21 มกราคม 2547 10:42 น.

บนภูหมอก

tiki

บนระเบียงเวิ้งว้าง.........เช้านี้

หมอกสีขาวกระจายพร่างพราวนภา..........

ใครบางคน....เข้ามาเงียบๆ...และออกไปเงียบๆ.....

ฉันยังยืนมองฟ้าสีขาวเทา...ในกระแสลมเย็น....23 องศา

แบบไม่ต้องคิดถึงใคร..........




ผู้หญิงคนนั้น.......ร่ำร้อง.........ซบซา
ณ. บ้าน  bangkokcity.com..........เธอหัวใจสลาย....และฟื้นคืนได้

ฉันส่งดอกกุหลาบสีขาวขลิบชมพูให้เธอ

ไม่ปราถนาให้เธอทุกข์ไปมากกว่านั้น

ด้วยใครบางคน...ไกลออกไปจนเกินจำนรรจ์

คนที่หัวใจฝัน....รุนแรง....แต่ร้างลา...



ส่งเฮลโหล ถ้อยคำมา...ว่า
 ขอบคุณที่ส่งไปให้


ฉันตอบสั้นๆๆๆๆ ซึ่งเธอคงอื้งหนักหนาว่า.

.****ดีใจ...ที่ใจทำให้...รู้จักใจตัวเอง


แล้วเธอก็ตอบมา....ว่า

ยอมรับเสมอมาค่ะ.....ถึงจะฝืนยังไง...

มันก็คงต้องยอมรับ....ไม่มีอะไรดีขึ้นมากกว่านี้แล้วค่ะ....



บนระเบียงเช้านี้  

ในแสงตะวันรำไร ผ่านสายหมอก

ไม่คิดถึงใคร...และไม่อยากจะคิดถึงใครบนภูหมอก...

........ที่ดอกหญ้า..บานรับแม่คะนิ้ง........



ฉันอยากจะ กอดผู้หญิงคนนั้นไว้.....

ฉันอยากจะบอกให้เธอนิ่ง....

ความกระวนกระวายของเธอ....

ผนึกใจฉันจริงๆ...

โอ๋คนดี...นิ่งเสียนะ...คนดี


คนดีในชุดเครื่องแบบสีขาว

งดงามราวภาพฝัน....

ฉันเคยแอบมองเธอนั้น...

รู้สึกว่าเธอสำคัญ..สำหรับเขา..ยิ่งกว่าใครๆ


แต่เพียงเมื่อฉันก้าวไปที่นั่น...

ภาพความฝันเธอก็หวั่นไหว...

ใจบางคนสะท้าน...และร้าว...ทั้งกาย

เธอบ่นรำพัน..ทุกค่ำ..ทุกเช้า..ทั้งมืด..และสาย....ว่า..คิดถึง...ใครคนนั้น


น้องสาวที่รักของฉัน

เครื่องแบบสีขาวที่เธอสวมใส่นั้น...กระจ่างใสเสมอ

ขอให้ใจใสของเธอ....กระจ่างใส....อย่าพร่ำเพ้อ

ฉันอึ้ง...ทุกครั้งที่เจอ...คำฝากรักของเธอ...ต่อใครคนนั้น...!!!


กาลเวลา....อาจนำใครคนหนึ่งมาชิด


มาสนิทแบบไม่ตั้งใจ....จะอยากฝัน


ฉันกับเธอ...ก็ไม่ต่างกัน..


.หากจะยอมรับว่า...ความดีของใครคนนั้น...กระตุกใจ


ฉันโบกผ้าขาวไปในอากาศ

ลมหายใจสะอาด..แม้นมันจะหวั่นไหว

เธอนั้นเศร้า....ดวงใจคนเด่นนั้นสั่นไหวอยู่ภายใน

ละอองไอหมอกผ่าน...ซ่านกระจาย





บอกเขาเถิดว่าเธอรัก

ถ้ามันจักทำให้ดวงใจเธอหายร้าวสลาย

ฉันจะมอง...นิ่ง..นิ่ง...อย่างไม่อยาก..จะรู้สีกอะไร

บอกเขาไป..เถิดดวงใจ...หากเธอต้องการ				
20 มกราคม 2547 22:37 น.

รจนาคาถา....เทวีไร้ใจ..๒

tiki

พจนาคาถา...เทวีไร้ใจ 

บทสุดท้ายก่อนจบความเดิม
*** หากเรียงราย ร้าวสลาย...ทั้งสามโลก

ล้วนเศร้าโศก..ฝีมือเจ้า..เร้าอกข้า

อีกชาตินี้...ยังไม่พอ..ทรมา..?

เจ้าจุดธูป...บอกข้าชัด...พฤหัสคืน...?.......(  ๑๕)
.!!!!***.....  


***ทุกคืนพฤหัส.ข้าฯเห็นเจ้า..จุดธูปเก้า...

แล้วร่ายเร้า....คาถารัด...ฟังหวานชื่น

จะเมตตา.......กรุณา.......ผองผู้อื่น

มุทิตา.....อุเบกขายืน....ต่อทุกคน.***......(๑๖)   


***.แต่ยกเว้น........เพียงหนึ่งเดียว.........ชายเจ้ารัก

จงใจหัก...........แกล้งเขา..........ให้หมองหม่น

จะไม่เมตตา........กรุณา.........อยู่สักคน

จะไม่มุทิตา.........อุเบกขาดล.......อยู่ชายเดียว !!!! ???.***........   ( ๑๗ )  


***-ข้าฯ ยินแล้ว........ฉงนใจ.........เป็นหนักหนา

กรรมสร้างมา........สิบหกชาติ........ก็สุดเสียว

ยังสร้างกรรม............ซ้ำซ้อน.........ชาตินี้เชียว

ไม่หน่วงเหนี่ยว........ล้วนบาปกรรม....กระทำใคร  ??*** .........   ( ๑๘ )  


**เหวย...เทวี......ผู้มีกรรม...ซ้ำ  ซ้ำ  ซาก

หากเจ้าอยาก........จะทำเช่นนี้........อยู่เรื่อยได้

ข้าฯ.จะลาก.......ลงนรก..........หมกเจ้าไว้

ให้หมกไหม้......สาปประจาน........นานพันปี***..........   ( ๑๙ )  


***- หากมิเปลี่ยนนิสัย....ในสามเดือน

จะสั่งเยือน........ลากเจ้าไป....ในวิถี.

สั่งลงฑัณท์ ......ในนรก.....หมกชีวี

ให้ป่นปี้...โทษซ้ำตาย.....ให้วายชนม์***............   (  ๒๐)   




.ข้าฯ ตระหนก....อกสั่น....หวั่นวิตก

ใจที่ยก....ว่าไม่จริง....ยิ่งหมองหม่น

ด้วยทุกพฤหัส.....ข้าจัดธูปถวาย....สายลมบน


ปักประดล......แม่ธรณินทร์....สิ้นชั้นฟ้า.........   ( ๒๑ )  


*...นะโมตัสส.*.ไปสามครั้งดังใจหมาย

แล้วขยาย.    ร่ายโศลก..พระคาถา.

เพียงผู้เดียว....คืนพฤหัส        หน้าบ้านมารดา

ใจความคาถา....ดั่งพระองค์ว่า...ไม่ผิดเพี้ยน...........   ( ๒๒ )  


.แม้นมารดา   ยังนึก....ว่า   ....ข้าฯไหว้เจ้าที่

ด้วยกรุณา...ปรานี...มิแปรเปลี่ยน


ไม่มีใคร....ในโลก...จะลอกเลียน


ไม่ผิดเพี้ยน....ประณามคาถา...ข้าฯ ว่าไว้.........   (  ๒๓)  


ท่ามกลางฟ้า....นภากาศ.......คาดผืนดิน

ข้าฯ ร่ายริน.....รจนา....คาถาให้


**อะหังวะโต.........พรหมมะเถโร..อะโตวะหัง

นิติวะตัง..ลาภังวะโส**....ไปทันใด


เพียงผู้เดียว....เป่าคาถาไป....ในเพลงลม..........   ( ๒๔ ) ..... 


ด้วยชายหนึ่ง....พึงดูดวง    ......ให้ข้าฯไว้

เนิ่นนานใน....กาลเก่า...เร้าผสม

ได้มอบคาถา.....บอกข้าฯว่า....จะประพรม

ถ้อยคารม.....เสริมสร้างดวง.......แก้บ่วงกรรม..........   ( ๒๕ )   


หากกรรมเรื่อง........คู่เป็นวิบัติ.....ชัดเช่นนี้

ประณามคาถา.......ตามวิถี........ที่เขาพร่ำ

จะแก้เคล็ด..........เรื่องคู่ครอง......ได้น้อมนำ

ด้วยห้ามทำ.....ว่าสนใจ....ไปจุนเจือ++++!!!!! ..........   (  ๒๖)  


เชื่ออวิชชา.....จึงมาพบ....บรรจบสมาน


มาพ้องพาน......อดีตชาติ.... ..อย่างเหลือเชื่อ


ใครที่ไหน......ได้ยินเสียง.....สวดมนต์เจือ  ??


ใครที่ไหน....บอกทุกเมื่อ.....พฤหัสเย็น...???..........   ( ๒๗ ) . 


ด้วยรับฟัง........ครานั้น......นานมามาก

ช่างลำบาก....มิใช่เล่า.....ให้ฟังเล่น

คืนนั้นข้าฯ.....รีบซื้อสังฆทาน....มาตั้งเป็น

พยานเด่น...จุดธูปเซ่น.....นางฯแฝงใน..........   (  ๒๘)  



 ว่า  *เทวี....นางเอย...ในร่างข้าฯ

เจ้าเจ็บช้า....ซ้ำซากมา...แต่คราไหน??

ข้าฯรับทราบ...รับความทุกข์...ไม่สุขใจ

อีกรับกรรม....อ่วมอรทัย....ได้ทุกข์แทน.........(๒๙  )  


.เจ้าอาฆาต...มาดร้าย ....สิบหกชาติ

แล้วใครเล่า....มาอนาถ...เรื่องคุมแค้น

ก็ข้าฯเอง...นี่ไงเล่า....เศร้าละแม้น

ชายคลุ้มคลั่ง....ดั่งมาแล่น..บีฑาใจ...........(๓๐) 				
20 มกราคม 2547 02:52 น.

ประณมพจน์....ตอน 1 เทวีไร้ใจ....

tiki


ประณมพจน์.......บทมาลย์....ลงกรานกราบ

พระทรงทราบ.......ซึ่งหม่อมฉัน...เฝ้าถวาย

กราบพระบาท.....ด้วยพานทอง.....สนองกาย

กราบถวาย...ธูปเทียนแพ...แลพานทอง .....(๑) 


 ด้วยน้ำจิต......คิดประสงค์.......ตรงเฝ้าถวาย

พระฤาสาย.........สามโลกา........คราสอดส่อง

ขอพระองค์.......รับประสงค์.......จำนงค์มอง

ธุปเทียนแพ.......พานทอง......ของหม่อมฉัน.....( ๒.) 


 พระฤาสาย........รับถวาย......แล้วแย้มยิ้ม

พระเนตรปริ่ม........รับพาน......แล้วสรวลสันต์

**เจ้าเป็นคนแรกในโลก..ที่กล้ากำนัล

นำเทียนทองผ่องอำพัน...มอบข้าฯมา***.....( .๓) 


พรหมธาดา....รับแล้ว...ประกาศสรวล

ทรงสำรวล.......สรวลสันต์.........ด้วยหรรษา

ครั้นแล้วตรัส..**ต่างดวงใจ..แห่งธาดา**

ทรงหยิบยื่นพานทองมา...ให้ข้าฯ ไว้........( ๔..) 


ข้าฯรับคืน....ตื้นตันใจ...เป็นหนักหนา

องค์ธาดา.....รับสนอง....คล้องใจให้

ทรงประกาศ..ชั้นฟ้า...ให้ฟังไว้

***จะดูใจ...มนุษย์สักครั้ง...เป็นดั่งฤา?***.....( .๕.)
 

ด้วยก่อนหน้า...ในคราหนึ่ง...ถึงกำหนด

ฉันแต่งขาว...งามงด...สวยสมชื่อ

ไปพบหา...ศาลาหนึ่ง...ซึ่งร่ำลือ

ว่ายึดถือ   ธรรม...บรรยาย...ปลายศาลา........( ๖..) 


มิได้รู้  ...องค์ไหน...เสด็จลง

ก็นั่งปลง...มองไป...ไม่เชื่อหน้า

แต่สักครู่...ท่านประกาศก้องศาลา

**วันนี้ข้าฯ...แสดงธรรม....เรื่องกรรมมี**.....( .๗.) 


.**จะเรียกดู........ตัวอย่าง...สักสิบคน**

แล้วทรงยล  เรียกใครอื่น...สักห้าที่

ครั้นแล้วท่าน...ก็หันมา...ท่าทรงชี้

**เรียกหญิงนี้...ผู้มีกรรม.....นำมาไว***.....( .๘.) 


ด้วยทรงเรียก........เพรียกใจ......ให้ไปหา

รับสั่งว่า....ดุดัน....สำคัญได้...

ว่า***เทวี....เจ้าโหดร้าย...เหลือกระไร...

สิบหกชาติ....เจ้านั่นไซร้....สร้างกรรมพาล.....( .๙)


เจ้าโกรธแค้น....ชิงขังด้วย...มานพนั้น

บุตรคหบดี...เศรษฐีอัน...มหาศาล

บุพพการีเขา....ไม่ชอบเจ้า...ไม่ต้องการ

ได้พรากเขา...แต่งเยาวมาลย์...อีกอนงค์......( ๑๐ )


เจ้าอาฆาต....ประกาศแด่.....แม่ธรณี

ว่าชีพนี้...จะโต้ยั้ง...ดังประสงค์

จะฆ่าบุตร..เขาให้ตาย...หมายจำนง

อีกเจาะจง...ประหารใจ...ให้วอดวาย......( ๑๑ )



หากชายใด...ใกล้เจ้า...จงเฝ้ารัก

จะแกล้งหัก...อกเล่น...เซ่นสลาย

จะปั่นหัว...ยั่วให้...ใจมลาย

ร้าว..ใจกาย...ตายไป...ในโลกา......( ๑๒ )
 


ด้วยเวรกรรม......ซ้ำซาก...ลงรากฐาน

สิบหกชาติ...มหาศาล...หนักอกข้าฯ

ประหารใจ...มานพไฉน...ต้องทรมา

กี่คนครา...น้ำตาเขา...เร้าหลั่งดิน ?......( ๑๓ )
 


ล้วนร่ำไห้......ลงตีอก......ลงชกหัว

ฤาคนชั่ว........คนเดียว.......ไม่ถวิล..?

น้ำตาชาย....สิบหกชาติ...ล้วนหลั่งริน

นับไม่ถ้วน...นับไม่สิ้น...จนชั้นฟ้า.........(๑๔  )
. 



หากเรียงราย ร้าวสลาย...ทั้งสามโลก

ล้วนเศร้าโศก..ฝีมือเจ้า..เร้าอกข้า

อีกชาตินี้...ยังไม่พอ..ทรมา..?

เจ้าจุดธูป...บอกข้าชัด...พฤหัสคืน...?.......(  ๑๕)
.!!!!.....				
19 มกราคม 2547 02:50 น.

เดียวดาย.....ในทะเลน้ำตา

tiki



 มหาสมุทรสุดกว้างลึก..ผนึกน้ำ

ซึ่งท่วมต่ำจำแนกแผกธารผอง

จะสูงส่งแค่ไหน..ก็ไหลนอง

หลั่งรวมกอง...มาสู่แหล่ง...แอ่งน้ำรวม 


จะกี่หยด.กี่หยาด......ไม่อาจนับ

จะหามาตรวัดใดมาจับ..มานับสวม

คณานับ...พิศดาร..ดูกำกวม

กลับไหลร่วม...แหล่งที่....ดั่งปรีดา 



แต่หากคิด..ถึงชีวิต...กี่ชาติภพ

เศร้าประสบ..คบกัน..อยู่ทุกหน้า

บอกมิได้...วันใดที่...มีน้ำตา

ความทุกข์เร้า...ดั่งปัญญา...มิได้มี 


หากเมื่อเศร้า...ก็บอกบ่ง...ตรงข้อทุกข์

ที่เร้ารุก.......น้ำตาท่วม.......รวมวิถี

แต่ละชาติ........หยาดน้ำตา.........หยดมานี้

ถมทวี......นับครนา.....มหาธาร..... 


ธารน้ำตา.......ซึ่งไหลบ่า.....มาแต่ละชาติ

คือประมาท....ในวัฏฏะ..สังสาร

เสียเวลา........กับภพชาติ........มาช้านาน

ที่คูณหาร.......บวกเพิ่ม.......เริ่มติดตัน  


มิใช่เพียง   แอ่งน้ำตา...หรือแอ่งไหน

มิใช่เพียง...น้ำในบ่อ...พอความฝัน

หากเทียบได้......น้ำในมหา...สมุทรนั้น

ไม่เทียบทัน.....แต่ละชาติ.....ดั่งขาดใจ 


กี่ชาติแล้ว...และกี่หยด...และกี่หยาด

รวมน้ำตา....ทุกทุกชาติ.....ที่ห่มไห้

กี่ความทุกข์....ซึ่งรุกฆาต...เข้าจิตใจ

ซึ่งแพ้พ่าย.......ต่ออารมณ์.......สั่งสมมา 


 กี่โจทย์ยื่น...มากี่โจทย์...โปรตให้แก้

ตาไม่แล...ซึ่งภพชาติ....ผงาดกล้า

จึงพ่ายแพ้...สังสารวัฏฏ์...ชัดทุกครา

พบชาติหน้า....กระเสือกกระสน...ทุรนทุราย 


แล้วก็จบ...เพียงนิยาย...ในสายน้ำ

ต้องดื่มด่ำ.....น้าตาสมุทร....ดุจขยาย

ต้องร่อนเร่....ทะเลน้ำตา.......อย่างเดียวดาย

อีกเท่าไหร่........จะผ่านพ้น......อวิชขา				
18 มกราคม 2547 14:25 น.

.........โลกียธรรม

tiki

รู้ว่าไฟกลับเข้าใส่ให้อยากชิด 

ไม่รู้คิดพลังรักมหาศาล 

สะท้านโลกสะเทือนขวัญกันไปนาน 

สมบัติเทพเทวาสำราญมิเคียงใคร 
   


เพียงหล่นร่วงจากดาวดวงสรวงสวรรค์ 

อีกไม่นานคงจบกันอย่าหวั่นไหว 

เมื่อสิ้นสูรย์สุรีย์ฉายพระพายไกว 

ณ.คืนจันทร์อันอำไพเจ้าเด่นดวง  



   เสน่หายาใจในสวนขวัญ 

จะอึงอลพัลวันด้วยหึงหวง 

โลกซึมซับรับน้ำตาแห่งกลลวง 

แล้วทั้งปวงก็จากคลายมลายคืน  

 

เจ้าก่อภพก่อชาติไว้สืบสาย 

อีกสยายแค้นคั่งเกินดั่งฝืน 

รักทุกภพประสบหลังฤายั่งยืน 

ล้วนเฟ้นฟอนแล้วถอนคืนเมื่อจากลา  



    ถึงภาพความงามงดเคยสดใส 

เสียงสรวลเย้าฤทัยให้ถวิลหา 

จะผ่านล่วงเลือนไปไม่คืนมา 

เสน่หาจะคราไหนไม่ยั่งยืน   



  .ขออธิษฐานให้คนดีเมื่อได้เห็น 

ให้ชื่นเย็น..ร้าวสลายกลายขมขื่น 

ให้วาจาข้าดั่งยาให้เจ้ากลืน 

ให้คลายคืนพิษร้ายมลายเทอญ.    


ที่มาของกลอนทั้งหมดนี้ก็มาจาก สองบทนี้ ที่ไปตอบใน http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_44785.php  



 เมื่อจบคำจำแปลกแหวกใจข้าฯ

ให้รู้รักคลั่งหนักหนานั้นเป็นไฉน

ข้าสัญญาจะถนอมออมหัวใจ

ให้เจ้าได้อบอุ่นสบายหายเจ็บทรวง
 

 
.เมตตาข้าฯ..หากรักนั้น...มันแสนคลั่ง

ขอคุแค้น...ที่ล้นหลั่งจง...ถอยล่วง

หากคั่งแค้น..แต่ภพไหน..ได้ปักปวง

จงถอนยวง..แม้นยากเข็ญ...จงเย็นใจ

ทิกิ

 

   รหัสสมาชิก : 4895 - tiki  
 รหัส - วัน เวลา : 207668 - 17 ม.ค. 47 - 17:27  



.........โลกียธรรม..นี้คือพจน์..สลดใจ 

จะเสกสรรค์...ปั้นไฉน...ก็เศร้าเหลือ

ดั่งฝูงหงส์...ลงสนาน...ในสระเกลือ

ต้องกลวกเกลื้อ..ทั้งดินโคลน..ดำระกำ
     


   
        หากได้คิด...สะกิดสักนิด...ซึ่งคั่งแค้น

อันอัดแน่น...หม่นหมอง...หรือเจ็บช้ำ..

ขอบทเรียน...เวียนสลด...หาบทธรรม

ที่ยกย้ำ...พันธนาการ...สังสารวัฎฎ... 


ทิกิ
จารเมื่อ 13:45 วันอาทิตย์ 18 มกราคม 2547
http://www.thaimisc.com/freewebboard/php/vboard.php?user=dokgaew13


 นำความกลอนส่งแล้ว.................หลากจำ
มิคาดคิดระกำ                            หม่นหมอง
กลอนพาจิตรทุกข์ช้ำ                  หมองหม่น
สลัดตนร่ำร้อง                            ห่มน้อง..ยามครวญ 
				
Calendar
Lovers  1 คน เลิฟtiki
Lovings  tiki เลิฟ 2 คน
Calendar
Lovers  1 คน เลิฟtiki
Lovings  tiki เลิฟ 1 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟtiki
Lovings  tiki เลิฟ 0 คน
  tiki
ไม่มีข้อความส่งถึงtiki