24 พฤศจิกายน 2546 16:40 น.

กวีกำแพง……….. กำแหงกวี

tiki

ท่านคือกวีผู้ผงาดปราชญ์ฟ้าไทย

ดูยิ่งใหญ่ พิมพ์เล่มไหนก็ หมดเกลี้ยง

ฉัน..คนเขียนกลอน..ร้อนใจเรียง

อยากเห็นงานขานอยู่เพียงพิงกำแพง


ท่าน...ชี้หน้า.**.บ้าหรือไม่..ในการนี้

ส่งกลอนที่..ควรพิมพ์ได้..หมายเงินแข้ง

กลับเทลง..หน้าอินเตอร์เน็ต..คงผิดสำแดง

จะลงแดง..หิวตาย..มิงายงม ??**


ฉันร้องขอวิงวอนย้อนออดอ้อ

*น้องเพียงขอ..ดูท่าที..กวีขรม

ดูว่าใครไหนจะฝ่าประคารม

ดูว่าคมภาษาเรายังเข้าที*


ท่านดูเกรี้ยวโกรธามหาพิโรธ

ไม่รู้โกรธมาจากไหนว่าอึงมี่

**เออลงไปเถิดอินเตอร์เน็ตซึ่งแสนดี

มันจ่ายเงินให้เจ้านี้สักบาทไหม??**


** บอกออินเตอร์เน็ตกระดิกเท้าเฝ้าเลือกเฟ้น

เขามิได้จ่ายเงินให้เจ้าเล่น..เจ้าเห็นไหม

ตัวเจ้าทุกข์..เขานั้นสุขนั่งเย็นใจ

หากจะโง่ ก็โง่ต่อไป..ไร้ราคา***!!!


อีกสิบเหตุผล..ก็จนด้วยเกล้า..เพราะเขาไม่ฟัง

ฉันถึงนั่ง..ใจนั้นเหนื่อย  ให้เมื่อยล้า

งานเขียนลงคอมพ์คอมพ์เดี้ยงก็แสนอัปรา

อีกเมื่อลงดิสค์ ดิสค์กลับเสียท่า ไม่ปรากฏความ


กวีคนยาก..กวีกำแพง..  กำแหงกวี

กวีคนโง่..โง่ควายกวี..กวีคนหยาม

กวีคนจน..กวีลงแดง..กวีคนทราม

กวีโหลยโท่ย..กวีลนลาม..หุนหันกวี


เถิดคุณท่าน.		ท่านผู้ยิ่งใหญ่		ในสมาคมคนเขียน

น้องขอกราบเรียน  	จะวนว่าน้อง	อย่าข้องหมองศรี

อย่าเหยียด	อย่าหยามอย่าลาม	ไปคนดีดี

คนที่เขามี	จิตใจกวี	ที่อิสระงาน


ถามพี่สักนิด	พี่คิดตอบน้อง		อย่าให้หมองเศร้า

เขียนเรื่องสั้นให้เขา  แล้วเขาเบี้ยวค่าเรื่อง..หรือน้อง..ต้องด้าน??? !!!!!

ต้องตามไปล่า  โทรฯหาทุกยาม..เบิกความประจาน

แล้วต้องซมซาน  ลงให้เขาฟรีมิมีตอบมา??


เอาเถิดน้องนี้   ยังมีแรงอยู่  พอต่อสู้โลก

จะไม่ทุกข์โศก   จะไม่งอแงไม่ร้องฟ้องหา

จะเขียนในหนังสือ  จะเขียนลงในเน็ต   ไม่คิดเข็ดอุรา

หากพี่จะว่า    พี่ก็ว่าไปใจน้องพอเพียง


กินอยู่ประหยัด อยู่อย่างขัดสนอยู่อย่างจนยาก

ที่ต้องลำบากก็เพราะตัวเองเกรงใจเขาเยี่ยง

ที่ต้องเป็นหนี้ก็เพราะนายทุนท่านใหญ่แท้เพียง

ท่านคอยหลีกเลี่ยงไม่จ่ายเงินให้ใช้แต่ทำงาน   !!!!


กราบคุณพี่ผู้อบรมสั่งสอนให้น้องเขียนหนังสือให้ติดอันดับท้อปเท็น
แต่น้องยังเป็นคนไร้สาระประสาในเน็ต
ไม่มีพ้อคเก้ตบุ๊ค  ไม่มีชื่อเสียง ไม่ลงกินเนสส
ทางพี่สมาคมคนเขียนอยู่ยอดเจวํด   ตัวน้องติดดิน

กราบสวัสดีคุณพี่ที่เคารพรักของน้องที่นี่ ทั้งๆที่รู้ว่าพี่ไม่เข้าเน็ต!!				
21 พฤศจิกายน 2546 19:41 น.

องุ่น...เปรี้ยว

tiki


         @  จดจดจ้องจ้อง อยากคล้องพวงองุ่น

ว้าวุ่นวาบหวิวในชิวหา

วุ่นวายอยากกินอยู่ทุกครา

หาญกล้าออกปากอยากรับประทาน


          @  ครั้นองุ่นชี้แจงเรื่องปุ่ยขาด

อีกน้ำท่าไม่สามารถเลี้ยงให้หวาน

ด้วยคนส่งสปอนเซอร์ไม่เจือจาน

พวงองุ่นงามตระการแต่ขาดเงิน

   @    ได้ยินแล้วตกใจเปิดไปลับ

รีบลี้เร้นไม่คำนับดั่งหงส์เหิร

แถมเหยียดหยามลามไปทั่วกลัวเผชิญ

เข็ดขยาดพลาดเหลือเกินกลัวถูกปลิง


       @  น่ายินดีที่เขาไกลไม่มาจ้อง

แล้วร่ำร้องแหกกระเชอ กับทุกสิ่ง

อง่นเปรี้ยว องุ่นเปรี้ยว เสียวเข็ดจริง

หัวเราะกลิ้ง..อง่นยังหวาน...งานคอยเงิน!!!

				
21 พฤศจิกายน 2546 15:04 น.

เสพย์กวีอิสระ...

tiki

จะพยายามละกังวล
ด้วยใจมักดลให้ตีกรอบ
จะพยายามรอบคอบ
ขจัดกรอบความคิดนั้นออกไป

ด้วยการแต่งกานท์กวีคือสิ่งรัก
มุมานะนักหนาสุขใจใส
ได้ปลดปล่อยบางสิ่งบางอย่างภายในใจ
บอกเป็นนัยทางชีวิตที่วกวน

- - 

ขอบคุณสำหรับมิตรและสิ่งดีดีค่ะ 
 
 จาก : independent  
 รหัส - วัน เวลา : 186567 - 20 พ.ย. 46 - 20:08        


  งานกวีอิสระ..
.จะปะทะพายุแค่ไหน
จงโบยปีกแผ่ออกไป
ด้วยนิยามในอิสระการ

อย่าจำกัดไว้ในกรอบ
ฝ่าระบอบด้วยอาจหาญ
ทุกลำแสงทิวาวาร
ใจต้องผ่านด้วยกานท์กลอน

อย่าวิจารณ์ฤาเข่นฆ่า
อย่าบีฑาเชิงอักษร
อย่ามุ่งร้ายด้วยบั่นทอน
ใจเร่งร้อนหยามใจตน

อย่าฟังความริษยา
ล้วนเต็มด้วยอกุศล
ใจดีงามมุ่งใจตน
จะฝ่าพ้นปวงผองภัย

กวีคือผู้อิสระ
เขียนภาพจะจะสว่างไสว
กวีเขียนยิ่งสิ่งใด
งามพิสุทธิ์ในใจกระจ่างตา

กวีคือผู้แม้น
ลิขิตแขวนไว้ข้างฝา
ด้วยภาพวิจิตรแห่งนัยนา
หัทยาของผู้จาร

และการเสพย์บทกวี
สิ่งเหล่านี้เป็นยาสมาน
งามรังสรรค์สวรรค์ประทาน
ชื่นซาบสำราญเมื่ออ่าน..บทกวี

ทิกิ_tiki   
				
21 พฤศจิกายน 2546 14:46 น.

ชีวิตสอนชีวิต....ตอนสิบสาม(๑๓)..ย้อนถึงวัยเด็ก

tiki

	โดย ทิกิ( tiki)  กวีคอนโด		

@.อย่างที่ว่า	พี่คนโต	หลานคนแรก	
คุณปู่ย่า		รักเกินแทรก		เข้าขวางกั้น
แถมรูปหล่อ	ยิ้มแก้มใส	ช่างจำนรรจ์
ขวัญใจท่าน	ถึงวัยโต	โก้เป็นนาน .......(๑๖๘ )

	@	พี่ที่สอง	ก็เกิดมา		คราคุณพ่อ
ย้ายมาปลูก	เรือนหอ	บ้านศรีย่าน		
ใกล้น้ำท่า		เจ้าพระยา	ชลประทาน
คุณแม่ท่าน	อัครฐาน	  อย่างคุณนาย..	........(๑๖๙ )


	@	แค่พูดถึง   คุณปู่ย่า 	คุณตายาย
ท่านเห็นไหม ร้อยกว่าตอน  ค่อนจนสาย
กว่าจะถึง		ฉันเติบโต	โก้ทั้งกาย
ขอเรียนท่าน	อ่านแทบตาย		ต้องได้ความ.........(๑๗๐ )

	@.	อ่านประวัติ		ท่านปู่ย่า	ตายายแล้ว
เชิญพ่อแก้ว	อ่านย้อนใหม่	ไม่ต้องถาม
จะต่อเนื่อง		เรื่องตอนเด็ก	เล็กทุกยาม
อยู่ประถม		ต้นแม่งาม		สำราญใจ...( ๑๗๑)

	@	ครั้นคราวนั้น		ที่ฉัน		เรียนจนเย็น
ไม่ค่อยเห็น		ญาติมารับ		นับถามไถ่
ก็นั่งรอ			วิ่งเดินเล่น			สำราญกระไร
เจอเด็กน้อย		น่ารักไซร้		แกล้งเขาพลัน.........( ๑๗๒)

	@	บางวันก็		มีพี่พี่			มาเล่นด้วย
แล้วมาช่วย		ซื้อขนม		เลี้ยงอิฉัน
เป็นนักศึกษา		เรียนวิชา		ฝึกสอนกัน
นี่คือคน			ยิ้มแฉ่งนั่น		คือฉันเอง.........( ๑๗๓)

	@	เป็นเด็กเล็ก	 ของสาธิต	 สุนันทา
ผู้เริงร่า		สำราญใจ		ทั้งขี้เบ่ง
วิ่งโลดแล่น		โลกทั้งใบ		ได้บรรเลง
วิ่งร้องเพลง	  		ทั่วโรงเรียน		เวียน.ทั้งวัน........( ๑๗๔)  


  ชีวิตสอนชีวิต		โดย ทิกิ( tiki)  กวีคอนโด		
ตอนสิบสาม(๑๓)	ย้อนถึงวัยเด็ก (ต่อ)           

	@อยู่จนเย็น		คอยคุณญาติ	ท่านมารับ
บางทีนับ	ประตูหน้า		ตำหนักนั่น
บางทีชะเง้อ	ไม่เห็นมา	หน้าบึ้งพลัน
บางครั้ง	ท่าน	คุณปู่กลับ		มารับเอง..........(๑๗๕ )

	@	ท่านพาขึ้น	รถราง	เสียงแก๊งก๊อง
ฟังทำนอง	กระดิ่งรถ		กระฉับกระเฉง
ไปเข้าพระ		บรมมหาราชวัง		ฉันบรรเลง
วิ่งร้องเล่น		แม้นวังเวง    ทั่วตึกวัง	.....(๑๗๖ )

	@	ห้องทำงาน	คุณปู่		ผ่านประตู
ท่านสั่งดู		อย่าเหยียบทวาร	ผ่านไม่ขลัง
อีกห้องน้ำ		ในตัวตึก		พิลึกจัง
ชักโครกช่าง	เสียงดัง	ยังกะฟ้าร้อง........(๑๗๗ )

	@	ห้องศาสตราวุธ		เครื่องอาวุธ	มีมากหลาย
ฉันเข้าไป		วิ่งเล่นไหว้	ดูทุกห้อง
มีดาบแขวน	ไว้มากมาย	ให้จับลอง
ฉันไปจ้อง		ท่าชักฟัน	ทุกวันไป	........(๑๗๘ )

@	อีกคุณปู่		มีเพื่อนมาก	หากน่ารัก
ชอบคุณปู่			ทรงเดชนัก	ชอบถามไถ่
หยิบหนังสือ	นางจันทร์ผมหอม	ให้ย้อมใจ
นั่งอ่านไป		นางในกลอง		สนุกจัง..........( ๑๗๙)

@งานคุณปู่	ทำอะไร		ฉันไม่ทราบ
สอนให้กราบ		อยากทำงาน		อยู่วังมั่ง
ฉันวิ่งเล่น		ตามคุณปู่		อยู่หลายวัง
ท่านสอนสั่ง	ท่านบนอบ		ชอบตอบความ........( ๑๘๐)


	@	ในบางวัน		พวกคุณน้า		ก็มารับ
คุณน้าเวียน	เพียรมาจับ		แล้วคอยห้าม
เฮ้ยทิกิ		อย่าซุกซน		จนลนลาม
แล้วแลปราม	ปราบไว้	ให้เรียบร้อย.........( ๑๘๑)


    				
20 พฤศจิกายน 2546 16:58 น.

ตอน สิบสอง (๑๒)...สาวโสภาแห่งเมืองสุพรรณ (ชีวิตฯ อีกแล้ว)

tiki



	@	แล้ววันนั้น		ก็ผ่านไป		ใจเลือนลับ
ชีวิตกลับ		เริ่มเข้มแข็ง			กันขี้นใหม่
คุณยายฉัน		กำหนดจิต			คิดปรับหทัย
ไม่สนใจ		จะเป็นไร					ก็ช่างมัน.........(๑๕๒ )

	@	มีหน้าที่		อยู่ที่หน้า		ไม่ฝ่าฝืน
มีจุดยืน			อบรมธิดา		ไม่อาสัญ
อีกบุตรใหม่	ทั้งหญิงชาย		รวมหกนั้น
ท่านแข็งใจ	กัดฟัน				ประคับประคอง.........(๑๕๓ )

	@	ดูจิตใจ		ที่ท่านเจ็บ		ประเสริฐเหลือ
ลุกขึ้นยืน		หยัดเยี่ยงเสือ	แม้หม่นหมอง
คุณยายฉัน		งามเสมอ			เมื่อฉันมอง
รักจากคลอง		บางหลวง		คล้ายลวงกัน.........(๑๕๔ )


  ชีวิตสอนชีวิต		โดย ทิกิ( tiki)  กวีคอนโด		
ตอน สิบสอง (๑๒)	สาวโสภาแห่งเมืองสุพรรณ    

	@	ในวัยเด็ก		แม่ช่างงาม		เหมือนเทพธิดา
สวยโสภา		ดุจดังสาว				จากเมืองสวรรค์
แม่ฉันนั้น		สาวสุดสวย		ศรีประจันต์
ณ.สามชุก		เวลานั้น				ช่างน่าเชย.........(๑๕๕ )

	@	จากบางหลวง	และเจ้าพระยา		ในครานั้น
ตา-ยายฉัน		ร่วมชีวิต			อย่างเปิดเผย
ยายไปตาม		หน้าที่				ที่ควรเคย
ดูแลลูก			น่าชมเชย			เคียงครอบครัว.........(๑๕๖ )

	@	เมื่อคุณป้า		เรียนจบ			เป็นอาจารย์
ได้เิงินเดือน		ให้ทางบ้าน		ท่านยิ้มหัวว
อยากให้น้อง		สาวน้องน้อย	จงอย่ากลัว
ส่งไปเรียน			กรุงเทพฯทั่ว		โรงเรียนดัง.........( ๑๕๗)

	@	ครั้นรุ่นคุณพ่อ		ไปฝึกงาน		ชาญสมร
พบบังอร		สาวงาม			ยิ่งความหลัง
คราคุณแม่		สวยสดสาว		ดาวสะพรั่ง
ท่าทียัง				ไร้เดียงสา		คราเหนียมอาย.........( ๑๕๘)

		@	เกิดนิยาย			รักอีกรุ่น		ให้ครุ่นฝัน
กลิ่นไอรัก			อบอวลพลัน		รู้สึกได้
คราคุณแม่			เรียนหนังสือ	ฝั่งธนไซร้
อยู่บ้านคลอง		บางหลวงใน		บ้านคุณตา.........( ๑๕๙)

		@	คุณพ่อแอบ	ไปเมียงดู	อยู่หลายครั้ง
แม้นยังเด็ก		คุณพ่อก็ยัง		เสน่หา
พอเรียนจบ	มัธยม				ก็อีกครา
คุณตาพา		ไปฝากคุณอา	ด็อกเตอร์พร	.........( ๑๖๐)

	@	เมื่อครานั้น		คุณแม่เริ่มเรียน	ที่ธรรมศาสตร์
ช่างฉลาด		เรื่องบัญชี		ที่เรียนก่อน
แต่ต่อมา		สงครามโลก		ก็มาชอน
ระเบิดร่อน		ทั่วกรุง			ยุ่งพารา.........( ๑๖๑)



      ชีวิตสอนชีวิต		โดย ทิกิ( tiki)  กวีคอนโด		
ตอน สิบสอง (๑๒)	สาวโสภาแห่งเมืองสุพรรณ  (ต่อ)...    

	  	@	คุณตารับ		แม่กลับไป		สู่สามชุก
แอบไม่สุข		หนีสงคราม		ข้ามเคหา
ส่วนคุณพ่อ	ก็อพยพ			ทั้งปู่ย่า
สู่ปากเกร็ด		หลบระเบิดมา		ไปท่าน้ำ.........(๑๖๒ )

		@	เมื่อสงคราม	สงบ		ก็พบใหม่
คุณพ่อใจ		รอนรอน		เฝ้าวอนคร่ำ
อ้อนคุณย่า		ขอวิงวอน		อ้อนประจำ
ช่วยไปทำ		การสู่ขอ		รอไม่ไหว........(๑๖๓ )

		@	เมื่อแต่้งงาน	มีพิธี		อย่างสมเกียรติ
คุณย่ารับ		สะใภั...เหยียด		คิดว่าไพร่
คำบ้านนอก	สะใภับ้านนอก		ช่างยอกใจ
คุณแม่ไป		อยู่ในวัง		หลัีงวังหลวง........(๑๖๔ )

	@	ที่ฉันเล่า		ไปแล้ว	แต่ตอนต้น
ว่าพี่ชาย			คนโตนั้น			ก็หล่นร่วง
มาสู่ครรภ์		มารดา			ดุจดั่งดวง
มณีแก้ว			ทิพย์จากสรวง		ปวงเทวา........(๑๖๕ )

	@	แม่เมื่อแต่ง			เป็นสาวสวย		แสนอ้อนแอ้น
คราท้องแล้ว	กลับข้นแค้น			อยู่หนักหนา
เลี้ยงลูกชาย	แสนลำบาก			ยากกายา
ด้วยสินค้า		แพงสตางค์		หลังสงคราม........(๑๖๖ )

	@	คุณย่าจึง	เข้าปกครอง		คุณท่านพี่
เลี้ยงด้วยหลง		ว่าหลานนี้		เทพอุ้มข้าม
มาส่งให้			   และตามใจ		อยู่ทุกยาม
แม่กับย่า			ทำสงคราม		กันทุกวัน.........(๑๖๗ )

สงครามโลกแล้วก็......สงครามเรือน

      				
Calendar
Lovers  1 คน เลิฟtiki
Lovings  tiki เลิฟ 2 คน
Calendar
Lovers  1 คน เลิฟtiki
Lovings  tiki เลิฟ 1 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟtiki
Lovings  tiki เลิฟ 0 คน
  tiki
ไม่มีข้อความส่งถึงtiki