29 มกราคม 2547 13:24 น.
tiki
คำบิดาแห่งข้าฯเคยสั่งสอน
มือก็วอนลูบผม....คอยชมว่า....
เจ้าลูกรัก...จักจำไว้....ในหัทยา
ว่า*ปากกา* นี้....มีคม....สมดังใจ
.หนึ่งหมื่นแค้น..แสนเจ็บ...จนตัวสั่น
แต่เจ็บนั้น...เท่าวาจา.....มาเชือดใส่..?
จงอย่าพูด....ปราดเปรื่อง......กระเดื่องไกล
เหมือนดาบ...ลับ..คมไว้..เก็บให้ดี
แต่ปากกา....หากทิ่มแทง.......แย้งข้างหลัง
ต่อหน้าดั่ง...ชมเลิศ..ประเสริฐศรี
จักก้าวล่วง...ไปบ่วงกรรม..ด้วยวจี
จงรักษา.......ใจให้ดี......ที่เมตตา..
จะอบรม....พอสมควร..ที่สั่งสอน
เด็กยังอ่อน...อายุน้อย....ด้อยเยาว์กว่า
พูดเพราะเพราะ...นุ่มละไม...ใช้จรรยา
และที่ท่า......โอบสวม...หลวมละมุน
ให้ผูกใจ....ไว้ให้ดี......เป็นที่หนึ่ง
ให้ซาบซึ้ง.......ลดาดอม......อันหอมกรุ่น
เก็บพระเดช......ของลูกไว้.......ใช้พระคุณ
จะเป็นบุญ......แก่พารา.....คราเมื่อชม.....
ข้าฯ.....นี้รับ.....จับใจ...กระไรนัก
คำบิดา.....ข้าฯ..สลัก......จักใจบ่ม
อีกสอนสั่ง......รับใส่น้อม....ค้อมประณม
อีกทั้งก้ม....กราบเท้าพ่อ.....ท่านพอใจ
ในโลกนี้.......หากมีใคร.......ใจอุกอาจ
มาหยามชาติ....ให้อุบาทว์......มาตกใส่
ข้าฯก็นิ่ง........ไม่โต้ตอบ....ลอบกัดใคร
อีกทั้งใจ.......อหิงสา.....มาคืนคำ
ยิ่งนับวัน....ยิ่งกระเดื่อง.....กระด้างลาง
ยิ่งเอ่ยอ้าง......อาจอง...จงหยาบหยาม
ยิ่งนับวัน.....ยิ่งทำลาย.......ขยายความ
ยิ่งนับวัน.......ยิ่งประนาม...ข้ามทุกมรรค
เธอ..ถลา....มาว่า........วาทะสอน
แต่บทกลอน........ของเธอ.......นั้นแตกหัก
แต่ละประโยค.....โชกมีดเชือด......เลือดอาบนัก
แล้วใครจัก.......รักเธอ...?........จักเผลอใจ......?
คำแห่งเธอ.....โหดร้าย......ไร้เมตตา
เยี่ยมทุกหน้า.....เสมือนว่า......*ข้าฯนี้ใหญ่*
ทั้งเงื่องแง่ง.....หงุดหงิด.....คิดโค่นใคร
ทั้งหยามเหยียด...ให้หม่นไหม้....และเย้ยยาม
ที่ตามแล.....แปรไป.....ในหนังสือ
ข้าฯก็ถือ.......ว่าเธอนั้น........เพียงกิ่งหนาม
แค่ตำแย.....แต่จะย่ำ.....ให้ล้ำความ
เหมือนคนทราม.....อาบกระฉอก...กระออกไอ.....
อนิจจา....ตัวหนังสือ...ข้าฯถือเลิศ
อักขระ...พระฯประเสริฐ...จะหมองไหม้
ดูทีหรือ.?...นำมาฆ่า......ปากกาไว
เที่ยวทิ่มแทง.....ให้ช้ำใจ........ไปทุกคม
เถอะ..! ถ้าเจ้า..พอใจ...จงขว้างมา
ตบลูกแรง....ประเด็นฆ่า....ให้สาสม
แต่ข้าฯนิ่ง......อโหสิ......เมื่อปริพรม
ไม่ซานซม.......ไม่ขมใจ........ไม่ยินดี
ขอนำพาน......ขึ้นกราบทูล.....ทำนูลขอ
ช่วยยกยอ........ตัวข้าฯ......พาหลีกหนี
ทูนอักขระ.......พาก้าวไป.....ไกลอเวจี
อยู่กับสวรรค์........สรรค์วจี.......มีเมตตา ..!!
ทิกิ_tiki
ไร้สีสันวรรณะเพศวัยไร้ตัวตน .
28 มกราคม 2547 19:21 น.
tiki
ถืออุปการะคุณ....ไว้ในใจ
อย่าสงสัย.....ในข้อธรรม......คำง่ายง่าย
*ความสันโดษ* เป็นธรรมรู้.........ชูอุบาย
ให้ยักย้าย.........ถ่ายสิ่ง.......กริ่งกลัวธรรม
มองขีวิต....คิดว่าง่าย....คล้ายแกล้งล่อ
น้ำลายสอ.......โน่นก็อยาก...หลงเพ้อพร่ำ
แต่หากตัว.......*พอแล้วพอ*....ล่อจิตจำ
ก็ดื่มด่ำ.....สำนึกได้....เมื่อภัยมา.
.*สันโดษ* เป็นธรรม อันอัศจรรย์
ด้วยเพียงพอ....ต่อให้คั้น.....มาอยากค่า
ก็วางแล้ว.......อิ่มพอแล้ว....นะแก้วตา
เพียงกินข้าว.....กับน้ำปลา......ก็อิ่มพอ
เพียงแก้หิว....ไปวันวัน......ไม่สรรค์มาก
ที่ความอยาก.....พอสมอยาก.......ก็เพียงหนอ
แต่บางคน.........อยากทั้งวัน......ไม่เคยรอ
จึงเฝ้าพ้อ.......เพ้อพล่าม.....ถามหาใคร !
กำหนดใจ.......ให้รู้พอ.....ได้ต่อค่า
ธรรมยาตรา.... มาระงับ.....ดับหนไหน
คอยควบคุม......ศีลสนิท.....ในจิตใจ
ดั่งคุมหิน......ทับไว้......ไม่โผล่รวน
ด้วยใจนี้....ถึงมีศีล....อาจหมิ่นเหม่
ซาตานเห่.....ห่อกล่อม........ก็เสสรวล
หากข้อธรรม.......มากล่อมใจ....ให้นุ่มนวล
ว่ารัญจวน แต่คู่ตน........เพียงคนเดียว.....
ใจเตลิด.....เพริดไว้.....จะได้ระงับ
ดุจภูผา.....ศิลานับ........ยืนแกร่งเดี่ยว
ไม่มีธรรม.....ข้อสันโดษ......โทษปีนเกลียว
อาจลดเลี้ยว.....ตกศีลธรรม.....เกินห้ามใจ
ฝึกให้*พอ...แล้วจึงดี****อย่างที่เห็น
บอกตัวเอง....เช้าเย็น.....ว่าพอได้
มีเท่านี้.....เท่าที่มี.......ก็พอใจ
ที่ว่าร้าย...แพ้ธรรมนั้น...*สันโดษ*วอน !!
เพราะไร้ศีล.......จึงได้ยิน......แต่คำรัก
ไร้สันโดษ.......จึงว่ามัก......ง่ายรักหลอน
ไร้จรรยา.......จึงลดเลี้ยว........เกี้ยวในกลอน
ไร้เมตตา.......จึงสำส่อน.....ทิ้งคู่ตน
ทิกิ_tiki
ไร้สีสันวรรณะเพศวัยไร้ตัวตน
27 มกราคม 2547 23:43 น.
tiki
กงจักรนั้นหรือ.....จะครือบัว ??.
.มันอาจเลือนไปบ้าง......หว่างความสุข
ว่าความขมขื่น.....ขมทุกข์......นั้นเป็นไฉน ?
หากภาพทุกข์........ผ่านแวบ.......เวียนจิตใจ
กระทบให้........น้ำตาหลั่ง ไม่รู้ตัว ........( ๑)
น้ำตาหยด.......ลงเม็ดข้าว.........กินเคล้าทุกข์
ช่างร้าวรุก..........ราวกลั่น............ภาพสลัว
ความหลังผ่าน............ม่านน้ำตา............มาพร่ามัว
หลอมจิตใจ............เคยหวาดกลัว............ให้กรอบเกรียม..........(๒ )
ผ่านมาได้............อย่างไร............ไฉนหนอ?
หากไม่สู้............คงกดคอ............จมน้ำเปี่ยม
ในความช้ำ............ท้อรันทด............น้ำตาเรียม
ย้อนมาเยี่ยม............เยือนมาย้ำ............ให้ช้ำตรม........( ๓)
.ในความร้าว............รานลึก............ผนึกไว้
ผ่านน้ำใจ............อันหินโหด............สุดโฉดฉม
ในความหลัง............คั่งแค้น............ดุจเคียวคม
สับคว่ำล้ม............โค่นครั้ง............พังบรรลัย.......( ๔)
หรือ ? เวรกรรม............นำจากชาติ............อันชาช้ำ
ปลายดาบย้ำ............คำคอ............เบียดขาดไหล่
คือใช้กรรม............ชาติเก่าเก่า............จึงเข้าใจ
อโหสิให้............เธอผ่านไป............อย่าพานเวียน........(๕ )
อโหสิ............ให้แก่กรรม............ซึ่งนำซัด
ดั่งมรสุม............กระหน่ำพัด............ฉวัดเฉวียน
กระแสกรรม............ไหลคว้าง............ล้างโล่งเตียน
กว่าจะปลด............หนามเสี้ยน............แทบปางตาย( ๖) .....
บอกตัวเอง............ให้หยุดคิด............พิษไม่ข้อง........
แต่ใจจอง............ทุกข์ลำบาก............ยากใจหาย
ปะเหล่าพาล............ชาญกระชาก............ลากใจกาย
ล้มกลิ้งคล้าย............กรรมกระหน่ำ............ซ้ำชีวิต.......( ๗)
มองผ่านม่านน้ำตา...........ซึ่งพาเศร้า
ตรมไหลผ่าว...........ผ่านกลบตา...........คราเห็นผิด
ผลักดอกบัว...........ปทุมา...........ว่าเป็นพิษ
เสน่ห์กงจักร...........เชือดลิขิต...........ชีวิตพัง........( ๘)
27 มกราคม 2547 23:42 น.
tiki
ไร้ใจที่รัก
พันธนาการความคั่งแค้นคุโชนมิเคยได้ดับ
แม้นสักกระผีกร้นของเมตตาที่หลั่งให้
ด้วยปิดใจมิรับพลังเมตตาใดๆ
ออดอ้อนหวั่นไหวแต่ในความเก่าที่ผ่านพ้นไป
เกินจะไปหยุดค้นหาณ.แหล่งไหนในจักรวาล
.
และด้วยเหตุที่ใครที่ได้เห็นพ้องพาน
ก็มิอยากได้จะไปเก็บอารมณ์อันขมขื่นใจนั้น
มาจับใส่ไว้ในห้องใจแห่งเมตตา
ยากจะปลอบขวัญที่ร้างลา.....
.ด้วยโฉมพิศมัยแต่กระไรหนา....
.ไม่เห็นเยื่อใยใจนี้ที่เฝ้าดู..
เฝ้ามีกรุณามหาศาล.....
.ที่หลั่งล้นให้แด่เธอทุกทิวา.......ราตรีกาล
เธอก็เพียงบ่มสะท้าน
อยู่แต่ในทรมาณแห่งกามา...
อันเริงล้นระส่ำระส่าย
ในใจน้อย
แต่โชนแสงสว่างด้วยสีดำข้นเข้มแดงน่าผวา.....
พี่เข้าใกล้.....
...แม้นโอบไว้ด้วยเมตตา
แม้นห่มเธอทั้งปีกฟ้า.....
...เธอก็ยังไม่ฟื้นใจ
แม้นสอยดาวทุกดวงในห้วงหาว
มาเก็บราวเรื่องเรียงร้อยไว้ใกล้
เธอก็ยังพร่ำพรรณนาทุกคราไป
กระไรหนอไร้ใจไม่ปรานี
ว่าถ้อยคำของจอมขวัญมันคายจิต
ขมสนิทด้วยถ้อยคำ..ซึ่งเข้มสี
หากนิ่งบ้าง.....รับกระแสแห่งอารี
และเมตตา......ล้นที่.....ใครมีใจ
ก็จะพบ......ประสบค่า......มหาศาล
พี่เพียงผ่าน.....มาครานี้.......จึงเคียงใกล้
สงบเถิด......ขนิษฐา........เจ้ายาใจ
สงบใน.......รสพระธรรม........ซึ่งนำมา.......
ด้วยจิตใจ..เจ้าไม่ทัน..พันรูปนาม
สันตติ....ต่อเนื่องยาม...ให้หม่นหา
เป็นนามฟุ้ง.....ระเริงไป.......จนไกลตา
ใจไปคว้า......สัญญา......มาแต่งปรุง
จึงปรุงแต่งเป็นรูปธรรมซึ่งสังขาร
หอบรื้อ*รัก* ข้ามผ่าน จนเกิดยุ่ง
ด้วย*รัก*แล้ว...จะประจักษ์....จักนังนุง
ด้วยรูปโฉม.......เสียง..สัมผัสปรุง...รุงรังใจ
อืมม์ไรใจ.....เจ้าเอ๋ย...พี่เห็นเจ้า
รักรุมเร้า ..ดูเศร้าเหลือ....อยู่หนไหน
.ใจติดแน่น....ว่าคือรัก......สลักใจ
จึงห่วงหวง...อาลัย...จึงทุกข์มี
..............หากยังคิด.....ว่าคนนั้น.....นั้นคือรัก
ใจอาจจัก......หักสลาย.....ให้ป่นปี้
หากเขาจาก......เจ้าไป......ไม่ใยดี
จึงไร้ใจ......น้องนี้......ปรานีตน
ให้รู้ว่า......ที่ใดรัก.....จักมีทุกข์
ที่ว่าสุข......ก็ได้ทุกข์......รักล่องหน
แล้วยึดว่า.......รักมันหาย.....ก็ทุกข์ทน
ช้ำกมล....เพราะยึดรัก......หักไม่ลง !!!!
.จึงปรุงแต่งเป็นรูปธรรมซึ่งสังขาร
หอบรื้อ*รัก* ข้ามผ่าน จนเกิดหลง
ด้วย*รัก*แล้ว...จะประจักษ์....พะวักพะวง
รูปโฉมหลง.......เสียง..สัมผัส..มัดย้อมใจ
อืมม์ไรใจ.....เจ้าเอ๋ย...พี่เห็นเจ้า
รักรุมเร้า ..ดูเศร้าเหลือ....อยู่หนไหน
จะกี่ครั้ง......หรือเมื่อใด......ก็ไร้ใจ
เจ้าจากไป.....หนใด.....เร่งกลับมา.......
ทิกิ..ผู้หวังให้ไร้ใจได้เปิดภาวะใจสงบให้ตนเองเสียที
27 มกราคม 2547 14:45 น.
tiki
ฉันเขียนกลอนตอนไหนในที่นี้
เกิดจากปากกาดินสอสีเขียวปากเป็ด
ชื่อยี่ห้อเลอะเลือนเพราะมือไปเช็ด
สเต๊ดเล่อร์จะลือให้เข็ดหรือกระไร?
อีกไส้ดินสอสเต๊ดเล่อร์ที่ซื้อมา
ไว้ให้เหล่าภราดาเขียนแบบใช้
จากบีหนึ่งถึงบีห้าถ้าพอใจ
ใครจะหยิบไปวาดอะไรตามใจตน.....
ปกติสิใช้ดินสอแท่งนี้
รวมกระดาษเอสี่มาน่าฉงน ?
ถ่ายเอกสารหน้าหลังไว้ใช้นานทน
ก็ตัดครึ่งเจาะร้อยบนไว้เขียนกลอน
อายุฉันจนป่านนี้มีหรือจะลอก?
กลอนทุกกลอนก็ขอบอกที่เพียรสอน
ก็ไหลเวียนมาจากใจทั้งนั่งนอน
อีกตามหลอนแม้นจะอยู่ห้องสุขา ???
เธอจะตามรื้อตามเช็ดก็เรื่องของเธอ
กลอนที่ฉันบ่นเพ้ออาจไม่เข้าท่า
แต่ขอบคุณ นะที่อุตส่าห์ เสียเวลา
มานั่งพิจารณาเจาะจงว่าลอกใคร !!!!
ถ้าจะลอกคงต้องลอกกันวันละหลายสิบหน้า
ด้วยในห้องสุขาสถาพรกลอนตอนถ่าย ???
เธอจะตามมาพิสูจน์ดูก็ได้
จะได้หายข้อง..จ้องโถสุขา?
ขออภัยอย่าว่าเขียนอะไรสกปรก
คนมันรก..ถ้าเธอคิด..ไม่มีค่า
ก็ค้อปี้กลอนของฉันออกมา
ใช้กระดาษทิชชูพากดส้วมไป !!
ฉันก็มิได้ไปมีปัญหาอันใดกับเธอ
ก็แปลกนะเออมารังเกียจอะไรกับฉันได้
หรือชาติก่อนเธอกับฉันมีเวรอะไร ?
ก็อโหสิกรรมกันไปให้เจาะจง
ฉันก็มิได้ไปมีปัญหาอันใดกับเธอ
รู้แต่เธอมาด้วยเป้าประสงค์
รู้แต่เธอทำเป็นรังเกียจซึ่งโฉมยง
หากอิจฉา..จงรีบปลง..เสียให้ทัน !!
หากหวงหึง..พึงไปหวง..อยู่ห้วงกาม
ด้วยตรงข้าม...มาหึงหวงอะไรกับฉัน
ด้วยฉันบริจาครักไปแต่ละวัน
เป็นพันพันตัวอักษรไม่รู้ใคร ?
ฉันอยากจะเขียนอะไรฉันก็เขียน
อยากจะเวียน..พูดปราศรัย..อะไรก็ได้
หากไม่ชอบ..อย่าอ่าน..ตอบ..จะขอบใจ
ด้วยจิตคิดริษยาไซร้..นั้นคือกรรม !!.....
กรรมนั้นหรือ? คือสิ่งตั้งดั่งเจตนา
ดูเถื่อนป่า..หยามหยัน..ซึ่งครวญคร่ำ
เธอก็รู้..เยาะเย้ย..ถากถางนั้นคือกรรม
แต่เธอก็ทำ..ทั้งจงใจ..และเจตนา..!!
ตอบคนปากกับใจตรงกันได้อิจฉาดี
เห็นหงิมหงิม..อย่างนี้...ละมีท่า
ทำเป็นดีเลิศสุด..สุดชั้นฟ้า
มาซึ่งหน้า...มาพบมาร..ประหารใจ
จึงอย่ามายอกย้อนวอนวนเขียน
คนอย่างฉันไม่ลอกเลียนใครง่ายง่าย
สมองฉันก็มีมือก็มี อย่าใส่ร้าย
คำอโหสิกรรมคงเป็นหม้ายเมื่อพบเธอ !!
ตอบคนปากกับใจตรงกันได้อิจฉาดี!!!!!