาวแย้มยิ้ม 
น้ำเบื้องล่างใสสะอาดจนเห็นหมู่มัจฉาแหวกว่าย 
ฉากธรรมชาติเหล่านี้อิงแอบ
อยู่เคียงข้างผนังผาที่ราบเรียบดุจกระจก
..ผนังผาสะท้อนภาพ 
ทิวทัศน์อันตราตรึงใจเบื้องหน้า..
เป็นภาพที่น่าประหลาดพิสดารประการหนึ่ง 

นิ้วมือขาวสะอาดปานหยกเนื้อดี..
เป็นนิ้วมือที่สวยงามและมั่นคงอย่างยิ่ง..
ยื่นออกมาจากหลังม่านแพรบางเบา 

ภายในเก๋ง..ปรากฏบุรุษหนุ่มผู้หนึ่ง...
บุรุษหนุ่มที่หล่อเหล่าคมคาย 
เขาสวมชุดยาวที่ทำมาจากผ้าต่วนเนื้อดีสีขาว 
พู่สีเหลืองเข้มแนบนิ่งสงบอยู่ข้างเอว.
.ในโลกนี้ถึงกับมีชายงามเช่นนี้ 

คิ้วของเขาเรียวยาว จมูกเป็นสันตั้งตรง 
ริมฝีปากได้รูปเม้มสนิท...หากดวงตาสุกใสของเขา
กลับฉายแววปวดร้าวชนิดหนึ่ง..
ฉายแววหดหู่เศร้าสร้อยประการหนึ่ง 
เขาทอดถอนใจอย่างแผ่วเบา คล้ายอัดอั้นตันใจ 
คล้ายทิวทัศน์งดงามเบื้องหน้า 
ก็ไม่สามารถสร้างความเบิกบานใจให้กับเขา
 เขาอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปกรีดสายพิณ
ที่วางอยู่บนโต๊ะศิลาในเก๋งหลังน้อย 

เสียงดังติงตังสดใส..
คล้ายกับสร้างความสะท้านสะเทือนในใจของเขา
ยามนี้ ริมฝีปากงามขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวก่อนเสียงนุ่มนวล 
อ่อนโยน แต่โศกซึ้งดังขึ้นเบาๆด้วยบทกวีที่เขารจนา 

...สะบั้นบัวคล้ายว่ายังเหลือใยรัก... 
ราวไร้น้ำใจทว่ากลับคะนึงหา 
ยามฝันหรือยามตื่นยังเหลือเงาครุ่นคำนึง 
...เจ็บปวดรวดร้าว...จำต้องกล้ำกลืนฝืนทน 
วสันต์เลือนลับกลับมากน้ำใจ 
วันปีเคลื่อนคล้อย..ไยล้นอาดูร 
รักจืดจางหาย..คล้ายดั่งอาวรณ์ 
ให้สะทกสะท้อน....มีรักไฉนคล้ายไร้รัก 

ยามนี้เขารู้สึกคล้ายดังชราภาพ.
.เขารู้สึกเหน็ดเหนื่อยกับความรู้สึกที่กัดกร่อนจิตใจ 
ความจริงที่โหดร้ายเหมือนแส้คอยกระหน่ำฟาดโบย
สู่จิตใจของเขา วันแล้ววันเล่า รักลึกซึ้ง 
รอยแผลยิ่งลึกล้ำ เหตุใดคนที่มีน้ำใจบริสุทธิ์เช่นเขา 
ความรักที่ทุ่มเททั้งจิตและวิญญาณให้ 
กับหญิงสาวที่เขารัก....กลับแลกมาซึ่งความปวดร้าวขมขื่นเช่นนี้
....ใจเขาแหลกสลายลงแล้ว.นับแต่วันนั้น... 

เขาแค้นนาง...แต่เขาก็ยังคงรักนาง 
เขาเกลียดชังนาง...แต่เขาก็ยังคงครุ่นคำนึงถึงนาง 
นี่คือฝันร้ายที่กัดกร่อนความรู้สึกของเขา..
.เขาจึงปลีกตัวจากผู้คน ปลีกตัวจากมิตรสหาย 
เพราะเขาไม่มั่นใจ...ระหว่างน้ำมิตร..
.โลกนี้ใช่เหลือน้ำใจอันงดงามหรือไม่ 

ความเจ็บปวดรวดร้าว ความขมขื่นแล่นผ่านเป็นริ้วเข้าสู่จิตใจเขา
 เขาได้ยินเสียงของหัวใจของเขา มันคล้ายเป็นเสียงร่ำไห้ 
เสียงคร่ำครวญอย่างโหยหวนต่อชะกรรมแห่งความรัก 

รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏอยู่บนใบหน้ารูปงาม 
เขาเย้ยหยันชะตาชีวิต เย้ยหยันความโง่เขลาของตัวเอง 
เย้ยหยัน.......ไยจึงรักสตรีที่ไม่คู่ควรแก่การรัก 
เย้ยหยัน.......ไยโง่งมฝังใจกับอดีตที่ไม่มีคุณค่าให้กับการครุ่นคำนึง 
เย้ยหยัน.......ตนเองที่ชมชอบทำร้ายจิตใจของตน 

ทั้งๆที่เขาเกลียดชัง ความรู้สึกเหล่านี้.
..แต่เขาเคยออกมาได้หรือ กี่ค่ำคืนกับฝันร้าย
ที่ต้องตะเกียกตะกาย กระเสือกกระสนออกมาจากหลุมมืดมิด
 ราวเงาแห่งปีศาจร้ายที่คอยรังควานเขา 
อีกกี่ปี กี่เดือนหรืออาจตลอดชีวิต
ที่เขาจะไม่ต้องฝันร้ายซ้ำๆซากๆแบบนี้อีก 
นี่หรือคือสิ่งที่เขาได้รับการประทานจากคนรัก....
นี่หรือสิ่งที่ตอบแทนน้ำใจอันบริสุทธิ์ของเขา 
...บุรุษหนุ่มผู้มีนามว่า......แค้นฟ้า				
4 พฤษภาคม 2548 11:48 น.

กว่าจะถึงวันบอกรัก................จบ

wanmangrux

เสียงเพลงบรรเลงแผ่วเบา ดังขึ้นภายในร้านกาแฟแห่งหนึ่ง ขณะที่คู่สนทนาวัยไม่ต่างกัน จิบกาแฟและพูดคุยกันอย่าง อารมณ์ดี คนหนึ่งคือ เรือนแก้ว ส่วนอีกคน เป็นผู้หญิง วัยเดียวกับเธอ หน้าตาสวยเก๋ 

ดีใจจังเลยค่ะ ที่ได้พบกับคุณแก้ว กี่ปีแล้วคะ ที่ไม่ได้เจอกัน หลังจากที่คุณแก้วย้ายมาอยู่ไทย 

วันนี้พอบินมาเมืองไทย ก็พยายามตามหา ติดต่อตามหาชื่อคุณแก้ว จนเจอ คุณแก้วสบายดีนะคะ 

เรือนแก้วมองดู ลิวา เพื่อนคนไทยที่เธอรู้จักที่อังกฤษ ลิวาอยู่อังกฤษมาตั้งแต่เด็กๆ ด้วยครอบครัวของเธอบินไปใช้ชีวิตอยู่ที่นู้นเป็นการถาวร สมัยที่เรียน ป.เอก จำได้ว่า ผู้หญิงคนนี้ มีแฟนเป็นผู้หญิง และ บางทีคล้ายดูเหมือนจะจีบเธอ 

สบายดีค่ะ คุณวาละคะ ตอนนี้ทำอะไรอยู่ที่นู้น 

สืบทอดตำแหน่งของคุณพ่อค่ะ อยู่ที่นู้นนึกถึงเมืองไทยค่ะ คราวนี้เลยตัดสินใจมาเที่ยว คงต้องรบกวนคุณแก้วสักหลายวัน เป็นไกด์นะค่ะ  

ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ช่วงนี้ปิดเทอมแล้ว ไม่ต้องกังวลเรื่องสอนหนังสือ  

คุณแก้ว อยู่คนเดียวหรือมีแฟนแล้วคะ ลิวาดวงตาวาว เหมือนเด็กสนใจอยากรู้ 

เรือนแก้วยิ้มในดวงหน้า 

ไม่ได้อยู่คนเดียวค่ะ แต่ยังไม่มีแฟนค่ะ เธอไม่ได้พูดโกหก ระหว่างเธอกับปาล์ม ไม่ใช่ ความสำพันธ์แบบแฟน มันลึกซึ้งกว่านั้นมาก จนบางทีไม่มีนิยามความหมายสำหรับ ความสัมพันธ์ของคนทั้งสอง 

แหม ไม่อยากจะเชื่อเลยนะคะ เรียบร้อย น่ารักแบบคุณแก้วจะไม่มีแฟน เสียงเธอดูประหลาดใจอย่างไม่เสแสร้ง และรู้สึกดีใจลึกๆ เรือนแก้วเมื่อครั้งที่พบที่อังกฤษทำให้มีความรู้สึก อยากจะเป็นคนรักของผู้หญิงคนนี้  หากท่าทีที่เสมอต้นเสมอปลาย ท่าทีที่มีต่อเธอฉันท์พื่อน ทำให้ลิวาฝ่าเข้าไปกำแพงนั้นไม่ได้ 

วันนี้การที่ได้มาพบกับเรือนแก้วอีกครั้ง ความรู้สึกเก่าๆ เหมือนคุกโชน อายุสี่สิบกว่าแล้ว จำไม่ได้ว่าควงผู้หญิงมากี่คน มีคนรักกี่คน ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับคนรักที่ผ่านมา ไม่เคยยืดยาวนัก บ่อยครั้งที่เธอรู้สึกเหว่ว้า บ่อยครั้งที่เหมือนเธอจะต้องวิ่งไขว่คว้าหาความรัก เธออยากมีใครสักคนที่รักเธออย่างจริงใจ หากดูเหมือนคน คนแล้วคนเล่าที่ทำให้เธอต้องเสียน้ำตา 

วันนี้เธอรู้ตัวว่าแก่แล้ว ความรู้สึกสดใส เช่นวัยรุ่น ความรักที่ร้อนแรง มันดูมอดลง เหลือเพียงความต้องการที่เหมือนเพื่อนคู่ชีวิต อยู่ดูแลกันและกัน หาก เธอไม่มีทางรู้ว่า ใคร คือ คนนั้นของเธอ 

เรือนแก้วไม่ใช่ผู้หญิงที่สวยสดงดงาม แต่เป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์ของความอ่อนโยนอารี อยู่บนใบหน้า เธอมีรอยยิ้มเสมอ ราวกับว่า เธอไม่เคยโกรธใคร ความอบอุ่นที่แผ่ออกมายามอยู่ใกล้ผู้หญิงคนนี้ ทำให้ลิวารู้สึกเหมือนได้พบ สิ่งที่ปรารถนา 

ตอนนี้คุณพักอยู่ที่ไหนเหรอคะ ถ้าคุณสะดวก มาพักที่บ้านก็ได้ค่ะ ที่บ้านไม่ค่อยมีแขกเท่าไหร่ ปกติก็อยู่ด้วยกันกับปาล์ม น้ำเสียงตอนท้ายอ่อนโยนนัก ยามเอ่ยชื่อของใครคนนั้น 

แวบหนึ่งที่สัญชาตญาณของเธอ สัมผัสได้ว่า เรือนแก้วกับปาล์มคงมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดา 

ใครกันเหรอคะปาล์ม 

เด็กที่แก้วให้การอุปการะคะ เป็นเด็กข้างบ้าน หลังจากที่แม่เธอเสีย ตอนเธออายุสิบกว่าขวบ เวลานี้อายุ 22 แล้วค่ะ 

ลิวาฟังแล้ว รู้สึกโล่งอก อย่างน้อยคงรักกันแบบแม่กับลูก 

คงต้องรบกวนคุณแก้วอีกแล้วนะคะ ต้องไปเอาเสื้อผ้าที่โรงแรม อยากเห็นบ้านคุณแก้วจังค่ะ คงน่าอยู่มาก 

.....................................................................................................................

บ้านของเรือนแก้วน่าอยู่จริงๆ รอบบ้านปลูกต้นไม้ให้เงาร่มรื่น มีการตกแต่งสวนสวยงาม ลิวาดูเหมือนเด็กที่พบอะไรถูกใจ เธอเดินชมนู้นชมนี่ไปทั่ว 

น้องปาล์มไม่อยู่เหรอคะคุณแก้ว 

วันนี้ปาล์มเธอทำงานพิเศษค่ะ เย็นๆ ถึงจะกลับ 

คุณลิวาอยู่ที่นี่ ทำตัวตามสบายนะคะ ถือว่าเป็นเหมือนบ้านค่ะ 
น้ำเสียงหวานๆ ทำให้ลิวา หัวใจเตลิดไปไหนต่อไหน ดูเหมือนเธอจะตีความหมาย ไปคนละแบบที่เรือนแก้วพูด 

อาหารมือเย็นวันนี้ เป็นฝีมือของเรือนแก้วทั้งหมด หน้าตาน่ารับประทาน ทั้งสามนั่งรับประทานไปคุยไป เรือนแก้ว ตักอาหารให้เธอ และปาล์ม ดูเหมือนเธอช่างเอาอกเอาใจเหลือเกิน บ่อยครั้งที่ลิวาอดมองดู ปาล์มไม่ได้ สิ่งที่สงสัย ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสอง ผุดขึ้นมาอีกครั้ง 

จะว่าเหมือนคนรักก็คล้ายในอากัปกิริยาบางอย่าง แต่บางอย่างก็เหมือนพี่กับน้องสาว แม่กับลูก 

ทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดใจ 

พรุ่งนี้จะพาคุณลิวาไปเที่ยว เสียดายที่ปาล์มไม่ได้ไปด้วย 

ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุณแก้ว คุณสองคนเที่ยวเผื่อปาล์มด้วยนะคะ ช่วงนี้คนที่ร้านเยอะมาก เจ้าของร้านจึงให้ปาล์มขอให้ปาล์มเพิ่มชั่วโมงที่ทำงาน สนุกดีนะคะ ถึงเงินจะไม่มาก ดีกว่าอยู่เฉยๆ ดวงตาที่เล่าฉายแววสดใสเหมือนเด็ก 

คุณลิวา ทานเยอะนะคะ วันนี้ปาล์มโชคดี ได้ชิมฝีมือ คุณแก้ว เพราะ คุณลิวาแท้ๆเลย ปาล์มพูดพลางทำหน้าล้อเลียนเรือนแก้ว 

อ้าว ทุกทีคุณแก้วไม่ทำเหรอคะ น้องปาล์ม 

ไม่หรอกค่ะ..อิอิ รายนั้นเป็นคนทาน ส่วนปาล์มก็ เป็นคนทำ..อิอิ 

แหม คุณแก้ว อย่างนี้เขาเรียกว่า ใช้แรงงานเด็กนะคะ..อิอิ 

เรือนแก้วหัวเราะชอบใจ อาหารมื้อนี้ เต็มไปด้วยความอบอุ่นของครอบครัว ลิวาไม่ได้รู้สึกอบอุ่นแบบนี้มานาน บ้านหลังนี้ แม้จะมีเพียงคนสองคน หากอบอวลแด้วยความรู้สึกของความรัก 

คุณแก้วกับคุณวา ตามสบายเถอะนะคะ เดี๋ยวปาล์มจัดการเก็บเองค่ะ 

................................................................................................................. ......

เป็นครั้งแรกที่ลิวา ได้มาเยือนตำหนักภูมิพิงค์ ราชนิเวศน์ ความรู้สึกของเธอ ก็เหมือนกับ ตอนเดินทางไปเที่ยวชม พระราชวังแวร์ซาย หรือไม่ก็ตอนไปชมพีรามิด ที่กรุงไคโร นั่นคือความประทับ ความสวยงาม ที่เป็นเสน่ห์ ของแต่ละพื้นที่ 

ดอกกุหลาบหลากหลายพันธุ์ ชูช่อส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ รวยระริน เธอมีความสุข ไม่ใช่แต่เฉพาะบรรยากาศเท่านั้น ยามนี้ที่ได้เดินเคียงคู่กับเรือนแก้ว สตรีที่ไม่มีอะไรสะดุดตา หากมองนานๆ จะพบกับความสวยที่ซ่อนอยู่ภายใน 
เป็นความสวยที่เรียบง่าย ทว่าตราตรึงใจยิ่งนัก 

หลังจากที่ทั้งสองเดินดูส่วนต่าง ๆในเขตพระตำหนัก จนเหนื่อย ทั้งสองจึงนั่งพักดื่มน้ำส้มสด ที่ทางพระตำหนักมีจำหน่าย รสหอมหวานกลมกล่อม ทำให้รู้สึกสดชื่น 

ลิวาเป็นผู้หญิงที่ ค่อนข้างตัดสินใจอะไรรวดเร็ว และบ่อยครั้ง การตัดสินใจรวดเร็ว ทำให้เธอพลาดในด้านความรู้สึก แต่คราวนี้ ลิวากลับมั่นใจ ที่จะรักกับผู้หญิงที่เธอไม่ได้พบสิบกว่าปี บางทีฟ้าอาจลิขิตให้เธอมาพบกับผู้หญิงคนนี้อีกครั้ง ก็เป็นได้ 

คุณแก้วคะ วามีเรื่องอยากพูดอะไรกับคุณแก้วอย่างตรงๆ แม้มันจะออกกะทันหันเกินไปก็ตามค่ะ 

ค่ะ มีอะไรพูดมาได้นะคะ แก้วยินดีรับฟังค่ะ 


ลิวาหันหน้ามองดู หญิงสาวที่ทำให้เธอรู้สึกเหมือนกับไปเป็นวัยรุ่นที่โหยหายความรักอย่างกระตือรือร้น 

ในเมื่อคุณแก้ว ยังไม่มีใคร วาอยากจะขอคบกับคุณดูค่ะ ถึงแม้ว่า วาจะอยู่ไกลจากเมืองไทยมาก แต่วาคิดว่า ความรักไม่มีพรหมแดน และเกิดได้เสมอในทุกๆที่ เธอพูดจบ จับตาแน่วนิ่งดูปฏิกิริยาของอีกฝ่าย 

เรือนแก้ว เอื้อมมือมาจับมือของลิวา อย่างอ่อนโยนและปลอบใจ เธอพูดด้วยน้ำเสียงปกติที่นุ่มนวล 

คุณวาค่ะ ความรัก ไม่ใช่เป็นความรู้สึกที่ฉาบฉวยหรอกนะคะ มันต้องผ่านการเวลา ผ่านการบ่มผ่านการพิสูจน์มากมาย และ การร่วมทุกข์ ร่วมสุขระหว่างกัน เพียงแต่อาศัยความรู้สึกอย่างเดียว โดยยังไม่ได้ได้ศึกษาอีกฝ่ายอย่างลึกซึ้ง ยังไม่ใช่สิ่งที่เป็นตัวตัดสินว่า นั่นคือ ความรัก ที่แท้จริง 

คนรักที่จะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันยืดยาว ต้องอาศัยการเข้าใจระหว่างกัน อาศัยการปรานีประนอม และยอมรับส่วนที่เสียของอีกฝ่ายให้ได้ หากเรามองเฉพาะในด้านที่ดี หรือเปลือกนอกของอีกฝ่าย วันหนึ่ง หากได้มาใช้ชีวิตร่วมกัน วันที่ได้เห็นทาสแท้ภายใน หากคุณรับไม่ได้ สิ่งนั้นคือความผิดหวัง หลายต่อหลายคู่นะคะที่เป็นแบบนี้ 

กับช่วงชีวิตของวัย โดยเฉพาะวัยที่สูงขึ้น เราไม่ได้ต้องการความรักที่หวือหวาร้อนแรง มันเป็นความรู้สึกของเพื่อนที่อยู่ร่วมทุกข์ ร่วมสุข เพื่อนใจ เป็นกำลังใจให้กันและกัน ในทุกๆสถานการณ์  

เราเป็นเพื่อนกันได้ค่ะ แต่สำหรับกับความรักแบบที่แก้วพูดมานั้น แก้วให้ใครไม่ได้อีกแล้วค่ะ 

นอกจากน้องปาล์มใช่ไหมคะ ลิวาแทรกคำขึ้นมา แม้จะรู้สึกใจหายและเศร้าลึกๆ แต่โล่งอกเช่นกัน ที่เธอได้พูดในสิ่งที่คิดออกมา 

ค่ะ 

ปาล์มเป็นเด็กที่โชคดีนะคะ ที่ได้รับความรักจากคุณ 

แก้วต่างหากค่ะ ที่โชคดี ที่ได้รับความรักอันบริสุทธิ์จากปาล์ม และแก้วมั่นใจค่ะว่า เราเกิดมาเพื่อรักกันและกัน นอกจากปาล์มแล้ว แก้วคิดว่า คงไม่มีใครที่จะให้ความรักที่แสนบริสุทธิ์เช่นเดียวกันปาล์มให้กับแก้วได้ อย่างมั่นคงมาจนถึงทุกวันนี้  

ลิวาเหมือนจะเข้าใจ และเหมือนจะไม่เข้าใจ เธอมองอีกฝ่าย อย่างต้องการคำตอบชัดเจน 

แก้วกับปาล์ม ไม่เคยมีความสัมพันธ์ทางกายแบบลึกซึ้งค่ะ แต่เราอยู่ด้วยความสัมพันธ์ทางใจฉันคนรัก ฉันคู่ชีวิตค่ะ  

ลิวาสูดลมหายใจลึกๆ สายตาที่มั่นคงของเรือนแก้ว บอกว่า เธอพูดจากใจจริง เป็นเธอ..เธอใช่สามารถจะห้ามความปรารถนาที่จะแตะต้องเรือนกายนี้ได้หรือไม่เธอยังไม่เคยมีความคิดที่จะรักใคร โดยไม่คิดที่จะ แตะต้องเรือนกายของอีกฝ่าย 

พวกคุณทำไมถึงอยู่ได้คะ ฉันหมายถึง สิ่งเหล่านี้ มันเป็นความปรารถนาทางธรรมชาติ  ลิวาออกจะกระดากที่ถามอะไรแบบนี้ แต่เธอก็อยากรู้ 

เพราะศรัทธาค่ะ ศรัทธาในความรักระหว่างกัน เป็นสิ่งที่แก้วไม่สามารถอธิบาย ทว่าความรู้สึกนี้ มันดำรงคงอยู่ ภายในระหว่างคนสองคน อาจเป็นเพราะ ปาล์มกับแก้ว ศรัทธาในความรู้สึกตรงกัน หากความรู้สึกนั้นไม่ตรงกัน วันนี้แก้วกับปาล์มอาจจะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยอมรับหรือทนไม่ได้ และจากกันไปในที่สุด 

วาพึ่งเคยได้ยินเรื่องแบบนี้เป็นครั้งแรก ดูเป็นความรักที่บริสุทธิ์จริงๆนะคะ เหมือนเป็นเรื่องที่ทำให้เกิดขึ้นในความจริงได้ยากเหลือเกิน 

จริงๆแล้ว ทุกอย่างมันอยู่ที่ใจของเรามากกว่าค่ะ ที่จะดำรงรูปแบบ หรือ ความรู้สึกไปในทิศทางใด มันจะเป็นรูปธรรมขึ้นมาได้ก็ต่อเมื่อ มีปัจจัยที่สามารถเข้ากันได้เกิดขึ้น ซึ่งปัจจัยที่เข้ากันได้อย่างกลมกลืนนี่แหละค่ะ เป็นสิ่งที่หาได้ยากในคนสองคน ดังนั้น ในตลอดชีวิตของคนเรา จึงมีอยู่หลายๆคน ที่ ค้นหาตัวเองไม่เจอ ค้นหาความต้องการที่แท้จริงของตัวเองไม่เจอ  

วารู้สึกเป็น อะไรที่เข้าใจอยากจังค่ะ 

วันหนึ่งคุณอาจจะเข้าใจก็ได้ค่ะคุณวา 

........................................................................................................................

ในที่สุด วันสำคัญวันหนึ่งในช่วงชีวิตของปาล์มก็มาถึง วันรับปริญญา วันที่ปาล์มรู้สึกภาคภูมิใจที่สุด โดยเฉพาะ เมื่อเห็นความสุขที่ฉายชัดออกมาจากแววตาของคุณเรือนแก้ว 

เหนื่อยที่สุดเลยค่ะคุณแก้ว เดินไปนู้นไปนี่ ถ่ายรูปกับเพื่อนๆตลอด แถมมีคิวที่ต้องเลี้ยงน้องและเพื่อนอีก ถึงปาล์มจะไม่ชอบการสังสรรแต่ก็ ครั้งหนึ่งในชีวิตนะคะ 

คนพูดมองดูหน้าหญิงสาวคนรัก หลังจากที่วันนี้การรับปริญญาเสร็จแล้ว ปาล์มบอกเพื่อนๆ ในขอเป็นสังสรรค์ในวันพรุ่งนี้แทน ซึ่งเพื่อนต่างก็ไม่มีปัญญา ปาล์มอยากอยู่สองต่อสองกับคุณแก้วของเธอ ในวันสำคัญแบบนี้ 

วันนี้เธอได้ชิมอาหารฝีมือของคุณแก้ว อยู่กับคุณแก้ว จริงๆเธอก็พบกันทุกๆวัน แต่ปาล์มไม่เคยรู้สึกเบื่อ หากขาดคุณแก้วไปสิ ปาล์มคงรู้สึกเหมือน ชีวิตขาดอะไรไป เรือนแก้วเหมือนหลอมรวมเป็นส่วนหนึ่งในจิตวิญญาณของเธอ 

กับข้าวง่าย ๆ ที่คุณแก้วทำ และเป็นของโปรดของเธอทั้งนั้น โดยเฉพาะ โยเกิร์ตปั่นผสมน้อยหน่า ซึ่งเป็นของโปรดสุดของปาล์ม เป็นของหวานตบท้ายเมนูนี้ด้วย 

วันนี้คุณมีของขวัญจะให้ปาล์มด้วยจ้ะ 

อะไรเหรอคะ ท่าทางคนฟังดูตื่นเต้น 

หลับตาก่อนสิจ๊ะ ปาล์มทำตามอย่างว่าง่าย หล่อนรู้สึกมีกลิ่นหอมคุ้นเคย รู้สึกคันขยุกขยิกที่ข้างแก้มเพราะผมคุณเรือนแก้ว เธอคงชะโงกหน้าเข้ามาแน่ๆ ปาล์มคิด 

เรือนแก้วกระซิบเบาๆ ที่หูของปาล์ม 

ต่อไปคุณอนุญาตให้ปาล์มย้ายมาอยู่ห้องเดียวกับคุณจ้ะ 

ปาล์มลืมตาอย่างรวดเร็ว 

ดีใจจังเลยค่ะ คุณแก้ว ขอบคุณมากๆนะคะ  เจ้าตัวใช้เวลารวดเร็ว ขโมยจูบแก้มอีกฝ่าย จึงถูกค้อนขวับใหญ่ 

เดี๋ยวปาล์มจะรีบไปเก็บข้าวเก็บของค่ะ ปาล์มเหมือนเด็กที่ได้รับสิ่งของที่ถูกใจที่สุด 

เรือนแก้วหัวเราะ 

ปาล์มจ๋า จะย้ายอะไรค่ะ ปล่อยไว้ตามเดิมเถอะจ้ะ 

ก็ปาล์มตื่นเต้นนี่คะ ฝันมาตั้งนานว่า อยากจะนอนกอดคุณแก้วทุกคืน 

ตัวร้ายกาจ..อิอิ 
........................................................................................................................

ปาล์มนั่งมองดูคนรัก ที่นั่งมองดูเธอเช่นกัน ทั้งสองเหมือนเด็กที่นั่งมองดูกัน บนเตียงกว้าง ก่อนหัวเราะทั้งคู่ 

ปาล์มจ้องคุณยังกับคนไม่เคยเจอกันเป็นสิบๆปียังเลยนะจ๊ะ 

ปาล์มเอียงคออย่างน่ารัก 

คุณไม่กลัวปาล์มจะทำอะไรมิดีมิร้ายคุณเหรอคะ ท่าทางแบบนี้แหละ นานๆ ปาล์มจะแสดงให้เห็น เรือนแก้วอดไม่ได้ที่จะหยิกแก้มอีกฝ่ายหนึ่งเบาๆ 

ไม่กลัวหรอกจ้ะ ถ้าปาล์มจะรังแกคุณจริงๆ คงรังแกไปนานแล้ว 

คุณแก้ว รู้จักดักคอปาล์มตลอดเลยนี่คะ แล้วอย่างนี้ใครจะรังแกคุณแก้วลงคอ น่ารักออกอย่างนี้ แสนดีอย่างนี้ คนที่รังแกคุณแก้วได้ คงเป็นคนใจร้าย ปาล์มไม่อยากเป็นคนใจร้ายนี่คะ 

เรือนแก้วรู้สึกซาบซึ้งจนน้ำตาคลอ ปาล์มไม่ใช่เป็นคนปากหวาน กับใครต่อใคร ปาล์มจะแสดงออกความใจในเฉพาะอยู่ต่อหน้าเธอ เป็นการกระทำที่เป็นธรรมชาติ และไม่ใช่พูดเอาอกเอาใจ หากทุกคำพูดของปาล์มนั้น มักทำให้เธอซาบซึ้ง 

บางทีปาล์มเหมือนกวีเอกในใจของเรือนแก้ว คำพูดที่ไม่ได้เตรียมไว้ล่วงหน้า คำพูดที่แสนธรรมดา หากมีความหมายลึกซึ้งกับเธอ 

ขอบใจนะจ๊ะปาล์ม กับความรู้สึกที่ปาล์มมีต่อคุณ เรือนแก้วดึงร่างของอีกฝ่ายเข้ามากอดนิ่งๆ 

ปาล์มกอดร่างนั้นตอบ ด้วยความรู้สึกที่บริสุทธิ์และใจสงบ 

ปาล์มเองอยากขอบคุณทุกๆอย่าง ที่คุณแก้วให้กับปาล์ม ถ้าไม่มีคุณแก้ว ปาล์มคงไม่มีวันนี้ ตลอดเวลาสิบกว่าปีที่ได้อยู่ร่วมกับคุณแก้ว สิ่งที่ปาล์มให้คุณแก้ว มันน้อยมาก เทียบกับความดีของคุณแก้ว ปาล์มบอกกับตัวเองว่า ชีวิตนี้ของปาล์มเป็นของคุณแก้วทั้งหมด และคุณแก้วก็เป็นทั้งหมดในชีวิตของปาล์ม 

คุณรักปาล์มมากนะคะ 

ปาล์มรู้สึกร่างกายสั่นสะระริกเมื่อได้ยินคำนี้ และน้ำตาของความดีใจก็ไหลลงมา ไหล่ที่สั่นสะท้าน ทำให้เรือนแก้ว ดึงร่างของปาล์มออกจากอ้อมแขนเธออย่างทะนุถนอม เธอเช็ดน้ำตาให้ปาล์ม เหมือน กำลังปลอบโยนน้องตัวน้อยๆ 

ปาล์มจะจำวันนี้ไว้ตลอดชีวิต จำคำๆนี้ไว้ตลอดชีวิตค่ะคุณแก้ว 

ปาล์มรอคำๆนี้มานาน คุณแก้วไม่เคยบอกว่า รักปาล์ม แต่การกระทำของคุณแก้วนั้น ได้บอกกับปาล์มเสมอว่า หล่อนรักเธอ หากปาล์มก็อยากได้ยินคำๆ นี้ ออกมาจากปากของเรือนแก้ว เรือนแก้วเคยบอกว่า วันหนึ่งเมื่อถึงเวลา เธอจะบอกคำๆนี้กับปาล์ม 

ปาล์มหลับไปแล้ว หลับไปในอ้อมกอดของเรือนแก้ว รอยยิ้มน้อยๆที่มุมปากของปาล์ม ฉายแววของความสุข อนาคตของปาล์มยังยาวไกล เรือนแก้วอยู่เพื่อเป็นกำลังใจให้ปาล์ม อยู่ปลอบโยนปาล์ม วันหนึ่งเธอรู้ว่า เธอจะต้องจากโลกใบนี้ไปก่อนปาล์ม... 

..มรณา..ความตายไม่มีผู้ใดสามารถหลีกเลี่ยงได้ หากวันนั้นยังไม่มาถึง..เธอมีหน้าที่และหัวใจ.ที่จะดูแลปกป้องคนที่เธอรัก...ตราบจนกระทั่งวันที่เธอหมดลม....และถึงแม้ว่าเธอจะจากโลกใบนี้ไป..เธอยังคงอยู่ปกป้องดูแล คนที่เธอรัก และรอที่พบกันอีกครั้ง..ผ่านเวลา..ผ่านพรหมลิขิต ไปตราบนานเท่านาน...				
4 พฤษภาคม 2548 11:41 น.

กว่าจะถึงวันบอกรัก.............5

wanmangrux

ปาล์มมองดูดวงหน้าที่พึ่งหายจากอาการไข้ ด้วยความเป็นห่วง เพราะ ท่าทางของเรือนแก้วยังคงอีดโรย อีกทั้งวันนี้ เธอยังต้องเข้าประชุมอีก 

อย่าเป็นห่วงคุณเลยจ้ะ เย็นนี้มีติวหนังสือให้รุ่นน้องไม่ใช่เหรอจ๊ะ คุณไม่เป็นอะไรมาก 

ถ้าติวเสร็จปาล์มจะรีบกลับนะคะ คุณแก้ว 

จ้ะ เทคแคร์สาวๆหน่อยสิจ๊ะ เรือนแก้วหัวเราะ หากคนฟังยังงง ว่า หมายถึงอะไร 
.......................................................................................................................

กลุ่มรุ่นน้องที่ขอร้องให้ติว สุดท้ายเหลือเพียงคนเดียว คือ ไปรยา นอกนั้นต่างบอกว่า มีธุระ ซึ่งมันออกจะบังเอิญเกินไป แต่ในเมื่อมาถึงแล้ว ปาล์มจึงทำหน้าที่ของตัวเอง แต่ไปรยาดูเหมือนไม่ได้สนใจในสิ่งที่เธอกำลังติวให้เลยสักนิด นอกจากนั่งมองเธอ และรับคำ หนึ่งชั่วโมงผ่านไปปาล์มเริ่มหมดความอดทน เธอจึงเอ่ยปากขึ้น 

พี่ว่า วันนี้เราติวเท่านี้ก่อนดีมั้ยคะ นี่เกือบทุ่มแล้วนะคะ 

ดีค่ะ ยาหิวแล้ว งั้นไปหาอะไรทานนะคะ ยาขอเลี้ยงถือเป็นการตอบแทนที่วันนี้พี่ปาล์มมาช่วยติวหนังสือให้ยา 

ปาล์มจำต้อง รับปาก และบอกเพียงว่า ถ้าทานข้าวเสร็จเธอจะกลับทันที ไปรยาพยายามดึงเวลา โดยการคุยเรื่องนู้นเรื่องนี้ ขณะที่ปาล์มไม่มีใจจะฟัง ตอนนี้ใจเธอจดจ่อเพียงคุณเรือนแก้วของเธอเท่านั้น ไปรยาเองเริ่มทนไม่ได้กับอาการของปาล์มเช่นกัน เธอรู้สึกโกรธอย่างไม่มีเหตุผล 

ยาถามจริงๆนะคะ พี่ปาล์ม ยามีอะไรสู้อาจารย์เรือนแก้วไม่ได้ พี่ปาล์มถึงไม่เคยแม้แต่จะมองดูยา เหมือนยาเป็นตัวน่ารังเกียจแบบนั้น  ไปรยาปล่อยให้น้ำตาไหล ซึ่งเกิดจากอารมณ์โทสะภายใน 

ปาล์มรู้สึกหน้าชา และโกรธอย่างที่ไม่เคยโกรธ โกรธที่ผู้หญิงคนนี้ พูดถึงเรือนแก้ว เหมือนดูถูกหญิงที่เธอรัก 

คุณแก้วเป็นผู้หญิงที่ประเสริฐที่สุดในชีวิตของพี่ นอกจากแม่ของพี่ เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ในชีวิตพี่ยอมตายแทนเธอได้ ขอโทษนะ ยา อย่าให้พี่รู้สึกแย่ไปมากกว่านี้เลย พี่ขอตัวก่อนนะ 

ปาล์มเดินไปจ่ายเงิน และออกไปจากร้านทันทีโดยไม่เหลียวกลับมาอีกเลย ไปรยารู้สึกเสียหน้าอย่างมาก เธอตัดสินใจที่จะทำอะไรบางอย่าง หากว่า ครั้งนี้ ยังไม่สามารถสร้างความแตกแยกระหว่างเรือนแก้วและปาล์มได้ เธอจะไม่ยุ่งกับปาล์มอีก 


....................................................................................................

ปาล์มมองดูวงหน้าในกระจก แม้นกาลเวลาจะพัดพาวัยสาวของคนที่เธอกำลังหวีผมให้ หากเธอคงความงามตามแบบฉบับธรรมชาติ ที่ไม่ได้เติมแต่งสีสันใดๆ 

ปาล์มรู้สึกตัวเองเป็นคนโชคดีที่สุดในโลก ที่ได้รู้จักผู้หญิงอย่างคุณแก้ว 

ปาล์มนี่ ปากหวานไม่สร่างเลยนะจ๊ะ ยิ่งโตยิ่งปากหวาน ดูอย่างเมื่อก่อนสิจ๊ะ ร้องไห้กลัวคุณจะไม่รัก เรือนแก้วยิ้มอย่างอ่อนหวาน 

ถ้าไม่ร้องไห้แล้วคุณแก้วจะยอมเปิดเผยความในใจให้ปาล์มทราบมั้ยคะ ว่าแต่เมื่อไหร่คุณแก้วจะบอกคำๆนั้น ให้ได้ยินสักทีคะ ปาล์มรอจนเหงือกแห้งแล้วนะคะ 

ยังต้องให้คุณบอกอีกเหรอจ๊ะ สักวันหนึ่งจะบอกแน่นอนจ้ะ รอให้ถึงวันนั้นก่อนนะจ๊ะ 

ปาล์มจะรอไปเรื่อยๆ รอไปจนถึงวันตายก็ยังได้ค่ะ สำหรับคุณแก้ว รอได้ทุกชาติทุกภพแหละคะ 

อิอิ ..ถ้าปาล์มเป็นผู้ชาย คงเจ้าชู้มากสิคะ พูดแบบนี้ สาวๆคงหลงกันเชียว 

ที่ผ่านมาปาล์มเจ้าชู้เสียที่ไหนคะ หากจะพูดแบบนี้ปาล์มจะพูดให้เฉพาะคุณแก้วฟัง ใจดวงนี้เป็นของคุณแก้วนานแล้วนะคะ 

สงสัยน้ำตาลนี่ ขายได้เป็นกิโลแล้วจ้ะ 

เทอมนี้ คงเรียนหนักสิคะ ต้องทำตัวจบด้วย  เรือนแก้วเปลี่ยนเรื่องขึ้นมาเฉยๆ 

มีผู้ช่วยข้างกาย ไม่กังวลหรอกค่ะ 

แน๊ 

มีเรื่องทะเล้นนิดหน่อยมาเล่าให้คุณแก้วฟัง เพื่อนของปาล์มคนหนึ่ง วันดีคืนดีเกิดสงสัยว่า วันที่เข้าเรือนหอกับคุณแก้ว เป็นยังไง 

เรือนแก้วหัวเราะ เบาๆ 

แล้วปาล์มตอบเพื่อนไปแบบไหนจ๊ะ 

ตอบไม่ถูกเลยนะคะ เนี่ย..อิอิ ปาล์มเลยตอบไปว่า ไม่ทำไง หัวถึงหมอนก็หลับสิ แล้วปาล์มจึงกระซิบความลับให้เขาฟัง เลยอ้าปากค้าง แมลงวันบินเข้าไปได้หลายตัวเลยนะคะ..อิอิ 

ดูเหมือนเรื่องเหล่านี้ เป็นเรื่องอยากรู้อยากเห็นของคนทั่วๆไป แต่กรณีของพวกเราลึกลับมากกว่า..อิอิ 

ปาล์มจ๊ะ คุณทำให้ปาล์มลำบากใจหรือเกินไปไหมจ๊ะ เรือนแก้วมองดูคนถูกถามอย่างจริงจัง 

ปาล์มจึง คุกเข่าลงกับพื้น หล่อนจับมือของคนรัก ทอดสายตาอ่อนโยนดูเรือนแก้ว ซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ 

คุณแก้วเหมือนนางฟ้า เป็นนางฟ้าที่แสนดี ใจดี นางฟ้าเหมือนผู้บริสุทธิ์ในความรู้สึก รักที่มีให้นางฟ้า คือ ความบริสุทธิ์จากใจล้วนๆ การที่คนสองคน จะดำรงความรู้สึก รักอย่างมั่นคง โดยอาศัยความรักอีกระดับหนึ่งที่ข้ามขอบเขตความปรารถนาทางกายไป ความรักนั้นงดงามและบริสุทธิ์มาก ในความรู้สึกของปาล์ม 

คุณแก้วเป็นคนสอนให้ปาล์มรับรู้ถึง การดำรงของความรู้สึกนี้ ทุกวันนี้ปาล์มมีความสุขมาก ที่ปาล์มรักคุณแก้ว ไม่ใช่เพราะ รูปร่างหน้าตา เพราะวัย แต่ปาล์มรักใจงามๆ ของคุณแก้ว ปาล์มเพียงหวังว่า ได้อยู่ดูแลคุณแก้วของปาล์ม ซื่อสัตย์ต่อคุณแก้ว เป็นเพื่อนคุณแก้ว เราเหมือนเป็นคู่ใจของกันและกัน ตลอดเวลาสิบกว่าปี ที่ได้รู้จักกัน เราต่างดำรงความสัมพันธ์นี้ มาตลอด ถ้าสิ่งนี้ คือ ความสุขที่คุณแก้วได้รับ ปาล์มเต็มใจที่จะทำเพื่อคุณแก้ว โดยไม่ได้รู้สึกอึดอัด อะไรเลย กลับรู้สึกภูมิใจเสียอีก หากชีวิตปาล์ม ดำรงความรักทางใจอันบริสุทธิ์ ในกับคนที่เรารักได้ อย่าซื่อตรง และไม่บิดเบียน 

เราอยู่ด้วยความรู้สึกที่ไว้วางใจกันและกัน ตลอดไป และตลอดไป... ปาล์มพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานนัก 
........................................................................................................................

เรือนแก้วมองดูนักศึกษาหญิงเบื้องหน้า ดวงหน้างดงาม ท่าทางมั่นใจในตัวเอง ทำให้เรือนแก้ว อดนึกไปถึง เด็กที่ถูกเลี้ยงมาอย่างตามใจ หล่อนมองดูเธออย่างเอ็นดู หลังจากที่เธอสอนเสร็จและกำลังจะกลับบ้าน เธอก็พบไปรยามายืนรอเธออยู่ที่ลานจอดรถ 

เรือนแก้วพอทราบเรื่องของไปรยากับปาล์มบ้าง จากเพื่อนร่วมงานที่เล่าให้เธอฟังมากกว่า 

ระวังนะ เดี๋ยวก็แพ้เด็กหรอก 

เรือนแก้วฟังอย่างเงียบๆ และยิ้มน้อยๆ ไม่มีใครรู้ความหมายของรอยยิ้มนั้น นอกจากเธอคนเดียว 

ดูเหมือนเวลานี้ไม่ใช่การเผชิญหน้าระหว่างอาจารย์กับนักศึกษา แต่เป็นการเผชิญหน้าระหว่าง สตรีสองคน 

มีธุระอะไรกับครูหรือเปล่าจ๊ะ เรือนแก้วเป็นคนที่ใช้คำพูดอ่อนโยนเสมอ 

หนูมีอะไรอยากจะบอกอาจารย์ค่ะ เรื่องเกี่ยวกับพี่ปาล์ม เธอตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำ และสังเกตอาการของผู้หญิงเบื้องหน้า ทำไมนะอาจารย์เรือนแก้วจึงไม่รู้สึกสะทกสะท้าน 

หนูอยากจะขอคบพี่ปาล์มเป็นแฟนค่ะ อาจารย์จะว่าอะไรมั้ยคะ ในฐานะผู้ปกครอง 


ได้สิจ๊ะ ครูไม่ได้ห้าม ปาล์มโตแล้วจ้ะ เธอจะไปรักใคร ชอบพอใคร เป็นสิทธิ์ของเธอ  


คนที่ตะลึง กลับเป็น ไปรยาเอง เพราะเธอไม่คาดคิดว่า จะได้รับฟังคำตอบเช่นนี้ อย่างน้อยเธอหวังได้เห็นสีหน้าบูดบึ้ง ท่าทางไม่พอใจ จากอาจารย์เรือนแก้ว มีอย่างที่ไหน คนที่รักกันถึงกับไม่รู้สึกสะทกสะท้าน ที่มีผู้หญิงอีกคนมาบอกว่า กำลังจะแย่งคนรักไป เธอมองเห็นร่องรอยของความเชื่อมั่น ร่องรอยที่ลึกซึ้งเกินกว่าที่ไปรยาจะเข้าใจ ในแววตาอ่อนโยนคู่นั้น วินาทีนั้นเธอรู้สึกอับอาย อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน และรู้สึกถึงความพ่ายแพ้อย่างเทียบไม่ติด 

มีอะไรอีกมั้ยจ๊ะ  

เออ..ไม่มีอะไรแล้วค่ะ ขอบคุณมากนะคะ อาจารย์  เธอยิ้มเก้อๆ 

หนูขอโทษอาจารย์ด้วยนะคะ กับคำพูดเมื่อกี้ หนูรู้แล้วละคะ ว่าทำไมตลอดเวลาสองปี 3 ปีที่หนูตามจีบพี่ปาล์มไม่สำเร็จสักที หนูไม่มีอะไรเทียบอาจารย์ได้จริงค่ะ 

เป็นครั้งแรกที่ไปรยา เรียนรู้ที่จะยอมรับกับความพ่ายแพ้ อย่างน้อยการยอมรับ ทำให้เธอรู้สึกมีศักดิ์ศรีอย่างผู้แพ้ บ้าง ไม่ใช่แพ้อย่างหมดรูป 

หนูยังเด็กนะจ๊ะ อนาคตหนูยังจะต้องพบปะผู้คนมากมาย ชีวิตหนูไม่ได้หยุดอยู่เฉพาะวันเวลาเหล่านี้ หนูยังค้นหาตัวเองไม่เจอ สักวันหนึ่ง เมื่อรู้จักตัวเองดี หนูจะเข้าใจในสิ่งที่อาจารย์พูดนะจ๊ะ 

หิวมั้ยจ๊ะ ไปทานข้าวกับครูที่บ้านมั้ยจ๊ะ ทานข้าวกันสองคนกับปาล์ม มานาน ครูอยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้างจ้ะ 
........................................................................................................................

ปาล์มเท้าคางอยู่บนเตียง ขณะที่สายตาทอดมองดู คนที่นอนอยู่ใกล้ๆ ดวงหน้าที่ยิ้มน้อยๆ รอยยิ้มที่วันนี้ดูเหมือนเด็กเจ้าเล่ห์ซุกซน 

วันนี้คุณแก้วทำให้ปาล์มตกใจ ที่อยู่ๆ พาไปรยา มาถึงบ้าน..บางทีคุณนี่เหมือนเด็กๆเลยนะคะ 

เรือนแก้ว ยื่นปลายนิ้มบีบจมูกของปาล์มเบาๆ 

ก็คบกับเด็กมานานนี่จ๊ะ เลยเป็นเด็กบ้าง คบเด็กสร้างบ้านเลยเป็นแบบนี้ไงจ๊ะ 

ปาล์มจับมือที่ยื่นมาบีบจมูกเธอไว้ ก่อนบรรจงจูบอย่างนุ่มนวล 

ขอบคุณมากนะคะ นางฟ้า 

อิอิ 

"ปาล์มรู้สึกโล่งอกยังไงก็ไม่รู้ค่ะ ดูเหมือนต่อไปคงไม่ต้องกังวล ที่ไปรยาจะต้องมาตามตื้อปาล์ม 

ปาล์มอ่อนโยนกับรุ่นน้องบ้างสิจ๊ะ อย่างที่ทำกับคุณไง 

แน๊... ไม่ได้หรอกคะ ก็เวลาอยู่กับคุณปาล์มรู้สึก เป็นตัวเองที่สุด ทุกอย่างที่แสดงออกคือ ตนตัวของปาล์ม ถ้าปาล์มทำแบบนี้กับคนอื่น กลัวคุณจะร้องไห้งอแงสิคะ 

อีกไม่กี่เดือนปาล์มจะเรียนจบแล้วสิจ๊ะ เร็วจังนะจ๊ะ แล้วคิดไว้หรือยังว่า จะเรียนต่อสาขาอะไร 

ปาล์มคิดไว้แล้วค่ะ แต่ยังไม่บอกคุณแก้วตอนนี้ ..อิอิ 

ปาล์มขอตัวกลับห้องก่อนนะคะคุณแก้ว ราตรีสวัสดิ์ค่ะ 

ปาล์มพูดเสร็จไม่ลืมที่จะจูบหน้าฝาก นางฟ้าของเธอก่อน เดินออกไปจากห้องของเรือนแก้วอย่างร่าเริง				
4 พฤษภาคม 2548 11:27 น.

กว่าจะถึงวันบอกรัก................4

wanmangrux

คุณแก้วไม่โกรธปาล์มนะคะ กับเรื่องเมื่อคืนวาน คุณพูดดูเหมือนจะรู้สึกประหม่า 

ไม่ได้โกรธอะไรนี่จ๊ะ เพียงแต่รู้สึกตกใจ 

ปาล์มก็ไม่เข้าใจหรอกนะคะคุณแก้ว มันเกิดขึ้นเร็วมาก นึกว่าคุณแก้วจะโกรธปาล์มเสียอีก ปาล์มถอนหายใจ 

เมื่อคืนหล่อนแทบไม่ได้นอนเพราะการกระทำของตัวเอง อะไรหนอดลใจให้เธอทำแบบนั้น ความรักหรือเปล่านะ แบบแฟนหรือ แบบที่เห็นเพื่อนๆ ในห้องเรียน มีกัน เธอไม่ได้คิดเรื่องพวกนี้มาก่อนด้วยซ้ำ เกิดจากอะไร เมื่อไหร่ พอรู้ตัวความรู้สึกเหล่านี้ก็เอ่อล้นออกมงั้นหรือ จึงทำให้เธอทำแบบนั้นลงไป ปาล์มไม่ใช่ไม่เคยเห็นเพื่อนผู้หญิงที่มีแฟนเป็นผู้หญิง สมัยที่เรียนอยู่มัธยม แต่เธอไม่เคยคิดว่า ความรู้สึกหรือความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเรือนแก้ว จะเป็นแบบนั้น เพราะเธอไม่ได้เคยรู้สึกชอบผู้หญิงหรือผู้ชายมาก่อน สำหรับคุณเรือนแก้ว เธอรับรู้แต่ว่า เป็นคนสำคัญในชีวิต ที่หล่อนต้องดูแล ปกป้อง เป็นความผูกพันที่เหนียวแน่น จนแยกไม่ออก ระหว่างความรู้สึกที่เคยชิน กับ ความรู้สึกรักฉันท์ชู้สาว 

แล้วทำไมปาล์มถึงทำแบบนั้นจ๊ะ 

คุณแก้วรับปากได้ไหมคะว่า จะไม่โกรธ ถ้าปาล์มพูดมาจากความรู้สึก แม้จะไม่เข้าใจมากนัก 

พี่เคยโกรธปาล์มเหรอจ๊ะ เรือนแก้วมองดูเด็กสาวอย่างอ่อนโยน 

ปาล์มคิดว่า ตัวเอง รักคุณแก้ว ถึงจะรู้สึกสับสน แต่ปาล์มบอกได้นอกจากแม่แล้ว ปาล์มรักคุณแก้วที่สุด เพราะปาล์มเคยรู้สึกว่า ถ้าคุณแก้วเป็นอะไรไป ปาล์มขอเป็นแทนได้ไหม บ่อยครั้งที่ปาล์มรู้สึกเจ็บปวด ถ้าคิดว่า วันหนึ่ง ต้องเสียคุณแก้วไปจริงๆ  

คุณแก้วคิดว่า ปาล์มผิดปกติมั้ยคะ รังเกียจปาล์มหรือเปล่า ถ้าหากว่าปาล์มคิดแบบนั้นจริงๆ 

ปาล์มมาหาพี่ มานั่งข้างๆพี่ 

ปาล์มทำตามอย่างว่าง่าย เธอนั่งลงบนเตียงนอน ในห้องของเรือนแก้ว พลางมองดูเรือนแก้วอย่างไม่เข้าใจ 

ฟังพี่นะปาล์ม พี่ไม่อยากให้ปาล์มกังวล กับเรื่องนี้ เวลานี้ปาล์มอย่าคิดอะไรมาก ตั้งใจเรียนและทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด เข้าใจไหมจ๊ะ วันไหนที่ปาล์มเข้าใจความรู้สึกของตัวเองอย่างแท้จริง ค่อยมาบอกกับพี่นะจ๊ะ 

ค่ะ หล่อนรับคำด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา 

........................................................................................................

วันนี้เป็นสัปดาห์แรกของการรับน้อง ปาล์มมีใบหน้าลายพร้อยเพราะ ถูกละเลงแป้งสีลงบนหน้า เธอมองตัวเองผ่านกระจกในห้องน้ำผู้หญิง หัวเราะเบาๆ ก่อนล้างหน้า แม้จะรู้สึกอ่อนเพลีย หากพอคิดถึงว่า กลับไปบ้านมีเรือนแก้วรออยู่ ทำให้เธอรู้สึกสดชื่นขึ้นมา 

เสียงผู้หญิงสองคนคุยกันเดินเข้ามาในห้องน้ำ ขณะที่เธอก้มหน้าก้มตาล้างแป้งสีออกให้หมด 

วันนี้เธอเห็นอาจารย์ผู้หญิง ท่าทางใจดีคนนั้นหรือเปล่า กับอาจารย์ผู้ชาย คนนั้น หล่อเหมือนพระเอกหนังเลย เมื่อวานตอนรับน้อง ฉันได้ยินรุ่นพี่แอบนินทาอาจารย์สองคนนั้นด้วยล่ะ ดูเหมือน อาจารย์ผู้หญิงจะชื่อ เรือนแก้ว เนี่ย อาจารย์ผู้ชายตามจีบมาหลายปีแล้วนะ อาจารย์เรือนแก้วไม่ยอมตกลงสักที บ้างก็มีคนว่า อาจารย์น่ะ ชอบเด็กคนที่อาจารย์ดูแลมา ที่เป็นผู้หญิง อยู่เมเจอร์เราด้วยนะ แล้วฉันจะชื้ให้ดู พอจะนึกหน้าได้อยู่ 

ไม่จริงละมั้ง ก็ตะกี้ฉันยังเห็นอาจารย์นั่งรถไปด้วยกันเลย คงไปออกเดทมากกว่า 

ปาล์มได้ยินทุกอย่าง ความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย เกิดขึ้น พอดีเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นมา เธอจึงก้มหน้าก้มตา เดินออกไปทันที 

เดี๋ยวปาล์มจะกลับไปทานข้าวด้วยค่ะ คุณแก้ว 

ขอโทษนะจ๊ะปาล์ม เย็นนี้ พี่คงต้องกลับบ้านช้าหน่อยจ้ะ พี่มีเรื่องคุยกับเพื่อนร่วมงานนิดหน่อยจ้ะ  

ค่ะคุณแก้ว ปาล์มพลันรู้สึกน้อยใจคุณเรือนแก้วของเธอขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ และพลอยนึกไปถึงคำพูดที่ได้ยินเมื่อครู่ ความรู้สึกกระตือรือร้นหายไปไม่เหลือหล่อ 

................................................................................................................

ปาล์มสะดุ้งตื่นเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสแผ่วเบาเหนือหัวไหล่ 

กลับมาแล้วหรือคะคุณแก้ว ปาล์มรอคุณแก้วจนหลับไปเลย อาการงัวเงียยังไม่หายไปจากใบหน้าของคนพูด 

กลับมานานพอควรแล้วจ้ะ มาถึงก็อาบน้ำ นึกว่าปาล์มเข้านอนแล้ว 

เป็นห่วงคุณแก้วมากนี่คะ 

ดึกแล้ว ไปนอนได้แล้วจ้ะ  

คืนนี้ขออนุญาตไปนอนด้วยกับคุณแก้วได้ไหมคะ 

จ้ะ 

ปาล์มหลับลงอย่างรวดเร็ว ขณะที่เรือนแก้วกำลังนั่งเขียนตำราอยู่ เธอมองดูนาฬิกา ตีหนึ่งกว่าแล้ว หล่อนจึงวางปากกาลง เธอปิดไฟบนโต๊ะหนังสือ ก่อนเดินมานั่งที่เตียงนอน เธอนั่งลงอย่างแผ่วเบา ทอดสายตาพิศวงหน้าขาวสะอาด ที่นอนหลับอย่างเป็นสุข เรือนแก้วโน้มตัวลงไปจูบพวงแก้มของปาล์มอย่างแผ่วเบาเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายรู้สึกตัว 

สำหรับเธอ..ไม่ได้หวังอะไรกับปาล์ม นอกจาก เป็นเพียงผู้ให้ ความสุข กับ เด็กสาวคนนี้ อนาคตคือสิ่งไม่แน่นอน สักวันหนึ่งปาล์มอาจจะจากเธอไป...ถึงวันนั้นแม้จะเสียใจเพียงใด..เธอก็ต้องยอมรับ ความรักไม่ใช่เป็นสิ่งรีดเร้นบังคับ...ความรักเกิดจากหัวใจที่เต็มใจจะรัก..เท่านั้น 

...................................................................................................................... 

ภายในโรงอาหาร นักศึกษาพูดคุยกันเสียงดัง ขณะที่ปาล์มทานข้าวกับเพื่อนๆ อยู่นั้น สายตาของเธอเหลือบไปเห็น เรือนแก้ว กับ อาจารย์ผู้ชายคนหนึ่งพอดี ทั้งสองดูสนิทสนม จนปาล์มรู้สึกหงุดหงิด 

ปาล์ม นั่น อาจารย์แม่ของแกนี่ เพื่อนคนหนึ่งในโต๊ะอาหารพูดขึ้น 

สงสัยแกจะได้อาจารย์พ่อแหง 

ปาล์มหน้าบึงขึ้นทันที เธอลุกขึ้น เก็บจานและเดินออกจากโต๊ะทันที โดยที่เพื่อนคนนั้นงงว่าพูดอะไรผิด 

แจ่ม แกไม่รู้หรือไง ว่า ปาล์มมันหวงอาจารย์แม่ของมันจะตายไป แล้วก็ ฉันว่า ที่เขาซุบซิบกันอาจเป็นจริงก็ได้ ที่ว่า สองคนนี้ มีความสัมพันธ์แปลกๆ 

แกอย่าพูดให้ปาล์มมันได้ยินล่ะ 

เป็นฉัน ฉันคงขัดนัยน์ตายู่หรอกอะไรเปิดเทอมมาได้ 2 อาทิตย์ ต้องมาเห็น ภาพแบบนี้ บางทีปาล์ม มันอาจจะรู้สึกแบบว่า ต้องสูญเสียความรักไปก็ได้ สงสารนะจริงปาล์มมันคงคิดถึงแม่ 

เรารอดูอยู่ห่างๆดีกว่า บางทีมันอาจมีอะไรพลิกล๊อกก็ได้นะ ฉันว่า 
........................................................................................................................

ปาล์มเป็นอะไรไปจ๊ะ ทำไมวันนี้ไม่ยอมพูดกับพี่ เรือนแก้วถามอย่างห่วงใย เธอมองดูดวงหน้าที่ก้มลงอ่านหนังสือ ราวกับไม่ได้ยินคำพูดของเธอ 

พี่ทำอะไรให้โกรธหรือเปล่าจ๊ะ  

เปล่าหรอกค่ะ ปาล์มรู้สึกเหนื่อยๆ คุณแก้วไม่ต้องเป็นห่วงปาล์มหรอกนะคะ เดี๋ยวปาล์มคงจะพัก เธอพูดโดยไม่ได้หันหน้ามามาหาเรือนแก้ว 

งั้นพี่ไม่กวนปาล์มแล้วนะจ๊ะ 

เสียงฝีเท้าเดินออกไปแล้ว ปาล์มลุกขึ้นจากโต๊ะเขียนหนังสือ เธอทิ้งตัวลงนั่งลงอิงเตียงนอนพร้อมกับฟุบหน้าลงกับท่อนแขน ปล่อยให้น้ำตาไหลลงเงียบๆ ทำไมถึงรู้สึกเจ็บในหัวใจแบบนี้ก็ไม่รู้ 


ปาล์มจ๋า ร้องไห้ทำไมจ๊ะ บอกพี่ได้ไหม เสียงอ่อนหวาน ทำให้ ปาล์มสะดุ้ง ยังไม่ทันที่จะเช็ดน้ำตา อีกคนก็มาถึงตัวเสียแล้ว เรือนแก้วไม่ได้จากไปจริงๆ เธอยืนทาบสายตากับช่องประตูห้องของปาล์ม เธอจึงเห็นกิริยาทั้งหมดของปาล์ม 

เรามาคุยดีไหมจ๊ะ อย่าร้องนะ ปาล์มเป็นเด็กเข้มแข็งมาตลอดไม่ใช่เหรอจ๊ะ เรือนแก้วนั่งลงโอบกอดปาล์มอย่างนุ่มนวล 

คุณแก้ว สักวันคุณแก้วจะต้องจากปาล์มไปจริงๆใช่ไหมคะ ดวงตามองดูเธอรวดร้าว 

ปาล์มจ๋าอย่ามองพี่แบบนี้ รู้ไหมว่า พี่เจ็บปวดที่เห็นเธอเป็นแบบนี้ เรือนแก้วกำลังคร่ำครวญที่อยู่ในใจ 

ปาล์มเล่าให้พี่ฟังได้ไหม ว่า ปาล์มได้ยินได้ฟังอะไรมา 

ปาล์มมองเรือนแก้วสักครู่ก่อนตัดสินใจเล่าในสิ่งที่ฟังและเห็นอย่างไม่ปิดบัง 

คุณแก้วรักเขามั้ยคะ คำถามที่ปาล์มอยากรู้ 

เรือนแก้วลอบถอนใจ วันนี้เธอจะปิดบังความรู้สึกที่ซ้อนไว้ได้ไหมหนอ 

ปาล์มรู้หัวใจตัวเองหรือยังจ๊ะ เธอกลับย้อนถามปาล์ม 

วันนี้ รู้ แล้วค่ะคุณแก้ว..ปาล์มรักคุณแก้ว ต่อให้คุณแก้วไม่ได้รักปาล์ม ปาล์มก็ยังคงรัก ปาล์มเพียงแค่ ต้องการความชัดเจนจากคุณแก้ว กับเขา ถึงแม้ว่าความจริง อาจทำให้ปานรู้สึกเจ็บปวดในหัวใจ แต่ปาล์มก็เตรียมพร้อมที่จะรับกับความเจ็บปวดนี้ค่ะ วันไหนที่คุณแก้วไม่ต้องการปาล์มปาล์มจะไปค่ะ จะไม่สร้างความลำบากใจให้คุณแก้วเด็ดขาดค่ะ ปาล์มพูดไปน้ำตาไหลไป ทั้งน่าเอ็นดูและน่าสงสาร 

เรือนแก้วน้ำตาแทบร่วงเมื่อได้ฟัง เธอใช่ทำร้ายจิตใจเด็กสาวคนนี้หรือเปล่านะ ที่ไม่ได้บอกความรู้สึกที่แท้จริงออกไป วัยที่ห่างทำให้บางครั้ง เธอต้องห้ามความรู้สึกและการแสดงออกมาตลอด แต่วันนี้ดูเหมือนเกราะที่เธอเป็นฝ่ายสร้างมันพังทลาย 

เรือนแก้วลูบใบหน้าของปาล์มอย่างแผ่วเบา ก่อนที่เธอจะเป็นฝ่ายประทับรอยจูบนุ่มนวลและอ่อนหวานกับริมฝีปากนุ่มนิ่มของอีกฝ่าย 

นี่เป็นคำตอบของพี่				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟwanmangrux
Lovings  wanmangrux เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟwanmangrux
Lovings  wanmangrux เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟwanmangrux
Lovings  wanmangrux เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงwanmangrux