14 กรกฎาคม 2547 21:01 น.
vaproud
เพียงหนึ่ง ที่เฝ้าคอยนานวัน
อาจนับเดือนผ่านผันสักกี่ร้อย
วาดวางบนทางใจไร้รูปรอย
ปั้นฝันทีละน้อยทีละนิด
ค่อย ค่อย ก้าวต่อก้าว มีล้มพลาด
ทิ้งร่องรอยคมบาดมาสะกิด
เพื่อเรียนรู้ความเป็นไปให้ขบคิด
บางมุมมองถูกผิด ตัดสินใจ
เปรียบตัวดั่งนกน้อยเมื่อแรกบิน
อยากโผผินชมโลกที่กว้างใหญ่
ระหกระเหินเกี่ยวเกาะก้านกิ่งใบ
ด้วยปีกท้าลมไกวถึงฝั่งฟ้า
เพียงหนึ่ง ที่เฝ้าคอยมานานวัน
อาจนับเดือนผ่านผันสักปรารถนา
ยังเชื่อต่อดวงใจในศรัทธา
เพื่อปั้นฝันอันมีค่าทีละน้อย...
วาพราว
12 มิถุนายน 2547 11:15 น.
vaproud
นิ่งฟังเสียงใบไม้เจรจา
ในลมฝนมิถุนาเย้าเยือน
ครุ่นคิดถึงคนรักห่างคล้ายรางเลือน
ร้างไกลเสมอเหมือนดั่งเคลื่อนลอย
ฤๅรักจะคว้างเปล่ากลางสายลมเปลี่ยว
จึงดายเดี่ยวเกี่ยวดวงดาวนับล้านร้อย
ทุกคืนหนาวพราวฝนฉ่ำพรำปรอย ปรอย
หยาดหยดฝนน้อย น้อย ชื้นดวงตา
จันทร์เจ้าเอยเคยไกวเปลเห่กล่อมรัก
ให้พิงพักวางดวงใจปรารถนา
ได้ยินเพียงเสียงความเศร้ากรูกราวมา
เหล่าใบไม้ชรา ก็คว้างโปรย
ปลิดปลิวไกลไปถึงฟ้าฝั่งไหนเล่า
บัดนี้อาจเพียงเศษเถ้าธุลีโหย
ใจดวงเก่า ของคนเก่า ใช่ร่วงโรย
คงโบกโบยผกผินบินตามตะวัน
ในสายฝนต้นเดือนมิถุนา
ความคิดถึงบ่มบ่าถึงฟ้าฝัน
หากสายใยขาดลงตรงกลางคัน
ใคร? จะช่วยฉันกางร่มห่มดาวเดือน
หากค่ำนี้ฝนตกลงมาพลัน
แล้วใครกันจะกางร่มห่มเดือนดาว...
วาพราว.
10 มิถุนายน 2547 15:44 น.
vaproud
สีถนนหม่นมัว
กระจายทั่วด้วยหมอกควัน
เซ็งแซ่แข่งเสียงกัน
ณ ฉากนั้นในนคร
บนบาทวิถีเศร้า
กลางแดดเผามาแผดร้อน
ร่องรอยฝันสัญจร
เปื้อนฝุ่นฟอน ฝันของใคร
ชีวิตหนึ่งผันผ่าน
วันของวารคืนของใจ
ท่ามกลางฝันของร้าย
เพียงเศษไม้ที่ผุพัง
เลื่อนลอยตามรอยทาง
วิถีร้างคว้างความหวัง
วิถีเมืองชิงชัง
ว่าจีรังช่างห่างไกล
กระป๋องเปื้อนน้ำตา
แลกเงินตราปนน้ำใจ
หยิบยื่นและคืนให้
ด้วยหนึ่งใน บทเพลงเหงา
คือ เพลงรัก เพลงโศก
อีกเพลงโลกที่คร่ำเก่า
ร่ำร้องซ้องความเศร้า
ในค่ำเช้าที่ดายเดียว
สีถนนหม่นมัว
เคลือบคลุมทั่วทุกโค้งเคี้ยว
ไยใจกลับเปล่าเปลี่ยว
ในส่วนเสี้ยวของนคร...
8 มิถุนายน 2547 12:54 น.
vaproud
หาก
หากผืนผ้าใบเป็นดั่งเม็ดทราย
แต่ละเม็ดคงมากมาย พอที่จะใช้เศษไม้เก่าๆ สักอันวาดภาพอะไรก็ได้
สักภาพหนึ่ง
ฉันเลือกที่จะวาด...ภาพทั้งหมดของชีวิต
หากแผ่นกระดาษเป็นดั่งผืนฟ้า
ความกว้างยาวคงมากมาย พอที่จะหยิบดินสอสักแท่งมาขีดเขียนบทกวี
สักบทหนึ่ง
ฉันเลือกที่จะเขียน... บทกวีที่ไม่มีใครรู้จัก
หากสองมืออันหยาบกร้านเป็นดั่งสายลม
ที่พัดผ่านไปทุกหนทุกแห่ง แม้อาจสัมผัสว่าไม่นุ่มนวล
แต่ขอเพียงพออุ่นที่จะเอื้อมคว้าธรรมชาติมาโอบกอดไว้ในอ้อมแขน
ฉันจะเดินทาง... พัดผ่านทุกช่วงฤดูกาลอย่างไม่มีวันสิ้นสุด
หากความสุขเป็นดั่งสายฝน
พร่างพรมร่วงหล่นเป็นเส้นสาย คงเปียกปอนชุ่มฉ่ำสร้างรอยยิ้มแทน
หยดน้ำตาของใคร
ฉันขอร่วงหล่นจากฟากฟ้า... ลึกลงสู่จิตใจของผู้คนเหล่านั้น
และหากความรัก
เป็นดั่งเกลียวคลื่นแห่งท้องทะเล ก่อเกิดบทเพลงที่เฝ้าคอยกล่อมเห่เมื่อ
หลับใหลหรือฟื้นตื่น
ฉันเพียงอยากให้เธอได้รู้จักและสัมผัส...
เปิดดวงตาให้พบเห็นและใช้ใจรับฟัง
ฉันจะบรรเลงบทเพลงแห่งท้องทะเลนั้น
เท่าวันหนึ่งหัวใจของเธอจะปิดรับบทเพลงจากฉัน
หรือตราบเท่าที่วันหนึ่งดวงตาของเธอจักปรากฏว่า
เกลียวคลื่นแห่งท้องทะเลได้สูญหายไป...
5 มิถุนายน 2547 14:36 น.
vaproud
ความรัก
๑. แรกเริ่ม
เริ่มแรกต่างแปลบแปลกหน้า
ครุ่นถามถึงความว่า รักเป็นไฉน
จึงคุ้นเคยดั่งเคยชิดสนิทใจ
ทั้งความจริงต่างใจอันไกลเกิน
กาลหนึ่งเคยเปรยเศร้าเล่าเรื่องร้าว
บททางไร้เสียวแสงดาวมาห่างเหิน
ย่ำตามกาลเพียงก้าวที่เท้าเดิน
กลับหมองเมินเหยียบย่ำซ้ำซ้ำใจ
ก่อกำแพงด้วยแรงล้าเมื่อรางเลือน
กักขังร่างมิรู้เดือนจะเคลื่อนไหว
แม้ภายนอกเขาว่างามทุกยามไป
เสียงภายในสะท้อนใจว่าหม่นมัว
๒. ผลิใบแล้งสู่ต้นฝน
ผลิใบแล้งแห้งเหี่ยวร่วงจากต้น
แล้วพร่างพรายหยาดฝนอิ่มอาบทั่ว
แนบฟังฟ้าคร่ำครวญมาขลาดกลัว
อีกเมฆมัวเคลือบคลุมแสงตาวัน
เวียนผ่านฤดูใดในรู้สึก
ล้วนจ่อมลึกต่อฤดูเวียนเปลี่ยนผัน
เมื่อเสียงใคร ภายนอกกำแพงนั่น
เล่าเรื่องราวความฝันวันสวยใส
ดั่งพบความงามหมดจดที่เติมต่อ
ค่อย ค่อยก่อเป็นรักแรกเริ่มใหม่
ต้นฝนเริ่มแรกน้ำค้างพราวพรมใบ
สัมผัสถึงภายในจนฉ่ำเย็น
๓. ความรัก
เมื่อมิอาจฝืนห้ามหัวใจตน
จะก่อกั้นอีกกี่หนมิให้เห็น
จะปิดรับความรู้สึกมิให้เป็น
เกินยากเข็ญก็มิอาจทำร้ายใจ
วางความรักบนแผ่นกระดาษขาว
วาดเรื่องราวด้วยความพิสุทธิ์ใส
เขียนความฝันเพียรก่อมากพอให้
พอถักรักทอสายใยระหว่างกัน
เริ่มแรกครั้นแปลบแปลกหน้า
ครุ่นถามความปรารถนามาเกี่ยวฝัน
ขอทำลายกำแพงขวางที่สูงชัน
แล้วเกี่ยวดาวร้อยพันมาคล้องใจ
ความรัก
ประจักษ์ต่อทุกคำถาม คือไฉน
เมื่อล้ำลึกลงสู่ห้วงแห่งดวงใจ
รักเท่าใดบอกมิได้ในค่ารัก
วาพราว.
NOTE : ๕ เมษายน ๒๕๔๗ เวลา ๒๑ : ๒๖