20 พฤศจิกายน 2546 11:08 น.
tiki
อ่านงานกลอนชิ้นนี้พลันได้คิด
จักพินิจสรรงานตามคุณค่า
กานท์กวีจารจำหลักศิลา
บรรเจิดจ้าคมคำคมความนัย
...............
@ ทุกวินาทีอย่านิ่งรอช้า
ความคิดที่แล่นมาแม้นฉับพลันคือหวั่นไหว
ใจรับพลังมหาศาลจากด้านใด
บันทึกไว้เป็นพลังใจในด้านกลอน
@ เปิดใจให้กว้างหว่างสรรพสิ่ง
ระลึกถึงความจริงยิ่งอนุสรณ์
ทุกเวลามีคุณค่าให้อาวรณ์
แรกอาทรควรขอบคุณบุญตัวเอง
@ เป็นกวีจับทางอ้างใจคน
แรกต้องค้นใจตน...อย่าข่มเหง
เฟ้นหัวข้อ....ท้อจิตใจ....ใช่นักเลง..?
หากกริ่งเกรง....เพลงจะร้าง...หว่างกังวล
@.......ดุจทารก เรียกหา....**จาเอาอันนี้**
มิเคยมี....จะห่วงใย...ในเหตุผล
เสียงจากใจ...คล้ายดรุณน้อย...คอยอ้อนคน
ฟังใจตน...ค้นคำนับ...รับใจตัว
@.....เป็นกวี...เสียงจากใจ...ใยไม่เคารพ....?
จะหวังพบ....ผู้วิเศษ...มันน่าหัวว
คำของใจ...เขียนจากใจ...ใช่เมามัว
ขอบคุณตัว...ขอบคุณใจ...จะได้ดี
...@
-ขอมอบให้น้อง...
19 พฤศจิกายน 2546 13:55 น.
tiki
ในบางคืนนั่งเขียนงาน..พาน..สัมผัส
รักเย็นฉ่ำ....สู่สรรพสัตว์......จากแหล่งไหน...??
พลังเย็น....หลั่งความงาม...จากหฤทัย
..แทรกซึมให้....ทุกอณู....สู่ห้วงเย็น
เป็นพลัง...รักมหา.....อานุภาพ
แผ่กำซาบ........ดั่งเม็ดวสันต์.......ช่านทุกข์เข็ญ
เป็นพลัง.....จิตจากฟ้า.....คราบำเพ็ญ
....ไล่ทุกข์เข็ญ...แผ่ห่มฟ้า....ข้าฯ...ตรึงใจ...
.........ในกระแส...ไร้สิ่งผิด...ดำกฤษณา
.เป็นภาษา........สู่หัทยา.........ให้ฝันใฝ่
ดุจกางปีก..........โบกจากฟ้า........นภาลัย
.รักเย็นใจ........ให้ข้าสัมผัส......รหัส..เมตตา.........
18 พฤศจิกายน 2546 22:47 น.
tiki
ในวันอันเหงาเงียบแสนเหงา
เธอเดินเข้ามาปัดเป่าอย่างสุขุม
เธอวางมือยิ้มละไมใจประชุม
ดับร้อนรุ่มโลกยินดีมาที่เธอ
เมตตาของเธอนั้นมากหลาย
โชนฉายพรายแสงแห่งรักเสมอ
ความดีแผ่กำจาย...คล้ายบำเรอ
ยากพบเจอ...คนใจบุญ...รวยสุนทาน
รักและเมตตาเฉกนี้หรือที่ไหน
ปล้นดวงใจไปได้อย่างหวานหวาน
ใจเท่านั้นที่ปล้นใจไปชั่วกาล
ตะลึงลานปล้นเอาไปในชั่ววัน
ฉันยินดียกใจให้เธอปล้น
ไม่ตัองค้นอยู่ตรงนี้...ที่ความฝัน
รักและเมตตาที่มีเกินรำพัน
คนอย่างฉัน..บ้าคนดี...ที่รักจริง
เธอเป็นโจรปล้นใจในวันนี้
ฉันไม่มีใจเหลือให้สักสิ่ง
ฉันไร้ใจด้วยปลดให้ทั้งขั้วปลิง
อาการนิ่ง.....ด้วยรักล้น....คับพ้นใจ
18 พฤศจิกายน 2546 16:43 น.
tiki
@ ครานั้น เมื่อคุณยาย ย้ายต่างเมือง
ก็มีเรื่อง คุณทวดมะเฟือง ท่านดับหาย
ต่อไม่นาน คุณก๋งผู้เศร้า ตามเมียไป
เหลือน้องสาว คุณยายไว้ ไฉไลตา.........( ๑๔๑)
@ ในช่วงนั้น คุณป้าฉัน เกิดมาแล้ว
อีกคุณแม่ ร้องแง้วแง้ว อยู่ทุกท่า
พอคุณแม่ เริ่ม เติบโต มินานช้า
ท่านเป็นสาว สุดโสภา ท่าสามชุก.........( ๑๔๒)
@ ส่วนคุณตา ต้องเทียวมา แล้วเทียวไป
จากกรุงเทพ สู่หัวเมือง ให้สนุก
แต่ทว่า ไปไม่นาน ก็มีทุกข์
คุณยายไม่สุข ใจอีกแล้ว นั่งซึมเซา.........( ๑๔๓)
@ ท่านมัวแต่ วุ่นยุ่ง เลี้ยงลูกยา
เลยเสียท่า น้องสาว เฉลยเฉลา
คุณยายท่าน เงียบขรึม และแสนเศร้า
คุณแม่เล่า ถึงเรื่องนี้ กี่หนครั้ง........( ๑๔๔)
@ ข้างคุณยายน้อง ก็ยินดี กระดี๊กระด๊า
คุณพี่เขย กลายกลับมา หาขึ้นฝั่ง
จึงเป็นเรื่อง ว่ามาพัก กรุงถี่จัง
อพิถัง ท่านมาหา น้องน่ารัก.........( ๑๔๕)
@ ในวันนั้น ชีวิตสลด รดดวงจิต
อันรอยพิษ แสนร้าย มิวายสลัก
ล้วนเวียนวน พลาดไป ให้ทายทัก
จึงประจักษ์ นิยายชีวิต ใครขีดตอน.........( ๑๔๖)
@ กี่บทนี้ อ่านดีดี จะแลเห็น
โลกนี้เป็น เพียงแหล่ง อนุสรณ์
ฝากความดี ให้ชื่นใจ ให้อาทร
ฝากความชั่ว ให้ทุกข์ร้อน ทั้งใจกาย.........(๑๔๗ )
ตอน สิบเอ็ด (๑๑) สองฝั่งลำน้ำ (ต่อ)
@ เรียนแล้วว่า มิได้อยาก จะเอื้อนเอ่ย
ลืมเฉลย คุณยายแฉล้ม ก็ใจหาย
นี่ประวัติ ต้นตระกูล เหมือนนิยาย
แต่ละตอน มองละม้าย คล้ายละคร.........( ๑๔๘)
@ คือความรัก แสนเศร้า อยู่สองฝั่ง
กว่าจะถึง รักแม่ฉัน นานเนิ่นก่อน
คือนิยาย รักรันทด หลายบทตอน
แม่ฉันย้อน สองฝั่งน้ำ เล่าให้ฟัง........(๑๔๙ )
@ คุณยายไม่ เคยเล่าให้ ใครฟังหรอก
ทั้งไม่บอก ลูกคนไหน ให้เคียดคั่ง
ด้วยผู้ดี อบรมมา คราประดัง
เรื่องทุกข์ยัง ตื่นแต่เช้า ต้มข้าวกิน.........( ๑๕๐)
@ คุณแม่เล่า ว่าเหลือบไป ให้เห็นคุณตา
ผู้งามสง่า นักหนา เป็นนิจสิน
ท่านโอบกอด คุณยายน้อง ดูไม่ชิน
น้ำตาริน คือยายฉัน เงียบงันใจ.........(๑๕๑ )
@ แล้ววันนั้น ก็ผ่านไป ใจเลือนลับ
ชีวิตกลับ เริ่มเข้มแข็ง กันขี้นใหม่
คุณยายฉัน กำหนดจิต คิดปรับหทัย
ไม่สนใจ จะเป็นไร ก็ช่างมัน.........(๑๕๒ )
@ มีหน้าที่ อยู่ที่หน้า ไม่ฝ่าฝืน
มีจุดยืน อบรมธิดา ไม่อาสัญ
อีกบุตรใหม่ ทั้งหญิงชาย รวมหกนั้น
ท่านแข็งใจ กัดฟัน ประคับประคอง.........(๑๕๓ )
@ ดูจิตใจ ที่ท่านเจ็บ ประเสริฐเหลือ
ลุกขึ้นยืน หยัดเยี่ยงเสือ แม้หม่นหมอง
คุณยายฉัน งามเสมอ เมื่อฉันมอง
รักจากคลอง บางหลวง คล้ายลวงกัน.........(๑๕๔ )
17 พฤศจิกายน 2546 23:52 น.
tiki
@ เป็นสาวงาม ซึ้งใน เพราะใจดี
ซื่อตรงมี คงมั่น และหรรษา
บุตรคุณก๋ง เป็น.คห -บดีค้า
ตึกสามชั้น เรือนเคหา ใกล้ท่าน้ำ........( ๑๒๗)
@ ปัจจุบัน นั้นคงชอบ สอบแนวตึก
ว่าไม่ลึก คือสะพาน -พุทธพาดผ่าน
หลวงฯเขาขอ เวนคืน ทำสะพาน
คุณก๋งท่าน ต้องย้ายบ้าน ถัดเข้ามา........( ๑๒๘)
@ คุณยายเล่า ท่านเข้ามา จากจีนใหญ่
ดูรูปถ่าย แสนสนเท่ห์ เป็นหนักหนา
รูปคุณก๋ง หล่อนัก ละออตา
กิริยา ท่าผู้ดี มีสตางค์.........( ๑๒๙)
@ คุณยายเล่า ให้ฟังว่า หน้าคุณก๋ง
ยิ้มละไม ใจมั่นคง เช่นนายห้าง
ท่านซื้อของ หลวงรักษาฯ ค้าขายทาง
เครื่องทองบ้าง ของเก่าหา มามากมาย.........( ๑๓๐)
@ ดูรุปท่าน หยิ่งทะนง และองอาจ
ลูกนัยน์ตา ฉายฉลาด ดูยิ่งใหญ่
ท่านพูดเพราะ เจรจา .คราครั้งใด
คนติดใจ คบหา การค้าดี........(๑๓๑ )
@ เรือนร่างสูง ตัวใหญ่ ใบหน้าผ่อง
หน้าผากกว้าง อล่องฉ่อง มีราศรี
ฉันดูรูป คุณก๋งครั้งไร มิตรไมตรี
ฉายรัศมี ทอมา น่านิยม.........(๑๓๒ )
@ ส่วนคุณทวด มะเฟืองนั้น ท่านผู้ดี
ตระกูลมี ชื่อคุ้นอยู่ คู่อุ้มสม
พุก........... ฟังเป็นแขก ไทยมั่นคง
เผ่ายืนยง ญาติตระกูล อยู่ข้างยาย........( ๑๓๓)
ชีวิตสอนชีวิต โดย ทิกิ( tiki) กวีคอนโด
ตอนสิบ(๑๐) เสน่ห์ลำน้ำ (ต่อ)
@ สรุปแล้ว ฉันมีทวด เป็นชาวมอญ
อีกทวดก่อน แขกขาว มีเชื้อสาย
ญาติทางย่า ฉันก็เป็น ชาววังใน
ญาติทางตา คุณพระไทย อาลักษณ์งาม........( ๑๓๔)
@ ญาติทางยาย ได้สดับ ท่านเป็นจีน
แม่คุณยาย นั้นทั้งสิ้น ไทยอิหม่าม
พุก............. ฟังเหลือเชื่อ เชื้ออิสลาม
คิดไปตาม ต้นตระกูล ดูวุ่นวาย.........( ๑๓๕)
@ ถ้าเปรียบสาย เลือดไทย อันบริสุทธิ์
ก็ผ่องผุด เลิศล้ำ ได้ความหมาย
หากถามหา เชื้อ จีน อยู่ในกาย
อีกเชื้อสาย แขกขาว ก็เข้าที.........( ๑๓๖)
@ แล้วเชื้อมอญ แม่แท้แท้ ทั้งปู่ย่า
คิดแล้วอย่า หัวเราะ นะโฉมศรี
นี่เรื่องจริง คนคนเดียว เกี่ยวพันนี้
ทั้งธานี จะให้ดี ต้องตรวจกัน.........( ๑๓๗)
@ สรุปว่า พอวันหนึ่ง ถึงวันเหมาะ
คุณตาก็ ขอคุณยาย ของอิฉัน
ไปแต่งงาน สร้างเมือง รุ่งเรืองครัน
ที่ปากน้ำ ศรีประจันต์ สามชุกชล.........( ๑๓๘)
@ ถ้าจะเปรียบ ลำน้ำ นาวาชีวิต
ไหลล่องมา ไกลฝั่งริด รอนหาผล
ญาติทั้งมวล ล้วนชาวน้ำ ริมสายชล
ทุกทุกคน ต้นตระกูล ทูนสายเย็น.........( ๑๓๙)
@ แต่ละทิศ แต่ละทาง หว่างสายน้ำ
ด้วยแรงกรรม จากกระแส สุดแลเห็น
จากต่างเมือง มาเกี่ยวเนื่อง เรื่องรักเร้น
ฉันเปิดให้ ได้อ่านเป็น เรื่องสอนใจ.........( ๑๔๐)