15 ตุลาคม 2546 04:20 น.
tiki
ชอบบาร์บีคิิวไก่ใส่พริกหนุ่ม พริกหยวก พริกฝรั่ง
มะเขือเทศแดงปลั่ง
สับปะรดแสนอร่อย
ดึกดื่นกลับจากงาน
ไม่อยากมาอ่านกลัวกู่ไม่กลับ
อ่านกลอนแล้วจับอ่านไม่ปล่อย
บาร์บีคิวน้อยทำฉันเสียฟอร์ม
ใครนะตั้งชิื่อให้เธอเช่นนั้น
เล่นเอาฉันได้กลิ่นไหม้...หอม
หอม...ย้อมใจเกินห่างดมดอม
คืนนี้จะหาบาร์บีคิวอร่อย..รอมชอมได้อย่างไร.....???
ขอคาดโทษที่เธอนั้่นตั้งขื่อ
ได้แสนซื่อ...บาร์บีคิว... ฉิวรสไก่
น้ำซอสล้ำราดกระหน่ำพริกหยวกไซร้
มะเขือเทศสดใหม่....เฮ้อ...ในฝัน
ลาแล้วอาหารการกินอันเรืองโรจน์
พระมาโปรดห้ามกินวิกาลนั่น
จะอ้วนท้วนเกินไปแบกไขมัน
ขาจะสั่นบันไดชัน..รถไฟฟ้า...
แต่กระนั้นก็มีกาแฟเด็ด
ตามด้วยเม็ดงาดำแกล้มล้ำค่า
อีกน้ำเย็นจากตุ้เย็นเต็มอัตรา
แทนตัณหา...บาร์บีคิวปิ้งควันเกรียม...!!!!
จา่กใจอันหมองไหม้ ด้วยกิเลศหนาพาเตลิดเพริดไปเห็นภาพบาร์บีคิวไก่ฝีมือหมักนุ่มนิ่ม
ของคุณน้าประณอมเจ้าเก่า โฮ้ย น้องบาร์บีคิวนะ ทรมาณพี่จริงจริ๊ง
13 ตุลาคม 2546 03:01 น.
tiki
ดอกไม้ดอกนี้
นานทีกว่าจะผลิ
ต้นแกร็นเปลือกปริ
ต้านลมแรงเรี่ยว
ในยามรุ่งเช้า
กลีบใบแห้งเหี่ยว
สีสันซีดเซียว
ไร้คนเหลียวแลมอง
เจ้าดอกเล็กนั้น
แข็งขันเศร้าหมอง
น้ำตาไหลนอง
ร้องไห้ทุกวัน
ไร้คนเอาใจ
เด็ดใบให้กับฉัน
จะหาใครที่ไหนกัน
มาดูแลฉันสักที
เวลาผ่านไปนาน
ฉันเดินผ่านเร็วรี่
หัวใจตื่นเต้นยินดี
เห็นดอกนี้ผุดมา
เจ้านั้นเกิดมาเมื่อไหร่
ฉันมิเห็นเลยหนา
เป็นดอกเดียวกลางพารา
ระเบียงหน้าคอนโด
รับขวัญด้วยริบบิ้น
ดอกจิ๊ดนั้นไม่โหล
ดอกเดียวอุตส่าห์โผล่
โต้ลมได้อย่างไร ?
เจ้าดอกเล็กเล็กของฉัน
ฉันรักเจ้ารู้ไหม ??
จะเป็นดอกอะไรไม่สนใจ
รักนี้ให้เจ้าหมดเลย....
ทิกิ
ตอบกลอนละอองน้ำ
น่ารักมากค่ะ
รักต้นไม้
ปลูกไว้รอบบ้าน
มองเย็นสำราญ
ยืินนานจิตใจ
ร่มเย็นเป็นสุข
ไร้ทุกข์ไร้ภัย
ชมดอกชมใบ
เลี้ยงไว้เพลิดเพลิน
จาก : รหัสสมาชิก : 4895 - tiki
รหัส - วัน เวลา : 177178 - 13 ต.ค. 46 - 02:44
11 ตุลาคม 2546 06:36 น.
tiki
วิวัฒนาการผ่านไปในแต่ละชาติ
ครบบทบาทชนิดสัตว์ที่ชัดขวาง
ติรัจฉานส่ีขากางขวางนิพพาน
สัตว์หลายอย่างพระพุทธองค์เคยทรงยิน
แต่ด้วยใจหน่อนาถชาติพุทธะ
กี่ชาติละ...ทรงแสดง...ใจแข็งหิน
กระแตโพธิสัตว์ไซร้...ในธรณินทร์
วิดผันน้ำหาแผ่นดิน...ด้นลูกยา
ในบางชาติ คราทรงเกิดเป็นช้างสาร
บางชาติผ่านเป็นพญานาคหากถามหา
ในบางชาติธ.กำเนิดเป็นราชา
บางชาติล้า..คนตัดฟืน..ขมขื่นใจ
แม้นยากจน ทรงกตัญญู รู้พ่อแม่
คอยเหลียวแล หุงหา อาหารให้
ทั้งตัดฟืนแบกใส่บ่ามาตามไพร
พบพระพุทธเจ้าองค์ก่อนไซร้...ตะลึงพลัีน
ท่านก้มลงนอนราบกับพื้นโคลน
เกรงพระบาทองค์ก้อนโน้นเปื้อนเปรอะนั่น
พระพุทธเจ้าพระองค์นั้นท่านจำนรรจ์
พ่อหนุ่มนั่น...อนาคตท่าน...พุทธองค์
ด้วยบารมีสิบทัศ..ชัดเจนยิ่ง
ทรงอ้างอิง อดีตกาล ล้านกัลป์หลง
ขอเพียงใจแน่วแน่แค่ซื่อตรง
ต่อปัญญา...พุทธองค์...ทรงแจงไว้
ที่แปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์
เพียงหยิบมือของท่านที่ปลิวไสว
หากใบไม้ในป่าอีกล้านใบ
คือเรื่องราวขานไขไปหากัน
ตลอดวาระล้นพระชนม์ชีพ
ทรงเร่งรีบสั่งสอนก่อนดับขันธ์
เพื่อเห็นทางสร้างธรรมจักขุวรรณ
เร่งสร้างสรรค์ตาเห็นธรรมล้ำในใจ
10 ตุลาคม 2546 07:35 น.
tiki
เสียงดนตรี...........คีตหวาน........เธอจารไว้
ดั่งเสียงทิพย์ ............สวรรค์ไซร้...........ภพในฝัน
ฉันได้ฟัง...........จากซีดี...........คีตพลัน
........ระลึกถึง........ใบหน้านั้น...รังสรรค์ทำนอง
เธอเป็น.....คี...ต..ก.วี........เหมือนมีฤทธิ์
ประกาศิต........จิตสวรรค์........บรรเลงก้อง
เสียงเพลงหวาน........จารติดใจ........ในทำนอง
สุดคำคล้อง........จองบรรยาย........ได้ใกล้เคียง
เราพบกัน........ฉันท์เคารพ........คบความรุ้
เป็นน้องพี่........ดนตรีคู่........อยู่ในเสียง
ครั้นได้เห็น........พระพิฆเณศวร์ทองคำ........ค่าสำเนียง
ต้องยอไหว้........แล้วไล่เลียง........ถึงที่มา
เธอตอบเอื่อย........ยิ้มเรื่อยละไม........ในท่าที
มิตรไมตรี........อ่อนน้อม........ค้อมทีท่า
........ครานั้นผม........รับพระราชทาน........รางวัลมา
จากพระเทพ....รัตนราชสุดาฯ........พระพิฆเณศวร์ทองคำ......*๑
ช่างสมค่า........สาธุ........พระเดชพระคุณ
ทรงเกื้อหนุน........คุณดนตรี........คีต..พร่ำ
เสียงเพลงเพราะ........เสนาะโสต........ซึ้งสุดธรรม
คีต..ล้ำ........ค้ำปัญญา........คราทำงาน
จากดวงใจ........คีตชน........คน คนนั้น
ยามมีทุกข์........สาหัสสากรรจ์........จำนรรจ์ผ่าน
เสียงบรรเลง........ซาบซึ้ง........บึ้งดวงมาน
เสียงสำราญ........หวานทำนอง........ซ้องหัวใจ
ยกทิพย์ชั้น........สวรรค์ไว้........ในใจตลอด
เสียงหวานพลอด........พร่ำบรรเลง........ผ่านเพลงใกล้
เป็นภาษา........คีตพจน์........จรดจากหทัย
ศิลปินไซร้........ระดับทองคำ........สำนึกพระคุณ
ฉันฟังเพลง........บรรเลงใส........ในครานี้
แสนยินดี........ที่จิตใจ........ได้เกื้อหนุน
บารมี........เสียงดนตรี........มีพระคุณ
ได้การุณย์........ให้ทุกข์คลาย........มลายไป
สงบใจ........ดั่งได้ผ่าน........ธารน้ำเย็น
เสียงกระเซ็น........ของดนตรี........ซึ่งรี่ไหล
ได้หยุดยิั้ง........อยู่ในโลก........ไร้โศก..อาลัย
ภาษาใจ........คีตทองคำ........ค้ำโลกา........
บันทัดนี้........ขอฝากวจี........กวีคีตะ
บันดาลเกิด........งานสาระ........สร้างคุณค่า
ภาษาใจ........ใสงดงาม........ความศรัทธา
คือภาษา........นุ่มพรรณนา........กวีใจ
ความนุ่มนวล........เย็นฉ่ำ........ค่าน้ำเย็น
หวานในรส........พจน์กระเซ็น........เข่นพิษไข้
ดับดาลเดือด........เลือดพลั่งร้อน........ผ่อนไข้ไป
ดับพิษใจ........ในคีตกวี........นี้..ค่างาน
*๑...งานซีดีเพลง ของคุณตุ๊...ขออนุญาตเอ่ยชื่อที่นี่ ณรงศํกดิ์ อิ่มเจริญ แห่งบ้านฟ้า...
งานตัวอย่างที่น่าจะรับฟังได้ขณนี้เช่น ชุด พญาน้อยชมตลาด ในรายการ ไตำรับทอง ของช่องเนชั่น และ ไอทีวี
เมื่อได้ฟัง และ ได้โทรศัพท์ ไปชื่นชมผลงานไว้นานแล้ว คุณตุ๊ จึงได้ รวมเพลงดังกล่าว อันมีสุนทรียรสใกล้เคียงกัน มาให้ฟังปีกว่าเกือบสองปีแล้ว ทั้งเมื่อทราบว่า ทิกิ
รักเสียงเพลงไทยเดิมด้วยจึงนำชุดตัวอย่างงานบรรเลงของกลุ่ม วงแม่น้ำ ที่บรรเลง เพลงอย่าง ลาวดวงเดือน ในลำดับ แจ๊ส อัลเทอร์เนทีฟว์ มาให้ฟังอีกด้วย รวมเพลงไทยเก่าที่นำมาบรรเลงใหม่ หลายเพลงด้วยกัน ตื่นตะลึงในอารมณ์หวานพริ้งพรายมากค่ะ
งานเฉกนี้ ยังมีคีตกวี ที่นิพนธ์ จดจารไว้ในวงวรรณคีตกวี
ขอสรรเสริญงานพิสุทธิ์...เพือความสงบใจ...ซึ้งมากค่ะ
/font>
9 ตุลาคม 2546 07:20 น.
tiki
นอนหลับตา ....คราไม่เห็น เป็นแสงอะไร
เหตุไฉน ... ตาสว่าง...กระจ่างเห็น
ลองลืมตา ...ฟ้ายังมืด...ยังเยียบเย็น
แสงที่เห็น ...เป็นแสงใจ...ในดวงดาว
มองออกไป...ไกลโพ้น....โน้นเม็ดใส
สุกสกาว....ดาวใจ.....ในเหินหาว
เปล่งแสงส่ง....สุกสว่าง แสงพร่างพราว
คือแสงดาว...กระจ่างคลอ....ล้อแสงเดือน
ใยดาวใส ...ล้อแสง.....แปลงสีสรรพ์
ใจดาวนั้น ....รุ้บ้างไหม...ล้อไม่เหมือน
ดาวหัวเราะ...เพริดฟ้า...นภาสะเทือน
อ่างเพชรเกลื่อน...ทั่วภูผา...พร่าประกาย
ส่งขบวน ...ตรวจสอบ...ไปลอบขุด
พบเพชรผุด...แทรกผืนดิน...ไม่สิ้นสาย
แล้วแบ่งตัว...แยกต่อก้อน...ป้อนแสงพราย
ดาวจึงกลาย.....วับวาว....พราวแสงจันทร์
ถามผู้สอบ...ลอบถาม...ความวิปริต ??
ดาวดวงนิต....ใยส่งแสง...แข่งดาหวัน
กลุ่มนักวิทย์......ได้วิเคราะห์...ตอบเพราะครัน
พระอาทิตย์.....พักรทั้งวัน ...ดาวฟั่นเฟือน
ปิดม่านภวังค์....พลั้งมาหา ...ดาราน้อย
ส่งแสงปรอย...ปริบปริบ.....หยิบรอยเพื่อน
แอบเก้บเพชร ...ไปชั่งหา.......ค่าดาวเดือน
ดาวสะเทือน.......เบือนละเหี่ย.....ร้องเสียใจ
ทำไมเล่า....ถ้าหนู...จะเปล่งแสง
ธาตุในตัว ....หนูแรง........แจ้งเพชรใส
แต่ไปตก ...ผกแดนเด็ก....เล็กเหลือใจ
คอยดูไว้ ...เพชรสยาย...กลายดาวสราญ..?.
ฉันกอดดาว....พราวกระจ่าง....ไว้หว่างอก
รีบหยิบยก....อย่าน้อยใจ...ให้ร้าวฉาน
มาเปล่งแสง...ในใจฉัน....ทุกวันวาร
ดาวเบิกบาน.....ยิ้มแสงจ้า...น่ารักจัง
นับแต่นั้น......ทั้งวันคืน...ดาวชื่นใจ
เปลี่ยนขยาย...จากดาวน้อย...คอยอยู่หลัง
ร้องเพลงใส....เสียงคลอแสง....แจ่มแจ้งพลัง
ฉันจึงตั้ง...ใจ....เอ็นดู...อยู่ทุกคืน
คืน ๙ ตุลา คราริบหรี่จากวรุณ
แด่ดาวดวงใหม่..ในลานกวี ...ทุกดวง
.......