19 ตุลาคม 2545 00:27 น.
tonight
(๑)
ลูกรักเอ๋ย... ไฉนเลยจากบ้านไกลไปควานหา
แสงสีเสียงที่เมืองกรุงจรุงตา รู้ไหมว่าแม่ห่วงหาพ่อห่วงใย
โอ้พ่อจ๋า... ใช่ลูกกล้าปีกแข็งมีแรงไม่
แต่เพราะลูกนั้นอยากสู้รู้โลกไกล จึงขอจากพ่อแม่ไปในทางยาว
ลูกรักเอ๋ย... อย่าไปเลยทางนั้นมันเหน็บหนาว
ยามเจ้าหิวนิ้วเจ้าแตกใจแหลกร้าว จะมีใครห่วงใยเจ้าเฝ้าดูแล
โถแม่จ๋า... เชื่อเถิดว่าลูกไม่เป็นไรแน่
ถึงอย่างไรใจลูกไม่ผันแปร ขอพ่อแม่คอยเป็นขวัญกำลังใจ
*****************************************
(๒)
จึงมุ่งหน้าจากมา..ลาพ่อแม่ ขอไม่เหลียวหันแลเพราะหวั่นไหว
ใช่มีแรงแข็งขันมั่นกว่าใคร แต่เพราะใจอยากลองคะนองเกิน
จากวันนั้นผ่านมาจนวันนี้ เป็นเวลาเกือบหกปีใช่ผิวเผิน
เรียนรู้โลกทุกอย่างทุกย่างเดิน ต้องต่อสู้ต้องเผชิญเกินกำลัง
ในวันนี้จึงนั่งทวนหวนคิดถึง คำคำหนึ่งซึ่งพ่อแม่เคยปลูกฝัง
หากสิ้นไร้แรงใจไร้พลัง พ่อแม่ยังยืนรอ...ขอกลับคืน
จึงตัดใจอำลาเมืองฟ้ากว้าง เริ่มก้าวเดินก้าวย่างอย่างฝืนฝืน
นั่งรถกลับหลับนอนตอนกลางคืน พรุ่งนี้ตื่นคงถึงฐานถึงบ้านเรา
*****************************************
(๓)
พ่อจ๋าแม่จ๋า... โปรดอภัยลูกยาในความเขลา
ที่ไม่ฟังพ่อแม่สั่งวันวัยเยาว์ จนต้องเศร้าหมองตรมขมขื่นใจ
พ่อจ๋าแม่จ๋า... ตอนนี้ใจลูกล้าและหวั่นไหว
กายสะท้อน อกสะท้านเพราะพาลภัย ขอพ่อแม่ช่วยปลอบใจให้ลูกที
พ่อจ๋าแม่จ๋า... ถึงเวลาลูกกลับหาพ่อแม่นี้
ไม่ขออยู่ต่อสู้เหล่าไพรี จะขอกลับมาตายดีที่บ้านเรา
***************************************
(๔) ... เสียงของพ่อ...
ลูกเอ๋ยลูกรัก ไม่ต้องกลัวพ่อแม่จักดูแลเจ้า
จะรักษาแผลกายใจให้บรรเทา จนกว่าเจ้าจะฟื้นคืนดังเดิม
***************************************
19 ตุลาคม 2545 00:08 น.
tonight
(๑)
ลูกรักเอ๋ย... ไฉนเลยจากบ้านไกลไปควานหา
แสงสีเสียงที่เมืองกรุงจรุงตา รู้ไหมว่าแม่ห่วงหาพ่อห่วงใย
โอ้พ่อจ๋า... ใช่ลูกกล้าปีกแข็งมีแรงไม่
แต่เพราะลูกนั้นอยากสู้รู้โลกไกล จึงขอจากพ่อแม่ไปในทางยาว
ลูกรักเอ๋ย... อย่าไปเลยทางนั้นมันเหน็บหนาว
ยามเจ้าหิวนิ้วเจ้าแตกใจแหลกร้าว จะมีใครห่วงใยเจ้าเฝ้าดูแล
โถแม่จ๋า... เชื่อเถิดว่าลูกไม่เป็นไรแน่
ถึงอย่างไรใจลูกไม่ผันแปร ขอพ่อแม่คอยเป็นขวัญกำลังใจ
*****************************************
15 ตุลาคม 2545 03:15 น.
tonight
*******************************************
เดือนดาวพราวพร่างกลางฟ้า
แต่ใยนภากลับเหงา
เหมือนดั่งทะเลแว่วแผ่วเบา
กลับเคล้าเสียงคลื่นสะอื้นดัง
ยืนนิ่งมองดาวกลางฟ้า
แต่ใจวุ่นว้าบ้าคลั่ง
เดือดดาลพาลโกรธโทษชัง
เมื่อพลั้งทั้งตัว...หัวใจ
เหมือนดาวพราวพร่างค้างฟ้า
หยาดหยดน้ำตาหลั่งไหล
เคยคิดว่าฟากฟ้าไกล
สีสันสดใสชวนมอง
จึงดิ้นจากดินเป็นดาว
สูญเสียความสาวหม่นหมอง
หวังเพียงเคียงฟ้าครอบครอง
เราสองไม่พรากจากกัน
แต่พอยืนอยู่คู่ฟ้า
กลับเห็นจันทราชวนฝัน
รุ่งสางกลางฟ้ามีตะวัน
ส่วนฉันอับแสงแรงลม
เป็นดาวพราวพร่างแค่กลางคืน
จำต้องสะอื้นขื่นขม
ยิ่งคืนจันทร์เด่นชวนชม
ฉันตรม...ฟ้าไม่เหลียวแล
อยากใช้กลอนดาวกลางฟ้า
สอนสาวทั่วพาราสวนกระแส
ก่อนคิดเด่นดังให้หันแล
ดวงดาวดับยับแย่อย่างฉันเอย
******************************************
9 ตุลาคม 2545 18:56 น.
tonight
=+=+=+=+=+=+=+=+=+=+=+=+=+=+=+=
นั่งมองเล็งเพ่งดูปลาทูนึ่ง
ที่โดนรุมโดนทึ้งน่าสงสาร
แมลงวันบินให้ท่าน่ารำคาญ
จะจัดการให้มันไปอย่างไรดี
เมื่อมองเล็งเพ่งดูปลาทูนึ่ง
ประดุจหนึ่งหนุ่มน้อยโดนหญิงสี
ปลาทูต้องถูกรุมล้อมตอมย่ำยี
ไม่ได้การ...เอาฝาชีมาครอบเลย
ถ้าไม่รักจะไม่หวงปลาทูนึ่ง
จะปล่อยให้โดนแทะทึ้งและวางเฉย
แต่เพราะรักไม่ปล่อยปละหรือละเลย
จะเก็บเอาไว้ชมเชยแต่ผู้เดียว
=+=+=+=+=+=+=+=+=+=+=+=+=+=+=+=
9 ตุลาคม 2545 09:32 น.
tonight
หากโลกนี้เป็นเวทีละครใหญ่
ฉันอยากเป็นเช่นอะไรที่ใฝ่ฝัน
อยากให้คนทั้งหมดโลกมารักกัน
อยากเห็นทุกข์หมดพลันไปทันที
อยากให้คนมองละครสะท้อนโลก
อยากให้คนละเศร้าโศกและหันหนี
ทำตามบทของตัวเองให้ดีดี
ละบทร้ายเลือกบทดีมีให้กัน
แม้ว่าโลกเป็นเวทีละครใหญ่
ทุกคนก็ไม่เศร้าใจไม่โศกศัลย์
ได้เวลาจรรโลงโลกให้ใหม่พลัน
มาเถอะนะ เริ่มสร้างสรรค์ จากตัวเรา...