9 มิถุนายน 2549 03:21 น.
tiki
ตราสัญลักษณ์ ฉลองสิริราชย์สมบัติครบ ๖๐ ปี
ขอคัดนำบทความเรื่องนี้จากหนังสือ ๙๕ ปีแห่งการ สถาปนากรมศิลปากร มาให้ได้อ่านกันในวาระ ๙ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๔๙
ตราสัญลักษณ์ ฉลองสิริราชย์สมบัติครบ ๖๐ ปี
บทความนี้ เป็นส่วนหนึ่งในหน้า ของเรื่อง เอกอัครราชูปถัมภกศิลปะ
และ สถาปัตยกรรมไทย หัวเรื่อง พระอัจฉริยภาพในงานศิลปกรรม
หน้า ๑๘๖
.......ตราสัญลักษณ์ ฉลองสิริราชย์สมบัติครบ ๖๐ ปี
ด้วยพระมหากรุณาธิคุณ ในการทูลเกล้าฯ ถวายแบบเขียนร่าง
ตราสัญลักษณ์ฯ ซึ่งเขียนโดย นาย สมชาย ศุภลักษณ์ อำไพพร
นายช่าง ศิลปกรรม ๕
ทรงมีพระราชวินิจฉัย และได้ปรับแก้ไขตามแนวพระราชดำริ
๓ ครั้ง รวมทั้งการ กำหนดสีต่างๆ ประกอบรวมด้วย เครื่อง เบญจราชกกุธภัณฑ์ อันแสดงความเป็นกษัตริย์ ทั้ง ๕ คือ
.....ความหมายของ ..ตราสัญลักษณ์ ฉลองสิริราชย์สมบัติครบ ๖๐ ปี
อักษรพระปรมาภิไธย ภ.ป.ร. สีเหลืองนวลทอง อันเป็นสีประจำวัน
พระบรมราชสมภพ ขลิบรอบตัวอักษรด้วยสีทอง บนพื้นสีน้ำเงิน เจือทอง
อันเป็นสีประจำสถาบันพระมหากษัตริย์
9 เมษายน 2549 12:41 น.
tiki
บางครั้งเราอยากจะทำงานให้เร็วที่สุดตามใจ
แต่เพราะภาระหน้าที่ ที่ต้องทำอย่างอื่น เร่งรีบให้ทันเวลาก่อน
งานบางอย่างที่รอได้ ก็ผลัดผ่อนไปก่อนเป็นเช่นนี้
........แต่ ในที่สุด หนังสือ หลวงปู่ดวงดี "ครบ ๑๐๐ ปี ครูบาดวงดี "
ก็พิมพ์ใหม่เป็นรอบที่สอง ด้วยจำนวนเพียง ๑๐๐๐ เล่ม พร้อมทั้ง
ติดรูปสีใหม่ โดยกรุณาจากอีกโรงพิมพ์ที่ นำ ฟิล์มสี่สี ของหลวงปู่
ไปเสียบๆไว้ ท้ายปกหนังสือลูกค้าอื่น จึง มีภาพสีบนกระดาษบาง
หน่อย แปะติด ที่หน้า ๖ ของ หนังสือ ไปได้
.......และ เช่นเดียวกับ เล่มพิมพ์ครั้งที่ ๑ ได้ จัดปกพลาสติคใส่ไป
ให้เรียบร้อย พร้อมทั้ง เสียบ รูปขนาดพกกระเป๋าของหลวงปู่ไปให้
ด้วย ทางโรงพิมพ์ ได้ ใช้ บริการของ นิ่มซี่เส็ง ขนส่งไปทางเหนือ
ด้วยความ ใจหาย ใจคว่ำ เกรงว่า การประท้วงจะลุกลามทำให้ ไป
สั่งงานโรงพิมพ์ ไม่สะดวก
.................แต่แรก พิมพ์แก้ไข ต้นฉบับ มาเรื่อยๆ และ จัดหน้าใหม่
ให้เท่าเดิม บ้าง ให้ เล็กลงครึ่งหนึ่งอีกบ้าง แต่ เมื่อทบทวน ค่าทำ
ฟิล์ม ทำเพลทใหม่ จึง เปลี่ยนใจ แก้ไข เพียง เพิ่มรายชื่อผู้ร่วมบริจาค
ลงไปท้ายเล่ม สองหน้าเท่านั้น
..............และ ได้ทำการจัดการ แบ่งปันทุนพิมพ์ ดังที่ได้กราบเรียน
ทุกท่านไว้เมื่อเดือนก่อน ว่า ควรจะ แบ่งปัน บุญกุศลเฉลี่ยกระจายไป
ยังกองทุนธรรมอื่นที่สมควรเพื่อการเกื้อหนุน บ้าง
.........ดังนั้น...
.............หนังสือ ๑๐๐ ปี ครูบาดวงดี ๑๐๐๐ เล่ม รอบที่สอง จึง ได้เดิน
ทางไปสู่วัด โดยการเกื้อกูลของ ญาติสนิท มิตรสหายทั้งหลาย
จึงขอขอบพระคุณมา ณ ที่นี้
ด้วย วันเกิด หลวงปู่ ครูบาดวงดี ครบ ๑๐๐ ปี
ในวันที่ ๙ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๔๙
นี้ หนังสือ สำหรับแจกญาติโยม อาจน้อยเกินไป เพราะ วิ่งหางบเพิ่มมาได้เท่านั้น
จะให้เทียบกรมกองที่กำลัง พิมพ์ รูปสี่สี อาบมันแผ่นใหญ่ของหลวงปู่ ไว้แจกกัน
เป็นหมื่นใบ ก็ไม่อาจเทียบได้ แต่กระนั้น ก็หวังว่า หนังสือ ที่ได้ส่งขึ้นไป นี้
จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อวงการศาสนาของไทย และ มีประโยชน์ ต่อ
ประวัติศาสตร์พุทธศาสนาล้านนาด้วยเช่นกัน
..............จึงขออานิสงส์ พลานิสงส์ของทุกท่านที่ร่วมบริจาคปัจจัย และ ความ
ร่วมมืออันพร้อมเพรียง จงเป็น ปัจจัยอันสว่างไสวแด่ท่านทุกคน ให้ กุศลกรรม
แผ่ขยาย ดับความทุกข์ร้อนใดใดให้หมดสิ้นไป ด้วยอำนาจบารมี ของ
พระรัตนไตร
............คนเราจะอยู่นานสักแค่ไหนกัน?
แต่หลวงปู่ ดวงดี ท่านอยู่มาถึง ๑๐๐ ปี เป็นคุณูปการต่อแผ่นดินและ
พุทธศาสนาล้านนา
จึงขอ ถวายพรชัยให้ท่านเป็นสุขสวัสดี เป็นที่พึ่งของลูกหลานไทย และ
เทศ ทั่วหน้ากัน
ด้วยคารวะทุกท่าน
ทิกิ_tiki
บันทึกวันที่ ๕ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๔๙
ที่มาบทประพันธ์
http://www.pantown.com/board.php?id=11020&name=board3&topic=48&action=view
18 มีนาคม 2549 17:17 น.
tiki
พัทยา... ไม่อยากลา
ระหว่างวันอันยุ่งเหยิงเรื่องงานเรื่องการ ส่วนตัว
บ้าง ที่บ้านบ้าง เกี่ยวกับหน่วยราชการบ้าง เหล่านั้น
การ์ดใบหนึ่งก็ส่งมาในจำนวนหลายใบ ถึงแม้จะระบุสถานที่
ค่อนข้าง ลำบากยากใจที่จะต้องไป แต่เป็นที่หนึ่งในใจว่า
ไม่ไปไม่ได้ ด้วยเป็นงานอันเป็นมงคลแห่ง
ชีวิตก้าวใหม่ของหลานชาย...ฉันจึง จัดกระเป๋าคร่าวๆทิ้งไว้
ที่คอนโดกลางเมืองแห่งนั้น พร้อมเพื่อเย็นวันศุกร์นั้นจะ
ไปเมื่อไหร่ ก็ไปคว้ากระเป๋าเสื้อผ้าที่จัดไว้ไปได้เลย
..(แม้นรองเท้าสำหรับใส่ในงานยังผูกถุงติดหูกระเป่าไว้เลย)
..........เพราะรู้นิสัยตัวเองดีว่า ทำอะไรพร้อมกันหลาย
อย่างในเวลาเดียวกัน สิ่งใดที่ทำเตรียมไว้ล่วงหน้า
เพื่อวันนั้นวันนี้ ก็ต้องทำเตรียมไว้ เมื่อถึงเวลาอันฉุกละหุก
ก็หันมาคว้าไปผลุบผลับได้เลย...สิ่งเหล่านี้ ก็ต้องมีการจัดการ
ล่วงหน้า พร้อมเพื่ออนาคตเสมอ...(เป็นนิสัยที่ต้องฝึกไว้
แต่ภพภูมินี้ เผื่อเกิดยุคหน้า ต้องโดยสารยานอวกาศระหว่าง
ดาวจะไม่ต้องกังวลอะไร คว้าสิ่งที่เตรียมไว้พวกแคปซูลต่างๆ
ก็แว้บไปทันใดได้...ว่าไปโน่น)
.........และแล้ว ก็ถึงเวลาไปรวมกันที่คอนโดในค่ำวันศุกร์
เพื่อขึ้นรถเก๋งคันเล็กๆคันใหม่ของลูกสาวเพื่อเดินทาง
ไปสู่จุดหมายปลายทาง...พัทยา..
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W4203556/W4203556.html
17 มีนาคม 2549 13:30 น.
tiki
คุณ ไวน์อุ่น
และ คุณ nongwin
มาร่วมลงชื่อด้วย
เป็นสิทธิของเราทุกคนที่จะต้องแสดงความข้องใจ
แสดงความไม่เห็นด้วยในผลกระทบ 100 % ที่ได้รับ
ในการครองชีพ
....จากที่ไม่เสียอะไรในการสอบถามรายชื่อผู้ใช้บริการ
โทรศัพท์ แทนที่จะบริการปกติธรรมดา หรือ คิดสัก 1 บาท
ต่อครั้ง คงไม่มีใครว่า นี่ คิด นาทีละ 3 บาท รอนานหน่อย
ก็เป็น 6 บาท เป็น 9 บาท มันเหมาะสมหรือคะ ในการที่
หน่วยงานรัฐวิสาหกิจรัฐ ได้กลายมาเป็นแสวงหาผลประโยชน์ บนความไม่รู้ของ ประชาชน
เด้กๆที่เคยเดินทางโดยสารรถประจำทางเพื่อช่วยพ่อแม่ประหยัดค่าน้ำมัน ออกจากบ้าน เรียกมอเตอร์ไซค์เคย
5 บาท วันนี้ เป็น 10 บาท ค่าโดยสารรถ ตู้ เคย 10-15 บาทวันนี้ 30 บาท เฉพาะค่าเดินทางไปกลับอย่างเดียว
ไม่ต่ำกว่า 80 บาท อาหารที่เขาเคยรับประทานกันครั้งละ
25-30 บาทต่อมื้อ บัดนี้ อย่างต่ำต้องมี 45-50 บาท หากเรียนยาว 2 คาบ ภาคเช้า หรือ บ่ายร่วมด้วย ต้องมี เผื่อไว้
เป็น 100-120 บาท ดังนั้น ที่เคยมีให้ วันละ 100 บาท ทุกวันนี้ ต้องให้เด็กโตไปมหาวิทยาลัย วันละ 200-250 บาท
?
........ข้าพเจ้าอาจพอมีเงินให้ลูกใช้ แต่ลองนึกถึงหัวอก
แม่บ้านทั่วไป ที่พ่อบ้าน มีเงินเดือน หมื่นกว่าสองหมื่นบาท
ต่อเดือนบ้าง เฉลี่ย เดือนละ 6000 บาท สำหรับค่าเดินทาง
กินอยู่เรียนของลูก ไม่นับค่าเล่าเรียนเทอมละ 35000 ถึง 40000 บาท ถามว่า คนชั้นกลาง จะต้องขายอะไรอีกเพื่อ
ให้ลูกเรียนได้ต่อไป ??
.......ดังนั้น ปัญหาซึ่งดูไร้ความหมายต่อผู้นำรัฐบาลในวันนี้ ..โธ่ แค่ไม่กี่บาท ...มัน หนักสำหรับทุกครอบครัว
นี่เป็นตัวอย่างง่ายๆ สำหรับ ลูก หนึ่งคน
บางบ้าน มีลูกวัยเรียน 3 คน เรียนมหาวิทยาลัย ต้องจ่ายให้
ลูกวันละ 750-900 บาท อย่างต่ำ สัปดาห์ละ 3-4000 บาท
เดือนละ 12000-20000 บาท เฉพาะ ค่าเดินทางและ อาหารของลูกในมหาวิทยาลัย
.......ท่านผู้อ่านที่เป็นนักเรียน นักศึกษา คงไม่ทราบว่า
คุณพ่อ คุณแม่ ของท่าน...แทบจะไม่ได้ไปไหน ไม่สามารถใช้เงินเพื่อ กิน อยู่ อย่างปกติ ได้เลย
.......เพราะเงินหลังจากนั้น จะต้องเป็นค่า สาธารณูปโภคอีกหลายชนิดต่อไป....
นี่เป็นปรากฏการณ์ สำหรับคนชั้นกลาง ที่นับว่า หฤโหดในการดำรงชีวิตอยู่
จะต้องมีความเครียดระหว่างสมาชิกในครอบครัวทุกครอบครัว
จะต้องมีปัญหาทุก วินาที ทุกนาที
การใช้ชีวิต ดำรงชีวิต ที่เคยมีความสุข มีความหวังในครอบครัว แต่ละครอบครัว ดูเหมือน ว่า อดทน และ ทนอด กัน
แทบทุกบ้าน
ท่านคิดว่า ท่านเศรษฐีทั้งหลาย ไม่พบปัญหานี้หรือ ?
เพื่อนเศรษฐีของข้าพเจ้าหลายท่าน ได้ นำรถที่ใช้อยู่ไป
จอดเรียงเป็นตับ ขัดถู วันสองวัน สตาร์ทสักที แต่ไม่ใช้
และ ใช้ เฉพาะไปงานเลี้ยงต่างๆทางสังคมเท่านั้น ทุกคน
ไม่เข้าใจ เหมือนน้ำท่วมปาก พูดถึงความลำบากยากเย็น
ในการดำรงชีวิให้ใครฟังไม่ได้ จะถูกสังคม แสดงปฎิกิริยาเสมือนว่า ทำตัวประหลาดในหมู่เศรษฐีทีเดียว
ข้าพเจ้า ยึดมั่นในอุดมการณ์ ประหยัด เพื่อการอยู่รอด มานานแล้ว...และ พยายามตะเกียกตะกายเอาตัวรอด
ภาษาฝรั่ง ว่า เซอร์ไวฟ์Survive นี้ อย่างสุดฤทธิ์ สุดเดช
ตั้งแต่ยังมีเงินเดือนเหยียบแสน ครึ่งแสน สองหมื่น จนแทบ
จะต้องรอรับรายได้หลังจ่ายสาธารณูปโภคให้หมดก่อน ถึงจะมีสิทธิ์รับเงินเดือนก็เผชิญมาทุกสถานะ
แต่ก้ขอยืนยันว่า
รัฐบาลไม่ควรที่จะนำ สิ่งพื้นฐานในการดำรงชีวิตของมนุษย์ คือ แสงสว่าง น้ำใช้ ที่อยู่อาศัย เขตแดนดิน และ อากาศ(สิ่งสุดท้ายที่ยังไม่เก็บเงินค่าหายใจ) มาสรรค์หาผลประโยชน์
มันเป็นสิ่งที่ รัฐทุกรัฐในโลก จะต้อง ช่วยเหลือเจือจาน เพื่อให้มวลชน คนส่วนใหญ่ของประเทศ อยู่ได้
บนพื้นฐาน ปัจจัยสี่ ที่ประหยัดที่สุด
ข้าพเจ้าขอแสดงความเห็นไว้เช่นนี้
ด้วยในบางเว็บ ได้แสดงท่าทีต่อบทกลอนของข้าพเจ้า
และความเห็นของข้าพเจ้า ราวกับเป็นผู้นำประท้วงเสียเอง
มันเป็นสิทธิ์ส่วนบุคคลของข้าพเจ้า ที่จะบอกว่า
"พอแล้ว ไม่ไหวแล้ว อย่าบีบบังคับให้เราตายไปจาก
โลก อันหฤโหดก่อนเวลานักเลย เราทุกข์กันมากเกินทน"
เด้กๆ มัก เครียดที่จะถามพ่อแม่ว่า
" ถ้าพ่อแม่ลำบากนัก ผม หนู ลาออกไม่เรียนได้ไหม?"
พ่อแม่ ก็จะกัดฟันตอบว่า
" อย่าลูก อย่า ลาออกเป้นอันขาด พ่อแม่จะสู้ต่อไป "
ทองทุกเส้น เราจำนำกันไปหมดเรียบร้อยแต่เมื่อราคายังรับบาทละ 3000 เสียด้วยซ้ำ ซึ่งมันก็ขาดส่งไปบ้าง นับเป็น 10 -20 บาท ที่ใบจำนำหลุดไป เพราะหมุน
เงินกันไม่ทัน ...
บ้าน ที่จำนอง ติดแบงก์กันเป็นแถว
ธุรกิจ หดตัวกันลงมา ให้มีโต๊ะสองโต๊ะ นั่งทำที่บ้าน
ที่อยู่อาศัยก็พอ.....
บนภาพผู้นำที่ฮึกเหิม สบายใจ
มองลงมาหน่อยเถิด ว่าคนส่วนใหญ่ในประเทศนี้กำลังเผชิญอะไร ?
.......เรามีอะไรจะบอกพวกท่านอีกมาก
ถ้าถึงเวลา....
17 กุมภาพันธ์ 2549 12:03 น.
tiki
คน มัน...ดวงดี
....ตีหนึ่งเศษๆ
หลังจาก ทำงานยุ่งๆจุกจิก
ทั้งวัน และ เล่นเกมดึกๆแก้เครียดแล้ว
....ข้าพเจ้าว่าจะเข้านอนแล้วคืนนี้..แต่นึกขึ้นได้ ว่า..
เลยมาเปิดคอมพ์ใหม่...แล้ว ข้าพเจ้าก็เพิ่งรู้ว่า
ตัวเองมันเป็นคน ดวงดี...ดวงดีจริงๆ