20 ตุลาคม 2547 21:51 น.
tiki
งามแท้แม่เอย...โอ้เงา
๏ หนใดไหนจักเคล้า...............สวาทหวัง
โฉมแม่หรือใจยัง.....................อยากสู้
ฤดีคลั่งเพียงพลัง.......................เพริดหลั่ง ลุนา
เทียบแต่แม่นางรู้....................บ่แม้นเคียงมล....๚ะ..โคลงสี่สุภาพ
๏ สาส์นส่งสารสั่ง ธ ฝากวาทย์
ชีวิตสายสวาทไยเร่ง
หวนจิตคิดขื่นนะคืนเพ็ง
จันทร์เปล่งแสงส่องทองประกาย ๚
๏ หลงไหลได้ปลื้มจนลืมตัว
เมามัวไฉนยังไม่สาย
เฝ้าหลงรูปโฉมประโลมชาย
ลืมตายลืมตนด้นผิดทาง ๚
๏ โฉมเอยโฉมเฉลาเพียงรูป
รอยจูบลูบเนื้อเพื่อกามพร่าง
เพียงแค่ใกล้ชิดคิดข่มคราง
บางอย่างเลื่อนลอยสอยก็ตรม ๚
๏ หาใช่สมบัติชัดที่เห็น
เงาเป็นบนจอพอผสม
ดับเถิดความหลงในอารมณ์
ชื่นชมเพียงเงา..เท่านั้นพอ๚ะ๛- ...กลอนเจ็ด..
ทิกิ_tiki
คืนพระพุธ.ที่ยี่สิบ...๒๐ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๔๗
คืนขึ้น ๗ ค่ำ เดือน ๑๑
สยาม..เมืองฟ้าเดือนนวล..กรุงเทพฯ .ราชอาณาจักรไทย
Siam..The Kingdom of Thailand
สงวนลิขสิทธิ์..ตามพระราชบัญญัติ
Copyright ..All rights reserved
งามแท้แม่เอย...โอ้เงา
19 ตุลาคม 2547 20:28 น.
tiki
ละทฤษฎีชี้ปฏิบัติ
กรรมทำวาทีมีมลทิน
ใจแก้วกลางกสิณมิมีเหมือน
สลัดผ้าปริศนาหาดาวเดือน
ลอยเลื่อนห่มผ้าศรัทธาธรรม
เหยียบย่างก้าวย่ามที่ข้ามล่วง
ฤๅปวงดวงแก้วอันแพรวพร่ำ
คว้าไขว่มาได้เพียงน้ำคำ
นึกกรรมคือกระทำแห่งสายกลาง
คะนองในฤทธิ์ทฤษฎี
ปฏิบัติฤๅมี เพียงสมอ้าง
กิเลศพอกหนากาวตรายาง
พอกร่างเป็นเปลือกเลือกหรุบมอง
ลุวันผันผ่านก็นานเนิ่น
เส้นทางหมางเมินมิเพียงจ้อง
สู่สายปฏิบัติชัดประคอง
ทำนองธรรมนำเลิศล้ำใจ
ทิกิ_tiki
จารเมื่อ ๑๙:๕๙ นาฬิกา
คืนพระอังคาร ๑๙ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๔๗
ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน สิบเอ็ด
กรุงเทพฯฟ้าเรืองแสงไฟในคืนเย็น
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติ พุทธศักราช ๒๕๓๗
Copyright. All rights reserved
19 ตุลาคม 2547 12:52 น.
tiki
ไว้ใจลูก...ตาบอดข้างเดียว...
ออกไปหนึ่งซึ้งอารมณ์คมถึงแม่
พระคุณแท้ยากเทียมเปี่ยมความฝัน
ถึงเล่มสองตรองไม่ตกอกหักพลัน
ค่ามิควรดั่งฝันพรรณนา
มิใช่ติดรูปลักษณ์จักแจ้งใจ
แต่เห็นแล้วสุดไขคำปรึกษา
โทรศัพท์ถามทุกวันจากนั้นมา
จะแก้ไขคุณค่าพิมพ์อย่างใด
* สิ่งพลาดผิดคิดแล้วถึงแนวเศร้า
ใช่โง่เขลาเบาปัญญาก็หาไม่
สี่ตีนเหยียบรู้หลงหล่นลงไป
ปราชญ์ยังได้ก่ายหน้าผากภาคล้มคราง
อันไว้ใจบุตรนั้นพลันตาบอด
มิอาจรอดคือเปรียบบอดไปหนึ่งข้าง
แต่ไว้ไจผู้รับใช้หมายผิดทาง
ต้องอ้างว้างบอดสองข้างนะลูกตา
คำโบราณว่าไว้ไม่สำเหนียก
ต้องร้องเรียกหาพระเจ้าคราวพลาดท่า
ต้องกินน้ำใบบัวบกฟกอกมา
แห้งอุราแห้งใจในครานี้....
วันที่มุมานะนั่งแปะหน้าพระคาถาด้วยตนเองมิให้ผิดพลาดอีก
วันที่ ชอกช้ำสีตัวอักษรเหมือนหลอนหลอก
วันที่เวลาทุกนาทีมีค่าหมายว่า
นั่งทำซองปกหนังสือที่จะให้ทุกท่าน
มันไม่จบเสียทีงาน..
..คาดการณ์ไม่ถึงว่าจะดึงเวลาไปมากมายได้ขนาดนี้
ได้แต่เขียนกลอนระบายความช้ำกำสรดหัวใจตน ...
ว่าจะไว้ใจใครคนใดมิได้เลย
ตนเท่านั้น ต้องตรวจสอบ
ด้วยตนเอง..จนขั้นสุดท้ายทุกครั้ง
ไว้ใจลูกตาบอดข้างเดียว....ไว้ใจคนใช้ตาบอดสองข้าง!!!
ทิกิ_tiki
การใดไป่ห่วงให้ บุตรา ทำเฮย
ตาบอดบ่งกริยา อยู่ข้าง
ลูกบ่ผิดคิดอวิชชา ถูกชอบ ธรรมนา
ดั่งบอดดำกล่าวอ้าง ถ่อยผู้ ตัวตน
โบราณกาล ว่าไว้ บ่สน
พลาดผิดร้องอยากยล แต่เจ้า
ใบบัวบกฟกกมล ยาอก ดวงแด
หลงผิดจิตโฉดเขลา ห่อนแห้ง ในใจ
สวัสดีคับ คิดงานตัวเองไม่ออกเลยมาออกทัวร์
^^ อิอิ
: 7537 - เชา
: 361127 - 19 ต.ค. 47 - 23:32
จารเมื่อ ๑๒:๒๕ นาฬิกา
ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๑๑
พระอังคาร ๑๙ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๔๗
กรุงเทพฯฟ้าแดดอ่อนโยนในวันนี้มีลมเย็น
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติ พุทธศักราช ๒๕๓๗
Copyright. All rights reserved
ไว้ใจลูก...ตาบอดข้างเดียว...
17 ตุลาคม 2547 23:47 น.
tiki
๏ ณ ที่นี้..คีตกวีแห่ง ชีวิต ๚
๏ มิตรภาพแห่งอักขราคราหนึ่ง
ซาบซึ้งลอยเลื่อนสะเทือนขวัญ
มิตรมิได้เกี่ยวเพศวัยพัน
อิสระศิลป์นั้น..ไร้พรมแดน ๚
๏ ณ ที่นี้..มีใจใสของมิตร
ล้วนลิขิตเพริศพราววาววับแสน
เจิดจรัสพิสุทธิ์งามข้ามเมืองแมน
ชนทั่วแคว้นเบิกกวีวจีจาร ๚
๏ คีตกวีแห่งชนชาติ
งามสะอาดพร่างพราวคราวประสาน
กล่อมสำเนียงเสียงอักขรามาประทาน
พร้องพร้อมย้อมดวงมาลย์พจนา ๚
๏ ร้อยถ้อยร้อยนิพนธ์สุคนธรส
รากปรากฏชนกวีคีตกล้า
คือ เผ่าไท..สยามกุก..เคลื่อนบุกมา
สู่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา..แห่งขวานทอง ๚
๏ ณ ที่นี้...ชนไทใส่สำเนียง
ล้วนสรรพเสียงดนตรีที่โหมก้อง
สร้างภาษาคีตใจใส่ทำนอง
เสนาะซร้องอักขรา...ภาษาดนตรี... ๚ะ
๏ ปลดปล่อยตนเองฝากเพลงให้บรรเลงล่องลอยไป
ในอิสระแห่งวรรณกรรม
อย่าได้ชอกอย่าได้ช้ำ
กับกรรมของผู้ใดทำไว้แด่มวลชน
เดินหน้าฝ่าความสับสน
เดินด้นไปในทิศทางแห่งผองวรรณ
เชิดไว้ซึ่งศักดิ์แห่งสีสัน
วรรณกรรมประเทืองจิตมิตรตน.ชนชาติไทย แลนา ๚
๏ จากถิ่นไกลเผ่าไทไกลโพ้นโอนถ่ายทั่วอุษาคเณย์
มากหลายซึงซอเสียงถ่ายเทต้นเผ่าพันธุ์ไปตามท่า
ร้อยเรียงเสียงซอซึงตะโพนกลองสืบสานมา
ตามสายธาราหลั่งไล่ลิ่วพริ้วตามคลื่น
สืบถอดวิญญาณชื่นฉ่ำเผ่าไท
ลุ่มน้ำเสียมกุก.. สยามกก นี้แล ๚ะ
๏ กลายตามพันธุ์เผ่าคั้น........พืชพงศ์
ไทเผ่าตามประสงค์.................สุขสร้าง
ศานติ์สืบเนื่องคีตวงศ์..............นิรุกต์..ศาสตร์ฤๅ
อักขระคีตคว้าง......................คลี่ทั้งธรณินทร์. ๚ะ๛-
ทิกิ_tiki
จารเมื่อ ๘:๕๕ เช้าพระพฤหัสวันครูฟ้าขาวพราวหมอก
กลางเมืองรัตนโกสินทร์ แก้วอักษรา
๑๔ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๔๗
นำลงThaipoem.com
คืนพระอาทิตย์ ๑๗ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๔๗
เวลา ๒๓:๑๙ นาฬิกา
สงวนลิขสิทธิ์.ตามพระราชบัญญัติ
Copyright ..All rights reserved
16 ตุลาคม 2547 05:11 น.
tiki
ลีลาเกณฑ์เจนเวที
ที่รัก
คุณเดินมาสะดุดพลั่กเข้าเมื่อไหร่
ฤๅมันด้านชาชินเสียหัวใจ
ถึงจะไม่รู้สึกสำนึกตน
ที่พรอดพร่ำก้ำเกินมันเผินผาด
คงไม่คาดหวนจิตคิดสับสน
น้อยหรือนั่นหวั่นประหวาดบังอาจวน
แทรกทุกหนคำเตือนเพื่อนรักกัน
ที่นับนิ้วริ้วรอยคอยลูบไล้
ประคองไว้คำหว่านสมานฉันท์
เหลือจริตเจ็บปวดรวดร้าวนั้น
เคยบ้างไหมในสักวันผันน้ำตา
ให้รสแรกแหวกทรวงหน่วงผนึก
ให้ปักลึกราวประลองสองทีท่า
ใครจะเพลี่ยงแพ้ถลำซ้ำลีลา
ใครถลาแพ้พ่ายเกินร่ายมนต์
ที่ซุกไซ้ไล่เรียงเคียงจากศอ
แผ่วจากคอไล่ไปไม่เห็นหน
คือบทบาทชาญเชี่ยวในเกลียววน
ราวบทกลเจนใจใช้ท่องจำ
จึงเพียงเยื้อนแย้มปากฝากเสน่ห์
สัมผัสเล่ห์ร้ายรักผลักถลำ
ลืมเสียเถิดมนต์บทนี้ที่เจนจำ
คือบทนำช่ำเวทีที่เธอเกณฑ์
แล้วรวบมือสองข้างอย่างวันนี้
ขึ้นจุมพิตเสียดิบดีมิใช่เล่น
นัยน์ตาพราวร้าวประหลาดมาดจัดเจน
พระเอกเดนสวรรค์สาปคาบจำแลง...
บนเวทีนี้เธอเล่นเป็นจังหวะ
ไม่ลดละรั้งหลอกหยอกแสวง
*อยู่ที่คุณจะตัดใจไม่แสดง*
อยู่ที่แรงผลักกาย พ่ายชิดชม
อีกบทเรียนเธอล่อล้อชีวิต
อย่าได้คิดเตลิดชนจนขื่นขม
แม่หนูอย่าลืมตัวรั่วอารมณ์
จำนะผม**แค่แสดง..เพียงแสร้งทำ**
ลีลาเกณฑ์เจนเวที
ทิกิ_tiki
จารเมื่อ ๔:๕๐ นาฬิกา
เช้ามืดพระเสาร์ ๑๖ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๔๗
คืนที่หนาวหัวใจกับบทบาทเยียบเย็นที่ใครใส่แสดง..
ทบทวนชีวิต ความเป็นไปใครบางคน
ที่วกวนเวียนเล่นเกม..หัวใจ
ด้วยติดบทบาทลีลาพระเอกไม่เคยจาง
สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติ ๒๕๓๗
Copy right All rights reserved