14 ธันวาคม 2553 12:01 น.
tiki
ที่หายไปใช่หายกรายจากผอง
เพียงประคองตัวตนบนหน้าที่
ที่หน้าเราต่างกรรมนำวิธี
สุดหลีกลี้วิบากพรากตนเอง
เพียงหนึ่งคำนำกลอนย้อนสู่เหย้า
เรือนกลอนเก่าเนากลับกระฉับกระเฉง
มองบทกลอนบทร้างช่างวังเวง
เหมือนบทเพลงก่อนเก่าเคยเข้าฟัง
ณ บัดนี้ เพลา ผันมาสู่
จึงได้กู้รหัสกลับจับความหลัง
กระทู้แรกแทรกกานท์ขานพลัง
เขียนสักครั้ง ถึงเพื่อน เคยเยือนยล ฯ
สวัสดีมิตรสหายบ้านกลอนไทย Thaipoem.com.forever
กระดาษจดรหัสหายไป เลยต้องมั่วๆกดๆ ได้รหัสคืน
ดีใจที่เข้าเรือนไทยได้เช่นเก่าค่ะ
12 เมษายน 2553 09:31 น.
tiki
สงกรานต์แล้ว ลูกรักร่วมชาติของข้าฯ
ลูกรักร่วมชาติของข้าฯ เอ๋ย
ไฉนเลย เห็นกงจักร เป็นบัวผัน
ลืมท้องทุ่ง ญาติมิตร ของเราพลัน
ด้นดั้น เย้อแย่ง แข่งประท้วง
เจ้าข้าเอ๋ย
เสวยข่าว พวกเจ้า ข้าฯ เป็นห่วง
หายใจ เข้าออก ก็เจ็บทรวง
หนักหน่วง พิษแทรก ชำแรกกาย
สงกรานต์นี้
เจ้าจงคิด ให้ดี ถึงที่หมาย
กลับบ้านเกิด พบแม่พ่อ ขอก่อนวาย
ฤๅจะรอ ถึงที่ตาย กลางภารา
ลูกเอ๋ย
หยุดสังเวย ใคร่ใคร จนไข้บ้า
สาดน้ำพ่อ ดำหัวแม่ อีกสักครา
แม่ตั้งตา รอเจ้ารัก ซบตักคืน ฯ
จารหน้าจอ ณ เพลง ๘ ๐๐ นาฬิกา พระเสาร์ ๑๐ เมษายน พระพุทธศักราช ๒๕๕๓ใกล้เพลาสงกรานต์ ณ เรือนไม้เก่านนทบุรี สยาม ราชอาณาจักรไทย
จากคุณ : tiki_ทิกิ
เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 53 17:34:58
(นำบทกลอนด้านบนนี้มาเพิ่มเติมจากสองบทด้านล่าง )
ที่มา http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9107914/W9107914.html
ลูกรัก ร่วมชาติของข้าฯ
เสมือนว่า คำของข้าฯ ไร้ความหมาย
ปกป้องชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ชัดก่อนวาย
ธงสามสี ยังพริ้งพราย เหนือภารา
ลูกเอ๋ย
ไฉนเลย กระด้างกระเดื่อง มหิงสา
โลงศพเจ้า เผ่ากบฏ หยดน้ำตา
อย่าพาดผ้า ธงชาติ บาดคนไทย ฯ
http://mypict.me/show.php?id=5U598
จากการประมวลมาตลอด
เราขอ ให้ ชาวนาคร พิจารณา ทุกเรื่อง ทุกข่าว
เพราะเขากำลังรุกคืบเพื่อ ล้มล้าง ชาติ ศาสนา และสถาบันเหนือเกล้า ของเราสามสีบนธงชาติ เป้าหมายเขาคือวันสงกรานต์
http://www.facebook.com/NViboolpanth.tiki?v=wall&story_fbid=118138591530309
31 มีนาคม 2553 08:17 น.
tiki
๏พระราชนิพนธ์โคลงสุภาษิต **นฤทุมนาการ** ๚
ขออัญเชิญพระราชนิพนธ์สมเด็จพระปิยมหาราชฯ
กิจสิบประการที่ผู้ประพฤติยังไม่เคยเสียใจ
๏โคลงสุภาษิต**นฤทุมนาการ**๑..
๏ บัณฑิตวินิจแล้ว..............แถลงสาร...สอนเอย
ทศนฤทุมนาการ.......................ชื่อชี้
เหตุผู้ประพฤติปาน....................ดังกล่าว..........นั้นนอ
โทมนัสเพราะกิจนี้.....................ห่อนได้เคยมี๚
เพราะทำความดีทั่วไป
๑
๏ ทำดีไป่เลือกเว้น...............ผู้ใด....ใดเฮย
แต่ผูกไมตรีไป............................รอบข้าง
ทำคุณอุดหนุนใน.........................การชอบ.....ธรรมนา
ไร้ศัตรูปองมล้าง..........................กลับซ้องสรรเสริญ๚
เพราะไม่ได้พูดร้ายต่อใครเลย
๒
๏ เหินห่างโมหะร้อน..................ริษยา
สละส่อเสียดมารษา.......................ใส่ร้าย
คำหยาบจาบจ้วงอา-........................ฆาตขู่...เข็ญเฮย
ไปหมิ่นนินทาป้าย...........................โทษให้ผู้ใด ๚
เพราะถามฟังความก่อนตัดสิน
๓
๏ ยินคดีมีเรื่องน้อย...................ใหญ่ไฉน.....ก็ดี
ยังบ่ลงเห็นไป................................เด็ดด้วน
ฟังตอบสอบคำไข..........................คิดใคร่...ครวญนา
ห่อนตัดสินห้วนห้วน........................เหตุด้วยเบาความ ๚
เพราะคิดเสียก่อนจึงพูด
๔
๏ พาทีมีสติรั้ง................รอคิด
รอบคอบชอบแลผิด.......................ก่อนพร้อง
คำพูดพ่างลิขิต...............................เขียนร่าง...เรียงแฮ
ฟังเพราะเสนาะต้อง........................โสตทั้งห่างภัย ๚
เพราะงดพูดในเวลาโกรธ
๕
๏ สามารถอาจห้ามงด..................วาจา...ตนเฮย
ปางเมื่อยังโกรธา...........................ขุ่นแค้น
หยุดคิดพิจารณา............................แพ้ชนะ....ก่อนนา
ชอบผิดคิดเห็นแม้น.........................ไม่ยั้งเสียความ ๚
เพราะได้กรุณาต่อคนที่ถึงอับจน
๖
๏ กรุณานรชาติผู้.....................พ้องภัย..พิบัติเฮย
ช่วยรอดปลอดความไขษย...............สว่างร้อน
ผลจักเพิ่มพูนใน..............................อนาคต...กาลแฮ
ชนจักชูชื่อช้อน...............................ป่างเบื้องประจุบัน ๚
เพราะขอโทษบรรดาที่ได้ผิด
๗
๏ ใดกิจผิดพลาดแล้ว...............ไป่ละ..ลืมเลย
หย่อนทิฐิมานะ...............................อ่อนน้อม
ขอโทษเพื่อคารวะ..........................วายบาด...หมางแฮ
ดีกว่าปดอ้อมค้อม..........................คิดแก้โดยโกง ๚
เพราะความอดกลั้นต่อผู้อื่น
๘
๏ ขันตีมีมากหมั้น.....................สันดาน
ใครเกะกะระราน............................อดกลั้น
ไป่ฉุนเฉียวเฉกพาล.....................พาเดือด....ร้อนพ่อ
ผู้ประพฤติดั่งนั้น.........................จักได้ใจเย็น . .๚
เพราะไม่ฟังคำคนพูดเพศนิทาน
๙
๏ ไป่ฟังคนพูดฟุ้ง....................ฟั่นเฝือ
เท็จและจริงจานเจือ.....................คละเคล้า
คือมึดที่กรีดเถือ..........................ท่านทั่วไปนา
ฟังจะพาพลอยเข้า......................... พวกเพ้อรังควาญ ๚
เพราะไม่หลงเชื่อข่าวร้าย
๑๐
๏ อีกหนึ่งไป่เชื่อถ้อย...................คำคน....ลือแฮ
บอกเล่าข่าวเหตุผล..........................เรื่องร้าย
สืบสอบประกอบจน..........................แจ่มเท็จ...จริงนา
งบ่ด่วนยักย้าย...................................ตื่นเต้นก่อนกาล ๚ะ
๏ ข้อความตามกล่าวแก้...............สิบประการ...นี้นอ
ควรแก่ความพิจารณ์...........................ทั่วผู้
แม้ละไป่ขาดปาน..............................โคลงกล่าว...ก็ดี
ควรระงับดับสู้....................................สงบบ้างยังดี ๚ะ๛
ขออัญเชิญพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว อันว่าด้วย การละเว้นวจีทุจริต เห็นเป็นสิ่งดีในการนำเสนอ ทั้ง บทโคลงสี่สุภาพ ซึ่งทรงใข้ถ้อยคำเรียบง่าย เข้าใจง่าย
วันนี้ขอพระราชทานนำลง เพื่อเป็นประโยชน์แก่ชนทั้งหลาย
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ
ข้าพระพุทธเจ้า
ทิกิ_tiki
๒๐:๐๐ นาฬิกา
พระอังคาร ๔ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๔๗
เนื่องในวโรกาส วันฉัตรมงคล แห่งรัชกาลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลมหาราชได้เวียนมาถึง ณ วันที่ ๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๔๗ ข้าพระพุทธเจ้า ขอน้อมเกล้าน้อมกระหม่อม ถวายพระพร
๏ พระดำรัสตรัสถ้อย...................ฉัตรฉลอง
พระทรงชาติประกาศผอง......................อย่างนั้น
พระดำรัส**เราจักครอง..................แผ่นดิน..โดยธรรม--
พระเศวตรฉัตรกางกั้น...............ปกเกล้าเหล่าไทย....๚ะ๛
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
ข้าพระพุทธเจ้า
ทิกิ_tiki
จารเมื่อ ๒๔:๐๐
คืนพระอังคาร ๔ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๔๗
พระราชนิพนธ์ในล้นเกล้าพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระปิยะมหาราชโคลงสุภาษิต**นฤทุมนาการ**
กิจสิบประการที่ผู้ประพฤติยังไม่เคยเสียใจ
ที่มา วรรณสารวิจักษณ์ เล่ม ๔
กรมวิชาการ กระทรวง ศึกษาธิการ ฉบับพิมพ์พุทธศักราช ๒๕๔๐
สงวนลิขสิทธิ..
๏พระราชนิพนธ์โคลงสุภาษิต **นฤทุมนาการ** ๚
หมายเลขกลอน 52773 แต่งเมื่อ 04 พ.ค. 47 - 20:23
จำนวนคนชม ผู้ชม 5427 - ผู้ตอบ 36
ที่มา จากหนังสือ เล่มเดียวกัน ได้บรรยาย ความ โคลงสุภาษิตนี้ไว้ว่า
คำว่า นฤทุมนาการ เป็นศัพท์สมาส ที่มีการสนธิ แยกได้เป็นขั้นๆดังนี้
นฤทุมน + อาการ (อาการ แปลว่า สภาพ กิริยา )
นฤทุมน เป็นศัพท์สมาสอีกเช่นกัน แยกได้เป็น
นฤ + ทุมน
(นฤ เป็น อุปสรรค แปลว่า ปราศจาก ไม่)
ทุมน แยกเป็น ทุ + มน
(ทุ เป็น อุปสรรค แปลว่า ไม่ดี เสีย
มน แปลว่า ใจ )
เมื่อแยกศัพท์ เช่นนี้แล้ว จะเห็นว่า ความหมายรวม นฤทุมนาการ ก็คือ สภาพที่ปราศจากความเสียใจ หรือ สภาพที่ไม่ทำให้เสียใจ
ซึ่งตามนัยแห่งโคลงสุภาพนี้มี ๑๐ ประการ
ดังที่ปรากฏในบทพระราชนิพนธว่า
.กิจ ๑๐ ประการที่ผุ้ประพฤติ ยังไม่เคยเสียใจ
ที่มา หน้า ๑๔๒ เล่มเดียวกัน
๏ น้ำตาหลั่งเป็นไหม ไทยทั้งชาติ
น้ำอันสาดปฐพีสียังใส
จริยแห่งชนในหัวใจ
มอบเทิดไว้เพื่อไทยมาแต่บรรพ์ ๚
๏ เทิดแผ่นดินแผ่นไทยในใจข้าฯ
ประกาศกล้าแม้นชีพจักอาสัญ
จะสนองพระคุณปุญอนันต์
จวบชีวันวางวายยังอายเป็น ๚
๏ กล่าวคำสัตย์ปฏิญาณแต่กาลไหน
ตระบัดสัตย์เมื่อใดต่ำได้เห็น
ชีพนี้แม้นเกิดใหม่ได้ยากเย็น
จักขอเป็นรองบาทพระศาสน์ธรรม ๚
๏ น้ำตาไทยหลั่งไหลในวันนี้
เราทุกคนรู้ดีที่ชอกช้ำ
ก็เพราะใครเล่าใครไทยจงจำ
อย่าเปิดทางสีดำชั่วกาลนาน ๚ะ๛
tiki_ทิกิ
จารไว้ ณ เรือนนนทบุรี สยาม ราชอาณาจักรไทย วันพุธแรม๑ ค่ำ เดือน ๕ ๓๑ มีนาคม พระพุทธศักราช ๒๕๕๓ เพลา ๙ นาฬิกา ๙ นาที..
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem52773.html
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=tiki&month=31-03-2010&group=4&gblog=31
25 มีนาคม 2552 01:33 น.
tiki
๏ หากบอกฉัน สิ้นสี จะดีไหม
แม้นญาติวงศ์ยิ่งใหญ่ในสีสัน
หนึ่งชุดขาว สี่กากี ที่เห็นกัน
หนึ่งเขียวนั้น เหินห่าง จางไปนาน ๚
๏ หากมาเหมา เอาฉัน ปั้นสีเหลือง
ญาติอาจเคือง พาลเหมา ถึงเผาบ้าน
ญาติแผดแสง แดงปรี่ อนันตกาล
เสพสำราญ สีกากี ถึงสี่นาย ๚
๏ ฉันจึงชอบ ตัวลีบ ทำตัวเล็ก
อายุแก่ แสร้งเป็นเด็ก ดีเหลือหลาย
พูดเงื่อนโง่ มิรู้มิชี้ ดีจะตาย
มิมีหมาย ป้ายหัว เอาปูนทา ๚
๏ ฉันจึงชอบ เป็นคน ผู้จนสี
ทั้งชีวี ปราศหมอง เริงร้องร่า
โน่นญาติฉัน แดงไสว ใหญ่คับฟ้า
เต็มอัตรา สีกากี ทั้งสี่คน... ๚
๏ เมื่อเปิดเขียน อินเตอร์เน็ต หลากเพ็ดถ้อย
เว็บนี้คอย ว่าฉัน "อำพัน" สถล
เว็บโน้นว่า ฉันมันเลือด " โกเมน" ปน
" ไพลิน " ล้น " ศักดินา " เออ บ้า บอ ๚
๏ อย่ามาพ่น ป้ายฉัน คั้นเค้นสี
อับปะรี เหาเห็บ เก็บเข้าห่อ
จะสีรุ้ง สีแรด แผดเผาจอ
เพชรพลอยพ่อ เขวี้ยงขว้าง กางกานท์กลอน ๚
๏ เบื่อเหลือเกิน พวกอยากสี ชีวีพล่าน
ขุดตำนาน แปลบปรี่ รี่สลอน
ฉันมันคน คลำจด บทละคร
ฝึกวานร เล่นจอ ล้อลิเก ๚ะ๛
จารไว้หน้าจอ ณ เรือนนนทบุรี
สยาม ราชอาณาจักรไทย ณ คืนพระอังคาร ๒๔ มีน พระพุทธศักราช ๒๕๕๒
วันโกน แรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๔ ปีชวด ณ เพลา ตีหนึ่งกับอีกสามสิบสามนาที