11 เมษายน 2553 14:03 น.
victoriasecret
๐ คราหัวใจ..ไหวหวั่น..ในวันหนึ่ง
เมื่อความซึ้ง..ถึงจุด..จะหยุดขืน
อยากสานรัก..ถักฝัน..แห่งวันคืน
ให้ยั่งยืน..ชื่นทรวง..ห่มดวงมาน
๐ จากรู้จัก..ทักกัน..แบบฉันมิตร
จวบจนจิต..ใจจ่อ..เริ่มก่อสาน
ความซึมซาบ..อาบฝัน..แห่งวันวาร
ก็ผสาน..ฉัน-เธอ..เสมอ"เงา"
๐ "ฉัน"ยังเป็น..เช่น"ฉัน"..มั่นเสมอ
"เธอ"คือ"เธอ"..เสมอไป..สองใจเฝ้า
หนึ่ง.ชาย.หญิง..อิงแอบ..นิจแนบเนา
จนล่วงเข้า..เกิน"มิตร"..ใกล้ชิดใจ
๐ จึงร้อยพร่ำ..สำนวน..จากส่วนลึก
ความรู้สึก..กลั่นมา..ใช่สาไถย
คำว่า"เพื่อน"..เหมือนด้อย..ค่าน้อยไป
เมื่อทรวงใน..ใคร่ล้ำ..ความสัมพันธ์
๐ มิตรภาพ..ฉาบห้วง..ทั้งดวงจิต
จากคำ"มิตร"..คิดซึ้ง..อีกหนึ่งขั้น
รวม"ฉัน""เธอ"..เป็น"เรา"..เข้าด้วยกัน
พร้อมด้วยรัก..สลักมั่น..นิรันดร.
7 เมษายน 2553 15:19 น.
victoriasecret
๐ หากว่าเธอ..เผลอใจ..ไปเป็นอื่น
ก็อย่าฝืน..เหมือนเรา..ยังเฝ้าฝัน
อย่าเสแสร้ง..แกล้งทำ..เพ้อรำพัน
โปรดจงไป..จากฉัน..อย่าหันมา
๐ ปล่อยฉันตรม..จมหมอง..กับกองทุกข์
ดีกว่าสุข..กับฝัน..อันยากหา
เป็นเรือน้อย..ลอยคว้าง..กลางธารา
ยังดีกว่า..เรือใหญ่..ไร้ทะเล
๐ เรื่องวันเก่า..หนาวเหน็บ..เกินเก็บไว้
ยิ่งห่างไกล..ใจนั้น..ยิ่งหันเห
มหาสมุทร..สุดจะ..คาดคะเน
เมื่อลมจัด..พัดเท..ก็เหไป
๐ รักลางเลือน..เหมือนฝัน..ยากบรรจบ
เพียงพานพบ..ก็พราก..ช่างยากไข
ดุจดั่งเพชร..เม็ดงาม..วาบหวามนัยน์
แต่เมื่อไร้..คนมอง..ก็หมองมัว
๐ โลกกว้างใหญ่..ไร้ทาง..ให้ย่างเหยียบ
เย็นยะเยียบ..เงียบเหงา..คละเคล้าทั่ว
ทั้งวังเวง..เหว่ว้า..ช่างน่ากลัว
เหมือนมีตัว..ไร้ตน..ไร้หนทาง
๐ ปลดปล่อยใจ..ไหวตาม..ความวิเวก
ดั่งปุยเมฆ..ล้อลม..ที่พรมพร่าง
ข่มจิตหมอง..ล่องลอย..หมายปล่อยวาง
กลับอ้างว้าง..เกินรับ..ยากหลับตา
๐ สุดอนาถ..วาสนา..ช่างอาภัพ
จมอยู่กับ..บ่วงทราม..ตามยถา
เถอะ.สักวัน..ฝันตรึง..เมื่อถึงครา
จะแหวกฟ้า..คว้าดาว..มาก้าวเคียง
๐ ถึงเหมือนอยู่..ผู้เดียว..โดดเดี่ยวนัก
ถึงจมปลัก..วังวน..เกินพ้นเลี่ยง
ถึงชะตา..ฟ้าเบน..จนเอนเอียง
ขอยังเพียง..หายใจ..เป็นไม่กลัว
31 มีนาคม 2553 18:53 น.
victoriasecret
๐ แผ่นดินเอื้อน เตือนย้ำ ความจำเจ็บ
จึงต้องเหน็บ เก็บไว้ มิให้เผย
มัดในห้วง ดวงจินต์ ทั้งสิ้นเลย
มิให้เปรย เอ่ยออก ไปบอกใคร
๐ แต่คืน-วัน ผันผ่าน ร้าวรานหนัก
ให้ที่กัก ทะลักเท พัดเพไหล
สาดความจำ ช้ำชอก จากซอกใจ
ออกมาไห้ โหยหวน เสียงครวญคราง
๐ ด้วยศึกใน ไล่ตี...แบ่งสีเสื้อ
เคยช่วยเหลือ เกื้อกัน พลันเหินห่าง
มิตรภาพ อาบทา มาซาจาง
ถือบาดหมาง อ้างสิทธิ์ ความคิดตัว
๐ ศึกไกลก็ ส่อว่า จะมาใกล้
ชายแดนไทย ไอเศร้า คลุกเคล้าทั่ว
ปราสาทฯเรา เขาครอง สุดหมองมัว
ละเลงรัว รอยช้ำ ยากอำลา
๐ เสียงดินโหย โรยแรง แจกแจงโศก
ทุกข์โบยโบกโกรกเป่า พัดเข้าหา
หรือจะให้ ไทยสิ้น กินน้ำตา
ค่อยกลับมา สามัคคี..เสื้อสีเดียว
21 มีนาคม 2553 22:16 น.
victoriasecret
นั่งเหม่อมอง..ท้องฟ้า..คราใจเหงา
มีเพียงเงา..เคียงข้าง..มิห่างหาย
ยามลมจัด..พัดผ่าน..สะท้านกาย
ราวดั่งคล้าย..ปลายมีด..กรีดเนื้อใน
เสียงขลุ่ยแผ่ว..แว่วเสียง..เพียงครวญคร่ำ
เหมือนน้ำคำ..พร่ำหา..คราหมองไหม้
อาทตย์ดับ..ลับแล้ว..หลังแนวไพร
พร้อมกับใจ..ใครหนึ่ง..ซึ่งลางเลือน
สายตาเล็ง..เพ่งผ่าน..ม่านฟ้าหลัว
ดูหมองมัว..หมองไหม้..ยามไร้เพื่อน
แหงนหน้ามอง..ท้องนภา..หมายหาเดือน
เดือนก็เคลื่อน..เลื่อนยัง..หลังเมฆา
เหมือนบางคน..บางใคร..เคยใกล้ชิด
กลับหักจิต..ใจหลบ..ไม่พบหน้า
ราวดั่งจันทร์..วันเพ็ญ..ช่างเย็นชา
หลบร่างเร้น..กายา..พามืดมน
จันทร์เจ้าแกล้ง..แฝงกาย..คล้ายเร้นหนี
จวบบรรจบ..ราตรี..ที่ฟ้าหม่น
เหมือนนวลนาง..ห่างหาย..จากกายตน
คล้ายล่องหน..จนลับ..กับเมฆินทร์
เมื่อจันทร์แจ่ม..แย้มพราย..หลังกรายหลบ
กลับไม่พบ..หน้านวล..ครวญถวิล
อยู่กับความ..เหว่ว้า..จนชาชิน
จนไร้สิ้น..น้ำตา..เคยบ่านอง
เก็บความช้ำ..คร่ำครวญ..ในส่วนลึก
ปิดผนึก..เอาไว้..ใต้ความหมอง
ลืมความสุข..ทุกเสี้ยว..ที่เกี่ยวดอง
แล้วนั่งมอง..ท้องฟ้า..สบตาจันทร์
19 มีนาคม 2553 21:56 น.
victoriasecret
คำถามที่...มีไป...ในวันก่อน
เพียงยอกย้อน...ซ้อนคำ...ทำให้หลง
กลอนหลายบท...ทดไว้...เพียงให้งง
พาเข้าพง...หลงวน...จนหลงไป
เพ่งคำตาม...ความหมาย...ที่คล้ายกัน
คำตอบนั้น...มันเด่น...เน้นไว้ให้
คำตอบแรก...แปลกจิต...คิดว่าใคร
คำนี้ไง...ใช่เลย...หากเอ่ยมา
ส่วนข้อสอง...มองผ่าน...เพราะอ่านข้าม
จากถ้อยความ...ยามสงสัย...ให้กังขา
เพียงแต่นำ...คำแยก...มิแปลกตา
จะรู้ว่า...ผู้ถาม...คือยามเอย.
จากวรรคที่ว่า.....
แล้วตอบความตามเน้นเขาเป็น ใคร และ
โปรดตอบมา...ว่าใคร....ให้ถูกเอย
ยามสงสัย...ให้งง...จนสงกา
จึงจะหา...คำตอบ...โดยชอบธรรม