28 สิงหาคม 2546 09:00 น.
vaproud
ความจริงกับความฝัน
แตกต่างกัน คนละสิ่งหมาย
บนทางสับสน เวียนวน วุ่นวาย
ผู้คนมากมายต่างค้นหาหัวใจ
เป็นฉันคนหนึ่งที่เสาะหา
เพื่อคำตอบว่า คือสิ่งไหน
ฟังเสียงเรียกร้องจากหัวใจ
ที่ยังคงเต้นไหวรดริน
รินรดความฝันด้วยความหวัง
เติมต่อพลังมิสูญสิ้น
นักฝัน พร้อมจะโบยบิน
แม้ต้องจมดินสักกี่ครา
รวบรวมฝันไว้ก่อเป็นไฟ
จุดสว่างไสว เผชิญหน้า
โลกแห่งความจริง สิ่งปรารถนา
จะเอื้อมคว้าถึงปลายหมาย
และเธอคือ จินตนาการความฝัน
ทุกสีสัน เป็นทุก เส้น สาย
ที่บรรจงวาดวาง งดงามมิคลาย
ต่อความเดียวดายที่ฉันมี
แม้โลกของฉันคือความไหวหวั่น
ระหว่างกันที่เกิดขึ้น ณ ตอนนี้
จะเงียบเหงาเปล่าดายเต็มท่วงที
รอยน้ำตายังมีทุกเรื่องฝัน
แต่ฉันจะก้าวเดินต่อไปข้างหน้า
รับความจริงในแตกต่างที่ขวางกั้น
โลก เรา และเรื่องราวนับร้อยพัน
คือความฝัน คือความเป็นจริง
แก้ไข ๒๘/๘/๔๖
26 สิงหาคม 2546 08:48 น.
vaproud
รอยยิ้มสดใสกับหัวใจดวงเล็ก
หนูเป็นเพียงเด็ก ไร้เดียงสา
เกิดมีคำถามมากมาย นานา
เป็นปัญหาที่ยังไม่ค่อยเข้าใจ
เวลากลางคืนมีดาวและจันทร์เจ้า
แล้วดวงดาวจะคล้ายดวงตาคู่ไหน
จริงหรือบนพระจันทร์ทอแสงรำไร
มีตายายช่วยกันตำข้าว
กลุ่มเมฆบาง บางเบาราวปุยนุ่น
จะอบอุ่นไหมเมื่อถึงฤดูหนาว
ฟ้ากว้างเพียงไรจึงรายล้อมด้วยดาว
ระยิบวาววามยามดึกเพราะเหตุใด
มีมนุษย์ สัตว์ป่า ธรรมชาติ
ใครผู้สร้าง ถือกำเนิด เกิดอาศัย
หมั่นเรียนรู้วิถีทางความเป็นไป
ดำรงไว้ตราบนานเท่านาน
เขาบอกว่าโลกนี้สวยงามนัก
จงอนุรักษ์ อย่าทำลาย ล้างผลาญ
โลกจึงเคียงคู่สันติตลอดกาล
แม้วันผ่านแปรเปลี่ยนเวียนวาย
วันนี้ เห็นภาพข่าวโทรทัศน์
ลูกปืนกี่นัดต่อกี่นัดกราดใส่
เลือด เนื้อ เชื้อชาติ ชนหมู่ใด
ล้ม ทับ จับ ตาย เซ่นศึกสงคราม
ชีวิต - ของเล่นใครในเกมนี้
งัดวิธี กลยุทธ์ รุกเหยียบหยาม
โลกที่วาดหวังฝันไว้อย่างงดงาม
เป็นเพียงนามธรรมหรืออย่างไร
รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ สองมือเล็ก เล็ก
เป็นเพียงเด็ก - หนูขอถามได้ไหม
สันติภาพ ความสงบ เป็นยังไง
โลกใบน้อยของหนู คือสิ่งใดหนอ...?
23 สิงหาคม 2546 17:45 น.
vaproud
ขณะโมงยามของความเหว่ว้า ไกลห่าง
เราต่างพาความรู้สึกออกไปเดินเล่น
ตรงเส้นขอบฟ้า
ใจ...
จะโยงใยสายสัมพันธ์
มิตรภาพ...
จะถักทอก่อเกิดความงดงาม
เสมือนว่าต่างมีแรงดึงดูด
ใครจะรู้?
เส้นขอบฟ้าที่ยาวไกล
อาจสร้างทางลัดสำหรับหัวใจ
ให้พานพบ
22 สิงหาคม 2546 08:59 น.
vaproud
๑.
โอ้ทานตะวันผู้ดายเดียว
ณ ห้องร้างทางเปลี่ยวของเมืองใหญ่
ก่อนนี้เจ้าเคยผลิบาน กางใบ
รับแสงอุ่นไอแห่งดวงตะวัน
กระถางดินเผาเจ้าเคยพิงพัก
รินรักหยาดหยดรดความฝัน
ด้วยสองมือ ชายผู้ปลูกทานตะวัน
เฝ้าใส่ใจผูกพัน หวังเพื่อแย้มบาน
๒.
เจ้าเติบโต ในห้องขาว ของนคร
เมืองใหญ่เมื่อครั้งก่อน แต่เนิ่นนาน
เจอะร้อนหนาวพราวฝนทนกล้าหาญ
ทุกฤดูกาลสร้างสีสันสดใส
สร้างรอยยิ้มเพื่อแผ่นฟ้าผืนกว้าง
สร้างสุขริมหน้าต่างเพื่อโลกวันใหม่
สร้างเสียงเพลงเมื่อสายลมพัดผ่านไป
สร้างห้องขาวให้เกิดมีชีวิต
๓.
แล้วคืนหนึ่ง ไร้ซึ่งเสียงคำร่ำลา
คืนที่แสงจันทรามืดดับสนิท
เมฆฝนหม่นมัวสลัวทุกเบื้องทิศ
ฟ้าจึงค่อย ค่อย ปิดเปลือกตา
เสียงคำรามร้องก้องสนั่น
สะเทือนขวัญ ประกายสายเสียดฟ้า
ละอองฝนพรูแล้วพรายทลายมา
เสมือนว่าดวงใจใครโรยริน
เสียงถนน ฝีเท้าสะท้านสะท้อน
ท่ามกลางเสียงวิงวอน มิสุดสิ้น
หยาดน้ำตาจึงร่วงหล่นลงดิน
มิอาจยลยินเรียกคืนย้อนมา
เช่นไรหนอ ชายผู้ปลูกทานตะวัน
ผู้สร้างฝัน แด่ดอกไม้ผู้ไร้ค่า
จึงลืมเลือนลบคำสัญญา
รอเวลาแห่งการผลิบาน
.......................................................
.......................................................
.......................................................
.......................................................
๔.
กี่ฤดู แปรเปลี่ยน เวียนว่าย
บางเช้า บางสาย ให้พ้นผ่าน
ห้องขาวกลับกลายเพียงตำนาน
ทิ้งร่องรอยการ เฝ้าคอยเพียงใคร
กี่ฤดู แปรเปลี่ยน มิรู้สิ้น
ตะวันพลบดิน - รุ่งอรุณวันใหม่
กระแสลมมาเยี่ยมเยือนแล้วจากไป
ยะเยือกเย็นหวาดไหว หวาดหวั่น
หลงเหลือเพียงซากรกร้างทางเปลี่ยว
เศษซากร่างโดดเดี่ยว เงียบงัน
เจ้ายังรินรดหยดหยาดความฝัน
ก่อนซบดินสิ้นกันอาวรณ์อาลัย
โอ้...ทานตะวันผู้ดายเดียว
ณ ห้องร้างทางเปลี่ยวของเมืองใหญ่
รินรดหยดน้ำตาเลี้ยงลมหายใจ
เพื่อการผลิบานต่อไปเป็นนิรันดร์
เพื่อการผลิบานตลอดไป
เพื่อชายผู้ปลูกทานตะวัน...
21 สิงหาคม 2546 09:05 น.
vaproud
คือ คนแปลกหน้า
ข้ามผ่านพ้นเวลา ณ หนไหน
ทิศทางที่ร้างแรม ณ แห่งใด
จึงปลุกฝันหวั่นไหว ณ ดวงตา
คือ ฟ้าคราม
งดงามทุกฤดูกาลล้ำค่า
โอบละมุนอุ่นโมงยามเหว่ว้า
ปลอบประโลมรอยล้าร้าวลึก
คือ ภาพเขียน
เส้นสายรายเรียงล้วนความรู้สึก
หนึ่งจินตนาการสู่ล้านคิดนึก
ล้านลึกหลอมรวมหนึ่งจินตนาการ
คือ บทเพลง
กล่อมบรรเลงผู้คนขับขาน
ท้วงทำนองกู่ก้องดังกังวาน
เนิ่นนานไม่เคยเลือนรางจางไป
คือ แสงเทียน
กลางกระแสลมเปลี่ยนกระหวัดไหว
จุดศรัทธาเพื่อมวลชนโชนไฟ
เพียงมอดไหม้มิคิดเกรงกลัว
คือ ร่มไม้
แก่ผู้พักกายทุกถิ่นทั่ว
บดบังไอแดดแผดเผาหมองมัว
เมฆฝนฟ้าสลัวป้องละอองสาย
คือ ความจริง
เป็นทุกสิ่งของทุกความหมาย
เรียนรู้คุณค่าในตัวตนมากมาย
ตามกระบวนการเวียนว่ายแห่งเวลา
คือ...
สองมือแห่งผู้ปรารถนา
ชีวิต จิตวิญญาณ ความศรัทธา
พร้อมก้าวไปข้างหน้าเคียงข้างเธอ