11 ธันวาคม 2546 14:35 น.
TANOI_ZA
ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันนี้ วันที่เธอเดินมาบอกกับฉันว่าเธอต้องไป ทั้งๆที่ฉันยังจำได้ดีอยู่เลยว่าเมื่อวานนี้เรายังรักกันสุดใจ เรายังพูดคุยถึงอนาคตที่เราจะมีกันและกันในอ้อมกอดที่ฉันไว้ใจ วาดฝันต่างๆไปด้วยกัน ทุกก้าวในอนาคตของฉันมีแต่ภาพเธอที่คอยอยู่เคียงข้างเสมอ มีแต่เธอที่ร่วมก้าวเดินตามความฝันไปด้วยกัน มีแต่เธอเท่านั้นที่ฉันฝันว่าจะอยู่เคียงข้างกันเมื่อยามชรา ฉันเคยแอบหวังไว้ลึกๆอย่างมีความสุขว่าสุดท้ายเราก็จะได้อยู่ด้วยกันในบ้านหลังคาเดียวกัน ตื่นมาในอ้อมแขนของกันและกันเมื่อยามลืมตาตื่น ยามเช้าเฝ้าดูแลเธอส่งเธอไปทำงาน ในยามเย็นก็รอต้อนรับเธอและลูกๆด้วยความห่วงใย
ฉันรู้ดี..ฉันรู้ดีว่าเธอมั่นใจและมั่นคงในรักของเราขนาดไหน และเธอเองก็ฝันไว้เหมือนกับที่ฉันฝัน แต่ตอนนี้คำพูดที่ออกมาจากปากเธอกระชากชีวิตฉันไปแบบไม่หวนกลับ เธอบอกว่าเธอยังรักฉันอยู่และรักมากที่สุด รักมากเท่าที่เธออยากจะทุ่มเทชีวิตทั้งชีวิตไว้ให้และจะไม่มีวันเป็นคนอื่นไปได้ที่อยู่ในใจเธอเสมอ
ทั้งๆที่มันเป็นคำบอกรักที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความอบอุ่นและความหมายที่บอกว่าเธออยากอยู่เคียงข้างฉันตลอดไป หากมันกลับทำให้ฉันยิ่งรู้สึกเจ็บ..เจ็บแบบที่เธอก็เจ็บเช่นกัน คงจะเป็นเพราะฉันรู้ดีว่า..นี่จะเป็นความอบอุ่นสุดท้ายจากเธอ ฉันรู้ว่าต่อให้เธอรักฉันแค่ไหนแต่ต่อจากนี้ไปจุดหมายปลายทางของเธอคงไม่ใช่ฉันอีกแล้ว เมื่อบั้นปลายชีวิตของเธอคนที่จะอยู่ร่วมกับเธอคงไม่ใช่ฉันอีกแล้ว จากนี้เราคงไม่ได้เดินร่วมทางกันอย่างเมื่อวันวานอีกต่อไปแล้ว จะไม่มีคำว่าเราระหว่างเธอกับฉัน จะไม่มีบ้านอบอุ่นในอนาคตของเรา ข้างกายฉันยามแก่ชราจะไม่ใช่เธอที่ยืนอยู่เคียงข้าง
เธอบอกว่าเธอมีเหตุผลที่เธอต้องไป เธอบอกว่าเธอทำผิดพลาดไปแล้วเธอขอโทษ เธอไม่ได้อยากให้เรื่องมันจบแบบนี้ เธอรู้ไหมว่าในใจฉันร้องไห้ดังขนาดไหน มันพลั่งพลูยิ่งกว่านํ้าใสๆที่อาบสองแก้มเราสองคนในตอนนี้หลายเท่า ฉันอยากจะดึงรั้งเธอไว้สุดกำลังรัก ฉันไม่อยากสนใจศีลธรรมอันดีงามอะไรทั้งสิ้นอีกต่อ อยากจะลืมว่าเกิดอะไรขึ้น อยากจะเป็นคนเลว คนเห็นแก่ตัว อยากจะทำอะไรก็ได้เพื่อให้ฉันได้คนที่รักฉันและฉันรักที่สุดมาดังเดิม เพราะฉันยังต้องการความรักจากเธอ
ฉันโกรธเธอมากที่รัก แต่ฉันก็สามารถให้อภัยเธอได้ คงไม่ใช่ตอนนี้หรอก ไม่ใช่อีกหนึ่งนาทีข้างหน้า อีกหนึ่งชั่วโมงข้างหน้า อีกหนึ่งวันข้างหน้า อีกหนึ่งเดือนข้างหน้า หรืออีกหนึ่งปีข้างหน้า เพราะเราไม่ใช่เพิ่งรักกันแค่เมื่อหนึ่งนาทีที่แล้ว หนึ่งชั่วโมงที่แล้ว หนึ่งอาทิตย์ที่แล้ว หนึ่งเดือนที่แล้ว หรือแค่หนึ่งปีที่แล้ว ฉันคงใช้เวลานานกว่านั้น..เป็นสองเท่าหรือสามเท่าหรืออาจจะมากกว่านั้น เพื่อที่วันหนึ่งฉันจะสามารถเดินเข้าไปยิ้มกับเธออย่างเต็มใจให้กับครอบครัวเล็กๆของเธอ
ฉันจะจำอ้อมกอดสุดท้ายระหว่างเรา นํ้าตาหยดสุดท้ายที่เราร้องไห้ ทุกวินาทีในอดีตที่เรามีกัน ฉันรู้ดีว่าตามกาลเวลาบางส่วของความทรงจำต้องตกลงไปตามทาง แต่จะมีสิ่งหนึ่งที่ฉันจะไม่มีทางลืม 'ฉันรักเธอ เธอก็รักฉัน และเราเคยรักกัน'
เคยอ่านหนังสือเล่มหนึ่งมีบทหนึ่งที่ยังประทับใจอยู่จนทุกวันนี้ เป็นบทที่พระเอกถามเพื่อนตัวเองว่า "นายเคยนอกใจแฟนนายไหม" เพื่อนของเขาตอบได้ทันทีว่าไม่เคย ฝ่ายพรเอกจึงล้อกลับไปว่า "ทำไมวะกลัวแฟนเหรอ" เพื่อนเขาตอบกลับมาอย่างไม่มีท่าทีอายแต่อย่างใดว่า "ใช่ เรากลัวแฟน เรากลัวว่าเราจะเสียเขาไป"
...... จากตรงนี้อยากจะเตือนว่า ถ้าคุณเจอคนที่ตัวเองรักที่สุดแล้ว และคุณเองก็กลัวที่จะเสียเขาไปละก็ ได้โปรดเถอะ อย่าทำผิดพลาดไปเลยเพราะมันจะทำให้คุณเสียเขาไปอย่างหวนเอาอดีตคืนไม่ได้เลย เนื้อความข้างบนอาจจะจบลงด้วยดี แต่ในความเป็นจริงน้อยคนนักที่จะสามารถให้อภัยกันได้
อันที่จริงแล้วคำพูดที่ผู้หญิงข้างบนบอกฝ่ายชายว่าจะให้อภัย แต่เธอก็ไม่สามารถจำกัดเวลาได้ เพราะในใจเธออยากจะให้อภัยคนที่เธอรักเหลือเกิน หากแต่เธอเองก็ยังไม่สามารถมั่นใจได้ว่าจะให้ได้เมื่อไหร่
อีกไม่นานข้างหน้าเธออาจจะเจอคนรักคนใหม่ที่รักได้มากกว่าคุณก็เป็นได้ เพียงแต่ว่าไม่ว่าเธออาจจะยังไม่ให้อภัยคุณ
ได้แรงบรรดาลใจมาจากคุณ บี ในกระทู้ ชอบแฟนเขาทำงงัยดี เพราะอ่านแล้วร้องไห้เลย
จบแบบงงๆไหมคะ ว่าจริงๆแล้วผู้หญิงจะให้อภัยหรือเปล่า ก็อย่างที่บอกค่ะ ใจของเธออยากจะให้อภัย แต่ตราบใดที่ยังลืมเขาไม่ได้ก็ยังคงทำใจให้อภัยลำบากอยู่ดี ไม่ว่าจะมีใครมากมายผ่านมาในชีวิตแค่ไหน คนที่เราเจ็บก็จะฝังใจเราไปตลอดชีวิต
TANOI_ZA (แสนซน)
10 ธันวาคม 2546 20:49 น.
TANOI_ZA
ตอนที่เจ็ด การเลิกลา การหวนคืน และการเริ่มต้น
ตัดสินใจได้แล้วเหรอ เร็วจังเลยนะ ฉันยังทันได้ทำใจเลย
ผมกับกลอนเราเคยรู้ ฉันเอามือที่มีอยู่เพียงสองข้าง ปิดปากเขาไว้ด้วยอาการที่สั่นไหวไปด้วยแรงน้ำตาที่ส่งมาจากใจ
ไม่!.ไม่ต้องแล้ว ไม่ต้องเล่าแล้วนะ เรารู้แล้วเราไม่อยากฟังแล้ว ฉันสบตาเขาผ่านม่านน้ำตา ที่ตอนนี้กลบแววตาของฉันซึ่งเคยมีความสุขเมื่อครั้งที่เขาบอกรักฉัน เมื่อตอนที่ฉันยังไม่รู้ว่ารักของเขามันโกหก เสียงอ่อนโยนที่ฉันเคยได้ยินจากเขาเป็นเรื่องโกหก ความห่วงใยก็ไม่ใช่เรื่องจริง ทุกอย่างที่ผ่านมันเป็นแค่ฝันอย่างที่ฉันเคยกลัวและไม่ยอมรับรู้
เราได้ยินที่ไอคุยกับกลอนวันเราไม่สบายแล้ว เราก็ว่าจะรีบตัดใจนะ แต่ไม่คิดว่ามันจะเร็วแบบนี้ เราจบกันแค่นี้ก็ได้ เราเข้าใจไอดี ตลกนะวันที่ไอบอกรักเรามันเหมือนเป็นแค่ฝันไปจริงๆ อย่างที่เราคิด และตอนนี้เราก็ตื่นขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว
มันไม่ใช่อย่างที่ชลเข้าใจ ผมวันนั้นผมพูดอย่างนั้น เพราะผมยังไม่เข้าใจตัวเองดี แต่ตอนนี้ผมเข้าใจแล้ว ผมไม่อยากให้ใครมาทำให้ชลมีความสุข นอกจากผมคนเดียว สำหรับกลอนตอนนี้ผมมีแค่ความห่วงใยให้เท่านั้น แต่ถ้าคุณทำใจเห็นผมยังห่วงใยกลอนไม่ได้ เราก็คง
ใช่ฉันทนไม่ได้
แต่ชลผม ผมรักชลนะ ผมไม่รู้จะพูดยังไงให้คุณเข้าใจ
ไม่เป็นไร เราเข้าใจนะ ไออยากให้เรามีความสุขใช่ไหม แต่เราคงทนเห็นไอยังเป็นห่วงคนอื่นไม่ได้หรอก เพราะฉะนั้นไอปล่อยให้เรามีความสุขโดยไม่มีไอดีกว่านะ เราไม่โกรธใครเลย ไม่มีใครผิดทั้งนั้น ตอนนี้เราไม่ไหวแล้วเหนื่อยมากเลยล้าด้วย ถ้าไอไม่มีอะไรแล้วกลับบ้านไปก่อนนะ ขอเราอยู่คนเดียวก่อน เราคงต้องใช้เวลา
ผมระ ก่อนที่เขาจะพูดอะไรที่ทำให้ฉันใจใจอ่อนไปมากกว่านี้ ฉันจึงรีบวิ่งหนีเข้าบ้านโดยไม่ยอมฟังอะไรทั้งสิ้น
เช้าวันต่อมา ฉันออกจากบ้านแต่เช้าตรู่ เพื่อที่เขาจะได้มารับฉันไม่ทัน เลยต้องลำบากตาเค้กที่ต้องมานั่งหลับบนรถเพราะความเอาแต่ใจของฉัน เชื่อไหมคะว่าเมื่อคืนนี้ฉันไม่ได้หลับเลย เอาแต่นอนคิดว่าจะจัดการกับความรู้สึกตัวเองอย่างไรดี แล้วตอนนี้ฉันก็ได้คำตอบแล้ว
เมื่อถึงที่ทำงาน ฉันก็เข้าไปบอกลาเจ้านาย และเพื่อนๆร่วมบริษัท ที่อุตส่าห์ทนความซุ่มซ่ามและเปิ่นจนทุกคนต้องเป็นห่วง และยังเรื่องที่ฉันทำข้าวของในบริษัทเสียหายอยู่บ่อยครั้ง และในที่สุดไอตะวันก็มาถึงที่ทำงาน เขาเรียกฉันเขาไปพบในห้อง จึงเป็นโอกาสที่ฉันจะยื่น ซองขาว
คุณไม่น่าทำแบบนี้ ผมต่างหากที่ไม่ดี
คุณไม่ผิดเลย ฉันบอกแล้วว่าไงไม่มีคนผิด ฉันฝืนยิ้มให้เขาอย่างเต็มที่ แต่ยิ่งฝืนมันก็ยิ่งเจ็บที่ใจ น้ำตาที่ภายนอกไม่มีใครสามารถมองเห็นก็พาลจะไหลทะลักออกมาภายนอก
ผม..ผม
ช่วยเซ็นอนุมัติด้วยค่ะ เขานั่งนิ่งเฉย เหมือนไม่ได้ยินที่ฉันพูด
ถ้าคุณผิดแล้วคุณจะทำยังไง ฉันบอกคุณว่าฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณแล้ว คุณจะไปจากที่นี่อย่างนั้นเหรอ เขานั่งคิดอยู่นานจนฉันเริ่มทนไม่ได้
ดังนั้นกรุณาอย่าทำร้ายจิตใจฉันไปมากกว่านี้อีกเลย กรุณาเซ็นอนุมัติให้ด้วยค่ะ เขาจึงค่อยๆ เซ็นอย่างเชื่องช้า
เมื่อเขาเซ็นให้เสร็จเรียบร้อย ฉันจึงเดินออกมาจากห้องอย่างสิ้นหวังกับโอกาสที่ตัวเองเพิ่งตัดไป และเริ่มเก็บข้าวของ ขับรถไปยังที่ที่ฉันบอกรักเขา เพื่อซึมซับความรู้สึกที่ผ่านมา ไม่ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างเราสองก็ตาม แต่ที่ผ่านมาเขาก็ทำให้ฉันมีความสุขอย่างล้นใจ ถึงแม้จะเป็นเรื่องหลอกลวงก็ตาม ถึงตอนนี้ฉันก็ยังรักเขาอยู่มาก แต่ฉันก็ทนเห็นเขาเป็นห่วงคนอื่นด้วยความรักไม่ได้ ดังนั้นให้ฉันออกมาอยู่ห่างๆเขาดีกว่าเห็นเขาเป็นห่วงคนอื่น
หลังจากวันนั้น ผ่านมาครึ่งปีแล้วที่ฉันไม่ได้เจอเขา แต่ฉันยังคงยินข่าวคราวของเขาเรื่อยๆ จากปากของยายกลอนและไอเมฆ ตอนนี้ไอเมฆตัดใจจากฉันได้อย่างสิ้นเชิงแล้ว เพราะเขาได้พบคนที่เขาสามารถรักได้มากกว่าฉันแล้ว ส่วนยายกลอนแต่งงานกับคุณกวี หลังจากที่ฉันลาออกจากที่นั่นไม่นาน
ทั้งไอเมฆและยายกลอนต่างก็บอกให้ฉันยอมรับใจตัวเอง กลับไปหาไอตะวันซะ แต่ส่วนลึกในใจฉันยังกลัวอยู่ ฉันกลัวว่าจะมี กลอน2 กลอน3 เข้ามาในชีวิตฉันอีก ตัวฉันเองตอนนี้ก็เริ่มไม่เจ็บกับเรื่องตอนนั้นสักเท่าไร (ถ้าไม่มีใครพูดถึง แต่ถ้าพูดขึ้นมาสักนิด ทุกคนก็จะเห็นน้ำตาของฉัน ซึ่งคงเป็นที่ชื่นชอบของยายกลอนและไอเมฆมั้งถึงได้ขยันพูดเรื่องนั้นกันจัง)
โอ๊ย!! สายอีกแล้ว เจ้านายทุบหัวแบะแน่เลย โธ่เอ้ย!! ทั้งๆที่รู้ว่ามีประชุมเช้าแล้วยังอุตส่าห์เล่นเกมส์ซะดึก ไม่น่ามั่นใจในตัวเองเล้ย เอ้า!! แล้วลิฟท์ทำไมช้าอย่างนี้เล่า โอ้ย! เดินก็ได้วะ (ยังไม่แก่เลย ทำไมอารมณ์เริ่มเข้าวัยทองแล้วละ) ฉันต้องวิ่งขึ้นบันไดถึง 5 ชั้น เพื่อที่จะไปประชุมให้ทันเวลา
เอ้า! แล้วห้องไหนวะเนี้ย อ้อ! ใช่ๆๆ เจ้านายบอกว่าห้องที่ติดกับบันได
ห้องที่ติดกับบันได้? ห้องที่ติดกับบันได? เจอแล้ว
แอ๊ด.!! ปัง!
ขอโทษที่มาสายค่ะ พอดีลูกชายไม่สบาย
ขอโทษนะเค้ก ขอเอามาช่วยหากินหน่อยไม่งั้นแม่ตกงานแน่ๆ เลย แล้วฉันก็ค่อยเดินลัดเลาะไปตามผนังห้อง เพื่อไปนั่งที่ข้างเจ้านาย
คุณๆ คุณเข้าห้องผิดหรือเปล่าครับ คือ.. ฉันไม่ทันได้ฟังอะไรก็มุ่งหน้าไปนั่งที่ๆ ว่างอยู่ข้างๆ ที่นั่งประธานทันที
เมื่อนั่งเรียบร้อยแล้วฉันจึงเริ่มมองหน้าผู้ร่วมเข้าประชุม จึงได้รู้ว่า ค่ะ! อย่างที่ทุกท่านคิด เข้าห้องผิดค่ะ ได้โปรดเถอะ ทำไมฉันถึงซุ่มซ่ามไม่รู้หายแบบนี้นะ คราวนี้กลางที่ประชุม ใครจากแผนกไหนบ้างก็ไม่รู้ สงสัยคนทั้งบริษัทนี้ต้องรู้จักฉันทั้งที่ฉันเพิ่งเข้าทำงานที่นี่ได้ 3 อาทิตย์แน่ๆ เลย
ฮะ.เฮ้ย!! ไม่จริ๊ง!.! อีกแล้วเหรอเนี้ย โอ๊ย! ยายเปิ่น ยายบ๊อง ขอโทษทุกคนนะคะ.
ปัง!!ทุกคนในห้องร่วมทั้งฉันด้วย หันไปมองที่ต้นเสียงพร้อมกัน
ชล!!
ไอ!! ไม่จริง ก็เจ้านายฉันไม่ได้มีประชุมกับบริษัทคุณนี่นา แล้วทำไม ? .อ้อ! ลืมไปฉันเข้าห้องผิด งั้นทุกคนคะ ฉันต้องขอโทษด้วยนะคะที่เข้าห้องผิดและสร้างความวุ่นวายให้ ฉันคงต้องไปแล้วละค่ะ ฉันรีบวิ่งออกมาจากที่นั่น ใจเต้นแรงด้วยความดีใจที่ได้เจอเขาอีกครั้ง ฉันรู้ได้เลยทันทีว่าฉันยังเหมือนเดิมและเขาก็สักพักเสียงประตูห้องนั้นก็ดังตามฉันมาติดๆ
ชล รอผมด้วย
ฉันยังไม่อยากเจอคุณตอนนี้ คุณอย่าเพิ่งมายุ่งกับฉันเลย (เอ้า! ปากหนอปาก ทำไมพูดไปแบบนั้นเล่า เขาอุตส่าห์วิ่งตามออกมานะ)
เย็นนี้ผมจะรอ.ผมจะรอที่ที่คุณบอกรักผม ผมจะรอจนกว่าคุณจะมา สีหน้าที่จริงจังของเขา ทำเอาฉันปากอ่อนตอบรับเขาไป (ใจน่ะ อ่อนมาตั้งเห็นหน้าแล้ว) แต่ด้วยความรู้สึกที่เคยถูกทำร้ายอย่างแสนสาหัส ทำให้ฉันถามเขาไปว่า
เราจะไปหาไอที่นั่น แต่ไอจะมารอแน่เหรอ จะไม่เบี้ยวนัดเราแล้วจริงเหรอ
ไปซิ! ผมไปแน่ๆ ผมจะรอนะ
เวลาในวันนั้นช่างผ่านไปช้าเหลือเกิน แค่เสี้ยววินาทีที่เดินก็นานเหมือนชั่วโมง แต่พอใกล้ถึงตอนเวลาเลิกงาน ฉันกลับรู้สึกว่า เวลาทำไมถึงเดินเร็วจนฉันเตรียมใจไม่ทัน
ฉันขับรถไปรถตาเค้ก พาไปกินข้าว ส่งและพาไปส่งที่บ้าน ทำให้ฉันไปถึงที่นั่นช้า ช้าแบบที่ฉันนึกว่าเขาคงไม่รอฉันแล้ว หรือไม่เขาก็คงยังไม่มา
เมื่อฉันไปถึงที่นั่นประมาณ 4ทุ่มครึ่งแล้ว แต่เขายังนั่งรออยู่ ความดีใจความตื่นตันสร้างน้ำตาไหลลงอาบสองแก้ม จนฉันเริ่มมองไม่เห็น มันเลือนรางจนทำให้ฉันสะดุดก้อนหินก้อนที่แบบว่าถ้าใครสามารถจับโยนใส่เครื่องบินได้ เครื่องบินก็จะตกทันที
ตูม!!.ซ่า!!
ชล!!
ตูมซ่า..เราสองคนอีรุ่งตุงนังกันอยู่ในน้ำกันสักพักจนกระทั่งขึ้นมาบนบก และคุณผู้อ่านอย่าหวังเลยค่ะ (คือจริงๆ แล้วคนที่หวังก็ฉันนี่แหละ) ว่าเขาจะช่วยฉันแบบที่พระเอกในละครช่วยนางเอกตอนตกน้ำ (อุ้ย! ไม่เรียกว่าตกน้ำดีกว่าดูไม่ดีเลย เรียกว่าลงไปเล่นน้ำแต่ดันลืมว่าตัวเองว่ายน้ำไม่เป็นดีกว่า ดูดีกว่าตั้งนิดนึง) วิธีที่เขาใช้ช่วยฉันจากน้ำถูกต้องตามแบบวิธีช่วยคนจมน้ำเลย คือเข้าด้านหลังแล้วเอาแขนเหนี่ยวคอฉันไว้
โอ้แม่เจ้า!! เค้าทำแบบนี้แล้วฉันจะเอาเสียงที่ไหนไปบอกเขาละ ว่าฉันว่ายน้ำเป็น กับอีแค่ฉันสะดุดก้อนหินลูกเท่าเครื่องบิน ไม่ได้ทำให้ฉันพิการสักหน่อย แต่ก็ช่างเขาเถอะ เพราะที่เขาทำไปแบบนั้นก็เพราะว่าเป็นห่วงฉันมากจนไม่ทันได้คิดถึงอะไรนอกจากจะช่วยชีวิตฉัน แต่ถึงอย่างไรมันก็ไม่ดีอยู่ดีนี่ถ้าเขาว่ายน้ำไม่เป็นแล้วจะทำยังไรต่อละฉันไม่ต้องช่วยเขาแทนหรอกเหรอ
คุณผู้อ่านต้องได้เห็นสีหน้าตอนที่เขาเห็นฉันพุ่งราวลงแม่น้ำที่มีระดับสูงแค่เอวนะคะ ยิ่งกว่าเขารู้ว่าไฟไหม้บ้านอีก เมื่อขึ้นมาได้ ขั้นตอนต่อไปเป็นอันรู้กันนะคะ เบสิกมากๆ ปั๊มหัวใจ ทั้งๆที่ฉันก็ไม่ได้สลบเลย ก็แค่สำลักน้ำเฉยๆ ตาไฮเปอร์นี่ก็เตรียมผายปอดทันที โอ๊ย! คนอะไรกันเวลาตื่นเต้นนี่บ้าได้ขนาดนี้เชียวเหรอ
แค่กๆ นี่นี่แค่กๆ..ไอตะ แค่ก ฉันไม่เป็นอะไรมากเลยฉัน แค่กๆ แค่สำลักน้ำเฉยๆ นะ ดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่ได้สติพอที่จะฟังฉันพูด
โอ๊ย อะไรจะขนาดนี้ ฟังฉันมั่งสิ
นี่ไอตะวันฉันไม่ได้เป็นอะไร ได้ยินไหมว่าฉันไม่ได้เป็นอะไร ฉันว่ายน้ำเป็น แล้วน้ำในแม่น้ำมันก็แค่เอวฉันเอง คุณจะตื่นเต้นไปถึงไหนกัน เขาหยุดมองหน้าฉันนิ่ง
เอ่อ ฟังสักที นึกว่าจะตายเพราะตานี่ซะแล้ว คนอะไรวะ ตื่นเต้นได้แตกตื่นมากเลย เขายังนิ่งมองฉันอยู่ และในที่สุดปฏิกิริยาแรกที่ตอบสนองฉันคือ มือสั่นๆ ของเขาค่อยลูบแก้มฉันอย่างแผ่วเบา สีหน้าที่บอกถึงความโล่งใจและดีใจ ตามมาด้วยอ้อมกอดที่อบอุ่น (ถ้าไม่คิดว่าเราสองคนเพิ่งลงไปเล่นน้ำกันมาเมื่อกี้) ที่รัดรอบตัวฉันไว้แน่นอย่างกับว่าฉันกำลังจะหนีเขาไปในที่ที่เขาตามฉันไปไม่ถึง
ผม.นึกว่าจะไม่มีโอกาสได้ตามหัวใจตัวเองซะแล้ว
นี่คุณ ฉันไม่ได้เป็นอะไรมากนะ ไม่ได้เจอหน้ากันมาตั้งครึ่งปี พอเจอหน้าก็จะแช่งกันเลยเหรอ
ผมรู้สึกผิดมาตลอดกับความเห็นแกตัวของผม ผมเคยคิดว่าผมจะปล่อยคุณไปเจอคนที่เขาเอาใจใส่คุณ ห่วงคุณได้คนเดียว แต่ผมเพิ่งรู้วันนี้เอง ตอนที่เราเจอกันที่บริษัทคุณ ผมปล่อยคุณไปไม่ได้
ใจเย็นๆนะ คุณฟังฉันบ้าง ฉันก็เหมือนคุณ ฉันก็เพิ่งรู้ว่าฉันตัดใจจากคุณไม่ได้ก็วันนี้เอง ที่ผ่านมาฉันเอาแต่กลัวอนาคตที่มันยังมาไม่ถึง แต่ตอนนี้อนาคตถ้าคุณจะไปจากฉันอีก ฉันก็ไม่สนใจแล้ว
ไม่อีกแล้ว ผมไม่มีที่ไหนจะไปอีกแล้วนอกจากคุณ ผมตัดสินใจไปตั้งแต่วันที่เราเลิกกันแล้ว คุณรู้ไหมวันที่เราเลิกกัน ผมตั้งใจจะไปสารภาพกับคุณและขอให้คุณให้เวลาผมตัดใจบ้าง แต่คุณก็ไม่ฟังอะไร ผมเลยต้องยอมรับและปล่อยคุณไปตามทางของคุณ
ใครจะไปรู้ละ ฉันได้ยินโทรศัพท์วันนั้นมันก็ทำร้ายฉันมากพอแล้ว ใครเขาอยากจะฟังจากปากเจ้าตัวเองเลยละ เราสองคนมองสบตากันอยู่นานเหมือนกันกว่าเขาจะพูดขึ้นว่า
ดีใจจังเลย ผมมีหลายๆ อย่างที่เคยคิดว่าจะทำให้คุณและทำร่วมกับคุณ ถ้าคุณให้อภัยผมและกลับมารักกัน
ก็ค่อยๆ ทะ เขาเอามือปิดปากฉันอย่างเบามือ
จุ๊ๆๆฟังก่อน ขอได้ไหมอยากหอมแก้ม อยากจูบ อยากกอด
ต๊าย!! ยินดีมาตั้งนานแล้วค่า ไม่ขอก็อยากถวาย ฉันไม่พูดอะไรได้แต่ก้มหน้าด้วยความเขิน เขาจึงค่อยๆ ใช้มือช้อนคางฉันขึ้น แล้วเริ่มบรรจงจูบลงที่เปลือกตาอย่างแผ่วเบา ตามมาด้วยสัมผัสเบาๆ ที่แก้ม และจึงค่อยประทับจูบลงเบาๆ ที่ริมฝีปาก มันไม่ใช่จูบแบบในฝันที่รอคอยจากเจ้าชายสูงศักดิ์ แต่มันยิ่งกว่านั้นการจูบของเรามันถ่ายทอดความรู้สึกต่างๆ ที่ผ่านมา ทั้งตอนที่เราคบกัน เลิกกัน และช่วงเวลาที่ไม่พบเจอกัน จนฉันกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ทันทีที่น้ำตาหยดแรกหล่นลงอาบแก้ม มือเขาก็ซับให้ทันที ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว ตอนนี้ฉันรู้สึกได้ว่าเขาเป็นห่วงฉันจากใจจริง
เต้นรำกันเถอะ ผมอยากเต้นรำกับคุณ ไม่ต้องเปิดเพลงก็ได้ แค่มีคุณอยู่ตรงนี้ เสียงฟ้าร้องก็ยังเป็นทำนองที่โดนใจได้เลย
ปากหวานจังเลยนะ รู้สึกว่าเวลาครึ่งปี ทำให้คุณกล้าพูอะไรแบบนี้ได้โดยไม่เขินเลยนะ
แหม! เขินน่ะเขิน แต่ว่ามันอยากพูดมากกว่านี่ ผมอยากทดแทนช่วงเวลาที่ผ่านมา ตกลงคุณจะยอมเต้นรำกับผมอีกครั้งไหมไหม
เต้นสิ! เต้น! กับไอเมื่อไหร่เราก็เต็มใจเสมอ
งั้น! ถ้าจะไม่แค่ขอเต้นละ เราขออย่างอื่นอีกได้ไหม
ปากหวานอย่างเดียวไม่พอ ยังโลภมากอีกนะท่านประธาน
ขอเป็นผมได้ไหมคนที่จะดูแลคุณไปตลอดชีวิต ผมไม่อยากปล่อยคุณให้ใครแล้ว ดูสิขนาดตอนที่เรายังไม่เลิกกันไอ้เมฆมันยังมาตกหลุมรักเลย นี่ถ้าปล่อยไปไม่รู้จะมีไอ้หน้าไหนเข้ามายุ่งกับคุณอีก
ทีอย่างนี้ ทำเป็นหวง ทีตอนนั้นไม่ยอมบอกน้องตัวเองว่าเราเป็นแฟนกัน
ใครไม่บอกกัน!?? ผมบอกทุกคนในครอบครัวผมนะว่าเราเป็นแฟนกัน ตอนที่ผมให้มันไปรับเค้กที่ร.ร. ผมยังบอกมันเลยว่าไปรับลูกของแฟนผมให้หน่อย ไอตะวันรีบพุอธิบายแก้ข้อเข้าใจผิดของฉันเป็นการใหญ่
งั้น!? อย่างนี้ก็แสดงว่า ไอ้เมฆมันจะแอบขโมยหัวใจคุณตอนที่ผมไม่อยู่ละสิเนี้ย แผนสูงจังเลยนะไอ้น้องชาย!!!
แต่ฉันก็ปฏิเสธไปแล้วนี่ แล้วตอนนี้น้องคุณก็มีแฟนไปแล้วด้วย
คุณรู้ได้ไง!? นี่คุณยังติดต่อกับมันอยู่อีกเหรอ?
ทำไม? หึงเหรอ?
ก็นิดนึง แต่ผมเชื่อใจคุณ
ใช่! ฉันน่ะไว้ใจได้อยู่แล้ว และต่อไปนี้ฉันก็จะเชื่อใจคุณด้วย
ไม่มีอะไรอยากบอกผมเหรอ เขาถามฉันด้วยสายตาอ้อนวอนและเจ้าเล่ห์
ฉันรักคุณค่ะ ฉันตอบเขาด้วยความหนักแน่น สายตาที่สบกันเต็มไปด้วยความจริงใจ
ผมก็รักคุณ งั้น เอ่อ.อ่า.คุณ..เอ่อ.ว่าไงถ้า.เอ่อ
โอ๊ย..เอ่อๆอ่าๆอยู่นั่นแหละ จะขอแต่งงานใช่ไหมละ จะขอก็รีบขอสิ
ทีเมื่อกี้ละ พูดนู่น พูดนี่คล่องเชียว พอจะขอแต่งงาน ทำเป็นอึกๆ อักๆ เอ่อๆ อ่าๆ อยู่นั่นแหละ
"ตกลงแต่งงานกับผมนะ ขอโอกาสให้ผมได้ดูแลคุณคนเดียว ผมอยากเป็นคนแรกที่ทุกคนต้องนึกถึงถ้าพูดถึงคุณ
ตกลงค่ะ ต้องให้แม่นำล่องเองก่อนอยู่เรื่อยเลย ตาคนนี้ขี้เก๊ก ขี้อายค่ะ ถ้าฉันไม่พูดออกมาอีก10 ปีข้างหน้าจะได้แต่งหรือเปล่าก็ไม่รู้
และนั่นคือเรื่องราวต่างๆ ก่อนการเริ่มตนชีวิตใหม่ร่วมกันของเรา ฉันเองยังไม่อยากเชื่อเลยว่าฉันจะมีวันนี้ได้ ตอนนี้เราสองคนก็มีความสุขมากเลย ไอตะวันกลายเป็นคุณพ่อลูกสาม (อีกหนึ่งคนกำลัง อ้อแอ้ๆ อยู่ในท้องฉันนี่) ติดลูกน่าดูเลย แต่เห็นติดลูกแบบนี้ก็มีหึงลูกหึงงานเหมือนกันนะคะ หาว่าฉันเอาแต่ดูแลลูกเอาแต่ทำงานไม่เห็นดูแลเขาเลย ขี้น้อยใจมากเลยคนอะไรก็ไม่รู้ ความรักของฉันยังไม่จบลงหรอกนะ ตอนนี้เขาอาจจะยังซื่อสัตย์กับฉันอยู่แต่ไม่รู้จะออกลายเมื่อไหร่
ชลๆ ผมหิวข้าวแล้วนะ ยังเขียนเรื่องสั้นส่งสำหนักพิมพ์ไม่เสร็จอีกเหรอจ้ะ
'นั่นไงมาแล้วค่ะ'
ก็เกือบแล้วละค่ะ
งั้นขอจูบมัดจำก่อนนะ คิดถึงคุณด้วย ไม่ได้เห็นหน้าตั้งหลายนาทีแล้ว
ไม่ได้ๆ เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว ถ้าคุณจูบฉันตอนนี้ก็กลายเป็นฉากเลิฟซีนพอดีน่ะสิ นี่มันหนังรักโรแมนติคนะ
แม่....... ผมหิวข้าว
รอแป๊บนึงนะเค้กนะปังปอนด์ แม่จะเขียนเสร็จแล้ว
งั้นขอกอดมัดจำหน่อยสินะ ไม่ได้เจอแม่ตั้งนาน คิดถึงแม่จะตายอยู่แล้วนะ กอดๆ ผมอยากกอดแม่นะ นะๆๆ จะกอดๆ
อะไรกันหนักกันหนา เหมือนกันทั้งพ่อทั้งลูก เดี๋ยวกอดเดี๋ยวจูบ เอาเข้าไป
ไม่ได้พ่อขอก่อน คนอื่นต้องรอ ถ้าไม่รอพ่อก็ไม่ให้กอดแม่
มากไปแล้วมั้งพ่อ เค้กเป็นลูกนะ เด็กกว่าด้วย พ่อเป็นผู้ใหญ่ต้องเสียสละให้เค้กกับปังก่อน
ใช่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ พ่อต้องยอม
นั่นคราวนี้ตาปังร่วมด้วยแล้วเหรอ
ไม่ได้ ต้องพ่อก่อน
เค้กกับปังก่อน
โอ๊ย!!ก็ไม่ได้ทั้งหมดนั่นแหละ แม่จะทำงาน มัวแต่เถียงกันแบบนี้ วันนี้จะได้กินข้าวไหมเนี้ย! ห้ะ! ไปเถียงกันที่อื่นเลยไปทั้งหมดนั่นแหละ
ครับ
'เงียบกันหมดเลยค่ะคราวนี้'
อืม! ดีๆๆ งั้นไปนั่งรอกันสงบๆ ที่ห้องดูทีวีเลยไป
ไปได้สักที จะได้ทำงานต่อ นี่แหละความสุขง่ายๆ ที่คนเราตามหากันทั้งชีวิต การที่คนเราตามหานู่น ตามหานี่ ไขว่คว้าอะไรต่อมิอะไรอย่างบ้าระห่ำแต่ในที่สุดก็ยังไม่เจอความสุข ฉันอยากให้คุณลองคิดทบทวนดีๆ ความสุขมันอาจจะอยู่ใกล้เราแค่เอื้อม เพียงแต่ว่ามันเป็นความสุขที่แสนจะเรียบง่ายและไม่หวือหวาจนสะดุดใจเรา แต่เมื่อไรก็ตามที่เรามีมันอยู่ ก็จะมีความสุขอย่างเปี่ยมล้นได้อย่างแน่นอน แค่การที่เรานั่งกินข้าวในบ้านกันพร้อมหน้าพร้อมตาพ่อแม่ลูก อาจจะเป็นความสุขที่เรากำลังบ้าระห่ำหากันมาตลอดชีวิตก็ได้นะคะ
ขอบคุณจริงๆ นะคะสำหรับคนที่ติดตามผลงานของ TANOI_ZA มาตั้งแต่ต้น เป็นความฝันที่สวยงามมากเลยตอนนี้ เรื่องต่อไปจะเป็นความรักใครก็ลองติดตามกันต่อไปนะคะ ทุกกำลังใจที่ส่งมามีค่าหมดเลยนะคะทั้งคะแนนทั้งกระทู้ ทำให้มีตอนที่เจ็ดออกมาจน ขอบคุณจริงค่ะ
TANOI_ZA
10 ธันวาคม 2546 20:45 น.
TANOI_ZA
ตอนที่หก ความรู้สึก
เย็นวันต่อมา กระป๋องน้อยของฉัน ก็ไม่มีโอกาสรับไอเมฆขึ้นรถมาด้วย เพราะเขาบอกว่ารถซ่อมเสร็จแล้ว เร็วจนฉันไม่อยากจะเชื่อว่าอะไรจะซ่อมเสร็จเร็วปานนั้น เมื่อวานนี้เขายังบอกฉันอยู่เลยว่าว่า คือ มันเยอะมากเลยคะ ไอ้ที่เขาบอกว่าเสีย มีแต่ที่ฉันไม่รู้จักทั้งนั้นเลย (TANOI_ZA: ก็แหม!! จะไปรู้จักได้ยังไงละ แม่คุณเรียนจบช่างยนต์มาหรือไงคะ) ฉันจึงแซวเขาไปว่า
ช่างซ่อมคงมีพ่อเป็นซุปเปอร์แมนแน่เลยนะคะเพราะรถซ้อมเสณ้จเร็วเหลือเกิน คุณไอเมฆ
อ้อ บังเอิญไม่เคยมีพ่อเป็นซุปเปอร์แมนน่ะครับ เลยไม่รู้ว่าช่างซ่อมเขามีพ่อเป็นซุปเปอร์แมนหรือเปล่า
เอ้อ พี่น้องคู่นี้แปลกดีแฮะ ไม่ค่อยเหมือนกันเลย มีอยู่เรื่องเดียวที่เหมือนกัน ก็เรื่องเพื่อนนี่แหละน้า
วันนี้ฉันจึงพาตาเค้กไปเที่ยวกันให้ช่ำปอด ระหว่างที่กำลังเดินดูของกันอยู่ตามประสาสาวช่างช้อบกับเด็กช่างซื้อ ตาเค้กก็ถามฉันว่า
วันนี้น้ากลอนกับน้าไอไม่เห็นมาเที่ยวด้วยกันเลยเน้าะ เป็นคำถามที่ทิ่มใจฉันจนเจ็บจี๊ด แต่ว่าตาเค้กถามอย่างนี้แสดงว่าเหงาแน่ๆ เลย ฉันจึงถามกลับไปว่า
เหงาหรือไง
บ้า! ใครเขาจะคิดถึงน้าไอกัน
เอ้า!! แม่ยังไม่ถามเลยนะว่าคิดถึงใคร คนเราร้อนตัวก็เป็นอย่างนี้แหละน้า
เปล๊า เขาไม่ได้เหงาอะไรซักหน่อย ก็แค่สงสัย แล้วก็ไม่อยากเห็นแม่ทำหน้าเบื่อโลกแบบนี้ต่างหาก
คราวนี้ตาเค้กพูดโดนใจอย่างจัง ฉันจึงเป็นฝ่ายเงียบก่อน ตาเค้กเองคงจะรู้สึกว่าเมื่อกี้ได้พูดอะไรแทงใจดำฉันไป จึงไม่กล้าพูดอะไรต่อ เราจึงเดินดูของต่อท่ามกลางความเงียบระหว่างเรา
เมื่อเดินมาถึงร้านขนมเค้กเจ้าประจำ ฉันจึงแวะซื้อเค้กไปฝากพ่อกับแม่ และแน่นอนที่ขาดไม่ได้ตาเค้ก กินไปหมดซะทุกอย่าง แต่ก็ยังผอมแห้งมากอยู่ดี และฉันก็ได้เจอกับคนที่ฉันยังไม่อยากเจอ
ยัยชล!! มาซื้อขนมเค้กเหมือนกันเลยนะ ไม่ได้เจอกันตั้งเกือบอาทิตย์เป็นยังไง? สบายดีนะ? ได้ข่าวว่าไม่สบายเมื่อ 23 วันที่ผ่านมานี่นา เอาซะฉันพูดไม่ออกเลย จะเงยหน้าสบตายังไม่กล้าเลย ได้แต่ภาวนาให้อะไรก็ได้มาช่วยฉันที และสวรรค์ก็ส่งเขามา เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะเราสองคน
ตู๊ดๆ..ตู๊ดๆ
อุ้ย! กวีโทรมา งั้นฉันขอตัวแป๊บนึงนะ เดี๋ยวกลับมาคุยด้วย ไม่เจอกันตั้งหลายวัน คิดถึงเธอจังเลย สักพักกลอนก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้ม
วันนี้เราขอตัวก่อนแล้วกัน พรุ่งตาเค้กต้องไปร.ร.แต่เช้าน่ะ ใช่ไหมเค้ก
หะ! อะ..อืมๆ ครับ น้ากลอน พรุ่งนี้ผมต้องรีบไปทำเวรที่ร.ร.แต่เช้า ตาเค้กตอบพร้อมกับส่งยิ้มหวาน
จ้าๆ งั้นก็โชคดีนะ ยายชลฉันไปแล้ว ว่าจะเล่าอะไรให้ฟังสักหน่อย แต่เอาไว้วันหลังก็ได้
เมื่อซื้อเค้กเรียบร้อยแล้ว เราสองคนจึงรีบมุ่งหน้ากลับบ้าน เพราะฉันต้องการจะคิดอะไรเพียงคนเดียว ทั้งเรื่องที่ฉันยังตัดใจจากไอตะวันไม่ได้ ฉันยังเป็นคนเห็นแก่ตัว ยังอยากมีเขาอยู่ข้างกาย ส่วนตาเค้กก็ต้องทำการบ้านแล้วก็เข้านอน
เช้าวันนี้เมื่อฉันไปส่งตาเค้กที่ร.ร. ฉันก็ขับรถไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงร้านไอศกรีมเจ้าประจำที่ฉันมักไปกินกับไอตะวันและยัยกลอน ทำให้ฉันเผลอหันไปมองด้วยความคิดถึงเขา
ไม่จริง ฉันตาฝาดใช่ไหม ไอกลับมาตั้งแต่เมื่อไรไหนบอกว่าอีก 2 อาทิตย์ไง เอ้ะ!! ยัยกลอนนี่ โธ่! ทำไมนะเรื่องแบบนี้ มันถึงต้องเกิดกับฉัน แค่ฉันได้ยินเขาคุยโทรศัพท์กันก็ทำร้ายฉันมากพอแล้ว นี่ยังให้ฉันมาเห็นกับตาตัวเอง เพื่อตอกย้ำว่าเขาไม่ได้รักฉันอีกด้วยเหรอ ฉันขับรถต่อไปทั้งที่น้ำตาเอ่อล้นออกมาท่วมแก้มทั้งสองข้าง
ช่างมัน! มองไม่เห็นถนนก็ช่างมัน! ขาหักแขนหักหรือตายไปเลยก็ยิ่งดี จะได้ไม่ต้องมาเฮ้อเพื่อนฉันกับคนที่ฉันรัก แล้วฉันจะตัดใจได้เมื่อไหร่ละเนี้ย
ฉันเข้าไปทำงานตอนบ่าย ทำให้เจ้านายต่อว่าฉันเป็นการใหญ่ แต่ว่าเขาคงเห็นว่าฉันเออๆ ไม่อยู่กับล่องกับรอย ก็เลยปล่อยฉันให้นั่งทำใจสักพักแล้วจึงให้งานมาทำต่อ ระหว่างทำงานสายตาฉันก็คอยจะมองหาแต่ไอตะวัน แต่ก็ไม่มีวี่แววจนกระทั่งเลิกงานก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะเจอเขาสักนิด
เมื่อถึงเวลาไปรับตาเค้กฉันก็เดินออกมาด้วยอาการเหม่อลอย ในขณะที่ฉันกำลังเปิดประตูรถ ไอเมฆก็เดินเข้ามาทักทายด้วยสีหน้าที่เศร้าผิดปกติ
จะเป็นอะไรไหมคุณชล ถ้าวันนี้ผมจะขอติดรถคุณไปด้วยอีกครั้ง
ห้ะ! อะไรนะอีกแล้วเหรอ ไอ้ช่างซ่อมคนนั้นมันคงมีพ่อเป็นคนขายก๋วยเตี๋ยวแน่ๆ เลย ถึงได้ซ่อมรถให้ตานี่ลวกๆ
ได้อยู่แล้วค่ะ ก็คุณเป็นน้อง..เอ่อ.เพื่อนของชลนี่คะ ติดรถไปด้วยกันจะเป็นไรไป พูดไปก็ร้าวใจเปล่าๆ หลายๆ คำเหลือเกินที่ทำร้ายใจกัน ฉันจะทนสภาพนี้ไปได้อีกนานแค่ไหนกันนะ
และการติดรถไปด้วยของไอเมฆครั้งนี้ เป็นเวลาอันน่าตื่นเต้นและประทับ เหมือนกับเราไปเที่ยวสวนสนุกอย่างไรอย่างนั้น เพียงแต่คราวนี้มันคือชีวิตจริง เพราะฉันเหม่อลอย รถจึงเดินเป็นเส้นโค้งไปโค้งมา เสียงตะโกนโหวกเหวกดังลั่นรถว่า
"ซ้ายๆๆๆ คุณซ้ายเฮ้ย!!.....ขวาๆๆ สิขวาคุณขวาๆๆ คุณไฟแดงแล้วไฟแดงๆๆ จอดด้วยครับจอดๆๆ เฮ้อ!! " รถจอดสนิท แต่ฉันก็ยังเหม่อลอยเหมือนกับไม่รู้สึกอะไร ทันทีที่ไฟเขียวนาทีระทึกใจก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง
"ชลครับ ไฟเขียวแล้ว ไอ้รถคันหลังมันด่าแฟนคุณแม่แล้วครับ แต่ถ้าจะให้ดีผมขับเอ.....ง เหวอ!!...คุณใจเย็นๆ...... รถครับรถ ไม่ใช่อากาศระวังด้วย เฮ้อ!! ขวาๆๆๆ ขวาครับ เราสองคนจะไปถึงร.ร.เค้กไหมเนี้ย ผมว่าผมขับเองดีกว่านะ เฮ้ย!!....คุณเลี้ยวด้วย! เลี้ยว! ข้างหน้ากำแพงครับ ซ้าย! คุณซ้ายๆๆๆ! เฮ้ย!! ดูรถด้วยสิชล จอดชะลอก่อนก็ได้" เมื่อเขาทนไม่ได้แล้วที่จะอยู่ในสวนสนุกกลางใจถนน เขาจึงตะโกนบอกให้หยุดรถแล้วไล่ฉันไปนั่งที่เขา เพื่อที่เขาจะขับเอง และปล่อยให้ฉันนั่งอยู่ข้างๆ ด้วยอาการเหม่อลอย
ในที่สุดเราทั้งสามคนก็มาถึงบ้านด้วยอาการครบ 32 วันนี้ฉันไม่ได้เป็นคนทำกับข้าว ก็อย่างที่เห็นนะคะ ขืนยังดื้อทำแถบนี้คงระเบิดเป็นผงแน่เลย วันนี้แม่จึงเป็นคนทำกับข้าว ฝีมือแยกไม่ออกเลยว่าอันไหนฉันเป็นคนทำ อันไหนแม่เป็นคนทำ เพราะปกติที่บ้านฉันพ่อเป็นคนลงครัว
กินข้าวเสร็จ ไอเมฆก็ไปนั่งเกมส์เพลย์กับตาเค้กทะเลาะกันอย่างกับเด็กๆ ก็ดีตาเค้กจะได้มีเพื่อนมาเล่นด้วยที่บ้านบ้าง เพราะแถวๆ บ้านของฉันไม่ค่อยมีเด็กที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับตาเค้กมากนัก ทำให้ตาเค้กไม่ค่อยมีเพื่อน แต่ฉันก็ไม่ได้หมายความว่า คุณไอเมฆอายุสมองเท่าตาเค้กนะ เพียงแต่ว่า เขาเล่นอะไรเหมือนกับที่เด็กๆเล่นกัน ทำให้ไอเมฆเข้ากับตาเค้กได้ดี
พอ 4 ทุ่มครึ่งเขาก็บอกให้ฉันไปส่งเหมือนปกติ ระหว่างทางกลับบ้านของไอตะวัน อยู่ๆเขาก็บอกว่า
ผมยังไม่กลับบ้านนะครับ ผมมีอีกที่ที่ต้องไป และผมก็อยากให้คุณไปดูผมทำตามความฝันตัวเองเป็นคนแรกด้วย เขาพูดพร้อมกับหันมามอง ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหมายบางอย่าง ทำให้ฉันต้องแกล้งทำเป็นตั้งใจขับรถ และไม่ยอมสบตาเขา
เขาพาฉันไปที่ผับแห่งหนึ่ง เมื่อเข้าไปถึงเข้าก็เดินตรงไปที่โต๊ะๆ หนึ่งซึ่งตั้งอยู่หน้าเวทีเด่นตระหง่าน เขาบอกให้ฉันนั่งลงด้วยสีหน้าที่พูดได้เลยว่าเขาดีใจและตื่นเต้นมากขนาดไหน
นั่งลงตรงนี้ก่อนนะครับ วันนี้ผมมีอะไรจะให้คุณดู เพราะคุณพูดกับผมวันนั้น ผมถึงได้ตัดสินใจทำตามความฝันผม
หมายความว่ายังไงคะ ทำไมต้องเป็นฉันด้วย
ไว้คุณนั่งดูความฝันผมเรียบร้อยแล้ว ผมมีบางอย่างจะบอกคุณ
เอาอีกแล้วสายตาแบบนี้ ไม่ชอบเลย ไอเมฆคุณต้องการอะไรกันแน่
ไม่!! คุณต้องบอกฉันตอนนี้ ฉันไม่อยากดูแล้ว เราสองคนเงียบทันที ไม่มีบทสนทนาใดๆ อีก แต่สีหน้าเขาเสียไปเลยทันที ทำให้ฉันตัดสินใจพูดในสิ่งที่ฉันสงสัยอยู่
คุณบอกฉันได้ไหม คุณไอเมฆ ว่าคุณรู้สึกอย่างไรกับฉัน
ผมประทับใจคุณตั้งแต่แรกเห็นแล้ว แต่ตอนนี้ผมเริ่มมีความรู้สึกดีๆกับคุณแล้ว
ไม่ คุณคิดอย่างนั้นกับฉันไม่ได้ เพราะฉันไม่ได้ระ
ไม่ต้องพูด ผมเข้าใจคุณรักพี่ผม แต่ขอแค่ผมรักคุณข้างเดียวอย่างนี้ไม่ได้เลยหรือ
มันอาจจะเป็นการเห็นแกตัวมากนะ แต่ฉันคงไม่ยอมให้คุณคิดอย่างนั้นหรอก เลิกซะเถอะ ฉันขอร้อง ความฝันของคุณเองก็เหมือนกัน คุณก็ต้องทำด้วยตัวเอง อย่าเอาฉันไปช่วยแบกด้วยสิ
แต่..
ถ้าคุณไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัวก่อนแล้วกันนะ เรายังเป็นเพื่อนกันได้นะ ถ้าคุณจะเลิกคิดแบบนั้นกับฉัน แล้วฉันก็วิ่งออกมาจากที่นั้นด้วยความรู้สึกที่สับสนและเจ็บปวด เจ็บที่ทำร้ายจิตใจไอเมฆ ปฏิเสธไอเมฆอย่างเลือดเย็น แต่ตัวฉันเองก็รู้ดีว่าฉันก็ดื้อดึงที่จะรักไอตะวันต่อไป มันเป็นความรู้สึกที่ทรมาน ซึ่งฉันไม่อยากให้ไอเมฆต้องมารู้สึกแบบเดียวกับที่ฉันรู้สึก
เมื่อฉันกลับถึงบ้าน คนที่ฉันมองหาเขาทั้งวันก็มายืนรอที่หน้าบ้านแล้ว เหมือนกับเขาว่ารู้เรื่องที่ฉันเห็นเขากับกลอนที่ร้านไอศกรีมเมื่อเช้าอย่างนั้นแหละ
กลับมาแล้วเหรอคะ ฉันถามเขาด้วยอาการแปลกเพราะไม่คิดว่าเขาจะมาหาที่บ้าน และตกใจเพราะฉันรู้สึกเหมือนคนร้ายที่เพิ่งทำผิดมา แล้วหนีมาเจอตำรวจ ถึงแม้ตำรวจจะไม่ได้สังเกตอะไรเลยก็ตาม
ผมกลับมาแล้ว เขาส่งยิ้มให้ฉันอย่างอ่อนโยน ตอนนี้ไม่ว่าเขาจะทำอะไร ที่ใจของฉันจะรู้สึกปวดร้าวไปซะหมด
ทำไมไม่กลับไปพักผ่อนก่อนละคะ พรุ่งนี้ค่อยมาเจอกันก็ได้
ผมรอให้มันถึงพรุ่งนี้ไม่ได้ ผมตัดสินใจได้แล้ว ผมอยากจะบอกกับคุณ เรื่องทุกอย่างที่คุณยังไม่รู้เกี่ยวกับผม
ตอนนี้ความรู้สึกต่างเข้ามารุมเร้าประกายชลให้รู้สึกสับสน เธอรักไอตะวัน แต่ไอตะวันโกหกรักของเธอ ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอรับรู้ ไม่ว่าอะไรก็ทำร้ายเธอได้ทุกเมื่อ แล้วยังเรื่องที่ไอเมฆบอกรักเธออีก เธอยังพร้อมที่จะรับรู้อะไรทั้งนั้นในตอนนี้ แต่เขาก็เข้ามาช่วงนี้พอดี ทำให้เธอไม่พร้อมที่จะรักษาน้ำใจใครการปฏิเสธของเธอทำร้ายทั้งไอเมฆและเธอเอง ตอนต่อไป การตัดสินใจอย่างเด็ดขาดของประกายชลจะสร้างความเจ็บปวดให้ทั้งเขาและไอตะวันขนาดไหนลองให้กำลังใจเธอดูนะคะ
โปรดติดตามตอนต่อไป
TANOI_ZA
10 ธันวาคม 2546 20:44 น.
TANOI_ZA
ตอนที่ห้า ตื่นจากฝันดี เผชิญฝันร้าย
เอ้ะ! เพดาน ที่นอน แล้วนั่นเสียงอะไร อ้อ! โทรศัพท์ อ้าว! ยายกลอนโทรมาทำไมแต่เช้า ในขณะที่ฉันกำลังจะเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ ฉันก็เพิ่งรู้ว่าโทรศัพท์ที่ดังมันไม่ใช่โทรศัพท์ของฉัน แต่มันเป็นของไอตะวันต่างหาก ในแว้บแรกฉันคิดว่าทำไมไอตะวันถึงมีเบอร์โทรศัพท์ยายกลอนคนที่เขาเกลียดนักเกลียดหนาได้ แต่แล้วความคิดที่ว่า
ไอรู้จักคนที่ชื่อเหมือนยายกลอนด้วยเหรอ ฉันไม่เห็นรู้จักเลย ก็เข้ามาแทนที่ทันที
ฉันจึงหันไปมองหาเจ้าของโทรศัพท์แต่ก็ไม่พบ ทำให้ฉันคิดว่าจะรับโทรศัพท์ดีหรือเปล่า อีกใจหนึ่งก็อยากจะรับ แต่ถ้ารับฉันอาจจะได้ตื่นจากฝันเร็วกว่าที่คิดก็ได้ อีกใจหนึ่งก็ไม่อยากรับ ฉันยังเห็นแก่ตัวที่จะรั้งตัวของไอไว้กับฉัน แต่ถ้าไม่รับฉันก็ต้องเก็บความสงสัยที่ค้างคาใจไว้อย่างนี้ต่อไป ในที่สุดโทรศัพท์ก็ตัดสายไปก่อนที่ฉันจะตัดสินใจทำอะไรไป ตามมาด้วยเสียงเปิดประตูห้องน้ำ ทำให้ฉันสะดุ้งและแกล้งนอนหลับต่อทันที
ฉันจะแกล้งนอนหลับทำไมละเนี้ย เสียงฝีเท้าเดินตรงมาหยุดอยู่ข้างๆ ฉัน
เขาจะจับได้ว่าฉันแกล้งหลับหรือเปล่านะ (ฉันจะกลัวไปทำไมกัน กับอีแค่เรื่องแกล้งนอนหลับมันถึงกับทำให้ดาวอังคารตกมาชนโลกเลยหรือไงกัน) และเสียงกดโทรศัพท์ก็ดังขึ้น บอกไม่ถูกเลยว่าใจมันรู้สึกเจ็บแบบไหน เขาทำให้ฉันน้อยใจว่าเขาไม่คิดจะดูฉันที่ไม่สบายก่อนที่จะจับโทรศัพท์เลยหรือไง สักพักก็มีเสียงพูดขึ้นว่า
โทรมาทำไมแต่เช้าคนจะหลับจะนอน
ก็ตื่นแล้วไม่ใช่หรือไงกัน ฉันคิดค่อนขอดเขาอยู่ในใจ
แต่โทรมาก็ดีแล้ว คุณรู้ไหมว่าคุณสร้างความเดือดร้อนให้ผมขนาดไหน คุณทำให้ผมเบี้ยวนัดเพื่อนสนิทคุณเมื่อคืนนี้ จนเขาไม่สบายไข้ขึ้นสูงอยู่ตอนนี้ แล้วยังวันนั้นอีกวันที่มีความสำคัญสำหรับชลวันที่ผมบอกรักเธอ ทั้งๆ ที่วันนั้นผมควรจะให้ความสำคัญกับเธอคนเดียวให้นานที่สุด แต่ผมก็.. หมอนฉันเริ่มเปียกหยดน้ำตา ตั้งแต่ได้ยินเขาพูดว่า ทำให้ผมเบี้ยวนัด ฉันรู้สึกโชคดีจริงๆ ที่ฉันแกล้งหลับ เพราะฉันจะได้ร้องไห้ถนัดๆ และเขาจะได้คุยโทรศัพท์สะดวกๆ ไม่ต้องกลัวว่าฉันจะได้ยิน ฉันไม่ได้ยินที่กลอนพูดหรอก แต่ก็พอเดาได้ว่ากลอนเป็นห่วงฉันมาก เพราะคำพูดที่ไอตอบกลับไป
ไม่เป็นอะไรมาก คุณไม่ต้องมาเยี่ยมถึงที่นี่หรอก แค่ไม่สบายแค่นี้ผมดูแลเองได้ หรือว่าคุณอยาก. เขาเงียบไปพร้อมกับหัวใจฉันที่หยุดเต้นเพื่อรอฟังถ้อยคำต่อไปของเขา ฉันกลัวเหลือเกินว่าวันนี้ฉันจะได้ยินอะไรหลายอย่างๆ ที่ทำร้ายจิตใจฉัน
ถ้าคุณเป็นห่วงชล คุณก็เลิกยุ่งกับผมเถอะ เลิกยุ่งเกี่ยวกันเด็ดขาด คุณไม่รู้หรือไง ว่าผมยังรักคนอื่นไม่ได้ ถ้าผมยังไม่เลิกเป็นห่วงคุณ มันหมายความว่าไงนะ ประโยคเมื่อกี้ฉันไม่เข้าใจเลย แต่ฉันก็ไม่อยากฟังแล้ว
ผมทนเห็นคุณกับไอ้กวีทะเลาะกันอย่างนี้ไม่ได้ ผมอยากให้คุณมีความสุข เพราะฉะนั้นตราบใดที่ผมยังรู้ว่าคุณยังไม่มีความสุข ผมก็ยังรักคนอื่นไม่ได้คุณเข้าใจไหม ผมยังรักชลไม่ได้เพราะคุณยังไม่มีความสุขกับคนอื่นเลย คราวนี้เข้าใจชัดเลย เมื่อกี้อุตส่าห์ทำเป็นไม่เข้าใจ แต่ไอก็ยังคอยตอกย้ำว่าไม่ได้รักฉันให้ชัดมากยิ่งขึ้นไปอีก น้ำตามันไหลเป็นทางไม่ยอมหยุด จนฉันผล็อยหลับไป ในฝันเขาพูดต่อไปว่า
ผมไม่อยากทำให้ชลเสียใจหรือเป็นอะไรไปมากกว่านี้อีกแล้ว
ถ้าในโลกแห่งความจริง เขาพูดอย่างนี้ก็คงดี ถ้าสาเหตุที่เขาไม่อยากให้กลอนมายุ่งเกี่ยวกับเขาเป็นแบบนี้ ฉันคงจะร้องไห้น้อยกว่าตอนนี้ เพราะถึงอย่างไรเขาก็ยังนึกถึงฉันบ้าง แต่ในความเป็นจริงไม่มีสักคำไม่มีถ้อยคำใดที่ฟังแล้วสามารถแปลได้ว่าเขาคิดถึงใจฉัน
เวลาผ่านไปนานเท่าไรไม่ทราบ รู้แต่ว่าไม่อยากตื่นขึ้นมาตอนนี้ ฉันกลัวใจตัวเอง กลัวว่าจะทำเป็นไม่รู้เรื่องที่ไอตะวันคุยกับกลอนเมื่อครู่นี้ไม่ได้ ทั้งคู่เหมือนคนที่ฉันไม่รู้จักเลยสักนิด ทั้งคู่มีเรื่องที่ปิดบังฉันมีเรื่องที่ฉันคนที่เฮ้อไม่รู้จะเอาตัวเองไปวางไว้ที่ฐานะอะไรสำหรับเขา
เอาไงดีนะเรา จะถามกันตรงๆ เลย หรือจะทำเป็นไม่รู้เรื่องแล้วก็รั้งเขาไว้ดี แต่ฉันยังทำใจไม่ได้เลยนะ ไอตะวันขอฉันทำใจก่อนนะคะ ไว้สักวันที่ฉันทำใจได้ฉันจะปล่อยคุณไป สักพักก็มีมืออุ่นๆมาอังที่หน้าผาก ฉันอยากจะร้องไห้ออกมาทั้งๆอย่างนั้น แต่บางสิ่งบอกให้ฉันทนไว้ก่อน อย่าเพิ่งร้องไห้ออกมาเลย
ชล ชล แม้แต่เสียงที่เรียกชื่อของฉันก็อ่อนโยน ไม่น่าเชื่อเลยว่าเขาไม่ได้เรียกชื่อฉันด้วยความรัก
ตื่นมากินข้าว กินยาก่อนเถอะนะ เดี๋ยวค่อยพักผ่อน นอนอย่างเดียว เดี๋ยวจะยิ่งแย่ ฉันนอนทำใจอยู่เป็นพัก จนเขาต้องเรียกฉันอีกครั้ง
ยังไม่ตื่นอีกเหรอ ชลๆ ตื่นมากินข้าวก่อนนะเดี๋ยวค่อยนอนต่อ มืออุ่นเริ่มเขย่าแขนฉันเบาเป็นการเรียกสติ ฉันจึงลืมตาขึ้นและส่งยิ้มให้เขา
เช้านั้นผ่านไปด้วยดี เขาไม่ทันได้สังเกตสิ่งผิดปกติที่ฉันพยายามซ่อนเขาไว้ เราสองคนกลับกรุงเทพกันวันนั้นเลย เพราะฉันอยากกลับไปพักที่บ้าน เขาอนุญาติให้ฉันพักได้จนกว่าจะหายไข้ ซึ่งเป็นการดีที่ฉันจะหลบหน้าเขา
วันถัดมาฉันไม่ไปทำงานตามที่เขาอนุญาติ ฉันนอนทั้งวัน นอนแบบจะพยายามตื่นจากฝันร้ายที่ฉันได้ยินเขาคุยกับกลอนวันนั้น
.ก๊อกๆ.
เชิญค่ะ ใจเต้นแรงขึ้นตามเสียงจังหวะการเคาะประตู เพราะตอนนี้เป็นเวลาเลิกงานแล้ว จะต้องเป็นเขาแน่ๆเลย เพราะว่าเขาจะต้องไปรับตาเค้กด้วย เพราะฉะนั้นต้องเป็นเขาแน่ๆ
ขออนุญาตินะครับ คุณคนสวยจอมเปิ่น น้ำตาหยดแรกหล่นลงบนผ้าห่ม ทันทีที่ฉันรู้ว่าเขาไม่ใช่ไอตะวัน
ทำไมกัน ฉันจะหลบหน้าเขาไม่ใช่เหรอ จะเสียใจทำไมที่ไม่ใช่ไอตะวัน เขาไม่มาเยี่ยมก็ดีแล้วนี่
คุณร้องไห้ทำไมครับ ดีใจที่เห็นผมขนาดนั้นเชียว พอเขาถามฉันออกมา ฉันก็เริ่มสงสัยว่าทำไมเขาถึงรู้จักบ้านฉันได้ ก็แค่ช่วยฉันตอนที่หลงทางแค่ครั้งเดียวเอง แต่สีหน้าฉันมันคงงงมากเลยละมั้ง เขาจึงรีบตอบคำถามโดยที่ฉันยังไม่ได้เอ่ยปาก
อ้อ ผม ไอเมฆ น้องชายของเพื่อนคุณไงครับ ผมน้องพี่ไอตะวันน่ะครับ วันนี้พี่ไอตะวันมีธุระด่วน ต้องไปประชุมที่อิตาลี 2 อาทิตย์ เลยมอบหน้าที่ดูแลคุณและไปรับลูกชายคุณที่ร.ร.แทน ตั้งแต่ที่ได้ยินเขาคุยโทรศัพท์ แต่ละอย่างที่ฉันได้ยินทำร้ายกันเหลือเกิน
ไปประชุมที่อิตาลี ไปจริงๆ น่ะเหรอ , เพื่อนคุณ ฉันเป็นแค่เพื่อนเขางั้นเหรอ เขาบอกคนในครอบครัวเขาว่าอย่างนั้นเหรอ และฉันเผลอก็ถามเขาออกไปตามที่ใจสงสัยด้วยว่า
ไปประชุมจริงๆ เหรอ เขาอึ้งไปสักครู่ เหมือนกับว่าเริ่มเห็นความผิดปกติของฉัน
ไปจริงๆ สิ ผมยืนยันได้ ว่าแต่ลูกคุณนี่ซนไม่ใช่เล่นเลยนะครับ แสบด้วย แบบนี้ผมชอบ เขาเริ่มเปลี่ยนเรื่องคุย ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่ฉันพอจะมีอารมณ์คุยด้วย เราสามคนจึงคุยกันสนุกขึ้น ทำให้ฉันลืมเรื่องนั้นไปได้ชั่วเวลาหนึ่ง
หลังจากนั้น 1 วัน พอฉันหายป่วย ฉันจึงตัดสินใจขับกระป๋องน้อยไปรับไปส่งตาเค้กเอง เพราะไม่อยากรบกวนคนอื่นนานๆ แต่ทว่าเย็นวันนั้นเอง กระป๋องน้อยของฉันก็มีโอกาสได้ต้อนรับไอเมฆมาเป็นผู้โดยสาร เขาอ้างว่ารถเสียฉันจึงจำใจพาเขาไปรับตาเค้กที่ร.ร.ด้วยกัน แถมตอนเย็นยังขอฝากท้องที่บ้านฉันอีก แต่เนื่องจากการบ้านการเรือนของฉันเป็นที่หนึ่งถ้านับจากที่โหล่ ทำให้อาหารมื้อนั้นมีแต่ ไข่กับไข่และไข่ โดยที่เราสามคนช่วยกันทำ วุ่นวายน่าดู ไข่เกือบจะไม่เป็นไข่แน่ะ นี่ถ้าวันนี้พ่อกับแม่ฉันอยู่คงไม่กินข้าวเย็นแน่ๆ เลย แต่เขาก็ยังอุตส่าห์ชมว่าฉันทำอาหารอร่อยอีก
อร่อยจังเลยครับ ผมไม่ได้กินข้าวอร่อยๆ แล้วมีความสุขแบบนี้มานานแล้ว
คนที่นั่งกินด้วยไม่ถูกใจเหรอคะ
คุณชลรู้ได้ยังไงครับ
พี่คุณก็เป็นนี่คะ ตอนที่พี่คุณไปกินข้าวกับเรา 2 แม่ลูกครั้งแรกก็พูดแบบนี้ เพียงแต่ว่า..เราไม่ได้กินข้าวที่บ้าน เราไปกินข้างนอกกัน จะว่าไปแล้วพี่คุณก็ไม่เคยมากินข้าวที่บ้านฉันเลย คุณโชคดีกว่าอีกนะ ไว้วันหลังฉันจะพาเขามากินที่บ้านมั่งดีกว่า เขาอมยิ้มแล้วมองหน้าฉันนิ่ง จนฉันเริ่มรู้สึกเขินๆ เหมือนกันที่มีผู้ชายแปลกหน้ามาจ้องหน้ากันนานๆ แบบนี้
คุณนี่ อะไรๆ ก็มีแต่เรื่องพี่ชายผมนะ แต่ก็ดีแล้วที่ตอนนี้คุณพอพูดถึงเรื่องพี่ผมได้อย่างมีความสุขบ้าง พูดเสร็จความเงียบก็เข้าแทรกระหว่างวงสนทนา จะไม่ให้ฉันเงียบได้ไงละ ก็เขาพูดแทงใจขนาดนั้น และตัวป่วนก็ผล็อยหลับไปแล้วด้วยการพูดคุยจึงเริ่มไม่ค่อยอ้อมค้อมมากนัก
คุณรู้เหรอ
ไม่รู้หรอก พี่กับผมยังไม่ได้คุยอะไรกันเลย แต่เดี๋ยวก็คงรู้ เขาจ้องหน้าฉันเหมือนจะรอฟังคำตอบ
คุณจะไม่มีทางได้รู้หรอก เพราะเขาไม่รู้ว่าฉะ.คุณอย่าเพิ่งรู้เลยนะ ขอฉันแก้ปัญหานี้เองเถอะ รับรองฉันจะไม่เอาเปรียบใครเลย ขออย่างเดียวคุณอย่าเพิ่งบอกอะไรพี่ชายคุณนะ
ผมไม่บอกอยู่แล้ว เพราะว่าผมไม่ชอบบังคับใครให้เล่าเรื่องส่วนตัว ถ้าเขาไม่ยอมเล่า ความเงียบเข้าแทรกระกว่างเรา 2 คนอีกครั้ง ฉันเริ่มรู้สึกอยากร้องไห้อีกครั้ง เขาจึงชวนฉันไปส่งเขากลับบ้าน
ผมจะกลับบ้านแล้วไปส่งผมหน่อยสิ ฉันไม่มีอารมณ์จะตอบอะไรได้แต่ลุกขึ้นอุ้มตาเค้กไปนอนที่ห้อง แล้วหยิบกุญแจรถเดินนำเขาออกมาที่รถ
ระหว่างทางกลับบ้าน อยู่ๆ เขาก็พูดขึ้นว่า
คุณมีความฝันไหม ผมมีนะแต่มันคงเป็นไปไม่ได้แล้ว คุณดูผับตรงนั้นสิ เห็นเวทีไหม ผมน่ะอยากขึ้นไปยืนเล่นกีต้าร์ตัวโปรดของผมแล้วก็ร้องเพลงที่ผมแต่งให้คนที่มาเที่ยวที่ร้านฟังนะ
ทำไมถึงเป็นไปไม่ได้ละ
ก็ผมต้องเรียนหนักตั้งแต่มัธยมจนจบมหาวิทยาลัย ทำงานก็ต้องแบกรับชีวิตพนักงานทั้งบริษัทนี่ครับ
ไม่จำเป็นหรอกนะเมฆ มันไม่จำเป็นว่าคุณจะต้องขึ้นไปยืนบนบันไดขั้นสูงสุดของความฝันคุณก็ได้ คุณก็แค่ไปยืนตรงขั้นที่มันสวยที่สุดในสายคุณคนเดียวก็พอ แค่คุณไปยืนร้องเพลงเล่นกีตาร์ตัวโปรดของคุณบนนั้น นั่นก็สวยได้แล้วนะถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่ขั้นสูงสุดแบบที่คนอื่นเขาได้ยืนกัน เขายิ้มตอบกลับพร้อมสายตาที่ฉันไม่อยากจะแปลความหมาย เพราะฉันไม่ต้องการให้มันเกิดขึ้นระหว่างฉันกับไอเมฆ
ขอบคุณนะชล คุณให้กำลังใจผมได้มากเลย
สักพักเราก็เดินทางมาถึงบ้านของไอตะวัน แค่เห็นหน้าบ้านฉันก็อยากจะร้องไห้เพราะความคิดถึงเขาแล้ว นี่มันกี่วันแล้วนะที่ฉันไม่ได้เห็นหน้าเขาเลย โทรศัพท์ก็ไม่ได้คุยกัน นี่เขาไม่คิดถึงฉันบ้างเลยหรือไงกัน
ระหว่างทางกลับบ้านฉันก็นั่งร้องไห้คนเดียว นั่งคิดถึงอะไรหลายๆ อย่างระหว่างฉันกับไอตะวันและกลอน จนกระทั่งถึงบ้าน
โปรดติดตามตอนต่อไป (ด้วยนะคะ อิๆ)
ฟ้าที่เริ่มหม่นหมองครั้งที่แล้วตอนนี้เป็นฝนที่ตกหนักในใจประกายชลแล้ว แต่มันจะเป็นแค่เม็ดฝนหรือเปล่า คนที่ไม่เคยมีพิษมีภัยกับใครซุ่มซ่ามไปวันๆมีความสุขไปวันๆอย่างเธอจะเจ็บปวดโดยคนที่เธอรักได้อย่างไม่น่าฝังใจ แล้วยังไอเมฆน้องชายของไอตะวันที่เข้ามาป้วนเปี้ยนกับเธออีก เขาต้องการอะไรกันแน่ ตอนหน้าเรื่องราวยังไม่จบเพียงแค่นี้แน่ๆ ต้องรอนะคะ
TANOI_ZA
10 ธันวาคม 2546 20:35 น.
TANOI_ZA
ตอนที่สี่ รอคอย
เช้าวันต่อมา เขามารับฉันที่บ้านแต่เช้า ด้วยสีหน้าที่ปกติเหมือนกับว่าเมื่อคืนไม่มีเรื่องอะไรที่น่าเครียดเลยสักนิด พอเราสองแม่ลูกขึ้นไปนั่งบนรถเรียบร้อยแล้ว ตาเค้กก็ถามคุณไอขึ้นมาทันทีว่า
ทำไมวันนี้น้าไอถึงมารับเราสองคนแต่เช้าได้ละ คนบ้านนี้เขาไม่มีใครบ้าออกจากบ้านก่อน 6 โมงครึ่งหรอกนะครับ
เราคนเดียวน่ะสิ เสร็จช้ากว่าคนอื่นเขาเลย ส่วนคนอื่นเขาเสร็จกันตั้งแต่ 6 โมงเช้าแล้วจ้ะ
ก็ตัวเองอยากปลุกเขาช้าทำไมกันล่ะ
แหม!..พูดอย่างกับว่าถ้าแม่เราตอนตี 5 ครึ่ง แล้วจะยอมตื่นขึ้นมาอาบน้ำ ล้างหน้าอย่างนั้นแหละ นอนก็นอนก่อนคนอื่นเขาเลยนะเราน่ะ ยังจะขี้เกียจลุกแต่เช้าอีก
ก็ทำไม ไม่.....
พอเหอะครับ! ทั้งสองคนเลย อากาศเช้านี้กำลังดี อย่าทะเลาะกันเลย"
"ฉันไม่ได้เริ่มก่อนนะคุณ ตาเค้กนั่นแหละเริ่มก่อน"
"ไม่ต้องเลย ชลนั่นแหละที่เป็นฝ่ายเริ่ม ก็แค่เรื่องเขานอนตื่นสายเอง"
"ก็เราอยากตื่นสายเองนี่ หรือเค้กไม่ได้ตื่นสายอย่างที่แม่พูด"
"อะแฮ่มๆ!! คือ....ชลครับผมว่าเมื่อกี้นี้ คุณเป็นคนเริ่มก่อนนะครับ"
"แบร่.......! เห็นไหมน้าไอยังเข้าข้างเขาเลย น้าไอนี่ก็นิสัยดีใช้ได้เหมือนกันนะครับ" เค้กหันมาแล่บลิ้นปลิ้นตาใส่ฉันอย่างน่าหมั่นไส้ แล้วไอตะวันก็หันไปพูดกับตาเค้กต่อว่า
"เค้กครับ ที่คุณแม่เขาไม่ปลุกเราตั้งแต่ตี 5 ครึ่ง ก็เพราะว่าเขาอยากให้เราพักผ่อนให้เต็มที่ จะได้แข็งแรงและก็ฉลาดเหมือนน้าไอไงครับ
ว๊ายๆ!! ขี้ตู่ ใครเขาอยากแข็งแรงเหมือนนายกัน ไม่ได้เป็นอะไรกันซักหน่อย เขาจะแข็งแรงเหมือนแม่เขาต่างหาก
เราสองคนหันมาสบตากันอย่างรู้ทันตาเค้ก ว่าที่ตาเค้กพูดจาเสียมารยาทไปเมื่อกี้นี้ เป็นการแก้เขินที่ ได้รู้ว่าฉันรักเขามากและดูแลเขาเป็นอย่างดี
เมื่อเราไปส่งตาเค้กที่โรงเรียนเรียบร้อย จึงเหลือแค่เราสองคนอยู่ในรถ แล้วฉันก็ถามเขาด้วยความเป็นห่วง ที่เมื่อคืนนี้มีเรื่องด่วนเข้ามาตอนเที่ยงคืน แต่ไม่มีคำตอบใดๆออกมาจากปากของเขา ในตอนแรกฉันนึกว่าเขาคงไม่ได้ยิน แต่ฉันก็ต้องแน่ใจว่าเขาได้ยินเพราะคราวนี้ฉันสะกิดเขาและถามเขาอีกรอบว่า
เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นคะ บอกฉันไม่ได้เหรอ แล้วก็ไม่มีคำตอบใดๆออกมาให้ฉันสบายใจ แต่ฉันก็เข้าใจว่ามันอาจจะเป็นความลับของบริษัท ที่เขายังไม่สามารถบอกคนที่เพิ่งเป็นแฟนเขาเมื่อคืนนี้ได้ ฉันจึงเปลี่ยนคำถาม
เมื่อคืนเหนื่อยไหมคะ เช้านี้กินอะไรหรือยัง แล้วเมื่อคืนนี้ได้นอนหรือเปล่า
ไม่เหนื่อยแล้วล่ะครับ ก็ผมมีคุณคอยห่วงอยู่นี่ไง ผมไม่มีทางเหนื่อยหรอก ส่วนข้าวผมก็ยังไม่กินเลยหิวมากๆเลย แต่อยากจะหาอะไรกินที่ชั้นใต้ดินของบริษัทพร้อมกับคุณ ก็เลยยังไม่กินอะไร
แหม มิน่าล่ะ มารับฉันแต่เช้าเชียว เอ้อ!! เมื่อเช้านี้ ยายกลอนมันโทรมาบอกฉันว่ามันจะเลิกกับแฟน คู่นี้ทะเลาะอะไรกันหนักหนาก็ไม่รู้ ฉันละอยากรู้จักจังเลย ไอ้คนทสามารถี่ทำให้อารมณ์ยายกลอนแปรปรวนได้ขนาดนี้น่ะ
อีกไม่นานเดี๋ยวก็ได้รู้จักเองแหละครับ
'เอาอีกแล้ว ชอบพูดอะไรแปลกๆ เหมือนกับว่า...โอ๊ย! ช่างมันเหอะ'
คู่นี้รู้สึกจะรักกันนานแล้วนะคะ แถมระยะทางยังห่างไกลกันอีก ฉันเองก็อยากให้คู่นี้จบลงด้วยดี ฉันว่าหายากนะคะ ผู้ชายที่จะรักมั่นคงขนาดนี้ ไม่มีความคิดเห็นใดๆจากเขา มีแต่สีหน้าที่ดูเศร้าจับใจฉัน มันเหมือนสีหน้าของคนที่หมดหวังในบางสิ่งบางอย่าง ฉันไม่อยากรับรู้และไม่อยากจะพูดอะไรออกมาอีก เราสองคนจึงนั่งนิ่งจนมาถึงที่ทำงาน แล้วเราสองคนก็แยกย้ายกันไปทำงานตามปกติ
อีก 2 วันข้างหน้าจะเป็นวันเกิดเขาแล้ว เราสองคนคุยกันว่าจะไปกินข้าวกันที่ร้าน ริมทะเล ซึ่งเป็นร้านที่ฉันเคยไปกับครอบครัว ครอบครัวฉันได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตากันเป็นครั้งสุดท้ายก็ที่ร้านนี้ มันเป็นวันสุดท้ายที่ฉันได้เห็นหน้าพี่ชายและพี่สะใภ้ของฉัน และหลังจากนั้นครอบครัวของฉันก็ไม่เคยมาที่นี่อีกเลย
แต่วันนี้ฉันอยากจะมาสร้างความทรงจำใหม่ที่ดีๆให้กับที่นี่ เพราะจะว่าไปแล้ว ตอนที่พี่ชายของฉันยังอยู่ เขาก็ชอบร้านนี้ที่สุด เพราะว่ามันเป็นร้านที่ตั้งโต๊ะอาหารไว้ที่ลานหินที่ไม่มีหลังคาปกคลุม เวลาตอนกลางคืนที่มานั่งกินข้าวกันก็จะสวยมากและระเบียงไม้กว้างสีขาวแต่มีหลังคา บรรยากาศที่นั้นชวนเพ้อมากๆเลย แต่ครอบครัวของเรามักจองที่ตรงลานหินเพราะจะได้ดูดาวไปกินข้าวไปด้วยพร้อมกัน
เย็นวันนั้นฉันไม่ได้ไปพร้อมกับไอ เพราะเขามีงานที่ยังสะสางไม่เสร็จ ฉันก็เลยไม่ต้องหาข้อแก้ตัวที่จะไม่ไปพร้อมเขาเลย เพราะจริงๆ แล้วฉันก็มีแผนอยู่ในใจแล้วเหมือนกัน ว่าจะแยกกันไปเพื่อที่จะไปเตรียมพร้อมกับพนักงานในร้านและหาของขวัญให้เขาด้วย ส่วนเรื่องตาเค้กวันนี้ พ่อฉันอาสาไปรับให้แล้ว เนื่องจากอยากยกลูกสาวให้คนรวยมาตั้งนานแล้ว เลยสนับสนุนเต็มที่
เมื่อออกจากที่ทำงานได้ ฉันก็ตรงดิ่งไปที่ร้านริมทะเลทันที เพื่อ ไปบอกให้พนักงานในร้านว่าต้องเตรียมตัวอย่างไรและต้องทำอะไรบ้างเมื่อฉันส่งสัญญาณ แล้วฉันก็ต้องรีบไปเอาของขวัญที่ฉันเอาไปใส่กรอบไว้ มันไม่ใช่ของขวัญที่มีราคาแพงอะไรเลย เพียงแต่ว่าฉันใช้ความสามารถของฉัน ทำมันออกมาเองกับมือมันคือ ข้อความที่ฉันเขียนอธิบายความรู้สึกของฉันที่มีต่อเขาบนรูปที่ถูกขยายขนาดให้ใหญ่ มันเป็นรูปเมื่อครั้งที่ฉันและเขาไปเที่ยวด้วยกัน แล้วก็กลับไปแต่งตัวให้งามๆ หวังจะให้เขาตะลึงและบอกฉันว่า
ซาตานตนใด (เอ้ย! ไม่ใช่) นางฟ้าตนใดจำแลงกายมาให้ผมได้เห็นกันเนี้ย (ลิเกซะ)
ฉันออกจากที่ร้านอาหารนั้นเกือบจะ 6 โมงแล้วล่ะ แล้วเรื่องมันก็เกิด เพราะว่าฉันรีบใช่ไหมคะ กลัวว่าจะมาถึงที่ร้านนี้ก่อนเขามาไม่ทัน ไหนฉันจะต้องไปเอาของขวัญ แล้วก็ไปอาบนํ้าแต่งตัวใหม่ให้สวยได้ใกล้เคียงกับนางฟ้าที่สุดอีก (เรื่องความสวยน่ะ แบบว่าแค่แต่งให้สวยทัดเทียมกับบรรดาสาวๆที่มาให้ท่าเขาทุกวันยังทำไม่ได้เล้ย) ฉันก็เลยอยากจะลองใช้ทางลัดที่พี่เคยบอกว่า ไปทางนี้จะใกล้กว่านะ รถก็ไม่ค่อยเยอะด้วยสะดวกดี
ฉันก็เลยตัดสินใจไปทางนั้นทันที โดยไม่ได้คิดหน้าคิดหลังอะไร ปรากฏว่าตอนแรกเลยรถเสีย วิ่งอยู่ดีก็กระตุกอย่างกับเป็นลมบ้าหมูอย่างนั้นแหละ (ที่พูดนั่นรถใช่ไหม ไม่ใช่คนนะ?) ฉันก็ไม่รู้จะทำไงกรี๊ดลั่นรถอย่างเดียวเลย (TANOI_ZA: เฮ้อ!! ผู้หญิงก็อย่างนี้แหละน้า..ตกใจทีไรก็ทำอะไรไม่ถูกทุกที ทำได้อยู่อย่างเดี๋ยว กรี๊ด ประกายชล: คุณ TANOI_ZA ก็ผู้หญิงเหมือนกันไม่ใช่เหรอคะ TANOI_ZA: แป่ว.! เอ่อลืมไป) กรี๊ดรอตั้งนานกว่าจะมีคนมาช่วย (พอมาคิดๆ ดูแล้ว มันอาจจะเป็นเพราะฉันกรี๊ดก็ได้ ถึงไม่มีใครกล้าเข้ามาช่วย) ขับไปได้สักพักก็ยางแตก (TANOI_ZA: ก็ดันไม่ดูสังขารไอ้กระป๋องน้อยของตัวเองเล้ย...ว่าแก่ขนาดไหนแล้ว ดันพาขับออกมาซะไกลขนาดนี้ ไม่ยกเครื่องใหม่ก็บุญแล้ว) ฉันก็เลยต้องรอคนมาช่วยอีก แล้วพอขับไปได้สักพักก็เจอทางแยก แต่เท่าที่จำได้พี่ฉันบอกว่า จะไม่มีทางแยกอีกแล้วถ้าพ้นจากศาลเจ้าริมทางมา เท่านั่นแหละฉันถึงได้เริ่มรู้ตัวว่า หลง เอาเข้าไปโคตรซวย
เฮ้อ...ทำไมฉันจะต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วยก็ไม่รู้ ฉันก็หน้าตาก็ออกจะบอกว่าโชคดี แต่มีเรื่องแบบนี้ทีไรซวยทุกที (TANOI_ZA: ก็ซุ่มซ่ามเองนี่ จะโทษใครอีกล่ะแม่คุณ)
'ทีเมื่อกี้มีคนอยู่ด้วยดันไม่ถาม มั่นใจตัวเองขนาดหนัก ความรู้น้อยแต่ความมั่นใจเต็มเปรี่ยม' คราวนี้ไม่มีคนให้ถามก็ต้องรอคนมาช่วยอีก ฉันนั่งรอในรถเป็นชาติกว่าจะมีคนมาช่วย แล้วเขาก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลที่ไหนหรอก เพราะว่าฉันคุ้นหน้าเขา และเขาก็ดูเหมือนว่าจะรู้จักฉันด้วย เพียงแต่ว่าฉันจำเขาไม่ได้เท่านั้นเองว่าเป็นใคร TANOI_ZA: ยังจะมั่นใจอีกว่ารู้จักกัน ที่มั่นใจเมื่อกี้จนตัวเองหลงทางยังไม่พอใช่ไหม ยายเปิ่น แล้วเขาก็บอกให้ฉันขับรถตามเขาไป เพราะว่าเขาก็จะไปเข้ากรุงเทพเหมือนกัน
เมื่อถึงกรุงเทพ เราก็แยกย้ายทางใครทางมัน แต่ตอนที่ไปถึงมันแค่ 3 ทุ่มเองนะ TANOI_ZA: แค่ 3 ทุ่มอย่างนั้นเหรอใจเย็นไปม้าง ฉันก็รีบไปแวะไปเอาของขวัญและดิ่งไปเปลี่ยนชุดที่บ้าน แต่ยังไม่ได้เข้าบ้านหรอกเพราะว่าเข้าบ้านไม่ได้ พ่อกับแม่พาตาเค้กไปเที่ยวข้างนอก ซึ่งเป็นกิจกรรมที่นานๆห่างถึงจะทำกัน (แต่ไม่รู้ว่าวันนี้อะไรดลใจพ่อกับแม่ฉัน ให้เกิดอยากแสดงความรักต่อหลานชายจอมซ่าจนถึงขั้นพาออกไปข้างนอกวันนี้ เลยทำให้ฉันเข้าบ้านไม่ได้ TANOI_ZA: ไม่ต้องไปโทษคนอื่นเลยยายเปิ่น อยากไม่เอากุญแจไปด้วยทำไม ใครเขาจะอยู่เฝ้าบ้านรอเธอกลับมาได้ตลอดเวลาล่ะ) ฉันก็เลยจำใจต้องกลับไปที่ร้านริมทะเลสภาพ....(บรรยายไม่ถูกให้นึกเอาเองแล้วกันว่า ฉันต้องช่วยเขาซ่อมรถน่ะคะ เขาให้ช่วยยกอะไร ทำอะไรก็ต้องทำ แบกนู่น ขนนี่ และก็ตอนที่หลงทางอีก ฉันคงไม่ต้องบรรยายแล้วนะคะ)
พอฉันไปถึงที่นั้นก็เป็นเวลา 4 ทุ่มครึ่งได้ สายไปตั้ง 1 ชั่วโมง ฉันเชื่อว่าเขาจะต้องนั่งรอฉันอยู่ด้วยความรู้สึกกระวนกระวายอยู่แน่ๆ เพราะว่าเขารู้นิสัยฉันดี (ว่าฉันซุ่มซ่ามเกินเยียวยาขนาดไหน) กลัวอยู่อย่างเดียว กลัวว่าเขาจะโกรธฉันได้แต่ภาวนาให้เขาจะยกโทษและเข้าใจสาเหตุที่ฉันมาสาย (เป็นเหตุผลที่น่าอายอีกแล้ว แต่ถ้าเขาฟังก็คงจะอารมณ์ดีขึ้นมาเลยแหละ) ซึ่งมันก็จริงอย่างที่ฉันภาวนา เขาไม่โกรธฉันเลยสักนิด ก็เขาจะโกรธฉันได้ไงละ ก็เขายังมาไม่ถึงเลยนี่นา ดูยังไงก็ยังมาไม่ถึงแน่ๆ โต๊ะที่จองไว้ก็มีคนมานั่งแทนไปแล้ว เพราะว่าฉันไม่ได้โทรมาเลื่อนเวลา ก็ฉันนึกว่าไอตะวันจะมานั่งรออยู่แล้ว สักพักพนักงานคนหนึ่งก็วิ่งมาบอกฉันว่า
ตกลงที่เตรี๊ยมกันไว้ เอาไงต่อพี่จะย้ายโต๊ะแล้วทำตามแผนเดิมเลยไหม
ยังไม่มาเลยเหรอ คนที่พี่บอกลักษณะไว้น่ะ
ไม่เห็นมีใครลักษณะเหมือนเทวดาอย่างที่พี่บอกเลย
พี่ไม่ได้บอกว่าเหมือนเทวดาสักหน่อย
มันก็ใช่ที่พี่ไม่ได้บอกผมว่าเหมือนเทวดา แต่ไอ้ลักษณะที่พี่บอกมา ใครได้ฟังเขาก็ต้องคิดว่า คนที่พี่พูดถึงต้องเป็นเทวดาแน่ๆเลยนะพี่
เออๆ ก็นั่นแหละไม่เห็นเลยเหรอ
ครับไปไม่เห็นเลยครับ
ถ้าอย่างนั้นย้ายโต๊ะก็ได้ เลือกที่อยู่กลางแจ้งหน่อยนะ จะได้เห็นดาวเห็นทะเลชัดๆหน่อย ส่วนที่เรื่องที่เตรียมไว้เหมือนเดิมเฉพาะอาหาร แต่อย่างอื่นถ้าพี่ไม่ส่งสัญญาณก็ไม่ต้องทำ โอเคนะ
ครับได้เลย
พอฉันได้ที่นั่งปุ๊บสมองของฉันมันก็คิดพิศดารปั๊บ แทนที่จะนั่งรอเขาอยู่อย่างสงบให้สมกับเป็นกุลสตรี ดันอยากเป็นทหารพรานคิดอยากไปซ่อนอยู่หลังพุ่มไม้ที่อยู่ติดกับโต๊ะที่ฉันจองไว้ใหม่ เพื่อตอนที่เขาไปถึงฉันจะได้ออกมาจ๊ะเอ๋เขาพร้อมของขวัญ และแหม วันนี้อากาศก็ช่างเป็นใจเหลือเกิน ลมเย็นสบาย ทำให้ไม่มียุงกัดฉันเลย แต่ลางสังหรณ์ก็บอกฉันว่า เรื่องที่อากาศเป็นใจน่ะฉันคิดไปเองเพราะว่าไม่นานนักดาวที่มีอยู่บนฟ้าก็ถูกบดบังด้วยเมฆดำก้อนมหึมา เม็ดฝนเริ่มโปรยปรายลงมา เหมือนกับจะช่วยร้องไห้แทนฉัน ที่ไอตะวันยังไม่มาตามที่เรานัดกันไว้ (แต่ฉันไม่ต้องการ!! แค่ลมพัดไล่ยุงแบบเมื่อกี้ก็ดีอยู่แล้ว ฝนไม่ต้องตกด้วยก็ได้)
ในตอนแรกฉันคิดจะวิ่งเข้าไปหลบฝนที่ในร้านเหมือนกัน แต่ฉันก็ต้องเปลี่ยนใจเพราะถ้าเขามาถึงตอนนี้แผนก็แตกพอดี ครั้นจะเอารูปไปเก็บที่รถก็กลัวว่าจะเจอกันกลางทางแผนก็จะแตกอีก จึงจำใจต้องถอดเสื้อคลุมที่ใส่มาเอาคลุมรูปเอาไว้
มีครั้งหนึ่งที่พนักงานในร้านบอกให้ไปนั่งที่โต๊ะก็ได้ เพราะว่าเขาเอาร่มมากางไว้ให้แล้ว แต่ฉันก็ปฏิเสธไปอย่างมั่นคง จนเขาต้องยอมแพ้เปลี่ยนใจเอาร่มมากางให้ที่พุ่มไม้แทน แต่ฉันก็รีบปฏิเสธทันทีแถมยังไล่ให้ไปที่อื่นอีก เพราะกลัวว่าถ้าไอเขาเห็นร่มแล้วมันจะผิดสังเกต คนบ้าที่ไหนจะเอาร่มมากางให้ต้นไม้ที่โตเต็มที่แล้วละคะ และในที่สุด 1 ชั่วโมงผ่านไป เวลาที่ฉันรอคอยก็มาถึง ฝนหยุดตกสักที (TANOI_ZA: เอ้า! ไม่ได้รอไอตะวันมาเหรอ) แต่ฉันก็ยังไม่เห็นวี่แววว่าเขาจะมาสักนิด แล้วพนักงานในร้านก็เอาผ้าเช็ดตัวมาให้พร้อมกับพูดว่า
ร้านปิดแล้วพี่ อาหารที่ทำไว้ เอาไงละครับ
เอาให้ไอ้ด่างมันไปเลย ฉันไม่เอาแล้ว แล้วเดี๋ยวเอาไวน์มาให้สองขวดด้วยนะ เอาแบบที่กินแล้วไม่เมา แต่ลืมได้น่ะมีไหม
ยังไม่ได้กินก็เมาแล้วนะพี่ อย่างนี้ผมว่าพี่ไม่ต้องกินก็ได้นะ
แล้วตกลงมีไหม
ไม่มีครับพี่ มีแต่เมาแล้วไม่ลืม
เมาไม่ลืมหรืออะไรก็เอามาเหอะ พี่จะกิน
เมื่อพนักงานในร้านคิดเงินให้และเอาไวน์มาให้ฉัน 3 ชวด เอ้ย! 3 ขวด โดยบอกว่าอีกหนึ่งขวดแถม (เขาคงสงสารฉันมั้ง) ในระหว่างที่เดินมาที่รถ ฉันก็คิดไปต่างๆนานา ทำให้ฉันยิ่งโกรธเขาและน้อยใจเขา
คอยดูนะถ้ามาถึงเมื่อไหร่ละก็ จะ..จะจะไม่ยอมคุยด้วยเลย จะปล่อยให้ง้อให้ตายไปเลย (เข้าใจทำโทษเขาจังเลยนะคะฉันเนี้ย ไม่คุยด้วย ไอตะวันคงกลัวหรอก แถมยังจะให้เขาง้ออีก สำคัญตัวเองผิดไปละมั้ง)
ไม่นานนักคนที่ฉันกำลังโกรธอยู่ ก็โผล่มาเคาะกระจกรถด้วยสีหน้าและท่าทางที่รู้สึกผิดมากๆ ฉันรีบเปิดประตูรถและกระโดดกอดเขาพร้อมกับน้ำตา ที่เอ่อทะลักออกมาจากความรู้สึก ฉันเหมือนกับเด็กหลงทางในที่ๆ ตัวเองไม่รู้จัก และตอนที่ตัวเองเริ่มหมดหวังที่จะใครอีกแล้วก็ได้เจอพ่อกับแม่ของตัวเอง
ไอ ทำไม ฮึก!....ทำไม ไอถึงมาช้าแบบนี้ ไอไม่เคยผิดนัดชลเลยนะ เรารออยู่นานมากเลยรู้ไหม นานจนนึกว่าเราตื่นจากฝันซะแล้ว เรานึกว่าไอจะไม่มาหาเราอีกแล้ว เรา ฮึก เรา ฮึก เราฮือๆ. ไอกอดฉันแน่นซะจนฉันเริ่มรู้สึกตัวและค่อยๆ สงบลงบ้าง ทำให้พอมีสติจำเรื่องที่เขาบอกเมื่อเย็นนี้บ้าง
ฮึกๆ ไอ ทำไมถึงมาช้า งานเยอะมากเลยเหรอ ฉันถามเขาอย่างเพิ่งนึกได้ ว่าเมื่อเย็นเขาบอกว่าจะมาช้าเพราะเรื่องงาน
อะ อืมใช่ เขากอดฉันแน่นมากกว่าเดิม
งั้นไม่เป็นไร เรายกโทษให้นะ
อย่ายกโทษให้ผมเลยผมผิดนัดคุณ ทั้งๆ ที่นัดคุณไว้ก่อน
ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่ ยังไงๆเรื่องนั้นมันต้องสำคัญกว่าเราอยู่แล้ว เบี้ยวนัดเราก็ไม่เป็นไรหรอก นี่เราไม่ได้ประชดไอเลยนะ ไม่มีคำพูดใดๆออกจากปากฉันจนกระทั่งฉันรู้สึกว่าหน้าไอมี10หน้า พื้นเริ่มไม่เท่ากัน
โปรดติดตามตอนต่อไป (ด้วยนะคะ อิๆ )
ฟ้าสวยใสครั้งนี้อยู่กับเธอได้ไม่นานเลย ฟ้าหม่นหมองก็เข้ามาทาบทับซะแล้ว ตอนนี้หัวใจของประกายชลอาจจะยังไม่เปียก แต่ว่ามันไม่ใช่แค่นี้แน่ๆ ตอนต่อไป หัวใจเธอจะเริ่มเปียกแล้วนะคะสิ่งที่ในใจลึกๆของเธอสงสัยอยู่กำลังจะเฉลย แล้วมาติดตามกันว่าเธอจะจัดการอย่างกับหัวใจที่เริ่มเปียกของเธอ
TANOI_ZA