9 ธันวาคม 2546 17:41 น.

ความฝันที่ถูกปิดบัง

TANOI_ZA

ตัวฉันเองเป็นอีกคนหนึ่งที่หาความฝันไม่เจอตั้งแต่เด็กๆ จะว่าอย่างนั้น 100 เปอร์เซ็นต์ก็เห็นจะไม่ถูก เพราะในตอนเด็กๆ เมื่อมีคนคนถามฉันว่าอยากเป็นอะไร คำตอบที่ออกจากปากฉันไม่เคยพ้นจากถนนสาย จิตรกร สถาปนิก มัณฑนากร หรือนักออกแบบเสื้อผ้า หากฉันก็ต้องได้ยินเสียงตามหลังมาด้วยว่า ไม่ใช่ๆ อยากเป็นหมอดีกว่าเยอะเลย วิศวกรก็ได้จะได้รวยๆ นะลูก การที่ฉันได้ยินแบบนี้ทุกครั้งที่ฉันตอบคำถามเรื่องความฝันของตัวฉันเอง ทำให้ฉันจำไม่ได้ว่าเลยว่าฉันเลิกฝันไปตั้งแต่เมื่อไร ชีวิตฉันเดินไปอย่างไม่มีเป้าหมายตั้งแต่เมื่อไร รู้แต่ว่ามันนานเหลือเกิน นานมากจนฉันลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าฉันเคยอยากเป็นจิตรกร ถึงวันนี้ฉันไม่เสียใจอีกแล้วที่เดินมาอย่างไร้จุดหมาย เพราะตอนนี้ฉันเจอความฝันสายใหม่เรียบร้อยแล้ว มันอาจจะไม่ใกล้เคียงกับฝันเมื่อตอนที่อายุ 6 7 ขวบ แต่มันก็เหมือนจะไม่ไกลด้วยเช่นกันเพราะฉันต้องใช้จินตนาการในการทำความฝันชิ้นนี้ แต่จะมีสักกี่คนละที่จะเจอความฝันสายใหม่ได้อย่างฉันและเขาจะเจอกันเมื่อไร ใกล้ตายอย่างนั้นเหรอหรือเมื่อเขาแก่จนทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว 
จริงๆ แล้วการที่ฉันได้เจอฝันสายใหม่ก็ไม่ได้หมายความฉันจะได้เดินบนถนนสายนั้นจนฉันสามารถเรียกมันได้ว่า นี่คืออาชีพการงานของฉัน เพียงแต่ฉันจะมีความสุขทุกครั้งที่ได้วิ่งตามความฝัน เพราะบ้างทีการที่เราได้วิ่งตามความฝันอาจจะมีความสุขกว่าการรักษาความฝันที่เราคว้ามาไว้ในมือแล้วก็เป็นได้ 
มีเพื่อนหลายคนอิจฉาฉันที่เจอความฝันตัวเองแล้ว ถึงแม้ว่าตอนที่ฉันฟังมันจะรู้สึกขัดๆ ในใจเล็กน้อยที่พวกเขาดีใจที่ฉันเจอความฝันเมื่อโตมาขนาดนี้เนี้ยนะ (มันก็คงดีกว่าไม่เจอเลย คำพูดนี้ต่อว่าฉันในใจทุกครั้งที่ฉันคิดแบบนี้) จริงๆ แล้วฉันอยากให้คนเราเจอความฝันตั้งแต่เล็กๆ ด้วยซ้ำ ฉันเคยถามเพื่อนเมื่อตอนที่ยังเรียนมัธยมว่า โตขึ้นมาอยากทำงานอะไร น้อยคนที่จะสามารถตอบได้อย่างเต็มปากว่าอยากเป็นอะไร ส่วนใหญ่ตอบว่า ยังไม่รู้ ตอนนี้ขอแค่เอนทรานซ์ติดก็พอใจแล้ว ตัวฉันเองก็เป็นหนึ่งในคนที่ตอบว่า ยังไม่รู้ตอนนี้ขอแค่เอนทรานซ์ติดก็พอใจแล้ว ฉันได้แต่รู้สึกโมโหตัวเองในใจที่โตจนป่านนี้แล้วแต่ยังไม่รู้ว่าตัวเองอยากจะเป็นอะไรอีก แล้วอย่างนี้มันจะมีกำลังในการทำงานได้ไง อย่างนี้ก็คงไม่ต้องสงสัยเลยใช่ไหมว่าทำไมเวลาเราไปเข้ารับการบริการงานแล้วรู้สึกว่าเขาไม่เต็มใจดูแลเรา ก็เพราะเขาไม่มีแรงจูงใจจากใจจริงอย่างไรละ
พูดถึงความฝันทุกคนมีกันทั้งนั้น ฝันอยากได้นู่นอยากได้นี่ ฝันอยากเป็นนู่นอยากเป็นนี่ หลากหลายความฝันในตอนเด็ก หากคุณเคยสังเกตไหมว่าน้อยคนนักที่จะได้สานต่อความฝันนั้น และถ้าหากคิดดูดีๆ ความฝันในวัยเด็กมีไม่กี่แบบหรอก แพทย์ วิศวกร ทหาร พยาบาล ตำรวจ คำพูดที่ได้ยินมาตั้งแต่เด็กๆ ถูกปลูกฝังมาโดยผู้เลี้ยงดูว่า โตขึ้นหนูต้องเป็นอย่างนั้นนะ หนูต้องเป็นอย่างนี้นะ เด็กๆ ไม่มีโอกาสหาความฝันด้วยตัวเอง เพราะเราผู้ตั้งความหวังไว้กับเขาพูดกรอกใส่หูอยู่ทุกวันปิดปังความฝันที่แท้จริงของตัวเด็กไว้ 
คุณเคยถามตัวเองไหมว่าเป้าหมายในอนาคตจริงๆ ของคนเราอยู่ที่ไหน บ้างคนตอบว่า เข้าโรงเรียนชื่อดังให้ได้ บางคนตอบเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดังและบรรจุเป็นหมอให้ได้ แต่ทุกคนกลับมองข้ามเรื่อง่ายๆ ที่เป็นพื้นฐานในการเป็นแรงจูงใจให้เราตั้งใจไปให้ถึง นั่นคือสิ่งที่ตัวเองชอบเพราะไม่เคยมีผู้ใหญ่คนไหนบอกให้เราหาความฝันตัวเองให้เจอตั้งแต่ยังเด็ก กว่าจะเจอก็เดินมาผิดสายเสียแล้ว 
ถ้าอย่างนั้นฉันก็อยากจะถามต่อว่าแล้วเมื่อไหร่ละที่เด็กควรจะหาความฝัน ฉันก็ต้องตอบว่าเด็กๆ เรียนรู้ที่จะรัก ที่จะมีความฝันตั้งแต่เพิ่งเกิดมาใหม่ๆ แล้ว หากไม่เคยได้รับรู้ถึงมันเลยสักครั้งเพราะความหวังที่ผู้ใหญ่ฝากไว้อย่างไม่ลดละ ทำให้เด็กๆ ท้อที่จะวิ่งตามความฝันของตัวเอง จนในที่สุดเด็กๆ เหล่านั้นก็จะใช้ชีวิตอย่างไร้เป้าหมายที่แท้จริง มีแค่เพียงความฝันจอมปลอมที่ผู้ใหญ่อย่างเราๆ คอยกรอกใส่หูทุกวันเป็นเป้าหมายในชีวิต

การที่ฉันเขียนบทความนี้ขึ้นก็เพราะไม่อยากให้ใครพลาดเอาความสุขในอนาคตของลูกหลานตัวเองมาใส่กรอบที่ตัวเองหวังไว้ว่าอยากให้เขาเป็นอะไรบ้าง คุณควรจะปล่อยให้ให้เขาตามหาความฝันของตัวเองเจอตั้งแต่เด็กๆ และสนับสนุนต่อไปด้วยความจริงใจ ฉันเคยได้ยินมาว่า  คนเราจะเก่งอะไรก็เอาให้ดีไปเลยอย่างเดียวก็เกินพอ แล้วคุณจะเห็นว่าผลมันคุ้มค่าที่รอคอย				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟTANOI_ZA
Lovings  TANOI_ZA เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟTANOI_ZA
Lovings  TANOI_ZA เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟTANOI_ZA
Lovings  TANOI_ZA เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงTANOI_ZA