15 ธันวาคม 2546 02:10 น.
tiki
(พ่อแก้ว..แม่แก้ว)
หากลูกนี้ ร่ำรวย....ใครช่วยได้ ..?
จะพาแม่..ไปกินข้าวต้ม..อย่างที่ฝัน
ให้แม่ร้องเพลง..บรรเลงใจ..ไปนิรันดร์
ก็แค่นั้น...ฝันว่ารวย..ใครช่วยที !
ขับรถกลับ...กลับสลด...รันทดใจ
แม่ยังคล้ายเด็กอ้างว้าง..ใจริบหรี่ !
*มานอนกับแม่..มานอนกับแม่* แม่อ้อนอีกที
เฮ้อ..ไม่ได้จ้ะ..หนูมีหน้าที่..อีกมิค่อยสบาย
ขับรถกลับทั้งเศร้าใจ...ไฉนหนอ ?
เมื่อหมดพ่อ...แม่ก็อ้างว้าง..ใจร้าง..สลาย
ลูกทุกคน...ต่างทำหน้าที่...อันวุ่นวาย
แม่คนเดียวเลี้ยงดูมิได้..(ดีดังที่หวังไว้)...ให้แปลกใจ ??
(สัญญาใจ)
เขียนสัญญา...สร้างพันธะ....ภาระจิต
พันธมิตร....สัญญาสนิท...คิดขึ้นใหม่
เป็นสัญญา...ร่างมา...จากดวงใจ
มอบแม่ไว้...ให้สบายใจ..ไม่หนักอุรา
ว่าวันใด..ลูกร่ำรวย...ด้วยการงาน
ได้แต่งบ้าน..งานใหญ่..ให้ลูกค้า
มีใช้หนี้ ใช้สิน ได้เงินตรา
จะเอามา..ซื้อเวลา หาแม่สักที
เขียนสัญญา...แม้นว่า...น้ำตาไหล
อกตัญญู อย่างลูกไฉน...พ้นกรรมไหมนี่ ?
น้ำตาไหล..สัญญาใจ..ว่าจะเป็นคนดี
นับแต่นี้..จะไปดูแลแม่ให้ถึ่..ดีกว่าเดิม
14 ธันวาคม 2546 17:24 น.
tiki
(อยากเอาใจแม่..)
แม่บอกว่า **ลูกจ๋า...มานอนกับแม่
สองตาแล น่าสงสาร..น่าคิดถึง
ฉันดีใจ ...ได้พบแม่ ...แลสุดซึ้ง
แต่เสียใจ ต้องห่วงคำนึง..ถึงลูกตน
อยากมีเงิน..มากมาย..ไว้ให้ใช้
จะขับรถ..เวียนวนไป...ให้เป็นกุศล
แม่อยากไปที่ไหน..พาไปยล
แม่อยากกิน..จะไม่บ่น ..พาไปกิน
แต่วันนี้ ที่หยุดคิด...เพราะผิดพลาด
เพราะบังอาจ..ทำตัวประหลาด..เป็นนิจสิน
ทำโง่เขลา ..เบาปัญญา เป็นอาจิณ
เรื่องทำกิน...ไม่มีเก็บ..เจ็บยามตรอง...
(ไปหาแม่..ดีกว่า )
วันนี้ฉัน ยิ้มได้...เพราะไปอ้อน
หอบเอากลอน..พิมพ์ไว้อ่าน..งานอักขระ
แฝงไว้ด้วยแนวปรัชญา..แนบสาระ
อิสระ......ไร้พรรค..ให้หนักใจ
เป็นคนธรรมดา...เดินดิน...กินข้าวแกง
แต่แอบแฝง..พริกเผ็ดเผ็ด..น้ำตาไหล
รับแม่ไปกินอาหาร...ท่านดีใจ
เพลง*ภูสมิง*...ลอยมาให้...สดใสอารมณ์
ริมถนนธรรมดา..เลยเป็นสวรรค์
ร้านข้าวต้มทะเลพลัน...เปลี่ยนผสม
กลายเป็นร้านคาราโอเกะแม่..ชิดชม
ฉันนี้งม..ฟังเพลิน..เจริญใจ
(สวรรค์เบี่ยง)
แล้วตัดความ..ยามลุกไป..จ่ายสตางค์
สวรรค์เปรี้ยงปร้าง...ปิดฉับ..ดับไฉน
แผ่วดนตรี *ภูสมิง*...รถเคลื่อนไกล
แม่ยังได้...ฮัมเพลง..อยู่เบาเบา
เราทั้งสอง..จึงร้องเพลง...บรรเลงประสาน
ช่วยเบิกบาน..ร้องเพลงให้..แม่ไม่เศร้า
*เพชรน้ำหนึ่ง*...**บัวกลางบึง**...อยู่สองเรา
อีก***เงาไม้*** คลายโง่เขลา...เงาในใจ
ฉันไปทำหน้าที่...คลี่คลายทุกข์
ให้แม่สุขสักครึ่งวัน..พลันหายไข้
ให้แม่ร้องเพลงเป็นสุข...สนุกไป
ไร้ทุกข์ใจ...แม้นมิได้..ไปทุกวัน
13 ธันวาคม 2546 20:24 น.
tiki
ในบางขณะ โลกโศกใจ ได้ วาทะ
ทรรศนะ และ ธรรมะ อันแก่กล้า
ฌาน..ชยข่มโทสะปะ ปัญญา
ไตรสรณะ..ตติยะพา..สงบใจ
กิร ดังฐาปน... นมะ เพื่อน
ธรรมะเกลื่อน ....กี่ กษณะ ..วจนะให้
เป็นนยนะ แห่งนิคหะข่มจิตใจ
ดับปฏิฆะ ตบะได้สติ..ปัญญา
คำแปล
ยามเศร้าโศกอยู่ในโลก บางขณะเมื่อได้รับถ้อยคำ
(จากพูด ฟัง อ่าน เขียน) อันเป็นความเห็นที่ชัดล้วน
ในความเป็นไปแห่งโลก อันล้วน ธรรมะ จากบุคคล
ผู้แก่กล้าในฌานในการเพ่งอารมณ์ ผู้ได้ชัยชนะ
ในการใช้ปัญญาข่มโทสะ
ปัญญาซี่งใช้ในการข่มโทสะ
นี้คือปัญญา ในการได้เข้าถึงไตรสรณะคมน์
ด้วยการรำลึกถึงคุณ พระพุทธเจ้า ธรรมะของพระพุทธเจ้า
การได้เสวนาสดับฟังเทศนาแห่งพระสงฆ์
ผู้คือสาวกผู้สืบทอดพระศาสนาแห่งปัญญา
ย่อมนำความสงบใจให้
ดุจดังได้ยินมาว่า
การเคารพนบน้อมในเพื่อน คือการวางราก
ก่อร่างสร้างตนขึ้นสู่การได้เห็นธรรมะ ทุกขนะ
ทุกเวลาที่เกลื่อนกล่นอยู่ในถ้อยคำ
เป็นดวงตา นยนะ แห่งการข่มปราบปราม
ข่มจิตใจเป็นการเพ่งเผากิเลศ ตน
ด้วยสติ ความตั้งมั่นที่จะข่มดับความคับแค้นใจ
ไว้ด้วยปัญญาแห่งพุทธะ
ฉะนี้แล้ว
สติ และ ปัญญา
คือ คู่เพื่อนซึ่งพาไปสุ่ ดวงตาในธรรม
คำศัพท์
ขณะ ...จังหวะ ..เวลา
โลก....(โลกะ) แหล่งที่มีการเสื่อมสลายไปทุกขนะ
โศก....(โศกะ)ความเศร้าหมอง หดหู่ใจ การร่ำร้องไห้
วาทะ...คำพูด..สิ่งที่ได้จารไว้กล่าวไว้
ทรรศนะ ...ความเห็น การเห็น..การเดา
ธรรมะ ...ความจริงในภพ ภาวะ สภาพอันเป็นจริง ข้อที่กล่าวขึ้นเพื่อแสดงความเป็นจริง
ฌาน(ชาน ชานะ).เพ่งอารมณ์จนใจแน่วแน่
.ชย...(ชะยะ) การชนะ
โทสะ..ความโกรธ ความขัดเคืองใจ
ปัญญา ความรอบรู้ ความรุ้ทั่ว
ไตรศรณะ....ที่พี่งสามในโลก คือ พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์
ตติยะ. ...ที่สาม..คำรบสาม
กิร ..เล่าลือ
ฐาปน...การก่อสร้าง สร้างขึ้น
นมะ....การนอบน้อม การเคารพ นบไหว้
กษณะ ครุ่ ครั้งคราว
..วจนะ.. .คำพูด ธรรมะ
นยนะ ดวงตา
นิคหะ การข่มการปราบปราม
ทรรศนะ ความคิดเห็น
ปฏิฆะ ... ความคับแค้น
13 ธันวาคม 2546 19:06 น.
tiki
คือ อะไรในสังคม.ซึ่งบ่มมา
คน คือคน มนุษย์มนา..ค่าเพียงเห็น
คือ อะไรในฃีวิต..บิดประเด็น
เรา ต่างเล่น..บทชีวิตหนึ่ง..พึงระวัง
คือ บางสิ่งที่จักตอบ..หากชอบใจ
เขา เชื่อใคร..ก็เชื่อไป..ได้ฝากฝัง
คือ ละครบนเวที..มีชื่อดัง
สัตว์ คนยัง..ชีพวาย..ก็กลายดิน
สัจจะ ธรรม..นำกานท์...ศานติสุข
ธรรม พาทุกข์..จางได้..ไม่ถวิล
ค้ำจุน โลก โศก-สุข..บุกบั่นยิน
โลก -แผ่นดิน...เมตตานำ..ค้ำโลกา
พุธกลางคืน
๑๐ ธันวาคม พศ๒๕๔๖font>
12 ธันวาคม 2546 18:01 น.
tiki
@ เราก็ต่างอยู่กันเพียงวันนี้
เราต่างมีจุดมุ่งหมายเพื่อภายหน้า
เราต่างมีสุขทุกข์รุกอุรา
เราต่างมี ดิน-น้ำ-ฟ้า และ ดวงดาว ....( ๑)
@ เราต่างมีพสุธา เพียงอาศัย
เราต่างเดินก้าวไป เพียงทีละก้าว
เราต่างมีลมหายใจ ออก สั้น ยาว
เราต่างมีเครื่องหวานคาว แค่พอกิน....( ๒)
@ กิน .....เพื่ออยู่ แค่อยู่ไปในแต่ละวัน
นอน .....ก็เพียงดับฝันอันโหดสิ้น
ขับถ่าย...เพียงขับไล่สิ่งได้กิน
สืบพันธุ์....เพียงสืบแผ่นดิน ลูกหลานตน....(๓ )
@ ชีวิต .....พอเพียงนี้..ดีพอชอบ
คือ.....คำตอบสอบคำถาม ยามฉงน
อะไร.....หรือคือสัจจะ...ชีวิตคน
กัน.?...คำตอบไว้เพียงตน...ตอบก่อนตาย........(๔ )
จารเมื่อ พุธ ๑๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๖
เวลา 02:30 นาฬิกา