29 เมษายน 2554 02:34 น.
victoriasecret
๐........ ค่ำคินนั้น.......
คืนที่แสง แห่งจันทร์ อำพันฉาย
ทอแสงงาม ท่ามฟ้า ดาราราย
หนึ่ง หญิง-ชาย หมายมั่น สานฝัน เรา
๐ สัญญาใจ ให้กัน ผูกพันคล้อง
จะประคอง สองใจ มิให้เฉา
สานรักอยู่ คู่กาล ตราบนานเนา
จะเป็นเงา เฝ้าเคียง เพียงกมล
๐........ ค่ำคืนนี้.......
ในราตรี ที่ฟ้า นภาหม่น
จันทร์สลัว มัวดับ ใจอับจน
ให้ทุกข์ทน วนคว้าง สิ้นทางจร
๐ ทุกความฝัน พลันหาย มลายสิ้น
ทุกความหวัง พังภิณฑ์ จนจินต์หลอน
ทุกนิยาม ความหมาย ก็คลายคลอน
สิ้นอาวรณ์ ก่อนใจ มีให้กัน
๐ ทิ้งให้เรา เศร้าโศก ในโลกเหงา
ทิ้งให้เรา เศร้าใจ ในโลกฝัน
ทิ้งให้เรา เฝ้าหา ด้วยจาบัลย์
ทิ้งให้เรา เศร้าศัลย์ เกินบรรเทา
๐ รอยอาลัย ในยาม สิ้นความหมาย
บทสุดท้าย คล้ายอยู่ เคียงคู่เหงา
ถึงอยู่ใกล้ ได้เคียง ก็เพียงเงา
กับความเศร้า เร้ารุม เข้าสุมใจ
๐ เหมือนตอกย้ำ ค่ำคืน อันขื่นนัก
เธอตัดรัก หักจน ใจหม่นไหม้
สิ่งสวยงาม ความหลัง กลบฝังไป
ทิ้งฉันไว้ ให้รับ ซึมซับลวง......
๐ จวบรุ่งสาง พร่างพราย แดดฉายสาด
ยังหมายมาด วาดหวัง ถึงฝั่งสรวง
จึงบนบาน สานคำ มาบำบวง
ปลุกปลอบห้วง ดวงมาน อันรานร้าว
๐ อย่าทิ้งใจ ให้คว้าง บนทางฝัน
อย่าผลักไส ในวัน อันเหน็บหนาว
ให้รักบาน สานก่อ เป็นช่อพราว
นำรักสร้าง ทางยาว ให้ก้าวเดิน..........
26 เมษายน 2554 04:28 น.
victoriasecret
ทะเลงามยามเย็นไม่เห็นเจ้า
พี่ทนเฝ้ารอคอยบนรอยหม่น
สุริยาลาหายกลางสายชล
หนึ่งกมลทนฝืนเฝ้ายืนคอย
เห็นเกลียวคลื่นกลืนหายบนทรายขาว
มันเหน็บหนาวร้าวกมลจนท้อถอย
รักคงร้างจางเจือไม่เหลือรอย
ใจจึงพลอยคล้อยเคลื่อนเหมือนทะเล
อาทิตย์ดับลับไปใจคนคว้าง
ฟ้าดูชืดจืดจางช่างว้าเหว่
เสียงนานับสับสนจนปนเป
ท่ามคลื่นเห่ทะเลห้อมกลับตรอมตรม
ทะเลฝันรัญจวนครวญครั่นครื้น
ทะเลหลับหรือตื่นคลื่นทับถม
เหมือนใจคนวนไหวในระทม
ก่อนดิ่งจมล้มตามกับความจริง
อ่อนระโหยโผยแผ่วแว่วหวิวหวีด
คือสังคีตคลื่นครวญป่วนอกยิ่ง
พรากขวัญหลุดลอยไปไร้ที่อิง
ฤๅสิ้นหลักพักพิงให้อิงใจ
คลื่นกระหน่ำซ้ำโถมลูบโลมหาด
เข้าซัดสาดทราย-หินแล้วรินไหล
ฝากเสียงสั่งหวังถึงซึ่งคนไกล
หลั่งน้ำตาอาลัยฤทัยรอน
ทะเลฝันบรรเจิดยังเพริศแพร้ว
สายลมแผ่วโลมไล้จนไหวอ่อน
ทะเลหวนครวญหาทั้งอาวรณ์
จวบจันทร์ จรตอนเช้ายังเฝ้าครวญ....
24 เมษายน 2554 16:54 น.
victoriasecret
๐ ลุทิวา ราตรี ก็คลี่ม่าน
คีตกานต์ ขานขับ รับบุหลัน
ดาราราย ฉายแสง อวดแข่งกัน
งามเฉิดฉัน พรรณราย ประกายทอ
๐ ใจละล่อง ท่องไป อย่างไร้จุด
ไม่อาจหลุด หยุดค้น เวียนวนก่อ
เสียงพิณแผ่ว แว่วเคียง สำเนียงซอ
ขลุ่ยพนอ คลอขับ สดับฟัง
๐ ท่วงทำนอง ของเพลง วังเวงเศร้า
คล้ายบอกเล่า เรื่องตน แต่หนหลัง
เสียงซอสาย คล้ายโหม โถมประดัง
พิณก็คลั่ง ดั่งมีด กรีดฤทัย
๐ เสียงขลุ่ยครวญ หวนโหย เหมือนโรยล้า
ฟังเพลงช้ำ น้ำตา ก็พาไหล
ท่ามฟ้างาม ความเศร้า กลับเผาใจ
ด้วยอาลัย ใครหนึ่ง เคยซึ้งทรวง
๐ วิเวกไหว ใจเจียน จะเพี้ยนคลั่ง
น้ำตาหลั่ง ดังกับ ใจลับล่วง
เมื่อสวาท พลาด-แพ้ ทั้งแดดวง
จมสู่ห้วง บ่วงมาร พล่าผลาญจินต์.....
9 เมษายน 2554 23:55 น.
victoriasecret
๐ เมื่ออกหัก...รักจรรักจาง...จนห่างหาย
ให้เปลี่ยวดาย...ระคายระเคือง...ลืมเรื่องหวาน
เจ็บเจียนม้วย...ระทวยระทม...ด้วยซมซาน
ตรมดวงมาน...จนด้านจนชา...แทบล้าแรง
๐ ทุ่มใจรัก...ภักดี...ฉนี้ไฉน
ทุ่มเทใจ...ให้แบบ...มิแอบมิแฝง
กลับร้าวราน...ซานซบ...ตลบแตลง
เธอเสแสร้ง...แกล้งหยอก...ทั้งหลอกทั้งอำ
๐ จะอยู่จะไป...ใจฉัน...ไม่หวั่นหวาด
อเน็จอนาถ...พลาดไป...ใจถลำ
ไม่ทุกข์ไม่ท้อ...ขอไกล...คนใจดำ
ถึงเจ็บถึงช้ำ...จำจร...มิย้อนคืน
๐ ยอมตรอมยอมตรม...ขมเฝื่อน...มิเลือนมิหลบ
ให้จากให้จบ...ลบเลือน...ที่เฝื่อนที่ฝืน
จะหนาวจะเหน็บ...เจ็บช้ำ...จะกล้ำจะกลืน
ทั้งหลับทั้งตื่น...ฝืนใจ...ไม่ง้อไม่งอน
๐ ไร้ทิศทาง...ยามร้างยามร้าว...ให้หนาวให้เหน็บ
ทนกักเก็บ...ความเจ็บความอาย...ที่ถ่ายที่ถอน
ความซื่อตรง...เคยคงเคยมั่น...มาบั่นมาทอน
ร้าวแรมรอน...จนจรจนจาง...ต้องร้างต้องลา.....
7 เมษายน 2554 19:14 น.
victoriasecret
๐ สองหลานยาย...พายจ้ำ...เรือลำน้อย
ตอนบ่ายคล้อย...ลอยถึง..บึงน้ำใส
ท่ามนที...มีบัว...อยู่ทั่วไป
เพลิดเพลินใจ..ในธาร..ทั้งหลานยาย
๐ เก็บปทุม...สุมกอง..บนตองแห้ง
จนสูรย์แสง..แรงรอน...แดดอ่อนสาย
จับเป็นกำ...นำเคียง...วางเรียงราย
ก่อนเอี้ยวกาย..พายเรือ...เพื่อหวนคืน
๐ ครั้นถึงบ้าน...หลานจูง..ยายมุ่งหน้า
สู่ศาลา..ท่าน้ำ...ใจฉ่ำชื่น
ช่วยสานจีบ..กลีบบัว...ไม่มัวยืน
ยายพักตร์พริ้ม...ยิ้มรื่น...อย่างชื่นชม
๐ วางโกสุมปทุมาลย์...บนพานแก้ว
ตั้งจิตแน่ว..แล้ววาง...อย่างเหมาะสม
จุดธูปหอม...พร้อมเทียน...เวียนประณม
แล้วจึงโน้ม...ก้มกาย...ถวายบัว
๐ พานบงกช...จรดข้าง...กระถางธูป
ยายคว้าหลาน...มาจูบ...พลางลูบหัว
แล้วสอนว่า...อย่าให้...ใจหมองมัว
อันดีชั่ว...ตัวหนู...ย่อมรู้ดี
๐ เรื่องชั่วดี...มีอยู่...เคียงคู่โลก
อีกทุกข์โศก...โรคภัย...ไม่อาจหนี
ไม่มีใคร...ไหน-พ้น...ทั้งจนมี
แต่เรานี้...มีสิทธ์..จะคิดทำ
๐ อันกิเลส...เภทภัย...มิใช่เคราะห์
ทำไม่เหมาะ...เพราะใจ...นั้นใฝ่ต่ำ
อ้างพล่อยพล่อย...รอยหนุน...ของบุญ-กรรม
จึงไร้สิ้น...ศีลธรรม...ประจำใจ
๐ จงจดจำ...คำยาย...อย่าหน่ายแหนง
เรื่องบุญทำ...กรรมแต่ง...จงแจงใหม่
อันกุศล...ผลกรรม...ที่ทำไป
จะถูกใช้...ตัดสิน...เมื่อสิ้นลมฯ
๐ มนุษย์นั้นอันชีวิต......พึงลิขิตให้เหมาะสม
ขมขื่นหรือรื่นรมย์.......สุดแต่ใครจะไขว่คว้า
๐ เกิด-ดับและเจ็บ-แก่..พุทธองค์แผ่พระปัญญา
วัฏสังขารา...............อนัตตาไร้ตัวตน
๐ โลโภทั้งโทสัน........อีกโมหันอันหมองหม่น
มีทั่วทุกตัวคน............ยากหลุดพ้นพึงสังวรณ์
๐ อันศีลควรเลี่ยงละ.....ธรรมะคือคุณากร
ยึดมั่นมิสั่นคลอน........หลักคำสอนพุทธองค์
๐ ศีลธรรมน้อมนำจิต...หากชีวิตมิปลิดปลง
สิ่งล้วนควรธำรง.....อย่างมั่นคงตราบวายปราณ
๐ ตามรอยพุทธบาท....แม้นมิอาจลุ-นิพพาน
ยามละซึ่งสังขาร........ทิพย์วิมานใช่ไกลเลยฯ