18 มกราคม 2547 14:25 น.
tiki
รู้ว่าไฟกลับเข้าใส่ให้อยากชิด
ไม่รู้คิดพลังรักมหาศาล
สะท้านโลกสะเทือนขวัญกันไปนาน
สมบัติเทพเทวาสำราญมิเคียงใคร
เพียงหล่นร่วงจากดาวดวงสรวงสวรรค์
อีกไม่นานคงจบกันอย่าหวั่นไหว
เมื่อสิ้นสูรย์สุรีย์ฉายพระพายไกว
ณ.คืนจันทร์อันอำไพเจ้าเด่นดวง
เสน่หายาใจในสวนขวัญ
จะอึงอลพัลวันด้วยหึงหวง
โลกซึมซับรับน้ำตาแห่งกลลวง
แล้วทั้งปวงก็จากคลายมลายคืน
เจ้าก่อภพก่อชาติไว้สืบสาย
อีกสยายแค้นคั่งเกินดั่งฝืน
รักทุกภพประสบหลังฤายั่งยืน
ล้วนเฟ้นฟอนแล้วถอนคืนเมื่อจากลา
ถึงภาพความงามงดเคยสดใส
เสียงสรวลเย้าฤทัยให้ถวิลหา
จะผ่านล่วงเลือนไปไม่คืนมา
เสน่หาจะคราไหนไม่ยั่งยืน
.ขออธิษฐานให้คนดีเมื่อได้เห็น
ให้ชื่นเย็น..ร้าวสลายกลายขมขื่น
ให้วาจาข้าดั่งยาให้เจ้ากลืน
ให้คลายคืนพิษร้ายมลายเทอญ.
ที่มาของกลอนทั้งหมดนี้ก็มาจาก สองบทนี้ ที่ไปตอบใน http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_44785.php
เมื่อจบคำจำแปลกแหวกใจข้าฯ
ให้รู้รักคลั่งหนักหนานั้นเป็นไฉน
ข้าสัญญาจะถนอมออมหัวใจ
ให้เจ้าได้อบอุ่นสบายหายเจ็บทรวง
.เมตตาข้าฯ..หากรักนั้น...มันแสนคลั่ง
ขอคุแค้น...ที่ล้นหลั่งจง...ถอยล่วง
หากคั่งแค้น..แต่ภพไหน..ได้ปักปวง
จงถอนยวง..แม้นยากเข็ญ...จงเย็นใจ
ทิกิ
รหัสสมาชิก : 4895 - tiki
รหัส - วัน เวลา : 207668 - 17 ม.ค. 47 - 17:27
.........โลกียธรรม..นี้คือพจน์..สลดใจ
จะเสกสรรค์...ปั้นไฉน...ก็เศร้าเหลือ
ดั่งฝูงหงส์...ลงสนาน...ในสระเกลือ
ต้องกลวกเกลื้อ..ทั้งดินโคลน..ดำระกำ
หากได้คิด...สะกิดสักนิด...ซึ่งคั่งแค้น
อันอัดแน่น...หม่นหมอง...หรือเจ็บช้ำ..
ขอบทเรียน...เวียนสลด...หาบทธรรม
ที่ยกย้ำ...พันธนาการ...สังสารวัฎฎ...
ทิกิ
จารเมื่อ 13:45 วันอาทิตย์ 18 มกราคม 2547
http://www.thaimisc.com/freewebboard/php/vboard.php?user=dokgaew13
นำความกลอนส่งแล้ว.................หลากจำ
มิคาดคิดระกำ หม่นหมอง
กลอนพาจิตรทุกข์ช้ำ หมองหม่น
สลัดตนร่ำร้อง ห่มน้อง..ยามครวญ
18 มกราคม 2547 02:50 น.
tiki
ฉันหยิบรักใส่พาน......วางตั้งไว้
เผื่อเธอได้....หยิบฉวย...เอาไปห่ม
ฉันเป่ารัก....แผ่สยาย...กับสายลม
ให้ช่วยบ่ม...รักสุกหวาน...จารถึงเธอ.
ฉันมั่นใจ..ในวันหนึ่งเธอพึงมา
สำรวจท่า..ที่ใคร่ครวญ..หวนคิดเสมอ
เธอคงเก็บรักไปค้นคว้าคราไม่เจอ
คงไม่เพ้อ ..หากสำรวจ..และตรวจตรา
ฉันจึงหวังว่า..เธอนั้น..จะฝันคะนึง
เฝ้านึกถึง..วันเก่าเก่า..เราหวนหา
เคยกล่าวถ้อยถึงกัน..เจรจา
คงเชื่อว่า..เป็นเรื่องจริง...สิ่งพูดไว้
ฉันจึงวางรักไว้ในพานนี้
หวังให้เธอสุขฤดีเมื่อมาใกล้
เพราะหวังว่า..สุขนี้..จะสอดใจ
เข้าลูบไล้...โอบล้อม..อ้อมอกเธอ
ฉันจะโอบเธอมั่นคง..หายสงสัย
ให้มั่นใจ.อิง..แอบ...แนบไหล่เสมอ
หากวันใด...รักเธอช้ำ...ระกำเพ้อ
จงนึกถึงวัน..ที่ฉันและเธอ..มาเจอกัน.....
ให้เธอมองเข้าตรงนี้ที่ฉันอยู่
คงรับรู้...จะรักเธอ...ดั่งเธอฝัน
ไม่หวังให้..... เธอตอบรับ...ในเร็วพลัน
บนพานนั้น.....มีรักจอง...ปองรักเธอ
17 มกราคม 2547 16:07 น.
tiki
...บนระเบียงเรียงคว้างกลางอากาศ
นภากาศกระจ่างแจ้งในแสงใส
มองทั่วทิศในฟากฟ้านภาลัย
ส่งดวงใจ ปลอบขวัญ ตามสัญญา
ด้วยไปขอล้อองค์เทพในความฝัน
ว่าขอพรองค์ท่านผู้เก่งกล้า
ช่วยอำนวยอวยให้แก่กัลยา
ท่านเมตตาพรข้อนี้มิเอ่ยกระไร
พรขอเผย.....ใครเคยเคียง...อดีตชาติ
มาพ้องผ่าน...อย่างประหลาด...ในวันไหน
ขอองค์ท่าน...โปรดแถลง...ให้แจ้งใจ
ให้จำได้...รักเคยมั่น...เคยสัญญา
ให้เร่าร้อน...ติดหลง...พะวงนัก
ให้ระลึก..ถึงรสรัก..แห่งตัวข้า
เคยสัมผัส....รัดปั่นป่วน....ถ้วนกายา
ให้ซบหน้า....ละห้อยหวน....รัญจวนใจ
มิได้คิด..มิได้คาด......ว่าในฝัน
พระองค์นั้น........จะประทาน.......พรนั้นให้
ด้วยวันนั้น.....ด้วยความแค้น........อยู่แน่นใจ
จึงพ้อไป......ด้วยใจคิด......พิษรักตรม
หากวันนี้.....แก้ไม่ได้.....สายสุดแสน
ใครคั่งแค้น.....แสนกระเส่า......เร้าเรียกขรม
ด้วยค่ำคืน....แม้นยามตื่น.....จะอภิรมย์
ล้วนเว้าคม.......เร้าขอ.....เผื่อพอใจ
อย่าเร่าร้อน.....โปรดผ่อนผัน......บาปนั้นข้าฯ
สำนึกแล้ว.......เศร้าอุรา.......อยากแก้ไข
ขอโอบแขน.....รัดถนอม.......เจ้าจอมใจ
หฤทัย........ขอส่งไป.........เพื่อชิดชม
ใจจะใกล้....โอบไว้......ในอ้อมแขน
เสมือนแม้น.....ข้าฯจุมพิต.......แม้นเส้นผม
ใจจะกอด........เจ้าไว้.......แม้นในลม
จะดอมดม......กลิ่นหอม.....ล้อมหัวใจ
หากเจ็บจิต....ด้วยพิษรัก......สลักข้ามภพ
ขอประสบ........รักเมตตา.......ที่ข้าฯให้
ถนอมเนื้อ.........อย่างแผ่วเบา.....จงอภัย
สลักรัก........สลักหทัย......ให้เจ้าครวญ
จะถนอม....เพียงเบาเบา.......ให้เจ้าฝัน
ให้พิษรัก......ซึ่งโรมรัน.......จนปั่นป่วน
ได้ลดแรง.......เร่าร้อน........ฤทธิ์เย้ายวน
ข้าฯคิดหวน........แล้วเสียใจ....ได้ขอพร
ให้ผู้ใด...หมายรู้จัก...มารักข้าฯ
แต่ชาตินี้...ไม่ประสา...จะสืบสอน
หากรู้แน่....แค่ระลึก..ตรึกเว้าวอน
จะส่งพร...ประโลมขวัญ....ให้สัญญา
หากเจ้าล้ม..ตัวลงนอน..ก่อนจะหลับ
จะประทับ..รอยจุมพิต..จิตฝันหา
บนหน้าผาก..อ่อนโยน..ตามวาจา
จะห่มผ้า..ให้ดวงขวัญ..กันหนาวกาย
จะขับเสียง....ดุจสวรรค์...สรรค์น้ำเสียง
ประโลมแว่ว....แจ้วประเลียง...ประทับใกล้
จะกล่อมเจ้า....ดวงจิต....สนิทใน
ให้หลับไป....ในอ้อมแขน...แม้นเมตตา.....
ให้ผ่อนคลาย.....ที่เร่าร้อน....ในฤทธิ์รัก
ตรึงสลัก...แนบไว้...จากใจข้าฯ
จะถอนพิษ...ศรจากจิต...แนบอุรา
ขอชั้นฟ้า......ช่วยยอกร....ถอนด้วยกัน
ขอฝากรัก....มาสลัก...ฤทัยนี้
ให้อ่อนโยน.......ในวจี.......ที่เคียงฝัน
ขอความสุข......อันเยือกเย็น.......เป็นนิรันดร์
สถิตมั่น........เป็นคำพร.....วอนจากใจ
17 มกราคม 2547 03:15 น.
tiki
คานทอง
ดั่งคำครู......ว่าไว้.........ให้ธำรง
เกิดเป็นหงส์......ว่าเป็นหงส์....พงศ์สยาม
อย่าท้อถอย..ลอยถาด..ให้ชาติทราม
คว่ำวงศ์งาม....เผ่าพันธุ์...ถึงบรรลัย.....
รักษาเกียรติ...รักษาวงศ์....พงค์ตระกูล
อย่าให้สูญ....หมิ่นปัญญา......คราไหนไหน
ชูชาติเชื้อ..ปราชญ์ตระกูล....พูนเผ่าไทย
จรรโลงไว้.....ซึ่งพงศ์พันธุ์....สรรค์ปัญญา
จึงเตือนตน...เตือนตา....อย่าเตลิด
อย่าหลงเพริด........กับคำคน.......มันไร้ค่า
อย่าไปคิด........ควานคัด....ภัสดา
สิ้นโลกา..........เทียบไม่ได้........ค่าไม่มี
ที่เจาะจง....รัตนวงศ์......ไม่สิ้นสูญ
ในโลกนี้......ปราชญ์ประยูร.......ก็ใช่ที่
ให้ประมูล.........ไปติดฝา.......อย่างปรานี
ให้ชั้นดี.........ขึ้นพิพิธภัณฑ์......ก็ชั้นครู
อย่าปรารมภ์..........ว้าเหว่.....ระเหหัน
อย่าเศร้าซึม..........คาดค้น..........ให้อดสู
ต่อควานหา......เรือนล้ำค่า.......เทียบพธู
ให้กอบกู้.........วาสนา..........ยากหาพบ
คานธรรมะ
อย่าน้อยอก......น้อยใจ........ในโลกมนุษย์
คู่เหมาะสม.......ยังไม่ผุด.......เกิดประสบ
แผ่นดินสิ้น.........ไร้ชาย.........ไม่ควรคบ
เจ้ายังพบ........โลกธรรมะ........สละใจ
จะสอนสั่ง......อบรม.....ว่างมโง่
จะฉาวโฉ่.....กระฉ่อนเมือง....จะเรื่องใหญ่
จะค้นหา...ภพเทวดา........ก็เกินไป
จะป่าวประกาศ ...โลกพรหมไซร้....ก็เกินควร
จึงกล่าวความ....ห้ามใจ...ไว้จอมขวัญ
ถนอมเนื้อ..........หักกระสัน......อันปั่นป่วน
หากฤทธิ์กาม......ห้ามไม่ได้.......ให้รัญจวน
ก็ปั่นป่วน..........แต่ในใจ.........ไร้สามี
ถึงค้นข้าม.....สามภพ.....ไม่สบรัก
ก็หยุดพัก.....ผ่อนใจ........ในวิถี
ค้นธรรมะ.........ประผ่องพักตร์.......รักชีวี
เป็นนารี......รัตนชาติ........ปราชญ์คู่เมือง
สยบกรรม สยบกาย ในสังสาร
วัฎฎะผ่าน ธรรมะกลาย ให้ลือเลื่อง
เรียนวิชา........ธรรมคู่ใจ.........ให้ประเทือง
รู้ภพชาติ .........ปราชญ์ปราดเปรื่อง......เลื่องลือธรรม
จารเมื่อ ๑๑-๑๒ มกราคม ๒๕๔๗
งานต้นแบบเมื่อ ตุลาคม ๒๕๔๖ จะเน้นการเฟ้นธรรมตัดภพชาติ ตัดสังสารวัฎฎ
โดยจะ ต่อ สองบท จาก บทที่ว่า
ดูไม่ทัน......ใจไปรื้อ...สัญญารัก
ซึ่งสลัก........ปักแน่น.........อสงไขย
จึงร้อนรุ่น.......นอนกระเส่า......เร้าฤทัย
ด้วยมิได้.........วอนครู.........ตามดูกลอน
นี้จะต่อด้วย อีกสองบทต่อไปนี้และจบความ
ครู สอนว่า ตามองเห็น เป็น สัจจะ นาม.....
ใจ รุ้ตาม คือเป็น นาม ตามอักษร
อักขระ........กวีกาพย์..........ร่ายโคลงวอน
คือบทกลอน มายาหลอน ก่อนอ่านตาม
ประสมสระ....พยัญชนะ........มาสร้างอำนาจ
เล่นบทบาท.....มายาวิปลาส.....ประกาศถาม
ลื่นไปตาม..........อักขระ.....อำนาจกาม
ตกบทเรียน..........ไม่เพียรพยายาม เดินข้ามครู.
ตุลาคม ๒๕๔๗
17 มกราคม 2547 03:01 น.
tiki
คานทอง
ดั่งคำครู......ว่าไว้.........ให้ธำรง
เกิดเป็นหงส์......ว่าเป็นหงส์....พงศ์สยาม
อย่าท้อถอย..ลอยถาด..ให้ชาติทราม
คว่ำวงศ์งาม....เผ่าพันธุ์...ถึงบรรลัย.....
รักษาเกียรติ...รักษาวงศ์....พงค์ตระกูล
อย่าให้สูญ....หมิ่นปัญญา......คราไหนไหน
ชูชาติเชื้อ..ปราชญ์ตระกูล....พูนเผ่าไทย
จรรโลงไว้.....ซึ่งพงศ์พันธุ์....สรรค์ปัญญา
จึงเตือนตน...เตือนตา....อย่าเตลิด
อย่าหลงเพริด........กับคำคน.......มันไร้ค่า
อย่าไปคิด........ควานคัด....ภัสดา
สิ้นโลกา..........เทียบไม่ได้........ค่าไม่มี
ที่เจาะจง....รัตนวงศ์......ไม่สิ้นสูญ
ในโลกนี้......ปราชญ์ประยูร.......ก็ใช่ที่
ให้ประมูล.........ไปติดฝา.......อย่างปรานี
ให้ชั้นดี.........ขึ้นพิพิธภัณฑ์......ก็ชั้นครู
อย่าปรารมภ์..........ว้าเหว่.....ระเหหัน
อย่าเศร้าซึม..........คาดค้น..........ให้อดสู
ต่อควานหา......เรือนล้ำค่า.......เทียบพธู
ให้กอบกู้.........วาสนา..........ยากหาพบ
คานธรรมะ
อย่าน้อยอก......น้อยใจ........ในโลกมนุษย์
คู่เหมาะสม.......ยังไม่ผุด.......เกิดประสบ
แผ่นดินสิ้น.........ไร้ชาย.........ไม่ควรคบ
เจ้ายังพบ........โลกธรรมะ........สละใจ
จะสอนสั่ง......อบรม.....ว่างมโง่
จะฉาวโฉ่.....กระฉ่อนเมือง....จะเรื่องใหญ่
จะค้นหา...ภพเทวดา........ก็เกินไป
จะป่าวประกาศ ...โลกพรหมไซร้....ก็เกินควร
จึงกล่าวความ....ห้ามใจ...ไว้จอมขวัญ
ถนอมเนื้อ..........หักกระสัน......อันปั่นป่วน
หากฤทธิ์กาม......ห้ามไม่ได้.......ให้รัญจวน
ก็ปั่นป่วน..........แต่ในใจ.........ไร้สามี
ถึงค้นข้าม.....สามภพ.....ไม่สบรัก
ก็หยุดพัก.....ผ่อนใจ........ในวิถี
ค้นธรรมะ.........ประผ่องพักตร์.......รักชีวี
เป็นนารี......รัตนชาติ........ปราชญ์คู่เมือง
สยบกรรม สยบกาย ในสังสาร
วัฎฎะผ่าน ธรรมะกลาย ให้ลือเลื่อง
เรียนวิชา........ธรรมคู่ใจ.........ให้ประเทือง
รู้ภพชาติ .........ปราชญ์ปราดเปรื่อง......เลื่องลือธรรม
จารเมื่อ ๑๑-๑๒ มกราคม ๒๕๔๗
งานต้นแบบเมื่อ ตุลาคม ๒๕๔๖ จะเน้นการเฟ้นธรรมตัดภพชาติ ตัดสังสารวัฎฎ
โดยจะ ต่อ สองบท จาก บทที่ว่า
ดูไม่ทัน......ใจไปรื้อ...สัญญารัก
ซึ่งสลัก........ปักแน่น.........อสงไขย
จึงร้อนรุ่น.......นอนกระเส่า......เร้าฤทัย
ด้วยมิได้.........วอนครู.........ตามดูกลอน
นี้จะต่อด้วย อีกสองบทต่อไปนี้และจบความ
ครู สอนว่า ตามองเห็น เป็น สัจจะ นาม.....
ใจ รุ้ตาม คือเป็น นาม ตามอักษร
อักขระ........กวีกาพย์..........ร่ายโคลงวอน
คือบทกลอน มายาหลอน ก่อนอ่านตาม
ประสมสระ....พยัญชนะ........มาสร้างอำนาจ
เล่นบทบาท.....มายาวิปลาส.....ประกาศถาม
ลื่นไปตาม..........อักขระ.....อำนาจกาม
ตกบทเรียน..........ไม่เพียรพยายาม เดินข้ามครู.
ตุลาคม ๒๕๔๗