24 มกราคม 2549 14:25 น.
unicorn
ความรัก"ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่มนุษย์มีอยู่มากมายราวกับว่าจะไม่มีวันหมด
แต่สิ่งที่มนุษย์มีอยู่จำกัดจนดูเหมือนคับแคบเห็นแก่ตัวก็คือ "ความอดทน"
ยิ่งรักมากก็ยิ่งต้อง "อดทน" กับปัญหาต่างๆ รอบข้าง
. . เพื่อรักษาความรักนั้นไว้ให้ยั่งยืน
แต่ในทิศทางตรงกันข้าม เมื่อใดที่สิ้นรัก เมื่อนั้น "ความอดทน" ก็หามีไม่
สิ่งใดที่เคยทนได้ ก็กลับแปรเปลี่ยนไป
สิ่งใดที่เคยเห็นดี เห็นชอบ กลับกลายเป็นขวางหูขวางตา
ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายหนึ่งกระทำต่อกันอย่างเสมอต้นเสมอปลาย
ท้ายที่สุดอีกฝ่ายหนึ่งก็ทอดทิ้งปล่อยให้ความรักนั้นต้องจบลง
บางครั้งความรักนั้นอาจจบลง ทั้งๆ ที่ความรู้สึกรักของเรายังมีอยู่เต็มหัวใจ
เพียงแต่การถูกกระทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า . .
จนกระทั่ง "ความอดทน" บอกให้เราต้องไป...ไปทั้งที่ยัง "รัก"
เพราะหากรักแล้วต้องเจ็บ ต้องช้ำ ทางเลือกที่ดีที่สุดก็น่าจะหมายถึง
"การจากไปในวันนี้เพื่อที่จะเข้มแข็งและลุกขึ้นได้ใหม่ ในวันข้างหน้า" . .
อย่างนั้นไม่ใช่หรือ . .
หากรักแล้วต้องทนร้องไห้ไปตลอดชีวิต . .
คุณก็จะเจ็บเพราะความรักไปตลอดชีวิต
แต่หากคุณร้องไห้วันนี้ . . แม้จะเจ็บกว่า
แต่ก็จะเป็นความรู้สึกก็จะเจ็บไม่นาน ไม่กี่วันคุณก็ลืมไปเอง . .
สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับตัวเองแล้ว ว่าจะร้องไห้ไปตลอดชีวิต
หรือร้องไห้แค่วันนี้ แล้วยิ้มไปตลอดชีวิต . . .
20 มกราคม 2549 12:46 น.
unicorn
อ่านแล้วน้ำตาไหล เลยครับ ถึงแม้ว่าความจริงอาจจะไม่เป็นอย่างนี้ แต่คงได้แง่คิดดี ๆ ไปบ้างนะครับ
แด่คนที่เห็นแฟนดีกว่าพ่อ แม่
....หลังวาเลนไทน์
วันที่ 14 กุมภา ผมเป็นอีกคนหนึ่งที่เหมือนคนทั่วไป
กุหลาบ ช็อคโกแลต คำบอกรัก
สามสิ่งนี้ต้องเวียนเข้ามาหาชีวิตผมเพื่อให้คนคนหนึ่งทุก ๆ
ปีในวันนี้
ก่อนวันที่ 14 กุมภา
ผมเดินออกจากบ้าน
ในมือมีผ้าเช็ดหน้าสีชมพูที่ต้องการเอาให้แฟนของผม
เธอเป็นหญิงสวยมาก เป็นดาวคณะของมหาลัยของเรา
ก่อนผมจะออกไปพบเธอ เธอโทรมาหาผม
ผมจึงวางผ้าเช็ดหน้าที่ผมบรรจงพับไว้บนโต๊ะ
หลังจากการพร่ำบอกรักกันด้วยถ้อยคำหวานหูเป็นเวลานานทีเดียว
ผมปรี่ออกจากบ้านไปหาเธอ
โดยไม่ลืมผ้าเช็ดหน้าผืนนั้น
ผมเห็นพ่อของผมถือมันออกมา ในผ้าผืนนั้นมีรอยเลือด
"พ่อ ทำอะไรหนะ" ผมโพล่งถามด้วยความโมโห
พ่อหน้าซีดทันที
" ไอ้เหมียวหนะ มันโดนกัด พ่อเลยเอาผ้าไปเช็ดเลือด"
"พ่อรู้ไหม ผมกำลังจะเอาไปให้แฟน ไ
พ่อเงียบ ผมเกลียดจริงๆ เวลาพ่อเงียบเมื่อจนกับปัญหา
ความโมโหสั่งผมให้ทำได้แม้กระทั่งจะตบหน้าพ่อ
พ่อเบือนหน้า
"พ่อขอโทษ มานี่....." พ่อยื่นมือมารับผ้าเช็ดหน้า
"พ่อจะเอาไปซักให้เอง"
ผมงอนพ่อถึงกับไม่ยอมคุยกับพ่อเป็นเวลานานพอควร ไม่ยอมลงจากบ้าน
เป็นเวลาเกือบทั้งสองวันที่ผมไม่เจอหน้า
ใคร หมกตัวอยู่กับห้อง มีเพียงแม่เท่านั้นที่คอยส่งข้าวให้ผม
ยามเมือ่ผมมองตาแม่ครั้งใดทุกครั้ง ดวงตาแม่จะแดงปรี่ด้วยน้ำตา
ผมเริ่มรู้สึกว่า บางทีผมอาจจะทำเกินไป
14 กุมภาพันธ์
ตั้งแต่ครั้งที่ผมเห็นแม่เสียใจ
ผมก็รู้สึกว่าผมทำอะไรผิดไปหรือเปล่า
ผมยอมออกมาจากห้อง
ผมไม่เห็นพ่อ
เดินออกมาที่บริเวณลานซักผ้า กาละมังยังมีผ้าที่ยังไม่ซักหลายผืน
ข้างๆ มีกองเลือดอยู่ และที่ราวตากผ้ามี
ผ้าเช็ดหน้าของผม ถึงจะล้างรอยเลือดไม่หมด
ก็ยังดีที่พ่อยังห่วงใยผม ยังแคร์ผมอยู่
พ่อ ผมอยากขอโทษครับ
หันหน้าจะกลับเข้าบ้าน ก็พบกับแม่ แม่ร้องไห้มาแต่ไกล
วิ่งมากอดผม
" พ่อเสียแล้วนะ "
ผมอึ้ง
แม่ลำดับเหตุการณ์ และทำให้ผมทราบว่า
พ่อป่วยเป็นโรคทางเดินหายใจติดเชื้อ
รอยเลือดที่เห็นนั้นคือเลือดที่พ่อจาม
ออกมา พ่อมองไม่เห็น
"พ่อกำชับแม่มาตอนที่ลูกโกรธว่า อย่าบอกลูกเด็ดขาดว่าพ่อป่วย "
"ทำไมล่ะครับ"
"พ่อกลัวเราจะเสียใจ แล้วไม่ได้ออกไปเที่ยวกับแฟน"
ผมอึ้งเป็นครั้งที่สอง
"พ่อบอกแม่ด้วยว่า ถ้าพ่อเสียวันนี้ อย่าเพิ่งบอกลูก
ให้ลูกไปเที่ยวกับแฟนก่อน พ่อไม่อยากให้ลูกเป็นทุกข์ พลาด
โอกาสอย่างนี้เพราะพ่อคนเดียว
พ่อบอกด้วยว่าพ่อซักผ้าเช็ดหน้าให้แล้ว มันไม่สะอาดหรอก
แต่พ่อบอกว่าพ่อของลูกทำ
ดีที่สุดแล้ว"
ผมกอดแม่ ร้องไห้
วันนี้จะเป็นวันวาเลนไทน์ที่อยู่ในความทรงจำตลอดไป
พ่อครับ ผมขอโทษ.......