1 มิถุนายน 2547 17:14 น.
vaproud
ปิดประตูโลกภายนอก
เดินหนีเข้าไปในกรอบแห่งความฝัน
เมื่อทางไหนมีแต่ภาพบาดหมางกัน
คนกับคนเข่นฆ่าฟันอย่างเลือดเย็น
เพียงคำพูดไม่เข้าหูก็บ่นว่า
บานปลายกลายเป็นด่าเข้าขู่เข็ญ
น้ำลายแตกฟองต่างฝ่ายไม่ใจเย็น
หัวดำหัวขาวไม่มีเว้นยอมใคร
เริ่มจากสิ่งเล็ก เล็ก นิดน้อย
ทยอยเริ่มต้นสู่สิ่งใหญ่
เพียงพื้นฐานจากความไม่เข้าใจ
เอาอามรณ์แลกไปด้วยกำลัง
ชั่ววูบ อาจแลกมาด้วยชีวิต
เพียงสักนิดคิดหน้าคิดหลัง
รอบด้านใครเดือดร้อนอีกใครพัง
ยับยั้ง อย่าเอาอารมณ์เหนือเหตุผล
หากมองโลกใบใหญ่ในทุกวันนี้
ทิศทางใดล้วนมีความขื่นขม
บาดแผลร้ายจากของมีคม
จากน้ำมือบางคนไม่เห็นใจ
เกิดมามีเลือดเนื้อและสมอง
เดินตามครรลองที่ควรสะอาดใส
เกิดมาเป็นคนใต้ร่มผองไทย
แม้ต่างศาสนา ก็ใช่ พี่น้อง
กอดกันไว้รักกันให้คงมั่น
ชีวิตหนึ่ง ณ ปัจจุบันไม่มีสอง
อย่าให้เลือดไหลหลั่งน้ำตานอง
อย่าให้แผ่นดินร่ำร้องอาลัย
ปิดประตูโลกภายนอก
เดินหนีเข้าไปในกรอบโลกใบใหม่
โลกที่ฉันวาดจากดวงใจ
บริสุทธิ์แม้เพียงในความฝัน
โลกที่ฉันวาดจากดวงใจ
ขอบริสุทธิ์ในความเป็นจริง...
14 มกราคม 2547 13:12 น.
vaproud
...กลุ่มเมฆหนาสีเทา
ปกคลุมแผ่นฟ้าสีขาวจนมืดมิด
กลั่นเม็ดฝน
ทีละหยด
จนกลายเป็นสายให้สัมผัสกับผืนดิน...
แล้วก็เบาบางลง...
เห็นไหม
ต้นหญ้าน้อยใหญ่
กำลังส่งยิ้มมาอย่างมีความสุข
ได้ยินไหม
ลมฝนกำลังร้องเพลงโปรด...ให้ฟัง
ฟ้าสีคล้ำเริ่มเปิดอีกครั้ง...
แล้วรู้หรือเปล่า...
ว่าเด็กน้อยที่ซุกตัวใต้ร่มสีแดงคันนั้น
กำลังคอยสายรุ้งที่เธอฝัน
ในฤดูร้อน...
6 มกราคม 2547 09:03 น.
vaproud
ลมหนาวพราวหนาวกายกลางสายหมอก
กี่ระลอกระบัดพลิ้วผ่านทิวเขา
ท่วงทำนองทำเพลงบรรเลงเงา
ปลุกดอกหญ้าดอกเศร้าให้เต้นรำ
ปีกบางเบาบางราวกลีบดอกไม้
เจ้าโยกซ้ายโยกขวาช่างน่าขำ
บนดอกหญ้าดอกเศร้าเริงระบำ
ตามจังหวะจังงังเจ้างงงวย
ตะวันยิ้มวันแย้มยามแรกเช้า
ทอแสงทองแสงพราวทุ่งข้าวสวย
กลุ่มเมฆขาวเมฆคล้อยลอยลมด้วย
ต่างร้องช่วยร้องทักเพลงยักย้าย
หยาดน้ำค้างน้ำหยดรดใบหญ้า
เอื้อมมือรับมือคว้ากลับหล่นหาย
เสียงหัวเราะหัวร่อดังไม่คลาย
เมื่อหยดน้ำหยดสายพรมแก้มชมพู
ขดตัวดั่งตัวหนอนเล่นซ่อนหา
ใต้ใบไม้ใบหญ้าล้ำค่าหรู
มีฟ้ากว้างฟ้าไกลให้เฝ้าดู
ใคร่เรียนรู้เรียนรักษ์อย่างเข้าใจ
สัมผัสความงดงามของธรรมชาติ
บอกคำเล่าคนึงผ่านอากาศใส
จดบันทึกเรื่องราวสื่อจากใจ
เมื่อแรกเช้าหนาวลมไหวเดือนมกรา
23 ธันวาคม 2546 08:59 น.
vaproud
ไม่เกี่ยวกับสายลมในฤดูหนาว
ที่พัดกราว มาห่ม ให้ตรมลึก
เหตุปวดร้าว ราวถูกกรีด ให้รู้สึก
คำนึงนึกถึงวันวานที่ผ่านไป
ไม่เกี่ยวกับฤดูกาลอันผันแปร
ร้อน ฝน หนาว ที่เที่ยงแท้ ยังแปรไหว
จึงไม่แปลกต่างไปจากใจ
บ้างทะเทือน สะท้อน ในอารมณ์
ไม่เกี่ยวกับสายลมในฤดูหนาว
เมื่อน้ำตาร่วงพราวเกินจะข่ม
ไม่เกี่ยวหากภายในจักจ่อมจม
ฟ้า ฝนจะพรูพรม สักกี่เส้นสาย
หากเกี่ยวเนื่องจากเสี้ยวหนึ่ง ที่พบพาน
คราบอดีต - กาลคงกรุ่น อยู่เดียวดาย
จิบดื่มความหม่นเศร้า ทีละความหมาย
ซึมซับกลิ่นอาย ที่ไม่เจือจาง
กี่ฤดูกาล คล้ายผ่าน มาเยี่ยมเยียน
บรรยากาศดูปรับเปลี่ยนและแตกต่าง
แท้จริงยังหายใจอยู่ท่ามกลาง
ความเวิ้งว้างที่เกิดขึ้นภายใน...
16 ธันวาคม 2546 09:22 น.
vaproud
ทุกสิ่งเคลื่อนไหวและแปรเปลี่ยน
เวลายังคงหมุนเวียนผ่านเราไปช้า ช้า
นาทีนี้คือปัจจุบัน วินาทีข้างหน้าคืออนาคต
ดวงอาทิตย์ยามเช้ายังคงให้ความอบอุ่นแก่ทุกสรรพสิ่ง
ดอกไม้คงแย้มบานให้เห็นถึงความอ่อนหวาน
ใบไม้ผลิใบโปรยปรายลงสู่พื้นดิน
หนึ่งใบคว้างไปกับสายลม
อีกหนึ่งเวียนวนอยู่กลางสายน้ำราวกับว่าเจ้าเป็นอิสระ
และอีกหมื่นพัน แหลกสลายตามกาลที่ย่ำเดิน
บนโลกที่คล้ายว่าจะเปล่าดาย
ยังมีลมหายใจเข้า - ออกของหลากหลายชีวิต
เสียงความวุ่นวายเซ็งแซ่
ยังกู่ร้องเรียกหาอยู่ทุกจังหวะ
วิถีที่ต่างดำเนินบนเส้นทางคดเคี้ยว
ไม่แปลกต่างกับการแขวนเกี่ยวอยู่บนเส้นดายที่เบาบาง
ชีวิต เราต้องการสิ่งใด?
ประตูความฝันคอยรอให้เราผลักเข้าไปสัมผัสถึงความหมาย
ความหมายที่ใช้เวลาเพื่อการค้นหา
ความหมายที่อาจจะต้องใช้เวลาทั้งหมดของชีวิต
เพื่อการค้นหา
ไม่เคยมีที่สิ้นสุด...