13 พฤศจิกายน 2548 13:02 น.
unicorn
อย่าหวังว่า...ใครจะเป็นได้อย่างใจเราต้องการ
...เพราะตัวเราเอง บางครั้งก็ไม่ได้อย่างใจตัวเองเช่นกัน
อย่าหวังว่า...จะต้องให้ใครรักเราตลอดไปโดยไม่เปลี่ยนแปลง
...เพราะเราเองก็พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาเมื่อเรารักใคร
อย่าหวังว่า...ใครจะเข้าใจเราทุกเรื่อง
...เพราะบางเรื่องเราเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเช่นกัน
อย่าหวังว่า...จะมีใครสักคนอยู่เพื่อเรา
...เพราะบางครั้งเราเองก็ยังไม่รู้ว่าจะอยู่เพื่อใคร
อย่าหวังว่า...ใครคนหนึ่งจะดีและสวยงามสำหรับเราตลอดไป
...เพราะเราเองบางครั้งก็ไม่ได้ดีกับเขาเสมอไปไม่ใช่เหรอ
อย่าหวังว่า...ใครคนหนึ่งจะหยุดชีวิตไว้ที่คุณ
...ถ้าคุณยังไม่พร้อมจะหยุดที่เค้าเช่นกัน
13 พฤศจิกายน 2548 13:00 น.
unicorn
เคยสงสัยไม๊ ว่าการที่คุณอยู่ไม่ติดบ้าน หมายความว่าคุณเป็นคนขี้เหงาหรือเปล่า หากไม่แน่ใจเชิญพิสูจน์ด้วยตัวคุณเองสิ
1.คุณชอบไปชมภาพยนตร์คนเดียว
ใช่ไปที่ข้อ 2
ไม่ใช่ไปที่ข้อ 6
2.ชอบความครื้นเครงสนุกสนาน
ใช่ไปที่ข้อ 7
ไม่ใช่ไปที่ข้อ 3
3.ชอบเขียนจดหมายถึงเพื่อน
ใช่ไปที่ข้อ 8
ไม่ใช่ไปที่ข้อ 4
4.ชอบไปไหนมาไหนเพียงคนเดียว
ใช่ไปที่ข้อ 5
ไม่ใช่ไปที่ข้อ 9
5.ชอบทานข้าวคนเดียว
ใช่ไปที่ข้อ 10
ไม่ใช่ไปที่ข้อ 9
6.เมื่อไปทานข้าวนอกบ้านต้องมีคนเป็นเพื่อน
ใช่ไปที่ข้อ 11
ไม่ใช่ไปที่ข้อ 7
7.ไม่มีเพื่อนที่รู้ใจ
ใช่ไปที่ข้อ 12
ไม่ใช่ไปที่ข้อ 8
8.เมื่ออารมณ์ไม่ดีมักจะไปหาเพื่อน
ใช่ไปที่ข้อ 13
ไม่ใช่ไปที่ข้อ 9
9.ชอบพูดคุยเล่นทางโทรศัพท์
ใช่ไปที่ข้อ 14
ไม่ใช่ไปที่ข้อ 10
10.ชอบเดินเล่นคลายกลุ้มคนเดียว
ใช่ไปที่ข้อ 15
ไม่ใช่ไปที่ข้อ 14
11.ชอบนั่งคิดคนเดียว
ใช่ไปที่ข้อ 12
ไม่ใช่ไปที่ข้อ 16
12.ต้องการความรู้สึกปลอดภัยมาก
ใช่ไปที่ข้อ 17
ไม่ใช่ไปที่ข้อ 13
13.มีของดี ๆ ต้องแบ่งกัน
ใช่ไปที่ข้อ 18
ไม่ใช่ไปที่ข้อ 14
14.หวังอยากให้ฝ่ายตรงข้ามสนใจคุณ
ใช่ไปที่ข้อ 18
ไม่ใช่ไปที่ข้อ 19
15.เบื่อหน่ายเพื่อนที่มารบกวนถึงบ้าน
ใช่ไปที่ข้อ 20
ไม่ใช่ไปที่ข้อ 19
16.เรื่องใหญ่หรือเรื่องเล็กต่าง ๆ ต้องหาเพื่อน
ใช่ไปที่ข้อ A
ไม่ใช่ไปที่ข้อ 17
17.คิดจะไปหาเพื่อนก็กลัวถูกปฎิเสธ
ใช่ไปที่ข้อ B
ไม่ใช่ไปที่ข้อ 18
18.ต้องพบหน้าเพื่อนทุกวัน
ใช่ไปที่ข้อ B
ไม่ใช่ไปที่ข้อ C
19.พยายามที่จะไม่ไปรบกวนผู้อื่น
ใช่ไปที่ข้อ 20
ไม่ใช่ไปที่ข้อ 18
20.ไม่ยืมเงินผู้อื่นโดยเด็ดขาด
ใช่ไปที่ข้อD
ไม่ใช่ไปที่ข้อ A
A.ประเภทพึ่งพาอาศัย
คุณชอบไปไหนมาไหนกับเพื่อน ไม่ว่าจะไปชมภาพยนต์หรือไปชอปปิ้ง คุณต่างชอบให้มีใครอยู่เป็นเพื่อนคุณ โดยเฉพาะในขณะที่อารมณืคุณดีหรือไม่ดี คุณยิ่งต้องการให้เพื่อน ๆ อยู่ข้าง ๆ โดยปกติคุณจะเป็นคนที่ไม่รู้สึก
ว่าต้องพึ่งพาอาศัยเพื่อน เพียงแต่มีความรู้สึกว่า ตนเองเป็นคนโชคดี ที่มีเพื่อนดี ๆ มากมายเช่นนี้ แต่ถ้าวันใดที่คุณทะเลาะกับเพื่อน หรือติดธุระไปไหนกับเพื่อนไม่ได้ คุณจะรู้สึก โดดเดี่ยว เงียบเหงาอย่างยิ่ง ขณะนี้คุณจึงยอมรับว่าคุณเป็นประเภทพึ่งพาอาศัยเพื่อน
B.ประเภทเปล่าเปลี่ยวใจ
ความเปล่าเปลี่ยวใจคือโรคจิตของคุณชนิดหนึ่ง และคือโรคประจำตัวของคุณ ภายในใจของคุณกลัวถูกเพื่อน ๆ หรือ หมู่คณะทอดทิ้งด้วยเหตุนี้ คุณจึงพยายามรักษาสัมพันธ์ที่ดีกับทุก ๆ คน ไม่กล้าทำให้ผู้อื่นโกรธเคือง เพราะอะไรจึงเป็นเช่นนี้ อาจเป็นเพราะว่าคุณขาดความเชื่อมั่นในตนเอง เพราะฉะนั้นจึงต้องการให้ผู้อื่นให้ความมั่นใจแก่คุณ ด้วยเหตุนี้แม้ความเคลื่อนไหวบางอย่าง ที่คุณไม่ชื่นชอบ แต่คุณก็ต้องจำใจเข้าร่วม มิเช่นนั้น คุณก็จะเกิดความรู้สึกไม่สบายใจ ทางด้านมนุษยสัมพันธ์ อาจกล่าวว่า คุณไม่มีความรู้สึกปลอดภัย
และเป็นคนไม่มีบุคลิกภาพ
C.ประเภทระบายความในใจ
ในชีวิตแห่งความเป็นจริงคุณมีอิสระมาก แต่ว่าทางด้านจิตใจคุณยังต้องการความสนับสนุนจากเพื่อน ปกติอยู่คนเดียวคุณจะไม่รู้สึกเหงา การเคลื่อนไหวก็อิสระ ไม่ได้พบหน้าเพื่อนที่ดีเดือนสองเดือน ก็ไม่รู้สึกเงียบเหงา แต่พวกคุณยังคงรักใคร่สนิทสนมกันเหมือนเดิม บางครั้งมีธุระหรือไม่สบายใจ พวกคุณก็นัดพบปะพูดคุยกัน ถ้าหากอยู่ห่างกันไม่สะดวกในการนัดพบ ก็ติดต่อกันทางโทรศัพท์หรือจดหมาย แม้ว่าจะไม่ได้พบหน้ากันแต่พลังจิต ที่ได้รับอาจได้มากกว่าพบหน้ากันทุกวัน คุณจึงไม่ต้องอยู่กับเพื่อนคุณทุกวัน รูปแบบของการพบเพื่อนประเภทคุณคือ ต่างคนต่างอยู่แต่จิตใจทะลุถึงกัน คือคนประเภทระบายความในใจ
D.ประเภทอิสระเสรี
คุณคือแบบอย่างของคนใจเพชร คุณไม่ชอบให้ผู้อื่นติดสอยห้อยตาม คุณคือคนปิดตัวเอง คุณไม่เอ่ยปาก ขอความช่วยเหลือจากเพื่อนง่าย กล่าวทางด้านจิตใจของคุณ คุณมักจะรู้สึกการเป็นหนี้บุญคุณ เป็นการที่เสียใจมาก และเป็นการลดคุณค่าของตัวเองให้ต่ำลง ผู้คนที่ไม่เข้าใจคุณจะคิดว่า คุณเป็นคนมีนิสัยสันโดษ และเอาแต่ใจตัวเอง แต่ผู้คนที่เข้าใกล้คุณมักจะชมเชย ความเด็ดเดี่ยวของคุณ นิสัยและชีวิตของคุณมีเสน่ห์รัดรึงใจมาก
10 พฤศจิกายน 2548 17:42 น.
unicorn
อย่าตัดสินหนังสือว่าดี แค่ปกสวยๆ
อย่าบอกว่า.น่ารักเหลือเกิน แค่คุยกันหนเดียว
คนที่ไม่ชอบอ่านหนังสือเลยใช่ว่าจะมีหนังสือเล่มแรกที่ชอบไม่ ได้
คนที่บอกว่าจะไม่แต่งงานมักแซงหน้าแจกการ์ดก่อนคนอื่นเสมอ
การชอบหนังสือสักเล่มก็ไม่ได้หมายความว่า ...
หนังสือเล่มนั้น .. เนื้อหาดีทุกหน้า
การรู้สึกดีกับใครสักคน ...
ไม่จำเป็นว่า .. เขาต้องไม่มีข้อเสียอะไรเลย
อย่าเสียดายเวลา
ถ้าอ่านหนังสือบางเล่มจบแล้วพบว่า..ไม่ใช่แบบที่ชอบ
จงรู้สึกดีกับการใช้เวลากับใครสักคนหนึ่งอย่างเต็มที่
เพราะอย่างน้อยที่ผ่านมา
ย่อมต้องมีช่วงเวลาที่มีความสุขอย่างแน่นอน
แม้วันหนึ่งจะรู้ว่า เขาหรือเธอคนนั้นไม่ใช่เลยสักนิด
เพราะอย่างน้อย เราก็ได้รู้จักตัวเองมากขึ้น
... และพร้อมที่จะตามหาคนของเราต่อไป
การอ่านหนังสือสักเล่มต้องใช้เวลา
เช่นเดียวกับที่ ...เราไม่สามารถรู้จักใครสักคนได้ดีตั้งแต่วันแรก
หนังสือมีสิ่งต่างๆ หลากหลายให้ศึกษา
ทดลองอ่านดูก่อนที่จะตัดสินว่าน่าเบื่อ
บางครั้งสิ่งที่เราไม่เห็นประโยชน์และมองผ่านมันไป
วันหนึ่งมันอาจจะมีค่าสำหรับเรา
แล้วในตอนจบก็จะรู้ว่าหนังสือประเภทไหนเหมาะกับเราที่สุด
เหมือนกับความรัก
ทุกครั้งที่เรามีความรักกับใครสักคนนั้น แม้ทุกอย่างจะเดินมาถึงจุดจบ
แต่คนทั้งคู่ย่อมได้รับอะไรจากสิ่งต่างๆ ผ่านมาโดยไม่รู้ตัว
อย่างน้อยที่สุดก็ได้บทเรียนที่มีค่าเพิ่มอีกบทหนึ่ง
บทเรียนที่จะนำไปสร้างความรักครั้งใหม่ให้มีรากฐานที่ดีกว่าที่ผ่านมา
สำหรับฉัน "ความรัก" เปรียบเหมือน ...
การได้อ่านหนังสือหลายๆ เล่ม (แต่อ่านทีละเล่มนะ)
แต่ละเล่มที่ผ่านไป สอนให้ฉันเข้มแข็ง
สอนให้ฉันรู้จักโลกที่เป็นจริง
และสอนให้ฉันรู้จักใจของตัวเอง
แม้ว่าตอนจบของแต่ละเล่มจะไม่สมใจ
แต่ฉันก็ไม่คิดจะหยุด ท้อ หรือ กลัวที่จะค้นหา
และฉันก็จะอ่านต่อไป จนกว่าจะเจอ "หนังสือของฉัน"
คุณล่ะเจอรึยัง?
ถ้าเจอแล้วอย่าลังเลที่จะหยิบขึ้นมาเปิดอ่าน
อย่ากลัวที่จะเสียเวลาและผิดหวัง
ไม่แน่นะเล่มที่อยู่ในมือตอนนี้น่ะ
อาจจะตรงกับความรู้สึกของคุณที่สุดก็ได้
31 ตุลาคม 2548 15:16 น.
unicorn
คนเราทุกวันนี้แม้อยู่กันเต็มบ้าน แต่บ้างบ้านดูจะห่างไกลการพูดคุย
และสัมพันธภาพกันเสียเหลือเกิน ดังนั้นเราจึงมีเนื้อความดีๆ ที่เพื่อนๆ
ส่งมาให้ทางอีเมล์มาแนะนำการรักษาจิตใจ ให้มีสุขภาพดู
ไม่เป็นจิตใจที่อ่อนแอ
หรืออคติ คิดเจ้าแค้น พยาบาทให้บั่นทอนความรู้สึกดีๆ ต่อกัน
ซึ่งเป็นข้อเขียนของนงนุช มีสวน นั่นคือ
1. คนเรามีความรู้สึกรัก ชอบ โกรธ เศร้า ไม่ต่างกัน
ขึ้นอยู่กับว่าเวลาไหนมันจะแสดงออกมามากน้อยเพียงใดเท่านั้น "
คนที่จะหัวเราะได้เสียงดัง ข้างในคงต้องขำบ้างพอสมควร คนที่น้ำตาจะไหลได้
ข้างในคงมีเรื่องปวดร้าว....ถ้าไม่นับการร้องไห้ที่มาจากความปิติ "
2.โลกสอนมนุษย์ว่าทุกสิ่งต้องมีการเปลี่ยนแปลง...แต่โลกก็กลับสอนให้มนุษย์ผูกพัน
3. คนที่ตลกหัวเราะสดใส ก็คือคนเดียวกับคนที่สามารถร้องไห้ฟูมฟายได้
เพียงแต่คุณจะได้เห็นหรือเปล่าเท่านั้น อาจจะเคยได้ยินว่า "
คนที่หัวเราะได้ดังที่สุด ก็คือคนที่สามารถร้องไห้ได้ดังที่สุดเช่นกัน"
4. เด็กๆ จะมองว่าผู้ใหญ่ซีเรียส ในขณะที่ผู้ใหญ่จะบอกว่า เด็กไร้สาระ
เพราะเด็กไม่เคยเป็นผู้ใหญ่มาก่อน วันหนึ่งเค้าคงจะรู้ว่า
ทำไมถึงต้องมีเรื่องซีเรียส
สำหรับผู้ใหญ่ซึ่งได้ผ่านวัยเด็กมาแล้วอาจจะลืมไปว่า ณ วันที่ผ่านมา"
สาระ"ในชีวิตของเ-า คืออะไร
5. ครอบครัวไทยมักจะเลี้ยงลูกผู้หญิงให้เป็นฝ่ายถูกเลือก
คอยสั่งสอนให้ทำตัวเรียบร้อย ไม่อย่างนั้นจะไม่มีใครเลือกไปเป็นคู่ครอง....
แต่ความจริงแล้วผู้ชายและผู้หญิง เราต่างเลือกซึ่งกันและกันมากกว่า
6. เพื่อนที่ดีที่สุด คือคนที่คุณสามารถนั่งอยู่ริมระเบียงด้วยกันโดยไม่พูดอะไรกันซักคำ
แต่สามารถเดินจากไป ด้วยความรู้สึกเหมือนได้คุยกันอย่างประทับใจที่สุด
7.ใครหลายคนไม่กล้าเข้าไปปลอบโยนให้คำปรึกษากับเพื่อนเพราะคิดว่าเราไม่รู้จะบอก
เคายังไง
เพราะเราเป็นแค่เพื่อน....แต่ความจริงแล้วคุณเป็นตั้งเพื่อนต่างหาก
8. ผู้ชายที่ร้องไห้ และยอมรับว่าตัวเองร้องไห้เขาคือสุภาพบุรุษที่สุด
อย่างน้อยการซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเอง... คือความกล้าหาญสุดยอด
9. ก่อนที่วันนี้ คุณจะทำความรู้จักกับผู้คนใหม่ๆ
อย่าลืมสำรวจตัวเองก่อนว่า
ในช่วงเวลาที่ผ่านมา... ทำใครหล่นหายไปจากชีวิตหรือเปล่า
10. เงินไม่ใช่พระเจ้า แต่ทำให้เรามีทางเลือกมากขึ้น
11. มีสติ สตางค์อยู่ ก็ปลีกเวลาไปใช้เสียบ้าง
อีกหน่อยไม่มีสติแต่มีสตางค์...ก็สายไปเสียแล้ว
12. เวลาที่เรารักใคร เราจะรู้สึกตัวเล็กเ หลือเกิน...เวลาใครรักเรา
เราจะรู้สึกตัวใหญ่เหลือเกิน...แต่ถ้าเราเจอคนที่เรารักเขาและเขาก็รักเรา
เราจะผลัดกันตัวเล็กตัวใหญ่
13. วันที่คุณเข้มแข็งและแข็งแรงพอ
อย่าลืมเป็นผู้ฟังที่ดีให้กับคนที่มีปัญหาด้วย "เอาไหล่ให้เขาพิง
เอามือให้เขาจับ".....100 คำพูดดี ดี ไม่เท่ากับ 1 สัมผัสที่มีค่าหรอกนะ
14. คุณรู้ไหมว่า อายุคนเราเฉลี่ย 76 ปีนั่นคือแค่ 3,952
อาทิตย์เท่านั้นคุณหมดเวลาไปกับการนอนถึง 1317 อาทิตย์
ซึ่งเท่ากับว่าคุณเหลือเวลาที่ใช้ดำเนินชีวิตแค่ 2,635 อาทิตย์เท่านั้นเอง
15. ลองฉลองวันเกิดกับครอบครัวสักปี แล้วคุณจะได้รู้ว่า
เมื่อตอนที่คุณร้องไห้จ้าในวันเกิดวันแรก
คนในครอบครัวคุณมีความสุขกันขนาดไหน.......
อ่านครบ 15 ข้อแล้วลองทำดูนะ ให้ชีวิตอยู่อย่างรื่นๆ ชื่นฤทัย
สบายใจกันดีที่สุด
11 ตุลาคม 2548 12:24 น.
unicorn
.....อ่านหน่อย อ่าน.....
>>>>ถ้าคุณอ่านไม่จบจบ...คุณจะต้องประสบกับโชคร้าย ไป เป็นปี
>>>>
>>>>But... if you send it to (at least) two friends ... you'll have 3
>>>>years of good luck!!! ***
>>>>แต่...ถ้าคุณบอกไปยังเพื่อน (อย่าง น้อย) 2 คน...คุณก็จะโชคดีไปอีก 3
>>>> ปี
>>>>
>>>>
>>>>
>>&a mp;g t;>Did you know that those who appear to be very strong in heart,
>>>>are real weak and most susceptible?
>>>> คุณรู้ไหมว่าคนที่มองภายนอกดูจิตใจเข้มแข็งมากๆ
>>>>แท้จริง
แล้วเขานั้นแสนจะอ่อนแอและอ่อนไหว เป็นที่ สุด
>>>>
>>>>Did you know that those who spend their time protecting others
>>>>are the ones that really need someone to protect them?
>>>>คุณรู้ไหมว่าคนที่ ใช้ เวลาของเขาปกป้องผู้อื่นนั้น
>>>>เป็นคนที่ต้องการใครสักคน ที่ จะคอยปกป้องเขาเสียเหลือเกิน
>>>>
>>>>Did you know that the three most difficult things to say are: I
>>>>love you, Sorry and help me
>>>>
>>>>คุณรู้ไหมว่าคำที่พูดยากมากที่ สุด 3 คำ คือ ฉันรักเธอ ขอ โทษ
>>>>และ ช่วยฉัน ด้วย
>>>>
>>>>
>>>>
>> >>Did you know that those who dress in red are more confident in
>>>>themselves?
>>>>คุณรู้ไหมว่าคนที่แต่งกาย ด้วยชุดสีแดง
>>>>เป็นคนที่มั่นใจในตัวเองมากกว่าคน อื่น
>>>>
>>>>Did you know that those who dress in yellow are those that enjoy
>>>>their beauty?
>>>>คุณรู้ไหมว่าคนที่แต่งกายด้วยชุดสีเหลืองเป็นคนที่เพลิด เพลินกับความสวยความงามของเขา
>>>>
>>>>Did you know that those who dress in black, are those who want to
>>>>be unnoticed and need your help and understanding?
>>>>คุณรู้ไหมว่าคนที่แต่งกายด้วยชุดสี ดำ
>>>> เป็นคนที่ไม่ต้องการให้ใครคอยสังเกต และต้องการ ความ >>>>ช่วยเหลือและ ความเข้าใจจากคุณ
>>>>
>>>>Did you know that when you help someone, the help is returned in
>>>>two folds?
>>>>คุณรู้ไหมว่าเมื่อคุณช่วยใครสักคน ความช่วยเหลือ นั้น จะคืนกลับมาเป็น
>>>>2 เท่า
>>>>
>>>>
>>>>
>> >>Did you know that it's easier to say what you feel in writing
>>>>than saying it to someone in the face? But did you know that it
>>>>has more value when you say it to their face?
>>>>คุณรู้ไหมว่า
>>>>ช่างเป็นเรื่องง่ายที่ จะ บอกกล่าวความรู้สึกด้วยการเขียนแทนที่จะบอกด้วยวาจากับ ใคร
>>>> สักคนต่อหน้า แต่คุณรู้ไหม ว่า
>>>>มันจะมีค่ายิ่งกว่าเมื่อคุณได้บอกความรู้สึกนั้นด้วย วาจาต่อหน้าเขา
>>>>
>>>>Did you know that if you ask for something in faith, your wishes
>>>>are granted?
>>>>คุณรู้หรือไม่ว่า ถ้าคุณร้องขอบางสิ่งด้วยความ
ศรัทธา
>>>>คุณจะได้รับในสิ่งที่ ปรารถนา
>>>>
>>>>Did you know that you can make your dreams come true, like
>>>>falling in love, becoming rich, staying healthy, if you ask for
>>>>it by faith, and if you really knew, you'd be surprised by what
>>>>you could do.
>>>>คุณรู้หรือไม่ว่าคุณ สามารถทำฝันให้เป็นจริงได้ เช่น การตกหลุมรัก
>>>>กลายเป็นคน ร่ำรวย อยู่อย่างมี สุขภาพแข็ง แรง
>>>>ถ้าคุณร้องขอในสิ่งนั้นด้วยความศรัทธา และถ้าคุณรู้ อยู่แก่ใจ
>>>>คุณจะรู้สึกประหลาดใจกับสิ่งที่คุณสามารถทำ ได้
>>>>
>>>>
>>>>But don't believe everything I tell you, until you try it for
>>>>yourself, if you know someone that is in need of something that I
>>>>mentioned, and you know that you can help, you'll see that it
>>>>will be returned in two-fold.
>>>>แต่อย่าเชื่อในทุกอย่างที่ฉัน บอก
>>>>จนกว่าคุณจะได้ลองปฏิบัติดูด้วยตัวคุณ เอง
>>>>ถ้าคุณรู้จักใครสักคนที่ต้องการบ้างสิ่งอย่างมากดัง ที่ ฉันได้บอกไปแล้วนั้น
>>>>และคุณรู้ว่าคุณสามารถช่วยเขา ได้
>>>>คุณจะเห็นว่าสิ่งเหล่านั้นจะตอบแทนกลับคืนมาอย่างทวี คูณ
>>>>
>>>>
>>>>Today, the ball of FRIENDSHIP is in your court, send this to
>>>>those who truly are your friends (including me if I am one).
>>>>Also, do not feel bad if no one sends this back to you in the
>>>>end, you'll find out that you'll get to keep the ball for other
>>>>people want more.
>>>>วันนี้ลูกบอลแห่งมิตรภาพอยู่ในสนามของคุณ
แล้ว
>>>>ส่งมันออกไปยังคนเหล่านั้นซึ่งเป็นเพื่อนแท้ของคุณ ( รวมถึงฉันด้วย
>>>>ถ้าฉันเป็นหนึ่งใน นั้น)
>>>>และอย่ารู้สึกแย่ถ้าท้ายที่สุดแล้วไม่มีใครส่งมัน กลับมาหาคุณ
>>>>คุณจะพบว่าคุณจะต้องรักษาลูกบอลไว้เช่นนั้น เพราะยังมีคนที่ต้องการมันอยู่อีก มาก
>>>>
>>>>
>>>>
>>& amp; gt;>กำไลแห่ง มิตรภาพ
>>>>
>>>>
>>>>Ok, this is what you have to do:
>>>>เอาล่ะ นี่คือสิ่งที่คุณต้อง ทำ
>>>>
>>>>Send to ALL your FRIENDS!
>>>>ส่งไปยังเพื่อนของคุณทุก คน
>>>>
>>>>But you have to DO THIS within an hour after you open this mail!
>>>>แต่คุณต้องลงมือภายใน 1 ชั่วโมงหลังจากเปิดเม ลนี้
>>>>
>>>>Now..... MAKE 1
WISH!!!!!!
>>>>ถึงตอนนี้....อธิษฐานขอพร 1 อย่าง
>>>>
>>>>
>>>>
>> ; ;>>Make it now,
>>>>เร็วเข้าเดี๋ยว นี้
>>>>
>>>>It's you last chance!!
>>>>นี่โอกาสสุดท้ายของคุณ แล้ว
>>>>
>>>>
>>>>
>> >>
>>>>I hope you did make a wish, Now send the mail to:
>>>>
>>>>1 person~ your wish will come true in a year
>>>>3 persons~6 months
>>>>5 persons~ 3 months
>>>>6 persons~ 1 month
>>>>7 persons~ 2 weeks
>>>>8 persons ~ 1 week
>>>>9 persons~ 5 days
>>>>10 persons~ 3 days
>>>>12 persons~ 2 days
>>>>15 persons~ 1
day
>>>>20 persons~ 3 hours
>>>>
>>>>*** If you delete after reading ... you'll spend a year of ill
>>>>luck!
>>>>
>>>>But, if you send it to (at least) two friends ... you'll have 3
>>>>years of good luck!!! ***
>>>>
>>>>_________________________________