15 กรกฎาคม 2547 13:40 น.
The Romantic
กว่าจะได้....สังสรรค์
ผมไม่รู้หรอกว่าวันนี้ผมจะต้องเจอกับอะไรบ้าง สิ่งไม่คาดฝันทั้งหลายล้วนเกิดขึ้นได้ เรื่องดีก็มาก เรื่องร้ายก็ไม่แพ้กัน แน่นอนทุกคนล้วนอยากจะให้เกิดแต่เรื่องดีๆกับตัวเองทั้งนั้น เอาเถอะชีวิตคือความไม่แน่นอน คงไม่เจออะไรเลวร้ายหรอกน่า ผมก็แค่อยากสังสรรค์กับเพื่อน ..ก็เท่านั้น
ตอนนี้ผมยืนอยู่หน้าบ้านที่ผมรู้จักดีเชียวละ ภาพที่ปรากฏอยู่เป็นบ้านสองชั้นขนาด สองร้อย ตารางวา มีสนามไดรท์กอล์ฟขนาดย่อมอยู่หน้าบ้าน บ่อเลี้ยงปลาคราฟที่มีน้ำตกจำลอง รอบตัวบ้านบริเวณประดับด้วยกระจกสีลวดลายต่างๆ สลับกันเล่นเป็นสีรุ้งทั้งเจ็ด ลานจอดรถขนาดใหญ่ที่สามารถจอดรถส่วนตัวสี่คันได้สบายๆ นับว่าใหญ่กว่าที่บ้านผมที่จอดได้แค่จักรยานสี่คันแต่ก็ได้อย่างสบายไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน แต่น่าแปลกที่ไม่มีรถสักคันทั้งที่บ้านออกจะใหญ่ขนาดนี้.. คำตอบนี้ผมได้รับในเวลาต่อมา
เสียงกดออดจากฝีมือของผมดังขึ้น หวังว่าสิ่งที่ผมต้องการคงจะได้ดังใจปรารถนา ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ที่ผมคาดไว้ จากการกระทำของผม น้ำยังคงไหลจากสิ่งจอมปลอม ปลายังแหวกว่ายไปตามสัญชาตญาณเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมลองมันใหม่อีกครั้งแล้วตั้งความหวังไว้แบบเดิม
สำเร็จเสียงเปิดประตูบ้านถือกำเนิดขึ้น ผู้ที่ก้าวออกมาเป็นหญิงในวัยหลักสิบขึ้นเลขห้าไปแล้ว เธอแต่งตัวตามสบายในชุดนอนยาววันพีช ผมคงมาเช้าไปหรือนี่ ไม่ละมั้งนี่ก็ สาม โมงเช้าแล้วนะ เธอเดินออกมาด้วยใบหน้าเหมือนมีความสงสัย
ใครคะ มาหาใครนะฟังจากน้ำเสียงดูท่าเธอไม่ไว้ใจผมเลย
ผมชื่อ ชัย ครับ ผมมาหาปอนด์เค้าอยู่ไหมครับผมตอบคำถามเธอ
ปอนด์ไม่อยู่หรอก เค้าเพิ่งออกไปเมื่อตะกี้นี้เองเธอตอบเหมือนขอไปที
อ้าว คือเค้านัดกับผมไว้ครับตอนเช้านี้ ให้มาที่บ้านเขาผมเว้นนิดนึงสงสัยเค้าจะลืม
ผมสังเกตได้ ดูเธอไม่เชื่อผมเลย ทำไงดีละ! ก็วันนี้ผมแค่อยากสนุกตามประสาคนหนุ่มเท่านั้น
คือเขากับผมจะชวนกันไปดูที่ดิน ที่สุขุมวิทนะครับ เขานัดผมเอง จริงๆนะครับผมโกหกเธอ ไม่มีการงานเข้าเกี่ยวข้อง มีแต่ความสำราญบันเทิงใจ
ปอนด์เค้าไม่อยู่ ออกไปทำงานแล้ว ดูสิรถเค้าก็ไม่มี ไม่เชื่อหรือเธอคงรำคาญ
ผมนะ เชื่อเธอตั้งแต่แรกอยู่แล้วละ แต่ผมยังอยากจะดื้อดึงเองละ ยังไงวันนี้ต้องสำเร็จให้ได้ อุตสาห์มาแล้วนี่ ทันใดนั้น..ผมนึกอะไรขึ้นได้
เค้ามีมือถือใช่ไหมครับ งั้นเดี๋ยวผมโทรบอกเค้าให้กลับมาเอง เบอร์เค้าอะไรนะครับผมบอกเธอ
ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวชั้นโทรถามเองเธอว่างั้น
ไม่เป็นไรครับ ผมมีมือถือ เพิ่งซื้อเองครับ มีโปรโมชั่นด้วยผมว่างี้
เธอคงกลัวว่าผมหลอกเอาเบอร์ของลูกชายกระมัง แหมเจอคุณแม่ห่วงลูกชายไม่เข้าท่าอย่างนี้ ไอ้เราก็ผู้ชายซะด้วย ผมไม่ใช่อย่างที่เธอคิดหรอกน่า
332 7542เธอบอก.แหมงกค่าโทรศัพท์เหมือนกันนะ..ผมคิด
ผมหยิบมือถือออกจากกระเป๋าหลังของกางเกงยีนส์ตัวโปรดของผม บรรเลงเพลงกดเบอร์อย่างคล่องแคล่ว ผมเอามันมาแนบที่หู ไม่นานนัก
ฮัลโหล ปอนด์เหรอ นี่ชัยนะ เฮ้ย!มึงลืมกูเหรอ มึงกลับบ้านเลย กูรออยู่นะ ขี้เกียจขับรถตามไปจะได้เอาของที่บ้านมึงด้วยผมพูดค่อนข้างดังไม่ปรานีหูคนข้างๆ ผมเหลือบไปมองเธอ
เนี่ยหรือเพื่อนลูกเรา..เธอคงคิด
ไหน!ขอชั้นพูดกับลูกหน่อยสิเธอคงไม่ไว้ใจ
แม่แกจะพูดด้วย เดี๋ยวนะผมลดความรุนแรงของสรรพนามไปหน่อยนึง แล้วยื่นมือถือไปให้เธอตามคำขอ
ฮัลโหล นี่แม่นะ ปอนด์ใช่ไหมลูกฮัลโหล ผมดูเธอ เธอทำท่าเหมือนไม่ค่อยได้ยิน
คลื่นมันคงไม่ค่อยดีนะ เป็น1800นะครับแถวนี้คงยังไม่มีสัญญาณผมบอก
แต่ดูเธอไม่สนใจผมเลย หรือเธอไม่เข้าใจที่ผมพูด แต่เอ้ะ! เธอคุยได้แล้วนี่ สักพัก..
จ้ะ จ้ะ แค่นี้นะ กลับมาเร็วๆนะนั่นคือเสียงปิดฉากการสนทนาของเธอ ดูเธอคงจะเชื่อผมแล้วละ จากการเห็นสีหน้าของเธอในตอนนี้
ปอนด์บอกให้มารอในบ้านนะ เข้ามาสิ เธอชื่ออะไรนะ?เธอลืมง่ายจริงๆ
ชัยครับผมบอกแบบยิ้มๆ
เธอเปิดประตูรั้วให้ ผมเดินเข้าไปในบริเวณสถานของเธอ เธอเดินนำผมไปยังประตูไม้จำปาทองสลักลายไทยสวยงาม
นั่งก่อนสิ เดี๋ยวไปเอาน้ำมาให้ดูเธออารมณ์ดีขึ้นเป็นกอง ขณะที่เราทั้งสองอยู่ในห้องรับแขก ทันใดนั้นเสียงเหมือนใครอีกคนหนึ่งเปิดประตูห้องใดห้องหนึ่งออกมา
นี่ พ่อ เพื่อนของปอนด์มาหาปอนด์นะเธอบอกสามี
ผมยกมือไหว้ สวัสดีครับ
อ้าว หวัดดี หวัดดี ปอนด์ออกไปทำงานแล้วนี่เขารับไหว้และบอกผม
เดี๋ยวปอนด์จะกลับมาที่บ้านนี่ก่อนนะ เห็นบอกว่ามีธุระสำคัญภรรยาของเขาบอกให้ทราบ
อ้อ เชิญ เชิญ ตามสบายนะ เดี๋ยวอาขอตัวไปทำงานข้างบนให้เสร็จก่อน หอบงานมาทำที่บ้าน พอดีรถเสีย เอาไปซ่อมที่อู่เมื่อวานนี้เอง
ครับผม ขอบคุณครับผมรับคำ
ตอนนี้ผมได้นั่งบนโซฟานุ่มๆในห้องรับแขกอันโอ่โถง มีเฟอร์นิเจอร์ชิ้นงามมากมาย ส่วนใหญ่จะเป็นประเภทไม้แกะสลัก ไม่น่าเชื่อว่าจะมีแค่สามคน พ่อ แม่ ลูกลูกคนเดียวด้วย
นี่ น้ำจ้ะเธอยกมาเสริฟให้หลังจากเข้าครัวไปเพียงชั่วครู่
ขอบคุณครับ
แล้วนี่ จะพาไปดูที่กันใช่ไหมจะทำอะไรเหรอเธอตั้งคำถาม
ครับ ก็ว่าจะเปิดเป็นสำนักงานรับออกแบบบ้านนะครับ
คุณจบมาทางดีไซน์บ้านเหมือนปอนด์เหรอ ใช่ไหม
ครับ ใช่ แล้วนี่ผมก็จะเอาแบบสำนักงานที่เขาทำเอาไว้ไปดูที่ด้วย
ปอนด์ ทำด้วยหรือ ไม่ยักกะบอกน้าเลยนะ ลูกคนนี้เนี่ยเธอยิ้มไป หัวเราะไปแบบเล็กๆ เดี๋ยว ขอตัวไปเตรียมอาหารหน่อยนะ วันนี้น้าตื่นสายไปหน่อย ติดละครนะ ทานอะไรมาหรือยังละ?เธอแสดงความห่วงใยในตัวผม
ทานมาแล้วครับ ขอบคุณครับ
งั้น ตามสบายนะ คิดว่าเป็นบ้านตัวเองละกันเธอพูดประโยคฮิต พร้อมก้าวจากไป
ถ้าผมคิดได้อย่างนั้น ผมคงเอาของในบ้านนี้ไปขายดีกว่าละ ผมคิดเล่นๆ
ผมหยิบหนังสือตรงใต้ใต้ะรับแขกที่เป็นกระจกมาอ่านเล่น นับว่ามีหนังสือหลายประเภทเลยทีเดียวละ ตั้งแต่ หนังสือเกี่ยวกับการท่องเที่ยว ภาพยนตร์ นวนิยาย การตกแต่งบ้านและสวน
การ์ตูนผู้ชายๆประเภทเลือดเดือดยังมีเลยละ ผมคงเดาได้ไม่ยากว่าใครอ่าน ผมเลือกอ่านนี่ละ
ผมอ่านจบไปเล่มนึงแล้ว ไม่นานนักเธอก็เข้ามา เธอดูเวลาที่นาฬิกาที่แขวนไว้ที่ห้องรับแขก
เอ้ะ นี่ก็ 4โมงกว่าแล้วนะ ปอนด์ยังไม่มาอีกปล่อยให้เพื่อนรอนานอย่างนี้ แย่จังเธอตัดพ้อลูกตัวเอง
ขอโทษนะ ที่ปล่อยให้นั่งคนเดียว น้าไปทำอะไรทานมานะ เผื่อให้อาข้างบนด้วย คุณไม่เอาอะไรแน่นะเธอถาม
ครับ ทานแล้วครับ ยังอิ่มอยู่เลยผมนึกขอบคุณเธอไปด้วย
เวลาผ่านไปไวเหมือนเล่นตลก ตอนนี้นับได้ประมาณสองชั่วโมงจากที่ผมได้ก้าวเข้ามาในบ้านนี้ และแล้วเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นไม่ใช่ของผมหรอก บ้านนี่ต่างหาก เธอรับโทรศัพท์ที่ใกล้ตัวเธอข้างโซฟา
ฮัลโหล สวัสดีค่ะ ต้องการพูดกับใครค่ะเธอเปิดฉาก
นี่จากโรงพยาบาลศรีเลิศนะค่ะ บ้านคุณ วิทยา เจริญเลิศวรกุล ใช่ไหมค่ะเสียงมาตามสาย
ใช่ค่ะ ทำไมค่ะเธอดูใจไม่ดี
คือคุณวิทยาประสบอุบัติเหตุรถชน ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลค่ะ ให้ญาติของคุณวิทยามาที่โรงพยาบาลด้วย คุณใช่ญาติใช่ไหมค่ะ
เธอหน้าถอดสีอย่างเห็นได้ชัด กับข่าวร้ายที่เธอไม่คาดคิดว่าจะได้รับ
ใช่คะ โรงพยาบาลอะไรนะคะ เดี๋ยวจะไปทันทีเลยคะเธอพูดตะกุกตะกักอย่างเร่งรีบ
โรงพยาบาลศรีเลิศค่ะ รู้จักใช่ไหมค่ะ
ค่ะ ค่ะ จะไปเดี๋ยวนี้ละค่ะเธอรีบวางหูทันที
เกิดอะไรขึ้นครับ ดูท่า...ผมถาม
ปอนด์นะ ถูกรถชนไม่รู้เป็นไงตะกี้ก็ลืมถาม ตอนนี้อยู่โรงพยาบาลนะ
โรงพยาบาลอะไรครับ ผมไปด้วยครับ
ศรีเลิศน่ะ
เดี๋ยวน้า ไปบอกอาข้างบนก่อนเธอบอกพร้อมกับก้าวไปในทางที่เธอบอก
เสียงคนคุยกันข้างบนเหมือนใส่อารมณ์ตกใจกันอย่างสุดๆ ได้ยินมาถึงยังข้างล่าง เสียงเปิดประตูไป เปิดประตูมา ได้ยินเป็นระยะๆ สักครู่พวกเขาก็ลงมา
ไปกันเถอะเธอพยักหน้าให้ แต่สายตาแทบไม่ได้สบตาผม คงกังวลใจมาก
ไปรถผมก็ได้ครับ ผมเอารถมาผมเสนอ
0k ไปกันเลย ไปฝ่ายสามีก็รีบเช่นกัน
เราทั้งสามออกจากบ้านไปยังรถของผมที่จอดไว้บริเวณข้างหน้า รถของผมเป็นรถญี่ปุ่นสีบรอนซ์ เป็นรถยนต์นั่งขนาดสี่ที่นั่งธรรมดานี่ละ คนมันจนนี่ทำไงละ
ไม่นานนักเราๆท่านๆก็เข้ามานั่งกันรถ ผมทำหน้าที่คนขับ ผู้ชายอีกคนนั่งหน้าคู่กับผม ผู้หญิงนั่งข้างหลัง หลังเธอไม่ได้พิงกับเบาะเลยดูเธอตื่นเต้นหรือตกใจน่าดู
ผมขับรถไปตามเส้นทางที่จะไปโรงพยาบาลให้ได้โดยเร็วที่สุด ตามคำรบเร้าของทั้งคู่ผมก็อยากทำเช่นนั้นเหมือนกัน ขณะหนึ่งที่ต้องผจญภัยกับการจราจรอันแสนสาหัสในยามนี้.. หรือยามไหนก็ตาม มันก็คงให้ความรู้สึกอย่างนี้ รถผมติดไฟแดงที่สี่แยกหนึ่ง ผมจาม..
แต่ก็ดูเหมือนไม่มีใครในรถสนใจผม ทั้งสองต่างอยากให้ถึงจุดมุ่งหมายอย่างเร็วที่สุด ผมเข้าใจดี หัวอกพ่อ หัวอกแม่ นั้นเป็นเช่นไรเมื่อรู้ว่าลูกตัวเองได้เจอกับสิ่งเลวร้าย ผมหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดที่จมูกของผม ทันใดนั้นอะไรๆที่ดูว่ายุ่งยากก็เกิดขึ้นอีกแล้ว
ชั้นรู้สึกเวียนหัวมากเลยเธอเป็นอะไรไป
ผมก็เหมือนกัน เป็นไรเนี่ยสามีเธอก็ด้วยหรือ?
อยู่ๆ ทั้งเขาและเธอก็หลับตาลง เอียงคอตกพิงเบาะเหมือนคนสัปหงกอย่างไรอย่างนั้น ผมลองปลุกคนที่อยู่ใกล้กับผมดู
คุณๆ คุณอาครับ เป็นอะไรครับผมเขย่าตัวเขาอย่างแรงไปด้วย
ไม่มีวี่แววว่าเขาจะฟื้นได้ในเร็วๆนี้เลย สลบสนิทใจ ผมทำอย่างนี้กับอีกคนข้างหลัง ไม่มีปฏิกิริยาใดๆโต้ตอบเช่นกัน ผ้าเช็ดหน้าของผมยังคงปิดที่จมูก
ยาสลบในรถผมมันใช้การได้ดีจริงๆ พวกผมทำงานกันเป็นทีม ไอ้การที่จะให้ใครสักคนมาเลียนเสียงใครสักคนโดยการฟังจากการแกล้งโทรศัพท์ผิดเพียงครั้งเดียว กับเสียงของพยาบาลสาวตัวน้อยของเรานั้นไม่ยากเลย ผมไม่รู้จักกับปอนด์อะไรนั้นเป็นการส่วนตัวหรอก นอกจากจะหาประวัติใครสักคนในทางอินเทอร์เน็ต..ไม่ยากหรอกพวกคุณๆก็ทำได้ หมอนี่มีเงินในธนาคารเกือบจะร้อยล้านเลยละ ถึงที่บ้านจะมีรถไม่เหมาะกับที่จอดก็เถอะ มันก็ช่วยให้แผนลักพาตัวเรียกค่าไถ่ที่ผมและผองเพื่อนช่วยกันคิดขึ้นมาสำเร็จลงได้ งานในส่วนของผมเสร็จสิ้นกันที อีกไม่นานผมก็จะสบายสักที..ก็ผมแค่อยากจะสังสรรค์กับเพื่อน..ก็แค่นั้น
9 กรกฎาคม 2547 19:18 น.
The Romantic
..........................คุณเคยประสบปัญหาแบบนี้บ้างไหม ?........................
คุณเคยประสบปัญหาแบบนี้บ้างไหม ? ไม่มีใครรักคุณเลย จีบใครก็ไม่ติด แห้วตลอด
ข่าวดี ! เราช่วยคุณได้ เราขอแนะนำ คุณงามความดี ในแพคเกจนี้ประกอบไปด้วย ความเมตตากรุณา ความเอื้อเฝื้อเผื่อแผ่ และ ความรับผิดชอบ ซึ่งจะทำให้ปัญหาของคุณหมดไป
แต่เดี๋ยวก่อน! เพียงคุณโทรมาหาเราภายใน 10 นาที สิ่งพิเศษที่คุณจะได้รับเพิ่ม คือ ความจริงใจ ถ้านี่ยังไม่พอ เราให้ไปอีก คือ การรู้จักให้อภัย ทั้งหมดนี้ ไม่ใช่ 1 ล้านบาท ไม่ใช่ 1 พันบาท แต่เราให้ฟรี เพียงคุณมีความพยายาม ที่จะเริ่มทำมันตั้งแต่วันนี้ แล้ว ทุกคนก็จะรักคุณ
8 กรกฎาคม 2547 12:47 น.
The Romantic
เส้นขนานที่ตัดกัน
ไม่รู้ว่าเป็นเวลานานเท่าไรแล้วที่ผมต้องนอนอยู่ใต้ซากปรักหักพังของตึกที่ได้ชื่อว่าเป็นหน้าเป็นตาของจังหวัด มันเคยทำหน้าที่ต้อนรับขับสู้แขกระดับใหญ่คับเสื้อ ทั้งรัฐมนตรี สส. ตลอดจนนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ทั้งหลาย มาบัดนี้ดูท่ามันจะรักบุคคลสำคัญของประเทศเหล่านี้เหลือเกิน ไม่ยอมให้ไปจากอาณาบริเวณของมันแม้เพียงก้าวเดียว
ทำไมจึงเป็นเช่นนี้? ให้ตายเถอะ ผมจะโทษใครในเรื่องนี้ดีละ เพราะวิศวกรโครงสร้างออกแบบไม่ดีหรือ? ถ้าแบบไม่ดีแล้วทำไมถึงผ่านการอนุมัติละ? ผ่านการอนุมัติ? ใครได้ประโยชน์?ถ้าแบบดี แล้วควบคุมการก่อสร้างไม่ดีละ? แต่ก็ยังให้ผ่าน ใครให้ผ่าน? ใครไดประโยชน์? ใครละ?
ช่างเถอะ! ผมไม่รู้จะมีชีวิตให้ได้ใช้สมองอีกนานเท่าไร? ทำไมต้องเปลืองกับเรื่องพวกนี้ด้วย ที่จริงตอนนี้ผมน่าจะนอนเล่นกับลูกชายวัย 6 ขวบอันเป็นสุดที่รักที่สุดในใจของผม ซึ่งเกิดจากสุดที่รักอีกคนเช่นกัน แม้ว่าเธอจากไปแล้วแต่ตัวแทนของเธอที่รอคอยการกลับมาของผมในขณะนี้นั้นได้มอบความสุขอบอุ่นใจไม่แพ้เธอแม้เพียงนิด
ตอนนี้หนทางที่ผมจะได้พบเธอนั้นได้ใกล้เข้าทุกที หลักกิโลเมตรตามทางชีวิตของผมคงจะไม่เห็นอีกแล้วในไม่ช้า ความวุ่นวายสับสนในโลกมนุษย์กำลังจะหมดไปโดยมีเธอรอคอยอยู่ที่ปลายทาง หากแต่ความลำบากทุกข์ทนของเทวดาตัวน้อยกำลังจะเริ่มขึ้น เขาจะอยู่คนเดียวได้อย่างไร?ในวัยเพียงเช่นนี้ ใครจะเลี้ยงเขา ผมและเธอหนีจากครอบครัวมาได้เกือบ10ปีแล้ว นั้นเป็นเพราะพ่อแม่ของเราต่างไม่ถูกกัน ด้วยเหตุผลทางธุรกิจ ใครว่าเรื่องของเราน้ำเน่าล่ะ เปล่าเลย เรื่องน้ำเน่านั้นละที่เอามาจากชีวิตจริง
จะมีญาติของเรารู้เรื่องนี้ไหม ถึงรู้ เขาจะทำในสิ่งที่เขาควรทำไหม ? จะปล่อยให้สุดที่รักของผมอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าหรือเปล่า? เขายังโกรธลูกอกตัญญูคนนี้อยู่หรือไม่?
นั่นคุณยังอยู่ใช่ไหม..ยังอยู่ใช่ไหม? เสียงชายผู้หนึ่งมากลบความคิดของผม
ผมเห็นคุณกระดิกนิ้วอยู่นะ ใช่ไหม? คุณยังอยู่
เขาคงนอนอยู่ใต้ซากใกล้ๆผมนี้แน่ และเขาก็เห็นมือของผมที่ถูกทับ ซึ่งกั้นระหว่างเขาและผม ผมไม่เห็น เขาเห็น แต่ก็แค่มือของผม
ใช่! ผมยังอยู่ คุณเพิ่งฟื้นหรือ? ผมไม่ได้ยินเสียงคุณก่อนหน้านี้เลยนะ
อือ! ผมสลบไปนะ ฟื้นขึ้นมาก็หันไปเจอมือของคุณนั้นละ คุณเป็นไงบ้างละ?
ก็ถูกทับที่แขนนะ แต่ข้างเดียวน่ะ ที่เหลือยังรอด คุณละ?
ถูกทับที่ขานะสองขาเลย แล้วก็มีแผลที่หัวด้วย นั้นคงทำให้ผมสลบละ
ดูท่าเขามีอิสระน้อยกว่าผมจากที่เขาบอก แต่ไม่แน่ใจว่าเขาจะกลายเป็นคนพิการเพื่อสนองอารมณ์รุนแรงของเจ้าตึกนี้หรือเปล่า ถ้าเขาออกไปได้? แขนของผมตั้งแต่หัวไหล่ลงไปถูกพันธนาการเอาไว้ คงเหลือเพียงแต่ปลายมือที่พ้นออกมาได้
โชคร้ายมาก! ทำไมแขนที่โดนทับต้องเป็นข้างซ้ายด้วย ผมถนัดขวา น่าจะดีใจสิ! ไม่ใช่หรอกผมใส่นาฬิกาไว้ที่ข้อมือซ้าย นาฬิกาที่เธอให้มาเมื่อตอนเราตกลงใจจะอยู่ด้วยกัน เป็นของต่างหน้าเธอ ผมใส่มันแทบจะตลอดเวลายกเว้นตอนอาบน้ำ แต่มิได้รวมไปถึงตอนนอนที่ผมยังใส่มันอยู่ เธอเคยถามว่าทำไมยังต้องใส่นอนด้วยละ ผมให้คำตอบว่า ในเมื่อคุณให้เวลากับผมโดยแทนด้วยสิ่งนี้ ผมก็จะให้เวลากับมันบ้างสิ เธอยิ้มอย่างสุขใจ
-------------------------------------------------------------------
รอบตัวผมค่อนข้างมืดมองอะไรแทบไม่เห็น ผมอยากรู้เวลา ไม่แน่ใจว่าถ้าถามผู้ร่วมชะตากรรมจะได้รับคำตอบหรือไม่? ผมคิดว่าเขาคงมีนาฬิกาแต่เห็นหรือเปล่านี่สิ
นี่เป็นเวลาเท่าไรแล้ว? คุณมีนาฬิกาไหม?ผมถาม
มี เดี๋ยวนะ อาาา ตอนนี้ก็ เออ สิบ สิบ คิดว่า 4ทุ่มนะผมว่า
มันอาจเป็น 4 โมงเช้าก็ได้นะ ดูวันที่สิ คงข้ามวันมาแล้วละมั้งผมออกความเห็น
ไม่รู้สิ! ผมอาจจะรู้สึกว่านานไปเองก็ได้
ผมไม่ได้ปรับวันที่ให้ตรงนานแล้วละ แต่นาฬิกาผมยังเรืองแสงอยู่คงยังไม่ข้ามวันหรอกครับคำพูดของเขาช่วยยืนยันว่าผมคิดผิดไปจริงๆ
ความเงียบได้กลับมาเยือนอีกครั้ง คงไม่มีอะไรจะพูดกันแล้วกระมัง.. ได้แต่ภาวนาให้มีคนมาช่วยได้ทันเวลาก่อนที่อะไรๆในร่างกายผมจะหยุดทำงานไปซะก่อน ผมชักเริ่มอ่อนเพลียแล้ว นี่เพิ่งผ่านไปประมาณสิบสองชั่วโมงเองหรือรู้สึกเหมือนจะเป็นปีเลย ทำไมนาฬิกาเดินช้าจัง? แน่ละ!
นาฬิกาของผมพังไปแล้วนี่..
ผมเห็นเธอและลูกของผม ฝันแน่นอนเลย แต่ช่างเถอะคงเป็นความสุขสุดท้ายที่พระเจ้าประทานให้แล้วกระมัง พวกเขายิ้มให้ผม เราทั้งสามเข้าสวมกอดกันจนแทบจะกลมเป็นลูกบอล
ลูกบอล.ผมไม่คิดว่าเป็นความผิดของมันหรอกและผมไม่คิดที่จะโทษใครด้วย สงสัยละสิว่าผม
กำลังคิดเรื่องอะไร วันนั้น..วันที่เธอยังอยู่ เราสามพ่อแม่ลูกนั่งเล่นกันอยู่หน้าบ้าน ลูก เธอ และผมโยนบอลลอยไปมาในอากาศอย่างสนุกสนาน มันเป็นลูกบอลที่เล่นตามชายหาดสีชมพูสลับฟ้าเป็นลายเส้นในทางแตงโมผ่าซีก ลมพัดคล้ายจะหยอกเล่นกับลูกบอลลูกนี้ บ่อยครั้งเหมือนกันที่เราต้องลงระเบียงหน้าบ้านไปเก็บมัน และผมก็ทำหน้าที่นี้อย่างเต็มใจเสมอ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นรบกวนเวลาที่มีความสุขเช่นนี้ใครกันนะช่างใจร้ายได้ขนาดนี้
คุณไปรับโทรศัพท์สิ คงเป็นของคุณนั่นละ
เธอพูดไปยิ้มไปสายตายังคงไม่วางจากลูกน้อย มือพลางคอยรับบอลจากเขา
คุณรอรับโทรศัพท์จากที่ทำงานคุณไม่ใช่เหรอ ไปสิคะ
เธอหันมายิ้มให้ทางผม นั่นเป็นภาพสุดท้ายที่ผมเห็น..เห็นเธอยังมีชีวิต
ผมลุกขึ้นจากพื้นระเบียงหน้าบ้านเข้าไปในบ้านไปตามเสียงที่ดังเป็นจังหวะ จังหวะที่นำพาผมไปจากบางสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น ผมรับโทรศัพท์ ใช่ดังที่เธอพูดเพื่อนร่วมงานที่บริษัทโทรมาบอกเรื่องงานที่จะต้องรีบทำให้เสร็จภายในไม่เกินอาทิตย์ที่จะถึงนี้ ไม่เกินสองสามนาทีที่ผมทำให้เสียงโทรศัพท์หยุดส่งเสียงกลายเป็นเสียงสนทนาระหว่างผมและเพื่อน เสียงที่เกิดจากมัจจุราชแห่งยมโลกมาเยือนโลกมนุษย์ได้ดังขึ้น มันเป็นเสียงเหมือนช้างที่ทำด้วยโลหะวิ่งเข้าไปในป่าแหวกสรรพสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้าและเหมือนกระทบเข้ากับหินก้อนใหญ่เป็นการปิดฉาก ก่อนทุกอย่างจะเงียบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมทิ้งการสนทนาของผมแทบจะทันที ผมออกไปหน้าบ้านเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น คงไม่มีอะไรเลวร้ายหรอกน่า..ผมคิด
ลูกผมร้องไห้ เขาคงไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรอาจตกใจกับเสียงที่ดังมาก แต่เธอหายไป..เธอทิ้งลูกของเธอไว้คนเดียว เสียงกลุ่มคนในละแวกบ้านผมนั่นเริ่มส่งเสียงเอะอะพร้อมกับความเห็นในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รถสิบล้อพุ่งเข้าข้างทาง สงสัยเบรคแตกมั้ง
เธอออกไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นหรือ นั้นเพราะคงไม่เห็นได้ชัดแน่ถ้ามองจากหน้าบ้านโดยมีรั้วคอนกรีตบล็อคขวางกั้นไว้อย่างนี้ ไม่เกินสิบห้าเมตรผมสามารถพาตัวเองมาหาเธอที่ถนนหน้าบ้านได้
ในใจคิด..จะได้เห็นเธออยู่ดูอยู่ในฐานะผู้ชม ผมไม่เห็นเธอ ภาพที่ปรากฎตรงหน้าตอนนี้คือรถสิบล้อจอดอย่างสนิทหน้าบรรดากลุ่มต้นไม้ใหญ่ข้างทาง รอยที่มันทะลุทะลวงทำลายไปประมาณ30 เมตรเห็นจะได้ คนขับสิบล้อออกมาจากรถสิบล้อได้โดยไม่เป็นอะไรมากทางกายภาพ แต่สีหน้าของเขาบอกถึงความหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก..มากเกินกว่าที่คนขับรถพุ่งชนข้างทางแล้วแทบไม่เป็นอะไรแค่นั้น
ผมเดินเข้าไปหาเหตุการณ์ให้ใกล้ขึ้นอีก ผมเห็นสีชมพูสลับฟ้ามันดูไม่เป็นสามมิติอีกแล้ว เหมือนมันหายไปอีกมิติหนึ่ง
ผม..ผมชนผู้หญิงคนนึงด้วยคนขับรถสิบล้อพูดขึ้น
เธอกลับกลายเป็นผู้แสดงในละครแห่งโศกนาฏกรรมครั้งนี้ ไม่มีเธออีกแล้วตลอดไป
--------------------------------------------------------------------------
เวลายังคงทำหน้าที่ของมันไป ผมยังนอนใต้ซากบ้าๆนี่ ก่อนนี้ผมนอนคิดนอนฝันเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมามากมาย คงนานมากแล้วละ ผมอยากรู้ว่าเวลาผ่านไปเท่าไรแล้ว
คุณคุณ ได้ยินใช่ไหมผมพูดขึ้น
ไม่มีอะไรตอบรับ
คุณ..คุณยังอยู่ใช่ไหมผมพยายามพูดให้ดังขึ้น
เสียงเหมือนมีอะไรเคลื่อนไหวเกิดขึ้นอย่างพอได้ยิน
ครับ ผมยังอยู่ ผมนอนหลับไปนะ ไม่น่าเชื่อว่าจะหลับได้เลยเสียงที่มาพร้อมกับความประหลาดใจเล็กน้อย
คุณ..คุณมั่นใจว่าเราจะรอดออกไปไหมเขาถามผมก่อนที่ผมจะพูดเรื่องเวลา
ขอโทษนะที่ถาม แต่ผมรู้สึกว่าคงไม่รอดแน่เขาเสริม
ผมรู้สึกไม่ดีกับเขาที่พูดแบบนี้ออกมาในทีแรก แต่ดูจากตอนนี้แล้วใช่ว่าผมจะไม่คิดแบบเขา
ผมก็ว่างั้นละผมตอบในเชิงเห็นด้วย
ผมอายุขนาดนี้แล้ว เห็นโลกมามากพอแล้วละ ให้โอกาสคนอื่นบ้างเขาพูดติดตลก
คุณอายุเท่าไรเหรอ
ผมอายุ 52 แล้วเชื่อไหมละ แต่ลูกผมเพิ่ง 5 ขวบเองลูกคนเดียวด้วย ฮึ.ฮึ
จริงหรือ งั้นลูกผมก็อายุมากกว่าลูกคุณปีนึงสิ ผมอายุ 30 เองนะผมประหลาดใจ
ความเงียบเข้าครอบคลุมชั่วขณะ ก่อนที่เขาจะพูด
แต่นี่ไม่ใช่ลูกคนแรกของผมหรอกนะ ผมเคยมีลูกมาก่อนนี้ นานแล้วละ
เกิดอะไรขึ้นกับเขาหรือ?ผมสงสัย
เกิดอุบัติเหตุนะ เขาตายไปแล้วละเขาพูดด้วยน้ำเสียงของคนเสียใจ
ชีวิตเขาก็เคยสูญเสียคนที่เขารักไปเหมือนกับผม..ผมเข้าใจดี
แต่ผมก็มีเจ้าเล็กตัวน้อยนี่ละ ที่เป็นตัวแทนเขาได้เขาพูดขึ้น
ชีวิตคล้ายผมเหลือเกิน ผมก็มีตัวแทนของคนที่จากไปเหมือนกัน มั่นใจได้ว่าเขาต้องรักลูกเขามากเหมือนมีสองชีวิตอยู่ในร่างเดียวอย่างที่ผมรู้สึกแน่นอน
ผมมีแค่นี้จริงๆ แค่ผมกับลูกผม เมียของผมเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเมื่อ 3ปีก่อน ส่วนพวกญาตินั่นละตัวดี พวกมันโกงหุบธุรกิจของผมไป ผมเหลือแค่บ้าน ที่ดินหลังบ้านอีกหน่อย ผมมีแค่นี้จริงๆเขาย้ำคำว่า แค่นี้จริงๆ เหมือนคนสิ้นหวังกับโลกโสมมนี้
คุณมั่นใจไหมว่าเราจะรอด?เขาถามผมอีกครั้ง
ต้องรอดสิผมกลับคำเพื่อให้กำลังใจเขา
ชีวิตผมก็มีลูกเพียงคนเดียวเหมือนคุณนั่นละ เมียผมก็ตายไปแล้ว ผมเป็นห่วงคนข้างหลังผม ไม่มีใครช่วยได้แน่ ถ้าผมต้องตายไปผมตัดพ้อ
คุณนี่ อยู่ในสถานภาพเดียวกับผมเลยนะ ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆเขาพูดแฝงด้วยความขันบ้างโดยหัวเราะในลำคอ
ผมไม่แน่ใจว่าผมจะรอด ผมคงตายด้วยบาดแผลที่ศีรษะนี้แน่
ผมเสียเลือดค่อนข้างมากเขาพูดต่อ
ผมขอร้องคุณได้ไหม ผมขอคำสัญญา..ได้ไหม
ผมไม่นึกว่าเขาจะพูดอะไรแบบนี้ ถ้าผมคิดไม่ผิด..
ได้สิ..แต่คุณคงไม่คิดที่จะผมภาวนาในใจ
ผมรู้สึกได้ถึงบางอย่างกับคนนี้ คนที่มีชีวิตที่เรียกได้ว่าเกือบเหมือนผม เขาเสียใจกับสิ่งที่ผ่านมา ผมก็เสียใจ เขาเดินด้วยตัวคนเดียวหากแต่ยังมีกำลังใจเช่นผม เขาต้องตกอยู่ชะตากรรมเดียวกับผมในตอนนี้ ผมไม่อยากให้ลูกเขาต้องอยู่ตามลำพังเหมือนที่ผมกลัวอยู่เวลานี้
ถ้าคุณรอดไปได้ ผมขอฝากลูกด้วย
ได้ไหมครับเขาขอร้อง
ถ้าเป็นเช่นนั้น ผมสัญญาครับ ผมให้สัญญาผมตอบรับด้วยน้ำเสียงไม่เต็มใจ ไม่ใช่ไม่เต็มใจจะทำตามสัญญานั้น แต่ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น
งั้น ผมต้องขอคำสัญญาจากคุณบ้างละผมพูด
อะไรละเขาตั้งคำถาม
ผมขอเช่นเดียวกับคุณ ได้ไหม.. ถ้าคุณรอด
ได้สิ ผมสัญญา แต่ถ้าไม่รอดทั้งคู่ละ
ทำไงได้ละ เมื่อฟ้าลิขิตไว้แบบนี้เราจะไปลบได้อย่างไรล่ะ
ผมยินดีนะที่ได้พบคุณแม้จะในสภาพนี้ก็ตามผมกล่าวต่อ
ผมก็เช่นกัน
แล้วนี่คุณชื่ออะไรละเขาถามผม
ไว้คุณถามคนที่เก็บศพผมละกัน เขารู้ประวัติผมแน่ ทั้งที่อยู่ ชื่อ คุณรู้หมดละผมพูดในเชิงตลกร้าย
แล้วคุณละ ชื่ออะไรผมถาม
ตอบแบบเดียวกับคุณนั่นละเขาสวนกลับด้วยมุขของผม
เราหัวเราะด้วยกันทั้งคู่แม้ไม่ดังมาก แต่ก็อย่างมีสุข
อย่าลืมสัญญาละ เขาเอ่ยขึ้น
ครับ ผมสัญญาผมรับคำ
ผมก็เช่นกัน ถ้าเป็นไปตามนั้นเขาพูดต่อ
หวังว่าเราจะรอดทั้งคู่ดีกว่าไหม
ขอให้เป็นเช่นนั้น
ใช่..ขอให้เป็นเช่นนั้นผมเห็นด้วย
ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง ผมชักจะไม่ไหวแล้ว ร่างกายบอกว่าใกล้แล้ว ใกล้ที่ผมไม่ต้องทรมานอยู่อย่างนี้อีกแล้ว นานพอแล้วหลังจากที่พูดคุยกับคนที่ได้ฝากสัญญาไว้ด้วยกันและกันเขาต้องทำตามสัญญาแล้วละผมบอกกับตัวเองผมปลงได้แล้ว ผมสบายใจขึ้นที่จะมีคนคอยดูแลลูกของผม ผมคงไม่ต้องห่วงอะไรอีกแล้ว
---------------------------------------------------
เสียงอะไรนะ?ผมคิดเสียงเหมือนเครื่องจักรกำลังทำงาน เสียงเหมือนผู้คนมากมายกำลังทำอะไรบ้างอย่างอยู่ ใกล้ๆนี่เอง เสียงนี่คงเกิดขึ้นนานแล้วแต่ผมไม่ได้ยินเอง ผมคงสลบไปนานมาก ความหวังผมได้เกิดขึ้นแล้ว แสงที่สาดส่องมาผมเห็นมัน มันเป็นแสงอาทิตย์แน่นอน แต่ผมไม่อาจลืมตาขึ้นได้ถนัด ตาของผมยังปรับตัวไม่ได้หลังจากอยู่ในแต่เพียงความมืดมิดมานาน
เหมือนเทวดาอวตารกลายเป็นอสูรจากนรก ซากที่เคยอยู่เหนือตัวของผมแต่ไม่อาจทำอะไรได้ ตอนนี้มันได้ทำหน้าที่ของมันสำเร็จ ชีวิตตลอด30ปีของผมจบสิ้นลงแล้ว ไม่เหลือความเจ็บปวดใดๆอีกต่อไป
มีคนอยู่ ทางนี้ ! เขายังไม่ตาย เสียงคนๆนึงพูดขึ้นกลางกองคอนกรีตมหึมา
ขาเค้าติดอยู่นะสองข้างเลย ยกออกได้ไหม ไปหาเครื่องมือมาอีกคนตะโกน
คงไม่ต้องยกหรอก ขาเค้าต้องตัดทิ้งแล้วละ สภาพอย่างนี้.. ไปตามหมอมาอีกคนลงความเห็น
หมอได้ทำการตัดขาทั้งสองข้างทิ้งนำร่างที่ยังมีลมหายใจอยู๋ ออกมาจากนรกที่มนุษย์ได้สร้างขึ้น นำเขาไปขึ้นรถพยาบาลที่ได้เตรียมไว้แล้วในที่เกิดเหตุ เขารู้สึกตัวแต่เขาไม่อาจลืมตาขึ้นได้ เขารู้ เขารอดแล้วแม้จะพิการก็ตาม แล้วอีกคนละ?
.ใครเจอคนข้างๆผมบ้างครับ เขารอดไหมเขาฝืนร่างกายเอาที่ครอบให้ออกซิเจนออก
หมอและพยาบาลต่างช่วยรักษา ปฐมพยาบาลกันอย่างขะมักเขม้น เอาที่ครอบกลับคืนตำแหน่งอีกครั้ง
ผมเจอครับหมอที่เจอเขาคนแรกพูดขึ้น
เขาเสียชีวิตแล้วครับ เสียใจด้วย
เขารู้สึกใจหาย เขาต้องทำตามสัญญาเขาคิดและ เอาที่ครอบให้ออกซิเจนออกอีกครั้ง
ชื่ออะไรครับ รู้ไหม?
เดี๋ยวนะครับ ผมจดเอาไว้หมอที่ตอบคำถามแรกหันหลังไปหยิบกระดาษใบหนึ่ง
ชื่อ มงคล รัต- ตะ- รัตนากรณ์ ครับหมออ่านไม่ถนัดเพราะรถที่เคลื่อนที่อยู่
เขาคิดชื่อเหมือนกับลูกชายของเขาที่ได้ตายจากเขาไปเมื่อเกือบสิบปีก่อน ตายไปจากความทรงจำไม่มีผิด
3 กรกฎาคม 2547 00:49 น.
The Romantic
เรื่องนี้เกี่ยวกับมนุษย์
ทุกคนล้วนใฝ่หาความสุขที่แท้จริงแห่งชีวิต แม้ในเบื้องต้นนั้นความสุขอันฉาบฉวยที่โลดแล่นไปตามสังคมจะเป็นผู้กำชัยเหนืออื่นใด แต่ด้วยจิตใจลึกๆของมนุษย์นั้นหวังเพียงมีใครสักคนที่จะมอบความอบอุ่นใจ เป็นสายธารหล่อเลี้ยงหัวใจให้ชุ่มชื่น มีกำลังใจที่จะดำเนินไปตามส้นทางที่มิอาจล่วงรู้ได้ในเบื้องหน้า พร้อมที่จะเคียงคู่ ฝากชีวิตด้วยความไว้วางใจซึ่งกันและกัน
มากมายเหลือเกินที่มิอาจได้ดังใจปรารถนา สุขสมหวังในความต้องการอันอาจเรียกได้ว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญของชีวิต หลากหลายเหลือเกินที่มนุษย์จะทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งนี้ ถึงกระนั้นแล้วหากแม้ไม่ได้มา ก็โศกเศร้าทุกข์ใจ ปานหัวใจจะเจียนสลาย และง่ายเหลือเกินที่จะจบชีวิตของตัวเองได้อย่างไม่ยากเย็น อิทธิพลของสิ่งนี้..ยากจะคณานับ
เมื่อมองไปบนท้องฟ้า ไม่น่าเชื่อว่าคนที่พร้อมจะมอบสิ่งนี้ให้ จะอยู่ภายใต้ผืนแผ่นอากาศธาตุอันกว้างใหญ่นี้ ป่านนี้คนคนนั้นกำลังทำอะไรอยู่ คนคนนั้นเค้าอยู่ที่ไหน ในใจของคนคนนั้นคิดอย่างที่เราคิดหรือเปล่า เมื่อไหร่จะได้พบเจอกันสักที คำถามที่เกิดขึ้นมากมายล้วนมีเหตุจากจิตใจอันถวิลหา พาให้ล่องลอยอยู่ในที่อันเปรียบได้ดังความฝันอันงดงาม บอกกับตัวเองว่าพร้อม.พร้อมที่จะให้ทุกสิ่งทุกอย่าง.ให้คนคนนั้น
ชีวิตที่ผ่านมานั้น ความสุข ความทุกข์ อารมณ์โกรธ ร้องไห้ หัวเราะ และอีกนับไม่ถ้วนได้ไหลมาเรื่อยๆเป็นไปตามธรรมชาติของมัน มิอาจจะผูกขาดต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้ สิ่งสำคัญเราผ่านมันมาได้อย่างมิเกิดความอันใหญ่โตก็น่าจะเพียงพอ.. แต่แล้วสิ่งที่เรียกร้องอยู่ภายใน ความปรารถนาที่ไม่อาจจะหักห้ามใจได้ มนุษย์ทุกคนต้องตกอยู่ในภาวะเช่นนี้หรือ เป็นความต้องการของพระเจ้าที่สร้างความรู้สึกเช่นนี้ให้มนุษย์หรือ หรือพระเจ้าทรงพินิจว่ามนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าเห็นใจอย่างที่สุด จึงได้มอบสิ่งนี้มาเพื่อเป็นการปลอบใจ
ดูเหมือนว่าผมจะพอใจกับความรู้สึกนี้ และแน่นอนผมไม่คิดว่าผู้ใดจะมีความแตกต่างไปจากนี้มากมายนัก บ่อยครั้งที่ผมมองท้องฟ้าและคิดถึงใครสักคนทีไม่เคยแม้แต่จะพบหน้า ตั้งคำถามไว้เสียมากมาย แต่ก็ยังมิอาจตอบได้ ใครกันที่จะช่วยในเรื่องนี้ได้ พร้อมที่จะทำให้ทุกอย่างคลี่คลายได้ คำตอบที่ต้องการต้องการเหลือเกิน
เมื่อมองไปรอบกายผู้คนเริ่มทยอยกันเดินเข้ามาเรื่อยๆ สถานที่แห่งนี้คือห้องประชุมประจำภาควิชาวิศวกรรมโยธา มากหน้าหลายตาที่ผมไม่เคยรู้จัก แต่ไม่เป็นไรหรอก อีกไม่กี่อึดใจความคิดนี้คงมลายหายไป ไม่นานนักที่นั่งถูกจับจองพำนักโดยนักศึกษาที่อยู่ภาคเดียวกับผมเกือบครึ่งนึงของห้องประชุมทั้งหมด ประมาณได้จากสายตาและสมองว่าไม่เกินห้าสิบคน อาจหย่อนไปกว่านี้เล็กน้อย และไล่เลี่ยกันอาจารย์และรุ่นพี่ก็ได้เดินเข้ามา สิ่งที่พวกเขาได้พูดกันนั้นคือจุดประสงค์ที่มารวมกันในวันนี้ ก็เพื่อที่จะได้ทำความรู้จักกันในเหล่ารุ่นพี่และรุ่นน้อง บุคคลในภาครุ่นผมเป็นรุ่นที่เข้ามาใหม่ ภาคนี้จะเข้าตอนปีสอง และก็สำคัญทีเดียวที่จะได้รู้จักเพื่อนภาคเดียวกันสักที เมื่อผมอยู่ปีหนึ่งจะเป็นการเรียนรวมทั้งหมด ทุกภาคจะเรียนเหมือนกันอาจจะต่างกันบ้างในบางวิชา ด้วยเหตุที่ผมไม่ค่อยจะได้ไปสนิทสนมและทำความรู้จักกับใครเลย และนั่นก็เป็นผลให้การเรียนของผมนั้นไม่อาจจะทำให้เกิดความพึงพอใจได้ ความสำคัญ เราต้องมีเพื่อน มนุษย์ต้องการเพื่อนคอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ปัจจัยหลายๆอย่างล้วนเกิดจากสภาพแวดล้อมรอบกายเรา ความรู้สึกนึกคิดต่างๆ เป็นผลจากสังคมโดยส่วนใหญ่ ความเหงา.เพื่อนทำให้สิ่งเหล่านี้หายไปได้ ฉะนั้นผมมิอาจละเลยในสิ่งนี้อีกแล้ว
เมื่อไหร่จะได้พบเจอสักที คำถามนี้มีคำตอบแล้ว แต่ผมมิอาจทราบได้ว่าคำเฉลยนี้ ผมจะไปเปิดมันออกดูคราใด เธอเธอคนนั้นนั่งอยู่บริเวณด้านซ้ายของห้องประชุมเยื้องมาทางด้านหลัง รุ่นผมทุกคนที่นั่งอยู่ต่างแต่งชุดนักศึกษากันถ้วนหน้า และเธอก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
เธอมิได้โดดเด่นกว่าใครเลย ไม่ได้ทำให้ต้องเหลียวหลังอย่างเสียมิได้ ความราบเรียบอันไร้ความขรุขระไม่พอที่จะทำให้ใครสะดุด รวมทั้งตัวผมเองด้วย ไม่น่าเป็นไปได้ว่าความรู้สึกของผมจะถูกเปลี่ยนแปลงโดยผู้หญิงตัวเล็กๆคนนี้อีกไม่นาน
ผมเริ่มสนิทกับพวกเพื่อนในภาคแทบจะทุกคน ภายในเวลาไม่นานมากนัก รวมถึงเธอด้วย การแสดงออกของเธอ ท่าทางที่เรียบง่าย ดูเหมือนว่าจะเปี่ยมไปด้วยความอบอุ่นแอบแผงอยู่ ตัวจริงของเธอเหมือนได้เปิดเผยออกมาให้ผู้อืนได้รับรู้ว่า โลกนี้ยังมีอะไรน่าค้นหาอีกมากมาย แต่ตอนนี้ยังขาดผู้ค้นพบคน.. คนนั้น ใครจะเป็นโคลัมบัสกัน?
ด้วยชีวิตในมหาวิทยาลัยนั้นทุกคนที่ผ่านมาย่อมทราบดีว่า เวลาจะเดินเร็วมาก เหมือนมันไม่ใช่แค่เดิน? ความสนุกสนาน กับเพื่อนฝูง ความเคร่งเครียดกับการสอบในแต่ละครั้ง ความเสียใจเมื่อเพื่อนต้องมีอันจากไป ความยินดีต่อรุ่นพี่ที่จบการศึกษา ทุกอย่างคงคล้ายๆกับชีวิตของคนแทบทุกคนที่ได้ผ่านเข้ามาในโลกแห่งการศึกษานี้ หลายๆคนเริ่มมีความรู้สึกประหลาดอย่างนี้เช่นกัน
จากการได้เป็นเพื่อนกับเธอได้ประมาณปีนึงแล้ว ทุกอย่างที่รู้สึกในตอนแรกพบเธอนั้นได้ผันแปรไป เธออ่อนโยนกว่าใครที่ผมได้เคยพบเห็น วาจาของเธอชวนให้หลงไหล ความเป็นกันเองและความเอื้ออาทรณ์ต่อผู้อื่นที่ปรากฎนั้น มีอยู่เหนือรูปกายที่ปรากฎอยู่ตรงหน้าของผม หากคราที่ผมได้เจอเธอครั้งแรก ผมน่าจะสะกิดใจของตัวเองสักนิดว่า.บัดนี้ได้พบคำตอบแล้ว
ผมพูดคุยกับเธอได้อย่างถูกคอ ทุกอย่างมันไหลไปตามลำน้ำ อะไรที่เธอชอบ ผม ทราบดี ผมไม่เคยรู้สึกดีอะไรอย่างดีมาก่อน ยามอยู่ใกล้เธอ ความสุข ความอบอุ่นที่ใจสัมผัสได้นั้น มันแทบจะล้นออกมา ออกมาให้เธอได้รับรู้ ผมมีความมั่นใจมากขึ้นเมื่อได้อยู่กับเธอ ปกติผมเองเป็นคนค่อนข้างขาดความเชื่อมั่นในตนเอง เธอทำให้ผมดูมีค่า แม้ว่าผมจะแทบดูถูกตัวเองอยู่เกือบตลอดเวลา ผมอยากให้เธอมีความสุขเช่นที่ผมได้รับมา ดลกสับสนที่ผู้คนต่างเดินกันขวักไขว่ ความวุ่นวายของโลกที่เต็มไปด้วยความโหดร้ายจากมนุษย์ที่เห็นแก่ตัว หลายคนมองว่าเป็นนรกบนดินที่มีแต่ภูติผีปีศาจ สำหรับผมท่ามกลางไฟนรกที่โหมเพลิงพัดกระหน่ำอย่างบ้าคลั่งนั้นยังมีนางฟ้า
ผมเป็นเพียงคนธรรมดาเดินดิน รู้สึกดีใจที่มีนางฟ้าร่วมลงมาเดินด้วยกัน ถ้าไม่มีเธอ ผมคงต้องตกอยู่ในโลกของคนขาดความเชื่อมั่นอยู่นั่นเอง เธอดึงผมขึ้นมาได้ ไม่รู้จะตอบแทนเธอได้อย่างไร ความรู้สึกที่มีต่อเธอนั้น ผมเข้าใจแล้วละ.สิ่งพระเจ้าให้เป็นรางวัลปลอบใจ
ผมอยากบอกเธอเหลือเกินว่ารู้สึกอย่างไรกับเธอ แต่ความเป็นเพื่อนที่สั่งสมมา มันขวางกั้นเสียจนไม่อาจเอ่ยออกมาได้ ผมปล่อยมันมานาน ปล่อยมันไว้อย่างนั้น จนกระทั่ง.
ไม่แปลกใจเลยที่มีคนรู้สึกกับเธออย่างที่ผมเป็นอยู่นี้ ภาพในงานวันลอยกระทงของมหาวิทยาลัยนั้น ปรากฎคู่ชายหญิงที่เดินจับมือกันไปอย่างมองได้ว่าต่างคนรู้สึกอะไรกัน มือที่กุมกันแน่น มือของเขาและเธอสร้างสัมพันธ์ ที่ผมอยากจะสร้างมันขึ้นมาเอง สายไปเสียแล้ว
นางฟ้าของผมที่หวังจะได้มายืนเคียงข้างกัน พร้อมจะมอบสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่มนุษย์พึงมีและพึงปรารถนา เธอได้มีใครบางคนเข้าไปครอบครองหัวใจเสียแล้ว เชื่อได้ว่าหลายคนอยากย้อนเวลากลับไปแก้ไขในสิ่งต่างๆ ที่ตนเองได้ทำไว้หรือยังไม่ได้ทำ นั่นเป็นเพียงในจินตนาการเท่านั้น แม้จะฝันเพียงใดก็มิอาจเป็นจริงได้
เวลาล่วงเลยผ่านมาหลายปี ปัจจุบันผมเรียนปริญญาโท ณ. สถาบันแห่งหนึ่ง สิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตมันไม่หวานซึ้งเหมือนของคนอื่น ผมไม่อยากทำพลาดอีกต่อไป ที่ผ่านมาเป็นบทเรียนให้ผม การที่ผมมีความรู้สึกที่ดีต่อเพื่อนคนนึง จนเกินความเป็นเพื่อน ผมคิดว่าที่เรารู้สึกอย่างนี้กับใครสักคนไม่ผิดหรอก แต่การไม่ได้ทำตามที่หัวใจของตนเองเรียกร้องต่างหากที่ทำให้ผมรู้สึกผิด ผมจะไม่ปล่อยให้อะไรต้องผ่านไปอีกแล้ว หากผมมีความรู้สึกเช่นนี้อีก ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนผมก็ตาม ผมจะทำลายกำแพงความเป็นเพื่อนออกไป เข้าไปอยู่ในนั้นกับเธอ และจะก่อกำแพงล้อมรอบตัวเราทั้งสองขึ้นมาใหม่ เพื่อร่วมฝ่าฝันอุปสรรคไปด้วยกัน ไม่ว่าจะยากเพียงใด ขอให้อยู่ร่วมกัน..ตลอดไป
ผมอาจจะพบนางฟ้าคนใหม่ของผมในสถาบันแห่งนี้ก็ได้นะ..แล้วผมจะไม่ยอมให้ต้องสูญเสียเธออีก.