11 กุมภาพันธ์ 2548 16:45 น.
tiki
๏ ทาง สามแพร่ง วาร ๓ .
..บรรพ ๑๚
๏ วันแห่งความเปลี่ยนแปลง ...๚
เขาเคร่งขรึมตอบความเมื่อยามเช้า
ใบหน้าเศร้า...เหมือนต้องพราก จากเคหา
ฉันก็รู้ ว่าวันนี้ ..ต้องมีมา
ก็นิ่งเฉยมานานช้า กว่าสิบปี............๗
มิเคยพรากจากกันมานานนัก
หวนตระหนัก ความสัมพันธ์ นั้นคงที่
เศรษฐกิจ บิดพัง ในครั้งนี้
ทุกข์ล้นปรี่ ท่วมแท้ เกินแก้ทัน..........๘
เชิญคุณกลับบ้านคุณเสียเถิดนะ
ถึงวาระแยกแปลกอย่าห้ำหั่น
ให้เป็นการแยกดี ศรีสัมพันธ์
เสมือนแค่ เดินห่างกัน บางเวลา..........๙
ซึ่งผ่านมานานเนิ่นเกินจักนับ
คนเคารพครบครับในทีท่า
มีสามีฉัตรกั้นเกศแต่นานมา
คู่ภัสดายืนนานผ่านเกินบุญ...................๑๐
เกิดเป็นหญิงหยิ่งในศักดิ์ภักดิ์เพริดพร้อม
พ่อแม่นั้นรักถนอมอ้อมโอบหนุน
แต่ลำบากหากคู่เคียงเอียงเซซุน
หลักจึงร่วงชุลมุนวุ่นทุกทาง.....................๑๑
แม้นว่าได้คู่ดีที่นำหน้า
คงสมค่าเพชรชูรู้ส่งข้าง
แต่หากคู่ไร้ปัญญาพาอับปาง
คิดแรมร้างเกรงถูกอ้างเชิด.โลกา..............๑๒
ข้าพเจ้า ผู้เขียนนั้น เขียนไว้ยาวพอสมควร
แต่จำเป็นต้องนำมาลงทีละเล็ก ละน้อย
ด้วย มันมีเหตุ และ ผลอยู่ในการวางบทกลอน
ชุดนี้พอสมควร
คงจะค่อยๆ วางไปทีละตอน ทีละบท ในตอนต่อไปค่ะ
บางเรื่อง อาจกระทบกระเทือน จิตใจใครบางคน
ที่ได้อ่าน หรือ อาจเป็นน้ำตาอันร้าวรานใจใน
อนาคต ก็เป็นได้...แต่ขอรับรองว่า
ในความเป็นหญิงหยิ่งในเกียรติ ของตน
ไม่แพ้ชายอกสามศอกคนหนึ่ง...นี้ ....ขอยอมรับ
พิพากษาทุกอย่างโดยดุษณี เพียงแต่เพลงกรรม
เพลงวิบากกรรมของมนุษย์ในโลกนี้ ยังไม่จบได้
ง่ายดาย ดังนิยาย...มันคงจะสานต่อเนื่องไป
ขออย่างเดียว สิ่งที่แล้วไปแล้ว ทำให้ก่อเกิด
วิบาก คือ ผลแห่งกรรมที่ข้าพเจ้า ต้องแบกรับไว้ หนักอึ้ง .
.จนไหล่ลู่นี้ ข้าพเจ้ามิหนีหน้าไปที่ใดทั้งสิ้น ในชีวิตนี้ ..
.มีก็แต่วันลี้ลับโลกไปเสียเท่านั้น
ด้วยคารวะท่านผู้อ่าน
จารจากใจ เมื่อ ๑๖:๒๐ นาฬิกา
ขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๓ วันศุกร์
วันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๔๘
ทิกิ_tiki
10 กุมภาพันธ์ 2548 23:25 น.
tiki
๏ ทางสามแพร่ง วาร ๒ ...บรรพ ๑ (ต่อ)๚
เช้ายืนขึ้น นำปัญญา มาเคียงข้าง
เพื่อเอ่ยอ้าง กับพ่อคุณ บุญกุศล
ช่วยเหลือเถิดเวลาด่วนมาดวลดล
โปรดจัดแจงย้ายคนกลับบ้านคุณ................๔
อีกสุนัขสองหน่อขอเชิญด้วย
โปรดจงอวยที่ทางอย่างเอื้อหนุน
ต้องทำงานเรื่องตัวเลขชุลมุน
เวลาไม่พอดุลย์ ช่วยฉันที....................๕
รู้ก็รู้ ว่าคุณหวง ห่วงเสมอ
รู้ก็รู้ รักปรนเปรออย่างล้นปรี่
แต่เศรษฐกิจของเรามันไม่ดี
จึงจำเป็น โปรดจรลี เร่งเวลา.............๖
ทิกิ
``*:-.ฤา,_,.-:*``ฝันนั้น*:-.,_,.-:*``มิใช่สิทธิ์ *:-.,_,.-:*``*:-ของฉัน ? ,.-:
*``*:-.,_,.-::-.,_,.-:*``*:-
พูดออกไป แล้วก็มาเขียนกลอนบันทึก
หัวใจไว้ เพราะเขียนธรรมดา แต่แรก ยังเขียนไม่ออก
เลย...เป็นคนขี้เกรงใจคนเสียเคยชิน...เกรงใจให้เขา
ปานนี้...ไม่เหลืออะไรจะให้คุณ....อีกแล้ว
แต่เวลาที่เหลือไม่มากแค่เดือนเดียวนี้จำเป็นต้องพูด
เขิญ...ออก...ไป...
ขอกำลังหน้าพระวันครูมาพูดให้นิ่มที่สุดที่จะพูดได้
ขออย่าให้มีปัญหา แตกหัก โวยวายเหมือนเช่นที่ผ่านมา
ขอโปรดฟังฉันบ้าง..ว่าฉันจำเป็นกับการที่ต้องยืนรับหน้า
ต่อทุกปัญหาที่กำลัง วางหมากรุกมานี้...คุณไปเสียเถิด..
ให้ เวลา ฉันแก้ปัญหาเฉพาะหน้านี้
ด้วยตัวฉันเอง นะคะ
จารจากใจ เมื่อ ๑๕:๒๐ นาฬิกา
ขึ้น ๒ ค่ำ เดือน ๓ วันพฤหัส วันครู
วันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๔
10 กุมภาพันธ์ 2548 15:47 น.
tiki
๏ ทางสามแพร่ง ...บรรพ ๑๚ .
สิทธิ์สตรี อยู่ที่ไหน
ร่ำร้องไปในคำนึงถึงสหาย
ในบางชาติแสนประหลาด เกิดเป็นชาย
บางชาติย้ายมาเป็นหญิง.มิ่งขวัญตา.................๑
แม้นทุกชาติลับความรู้คู่เปรื่องปราด
ทำไม่รู้เรื่องอำนาจหรือวาสนา
จึงผ่านได้ โง่งม ขมอุรา
มิเห็นค่าเช่นงมจมกระบือ.....................๒
แต่ละชาติเอื้ออำนวย ด้วยสิ่งสรรพ
ต่อกรกับ สิ่งมัด ด้วยสัตย์ซื่อ
เกิดแล้วตาย ตาย_เกิด_ใหม่..ใจฝึกปรือ
มั่นยึดถือ ปัญญา..เป็นค่าตน..............๓
....
ทิกิ
``*:-.ฤา,_,.-:*``ฝันนั้น*:-.,_,.-:*``มิใช่สิทธิ์ *:-.,_,.-:*``*:-ของฉัน ? ,.-:
*``*:-.,_,.-::-.,_,.-:*``*:-
ถามตัวเองเมื่อเช้าว่ากล้าพอหรือยัง
เข้มแข็งพอหรือยัง ...โดดเดี่ยวตัวเองมานานพอหรือยัง...
พอ ..มาก..
ต้องทำตัวเข้มแข็งฉะนี้
มานานขนาดไหน...นานจนไม่รู้ว่า ความสุขในโลกนี้
เป็นฉันใดอย่างไรเล่า....
จารจากใจ เมื่อ ๑๕:๒๐ นาฬิกา
ขึ้น ๒ ค่ำ เดือน ๓ วันพฤหัส วันครู
วันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๔๘
9 กุมภาพันธ์ 2548 13:48 น.
tiki
ธรรม ..ทัดใจ
ตนนั้นละที่ตั้ง.............ใจตน
ยามเมื่อใจซุกซน.................โซ่คล้อง
ผกผนึกแน่นยามดล..............เกินผ่าน...พ้นนา
ใจจักขานเพรียกพร้อง...........รูปนี้อนัตตา
พิจารณาประคำท่านเศรษฐี
เพื่อนรักมอบสานฤดีนี้ชื่นฉ่ำ
บนตำแหน่ง*ซ้อใหญ่* ใจระกำ
บนรอยช้ำท่านสามีที่เพริดพราย
เพื่อนรักมอบประคำนี้เหมือนรู้เห็น
วันหนึ่งอาจต้องเป็น * ซ้อใหญ่*หมาย
พิจารณาลูกประคำ อย่างแยบคาย
นึกคำสอน เพื่อนสยาย...มาเนิ่นนาน
หนึ่ง นอนไม่รู้คู้ไม่เห็น
สอง ไม่รู้ทัน ไม่ยากเย็น..เป็นสมาน
สาม ไม่รับรู้ ทำโง่เง่า...ไม่เจอพาล
สี่ สนองนาน แนบไว้ ด้วยใจรัก
ห้า ใครจะไป จะมาเรื่องไม่เปลืองสิทธิ์
หก ยกเต็มจิต ธรรมะ นะเป็นหลัก
เจ็ด ประพฤติ ตนเรียบร้อย...คอยชายภักดิ์
แปด เมตตา แน่นหนัก...หักบ่วงกรรม
จะขึ้นสูง ..จูงตน..พ้นทางชั่ว
มิหมองมัว...แม้นเกลือกกลั้ว..ก็ชื่นฉ่ำ
มิต้องถึงร้อยแปด ...ร่ายพระธรรม
นับประคำ นำสวด เพียงครึ่งพวง
ปักธูปผ่าน งานมี ที่เห็นเห็น
ฝึกตนเย็น...สติมา ปัญญาล่วง
เห็นถึงโลกย์ ล้อมธรรม ..ผ่านกรรมกลวง
ดังทะลวง ปวงวิบาก...อันยากเย็น
ทิกิ_tiki
วันที่สวดมนต์ สองบท ไปด้วยกัน พร้อมด้วยประคำ สองพวง
พวงแรก สวดอิติปิโส แล้วสลับมาสวด พวงสอง ด้วย คาถาหลวงพ่อ
ปาน วัดบางนมโค ...หลวงพ่อฤาษีลิงดำ หลวงพ่อ โต
พิจารณา เจ้าของประคำพวงสองไปด้วยในตัว ว่าคนให้ อุตส่าห์
กอบเม็ดประคำ พลอยสลับสีของตน มาให้ กว่าสองปีแล้ว เพื่อให้ นำมา
ร้อยเป็นประคำ ให้ได้ ๑๐๘ เม็ดใหม่...เจ้าของประคำนั้น เป็นภรรยา
ท่านมหาเศรษฐีคนหนึ่งของเมืองไทย ที่บ้านมีรถยนต์ยี่ห้อเบ๊นซ์ในสังกัด
สัก ยี่สิบคันได้ แต่ เพื่อน ผู้นี้ มีนิสัยใฝ่ธรรมเป็นอาจินต์ แม้นสามี เจ้าของ
กิจการใหญ่นั้นจะไปมีคุณหนูกี่คน ก็เห็นใจเย็นเรียบร้อย ปลีกไปปฏิบัติธรรม
อยู่คนเดียวที่บ้านสวนขวัญด้าน นครชัยศรี ศาลายาโน้น
เธอ พบหน้าทิกิ ครั้งแรก ก็เมตตามาตลอด เป็นเพื่อนที่น่าพิศวงใน
คุณงามความดีจิตใจ...แบบ *ซ้อใหญ่* นั้น
วันนี้ทิกิ พิจารณาธรรมเรื่อง ความรัก ชนิด สมหวังไม่สมหวัง ก็ให้
คิดว่า..มีอะไร ซ่อนอยู่หลังประคำ ๑๐๘ เม็ดที่ร่วงหล่นนี่หนอ ก็คือความ
ประพฤติ อันงาม ของเพื่อน ภรรยาเศรษฐีท่านนี้เองค่ะ ที่อยู่เบื้องหลัง
บทกลอน ข้อธรรม
ธรรม ทัดใจ ในวันนี้
ส่วนโคลงนั้น มาจากที่เขียนตอบ คุณ Big Hug ในกระทู้
โซ่ใจใครจักง้างใน พันทิปค่ะ..คือ เป็นโคลงที่ ทิกิ นำมาตอบหลังจากไหว้พระ
เมื่อเช้าค่ะ
จารเมื่อ ๑๓:๒๐ นาฬิกา
พระพุธ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๘ วันตรุษจีน
ขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๓
สงวนลิขสิทธิ์ตามอารมณ์
Copy right. All rights reserved.
ทิกิ_tiki
ธรรม ..ทัดใจ
7 กุมภาพันธ์ 2548 19:48 น.
tiki
คือดวงใจแม่ผู้ระทม
กาพย์ฉบัง (๑๖)
หมดแล้วซึ้ง จากหัวใจ แต่รักอาลัย
แม่ให้แด่ลูกแก้วตา
ไยลูกเพ้อพะวงหา รู้ไหมมารดา.
.โศกนักลูกรักแพ้กรรม
โอ้เอ๋ย วิบากใดนำ ดั่งถูกจองจำ
.ลูกถึงตัดช่องพอตัว
ชาติใดใหม่เกิดเร่งกลัว ทุกข์เทวษห้อมหัว
.เมามัวแต่รักจากจร
ลูกเอ๋ย ดั่งลางสังหรณ์ ชีพจักม้วยมรณ์
ลับลาเสียแต่อาลัย
.เหตุลูก ปลิดแล้วดวงใจ ชีวาบินไป
.แม่นี้ระทมดายเดียว
แต่นี้จักเดินทางเปลี่ยว. ชีพเหลือเพียงเสี้ยว
ลูกรักแม่จักม้วยตาม
ทิกิ_tiki
เขียนตอบ เดือนไร้เงา กาพย์ รักของชายกับดวงใจแม่
คือดวงใจแม่ผู้ระทม