15 กันยายน 2546 19:24 น.
vaproud
โอ้ดวงใจพิสุทธิ์แห่งพี่เอย
อย่าร้างจร รอนเลย ให้แหนงหน่าย
น้องถักถ้อยร้อยศรัทธามิคลาย
มั่นคงต่อความหมายมิผันแปร
คืนจันทร์โศกคร่ำครวญถึงดาวพร่างพราว
ลมพรูจะกรูกราวเปลี่ยนกระแส
พัดผ่านมารวดร้าวราวอ่อนแอ
ฤๅพ่ายแพ้ต่อทิศทางที่ต่างไกล
เฝ้าร่ำรำพึงรำพัน
ริมระเบียงแสงจันทร์ หม่นไหม้
เวิ้งฟ้าว้างคว้างเปล่าสะท้านใจ
สะท้อนเสียงสะอื้นไห้แห่งตัวตน
ขวัญเอย
กลับมาชิดทรามเชยสักคราวหน
น้องถักถ้อยร้อยรักประจักษ์ยล
ข้ามฝ่าพ้นกระแสธารากาล
พี่เอย
อย่าจากจร รอนเลย ให้เลือนผ่าน
ดวงใจน้องนี้จักแตกราน...............
....................................................
9 กันยายน 2546 08:36 น.
vaproud
หลับตา...
ปล่อยให้เสียงฝนพรั่งพรูในความรู้สึก
กลบเสียงหยดน้ำตาที่หลั่งสาย
รินความเปราะบางแห่งช่วงชีวิต
ความอ่อนแอ...
คืบคลาน ปรากฏร่างให้เห็น
8 กันยายน 2546 14:12 น.
vaproud
ผู้ชายตัวสูง...
หน้าดุ ๆ
มีหนวด
ผมยาวเหมือนกับผู้หญิง
รักศิลปะ เล่นดนตรี และชอบฮัมเพลงภาษาฝรั่ง
สะพายกระเป๋าสีฟ้าใบใหญ่ ๆ
สวมรองเท้าแตะไปทำงาน
ที่เสื้อกับกางเกงมีสีต่าง ๆ เปรอะเปื้อนกลับมาบ้านทุกวัน
มีไข่เจียวอร่อย ๆ
มีรูปวาดสวย ๆ
มีเรื่องเล่าและนิทานกล่อมก่อนนอนทุกคืน
เป็นม้า...
เป็นพระราชา...
เป็นคนธรรมดา...
เป็นตัวตลก...
เป็นฮีโร่...ที่มีหนึ่งเดียว...ในใจ
เป็นความทรงจำของเด็กตัวน้อย ๆ
ที่กำลังขี่คอ ป๋า และนับดาวไปพร้อม ๆ กัน
5 กันยายน 2546 09:47 น.
vaproud
ใต้เงาแสงดวงดาวกระพริบระยับ
ดาวทอแสงขับกล่อมใจได้เฟื่องฝัน
ท่ามราตรีเปลี่ยนเดือนเคลื่อนวัน
ในแตกแผกต่างผัน ณ กาลเวลา
ส่องสกาวพราวพร่างส่องทางนำใจ
แห่งผู้ห่างร้างไกลมิพานพบหน้า
ให้รำลึกนึกคำนึงตรึงตรา
ระโยงใยปรารถนาอุ่นละไม
กี่รอยร้าวกี่ร้าวรอนอยู่ลึก ลึก
กี่หยดผลึกน้ำตาที่รินไหล
กี่ระลอกหมอกและลมระทมใจ
กี่ครากี่แพ้พ่ายที่ซานซม
ฉันขอเป็นดั่งดาวบนผืนนภา
สาดส่องนำดวงตายามเธอขื่นขม
เส้นทางฝันก้าวผ่านทิศทางพลาดล้ม
ขวากหนามบาดคมอย่าทดท้อสิ้นหวัง
ใต้ผืนฟ้าดวงดาวกระพริบระยับ
จะทอแสงขับกล่อมใจผู้ผิดพลั้ง
ด้วยรักต่อศรัทธาด้วยแรงพลัง
จวบจนกระทั่งตราบวันฟ้าสิ้นดาว
2 กันยายน 2546 15:05 น.
vaproud
ผืนฟ้าแปรเปลี่ยนไปในทุกขณะ
เสมือนพันธะผกผันพลันสลาย
เพียงครู่ฤดูกาลหนึ่งซึ่งพร่างพราย
แล้วเลือนดับลับหายตามรอยทาง
สีครามยามตะวันรอนตอนตกดิน
ตะวันสิ้นคลอเสียงเศร้าเคล้ามิห่าง
ละอองอุ่นขุ่นในหลั่งดั่งครวญคราง
อยู่ท่ามกลางความขมขื่นสะอื้นใจ
สายลมเหนือกระหวัดรัดจนหนาวเหน็บ
รวดร้าวเจ็บเจียนจนจะทนไหว
น้ำคำเคยพร่ำเพียรเอ่ยความภายใน
พลิ้ว พลิ้ว ปลิวลับไกลสุดสายตา
จมจ่อมในวังวนที่วนเวียน
แม้สายชลมิไหลเปลี่ยนคืนย้อนหา
เพียงฝันร้ายกระหน่ำซ้ำโรยรา
รอยรักร้าวลงตรงหน้าให้จารจำ