27 กันยายน 2546 17:27 น.
TANOI_ZA
รักที่ไม่ทำร้ายใครคือรักที่มีแต่ความปราถนาดี อยากให้คนที่เรารักมีความสุข แม้กระทั่งยอมให้ความสุขของคนที่เรารักทำร้ายเราจนหมดแรงก้าวต่อไปก็ตาม แต่ความเจ็บปวดนั้นแหละ จะเป็นสิ่งที่สร้างความสุขให้เราอย่างแท้จริง
22 กันยายน 2546 18:21 น.
TANOI_ZA
ชีวิตอันเรียบง่ายของฉันไม่เคยเรียบอีกเลย ตั้งแต่วันที่ 'ใบหยก' เข้ามาในชีวิต ฉันจำได้ว่าฉันเป็นคนว่าง่าย ไม่เกเร ไม่ขี้งอน ไม่เรื่องมาก ไม่ขี้น้อยใจ ไม่ขี้อิจฉา (คือจริงๆแล้วก็มีบ้างแต่ไม่มากนักหรอก) ฉันรู้จักเค้าที่ยิมเทควันโดที่ฉันเรียนอยู่ เค้ามาในวันแรกก็กวนประสาทฉันเลย ตอนนั้นฉันได้ Free spairing กับเขา (Free spairing คือการใช้วิชาเทควันโดที่ได้เล่าเรียนมาต่อสู้กัน) นายนั่นก็พูดข่มฉันว่า
"ตัวเล็กแค่นี้ คิดจะมาสู้กับเราเหรอเดี๋ยวก็ไม่รอดหรอก"
แต่ก็จริงแหละนะ วันนั้นฉันเกือบเอาชีวิตกลับมาฝากพ่อกับแม่แค่วิญญาณซะแล้ว ก็เลยยิ่งไม่ค่อยชอบหน้าสักเท่าไหร่ อย่างวันนั้นก็อีก ฉันนั่งเล่นกีต้าร์ของฉันอยู่ดีๆ (ท่านผู้อ่านลองนึกภาพตามนะ) กำลังร้องเพลินๆเลยนะอยู่ๆก็มีเสียงแทรกขึ้นมา (เชื่อไหมวันนั้นฉันเจอความสามารถพิเศษของตัวเองเลยนะ ว่าฉันสามารถร้องเพลงโดยใช้เนื้อร้องของอีกเพลงแต่ทำนองของอีกเพลงได้ โดยที่ตอนแรกๆไม่มีใครสามารถจับได้เลย ว่าแต่!! มันน่าภูมิใจไหมเนี้ย) ซึ่งเพลงที่ร้องเป็นเพลงอะไรฉันเองก็จำไม่ได้แล้ว เพราะวันนั้นฉันไม่ชอบใจที่เขาทำแบบนี้ ก็เลยไม่ได้จำ แต่ถ้ารู้ว่าเราจะรักกันนะ จะจำไว้ทุกเรื่องเลย เรื่องในวันนั้นทำให้ฉันรู้สึกว่า ตัวเองหน้าแตกเป็นอย่างมากเลย เพราะฉันเป็นที่นับถือของน้องๆในยิม แต่กลับถูกตานี่หักหน้าไม่เหลือ แต่ว่ามันมีที่แตกยับยิ่งกว่านี้อีกนะ แต่ไอ้ที่แตกไม่ใช่หน้าของฉันหรอก มันคือขาของฉันต่างหากที่แตกยับเยิน
นายนั่นทำให้ฉันขาหักล่ะ แต่ว่ามันกลับทำให้ฉันมีโอกาสที่ได้เห็นข้อดีที่ฉันไม่เคยเห็นจากหยก (เอ่อ...........อ่ะก็ได้ คือจริงๆแล้วก็เห็นบ่อยแต่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้น่ะ ก็ตอนนั้นยังมีอคติอยู่นี่นา แต่ตอนนี้เริ่มเห็นใจหยกแล้วล่ะ) หยกคอยรับคอยส่งเสมอเลยนะ เช้าเห็นหน้า เที่ยงเห็นหน้า เย็นเห็นหน้า (นี่ถ้านายนี่เป็นข้าวนะฉันคงไม่ต้องมีโอกาสได้กินอย่างอื่นแน่ๆเลยล่ะ) ถือของให้ด้วยนะ จะเอาอะไรก็ตามใจตลอด (ถ้าไม่เอาแต่ใจเกินไปนะ ไม่งั้นก็มีดุเหมือนกันล่ะ) จนตอนนั้นเหมือนว่าเราสองคนเป็นแฟนกันเลยล่ะ
แต่ว่าก็รู้สึกดีๆได้ไม่นานนักหรอก (เอ้ะ! นี่ฉันยอมรับตัวเองแล้วเหรอว่ารู้สึกดีๆกับหยก ยัง...ยังหรอก ก็ฉันไม่ใช่คนใจง่ายนี่นา แต่ว่าฉันชอบโกหกตัวเองน่ะสิ) หยกก็เริ่มหายไป ฉันไม่ยอมถามหาหยกกับใครเลยนะ ทั้งๆที่อยากรู้เรื่องหยกใจขาดดิ้นเลย จนเพื่อนมาคุยกันต่อหน้าต่อตาว่า หยกมีแฟนแล้วแต่อยู่คนละมหาวิทยาลัย และที่อาทิตย์นี้ฉันยังไม่ได้เห็นหน้าของหยก ทั้งๆที่ปกติเขาต้องมาดูแลฉันแต่วันนี้เขากลับไม่มาเลย ก็เป็นเพราะว่าหยกไปหาแฟนที่เชียงใหม่ ฉันทำเป็นไม่ใส่ใจกับสิ่งที่เพื่อนๆพยายามจะทำให้ฉันแสดงความในใจที่แท้จริงออกมาไว้อย่างมิดชิด จนกระทั่งเพื่อนกลับไปได้เท่านั้นแหละร้องไห้แบบสุดๆเลย
พอนายนั่นโผล่หน้ามาให้เห็นนะฉันเลยแกล้งไม่คุยด้วย หลบหน้าหลบตา ไม่สนใจ แต่จะเรียกว่าแกล้งก็ไม่ถูกเพราะการแกล้งของฉันมันคงไม่มีค่าพอที่จะทำให้หยกรู้สึกได้หรอก (ขี้น้อยใจอีกด้วยนะ) แต่ดูหยกร้อนใจมากๆเลยนะที่ฉันไม่คุยกับหยก หลบหน้าหลบตาหยกแบบนี้ (คิดไปเองน่ะสิ ไม่ค่อยจะเข้าข้างตัวเองเท่าไหร่เลยนะแม่คุณ)
แล้ววันนั้นฉันก็เห็นหยกเดินมากับหญิงสาวที่สวยซะด้วยนะ แต่ว่าแก่กว่าฉันและหยกอีก ดูสิ!! เดินเบียดกันจนแทบจะขี่คอกันอยู่แล้วหรือถ้าขี่คอกันได้แบบไม่อายใครคงขี่คอกันไปนานแล้วล่ะ (แหม! ขี้อิจฉาซะด้วยนะ อยากทำแบบเค้าบ้างล่ะสิ)
ฉันทำไงน่ะเหรอเต็มตาขนาดนี้ ก็วิ่งหนีน่ะสิ สุดชีวิตเลยด้วยนะ กลัวหยกจะตามทันน่ะ แล้วก็ตามมาจริงๆด้วย เลยวิ่งกันแบบที่ว่าหนังอินเดียยังต้องออกมาประท้วงที่ผลรวมระยะทางการวิ่งของฉันกับหยกมากกว่าระยะทางมาตรฐานหนังไทยเลย แต่ในที่สุดหยกก็ตามทัน แต่พอทันแล้วหยกกลับบอกฉันว่า
"เดี๋ยวเราจะแนะนำคนที่คนอื่นเขาบอกว่าเป็นแฟนผมให้คุณรู้จัก" เอ้า! ดูสิคนเรารู้ทั้งรู้ความรู้สึกเราแล้ว ยังมีหน้ามาตอกยําเราอีก
แต่ฉันก็รอแฟนของหยกนะรอทั้งนําตาเลย (ไม่รู้มันพร้อมใจกันมาจากมหาสมุทรไหนมั่งถึงได้ทะลักเป็นเขื่อนแตกได้ขนาดนี้) แต่หยกไม่ทันเห็นหรอก เพราะว่าหันไปหาคนรักของเขาซะก่อน พอคนรักของหยก เดินมาถึง หยกก็หันมาหาฉัน ก็เลยเห็นว่าฉันร้องไห้ แต่ฉันพยายามกั้นไว้แล้วนะแต่ไม่ไหว หยกกลับหัวเราะลั่นเลย ฉันก็งงสิเกิดอะไรขึ้น นําตาฉันมันเป็นตลกค่าเฟ่รึไงกัน ฉันน้อยใจจนเดินหนีแต่เค้ารั้งไว้บอกว่า
"ผมมีคนที่อยากแนะนำให้คุณรู้จัก" แต่ฉันไม่อยากรู้จักนี่เรื่องไรจะอยู่ฟังล่ะ
"นี่พี่สาวผมครับชื่อฝ้าย" โครม!? Oh no!ฉันล้มต่อหน้าหยกเหรอเนี้ย แต่เอ้ะ! เมื่อกี้หยกบอกว่าพี่งั้นเหรอ พี่! ไม่จริง ดีใจจังเลย แต่ฉันฟอร์มไม่ฟังหยกนะเดินหนีต่อ
"ผมรักคุณ" ฉันหันกลับไปมองพร้อมกับรอยยิ้มทันที
"ผมรักคุณนะ พี่ฝ้าย พี่เป็นพี่ที่ดีเหลือเกิน" เขาแกล้ฉันให้ฉันหน้าแตกดูสิคะเขาแกล้งฉันอีกแล้ว (คนอะไรน่า..น่า....น่ารักจริงๆเลย) พอฉันหน้าแตกขนาดนี้อยู่ต่อได้ไงล่ะฉันก็เลยต้องวิ่งหนีหยกอีกรอบ
แต่คราวนี้หยกไม่ยอมให้วิ่งหนีลแล้ว เขาวิ่งมากอดฉันไว้แน่นเลย (มีสิทธิ์อะไรก็ไม่รู้ แหม!! แต่จริงๆแล้วก็ดีใจนะน่ะ)
"ผมรักคุณครับกิ่ง" (ชื่อฉันค่ะ ชื่อฉันท่านผู้อ่านรู้แล้วนะ นี่แหละค่ะชื่อฉัน) เค้ากระซิบข้างหูฉัน แค่นั้นแหละหมดแรงทำอะไรไม่ถูกได้แต่ก้มหน้าหามดอย่างเดียวเลย
"มีสิทธิ์อะไรมากอดฉัน" ฉันแกล้งถามหยกไป
"ก็คิดว่าคนเขารักกันก็ต้องกอดกันไงจริงรึเปล่าล่ะ" คราวนี้ฉันเงียบไม่พูดอะไร ไม่ใช่อะไรหรอกเขินจนหมดแรงน่ะค่ะ
ฉันพยายามจะหนีอีกนะ (ไม่รู้จะเก๊กทำไมกันนักหนานะยัยกิ่ง ยอมๆไปเหอะเดี๋ยวก็ขึ้นคานกันพอดี 3ชาติกว่าแล้วนะที่ไม่มีใครหลงมาให้ดีใจแบบนี้น่ะ ยัยกิ่ง) หยกจับฉันหันหน้าไปมองตาเขาพร้อมกับถามว่า
"รักผมบ้างรึเปล่า" เงียบค่ะเงียบ ดิฉันเงียบอย่างเดียว
"ไม่ตอบผมจูบนะ ตอบว่าไม่รักก็จูบด้วยเอ้า คอยดูสิ" กว่าฉันจะรวบรวมความกล้าได้นะ ปากหยกแทบจะถึงปากฉันแล้ว แต่ว่านะพอบอกว่า 'รัก' ไปหยกก็จูบอีกแหละเขาบอกว่าลูกติดพัน 'น่ารักจริงๆแฟนใครก็ไม่รู้' (แหน้ะ!! เขาขอตัวเองเป็นแฟนแล้วเหรอยะ นี่สงสัยว่าถ้าเขาแค่ขอเธอเป็นแฟน เธอไม่บอกเลยเหรอว่าเขาขอเธอแต่งงานน่ะ ขี้ตู่จังเลย)
นี่แหละค่ะความรักระหว่าง 'กิ่งทอง-ใบหยก' ไม่ค่อยวิบากเท่าคู่อื่นหรอกนะ แต่นี่ก็เป็นเพียงแค่เริ่มต้นนี่นา ชีวิตคู่ไม่จบกันแค่นี้หรอก จริงไหมค่ะท่านผู้อ่าน แต่เราทั้งคู่ (กิ่งทอง-ใบหยก) จะพยายามรักษามันไว้ให้ดีเลยล่ะค่ะ สู้ตายค่ะ!!