26 มกราคม 2548 01:44 น.
sun strom
พี่พายุ..........เจ้าคะ
เมื่อกลางวันได้คุยกันนิดหน่อย ทราบว่า วันนี้เป็นวันกองทัพไทย พี่ไม่ได้ไปทำงาน มัดหมี่ก็เลยอดคุย แต่ไม่เป็นไรหรอกนะคะ อย่างไรมัทก็รอพี่เสมอ
ดึกป่านนี้ยังนอนไม่หลับเลยค่ะ เข้าไปคุยกับเพื่อน ๆ ที่ยาฮู แวะแต่งกลอนกับแม่จิตรต่อจากเมื่อวานนี้ให้จบ แต่ก็ยังไม่จบอยู่ดี แม่จิตรก็ขอตัวไปนอนก่อน เนื่องจากดึกเกินไป แต่มัทนี่ซิยังไม่อาจข่มตาหลับลงได้ นั่งอ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์ต่าง ๆ เข้าไปแต่งกลอนหยอกพี่อุ๊กับท่านเรไร แต่หัวใจกลับวิ่งโลดลิ่ว ป่านนี้พี่คงหลับสบาย ภายใต้ผ้าห่มอุ่น ๆ พี่เคยบอกมัทว่า เวลานอนพี่ชอบกอดหมอนข้าง ความคิดเจ้ากรรม คิดอยากเป็นหมอนข้างแล้วดิ...
เสียงเพลงจากเอมพีสามมันทำให้มัทคิดถึงพี่พายุนะคะ รักคนมีเจ้าของ ของวงไอน้ำดังกังวาน ชอบนะคะ เพลงนี้ ฟังแล้วทำให้อารมณ์ที่เริ่มจะขุ่นมัว มันใสขึ้นได้ค่ะ ก้อ รักคนมีเจ้าของ จริงๆ นี่นา
ตีหนึ่งกว่าแล้วค่ะ พรุ่งนี้เราคงได้พบกัน แม้จะยังไม่ง่วงก็คงต้องบังคับตัวเองไปนอนแล้วค่ะ
เอ่ยคำลาฝากไว้ตรงนี้นะคะ ว่ามัดหมี่คิดถึงพี่พายุมากค่ะ bi bi ไปนอนแล้วค่ะ
อยากจะบอก ว่ารัก คิดถึงมาก
เอ่ยจากปาก ฝากลม ปลิวมาหา
หากอยู่ด้วย จะจูบพรม ทั้งดวงหน้า
โผข้ามา หาไออุ่น จากอกงาม
ทราบหรือเปล่า น้องรอ คำหยอกล้อ
คำเคลียคลอ ออดอ้อน ตอนบ่ายสาม
คำต่อเติม หัวใจ เต้นตูมตาม
เลยสองยาม ยังกรุ่น ในดวงใจ
18 มกราคม 2548 22:03 น.
sun strom
ทุ่มตรงกองฟืนที่เตรียมไว้กองใหญ่ถูกจุดขึ้น อากาศที่หนาวเย็น ถูกแทนที่ด้วยความอบอุ่น จากแสงไฟทำให้เราทราบว่า แขกของม๊าวันนี้มากกว่าทุกปี มีหลายท่านที่เราไม่รู้จัก ทุกคนนั่งประจำโต๊ะญี่ปุ่นเตี้ย ๆมีหมอนสี่เหลี่ยมลวดลายต่าง ๆ รองนั่งบนเสื่อผืนใหญ่ อาหารถูกนำมาเสริฟตามโต๊ะต่าง ๆ จนครบ เรานั่งเคียงข้างป๊าซึ่งเดินทางมาโดยกะทันหัน เราไม่ทราบว่าผู้ใหญ่ท่านมีเรื่องอะไร ปรึกษากันมากมาย เบียร์เย็น ๆ ถูกนำมาเสริฟ ป๊าบอกปฏิเสธ เพราะดื่มไม่ได้ เนื่องจากมีปัญหาทางสุขภาพ เราขอเปลี่ยนจากเบียร์เป็นน้ำเปล่า อาหารตรงหน้ามีหลายอย่าง ส่วนใหญ่แล้วเป็นประเภทกับแกล้ม ซึ่งจัดเตรียมไว้เพื่องานนี้โดยเฉพาะ
มีการกล่าวเปิดงานจากม๊า หลังจากนั้นซักครู่เสียงเพลงจากคาราโอเกะเคลื่อนที่ก็ดังขึ้น เราถูกเชิญขึ้นเวทีเป็นคนแรก เพลงรักเธอไม่มีวันหยุด ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น รักม๊าไม่มีวันหยุด สำหรับเนื้อเพลงก็มีดัดแปลงไปบ้าง ตามความเหมาะสม เพลงจบลงท่ามกลางเสียงปรบมือ เรากล่าวขอบคุณ หลังจากนั้นคำพูดที่ได้เตรียมไว้สำหรับม๊า ก็หลุดจากปากของเรา ขอให้ม๊ามีความสุขในวันคล้ายวันเกิดครบ 5 รอบ หนูรักม๊าไม่เคยมีวันหยุดอย่างเพลงที่ร้อง ม๊าเข้ามาโอบกอดเรา เราจุ๊บแก้มม๊า น้ำใส ๆคลอเบ้าตาทั้งสองข้าง เรามีความรู้สึกอยากให้ม๊ามีความสุขแบบนี้ทุกปี ที่ผ่านมา ม๊าไม่เคยได้หยุดพักผ่อน มีน้อยปีที่จัดงานแบบนี้ หลุดปากออกไปเบา ๆ ม๊าอยากได้อะไรเป็นของขวัญวันเกิด มัทจะให้ม๊าทุกอย่างที่ม๊าต้องการ คำตอบของม๊าทำเอาเราอึ้ง.......
ความคิดโลดแล่นถึงคนหน้าตี๋ นึกถึงดวงหน้าที่เราเคยดูประจำทุกวัน ทั้งรูปแต่งเครื่องแบบสีเขียวเข้ม เครื่องแบบสีขาว มือถือกระบี่ ตลอดจนรูปใส่เสื้อยืดยืนกอดอก คนหน้าตี๋ใจดีคนนั้น ทำอะไรอยู่หรอคะ คนตัวดำมาถึงทางตันแล้วนะคะ ช่วยคนตัวดำหน่อยได้หรือเปล่า...ทำไมไม่เป็นคนหน้าตี๋คะ
ม๊าทวงสัญญาที่เราเคยให้ไว้ ไม่คิดว่าม๊าจะจู่โจมแบบนี้ เลยไม่ทันตั้งตัว เตรียมใจ นึกถึงคำพูดคนหน้าตี๋ ให้เราเปิดใจรับ เปิดใจรับคนที่เห็นว่าดีและเหมาะสมกับตัวเอง มีคนมาให้เราเลือกมากมายเป็นตัวเราที่ไม่รู้จักเปิดใจ...สำหรับเรา อยากเปิดใจรับคนที่ผู้ใหญ่จัดหาให้ แต่ใจเจ้ากรรมกลับไม่ยอมรับ จะบอกปัดตรง ๆ ก็ไม่ได้เพราะได้รับปากตั้งแต่แรกแล้ว ตั้งแต่ที่ยังไม่เจอคนหน้าตี๋ จุ๊บแก้มม๊าเบา ๆ กอดม๊าแน่น ๆ แล้วบอกว่า ลูกจะพยายามค่ะ น้ำใส ๆ ที่คลอ ๆ ตอนนี้มันไหลหยดเป็นทาง หยดแหมะที่มือม๊า ม๊าโอบเรากระชับเข้าใส่อก แล้วบอกว่า ม๊าทราบจากป๊าว่าเรามีใครอยู่ในหัวใจแล้ว แต่ม๊าอยากจะเตือนว่า คนคนนั้น ถึงแม้เค้าจะเป็นคนดี แต่เค้าไม่มีเวลาให้เราหรอกนะ เราจะทนได้หรือเปล่า เราอึ้ง พูดไม่ออก บอกไม่ได้ ป๊าทราบมาตลอดเพียงแต่ไม่พูด เกรงจะกระทบจิตใจเรา เราดีใจขึ้นมาบ้างเมื่อม๊าบอกว่า ต่อไปม๊าจะไม่บังคับจิตใจเรา หากรักใครก็ให้เราพิจารณาเอง เพราะคนที่จะอยู่ด้วยกันนั้น ความรักมีส่วนอย่างใหญ่หลวง
ม๊าจูงมือเราไปนั่งอีกโต๊ะหนึ่ง คนตัวสูงนั่งเด่นเป็นสง่า มองเราตาวาว ๆ พี่เค้านั่งอยู่ก่อนหน้าแล้วเคียงข้างด้วยคุณลุงคุณป้า เรายกมือไหว้ท่านทั้งสอง เสร็จแล้วหันมายกมือไหว้คนตัวสูง ตาวาว ๆ ที่มองเราอยู่ก่อน ยิ่งวาวหนักเข้าไปอีก เรานึกถึงคนหน้าตี๋ ...ที่อยู่ข้ามขอบฟ้า เขาจะมองเราแบบนี้หรือเปล่านะ...ชักเขิน ๆ แฮะกันสายตาคู่นั้น
ม๊านั่งคุยซักพักก็ชวนคุณลุงคุณป้า เดินไปทักทายโต๊ะอื่น ปล่อยให้เรานั่งอยู่กับคนตัวสูงตามลำพัง พี่เค้าก็ย้ายที่นั่งจากเดิมขยับเข้ามานั่งใกล้ ๆ เรา พี่เค้าบอกว่า อยากคุยด้วย ขอเวลาให้พี่ได้หรือเปล่า เราตอบว่า ได้ค่ะ และส่งยิ้มให้ พี่คิดถึงเรานะ ทราบหรือเปล่า เดี๋ยวนี้ ไม่ค่อยรับโทรศัพท์พี่เลย งานยุ่งหรือเปล่า เราก็ตอบไปว่า งานยุ่ง อีกอย่างก็ปิดเสียงโทรศัพท์ไว้ บางครั้งก็ไม่ได้พกติดตัว เลยไม่ได้รับค่ะ พี่มีเรื่องจะคุยกับเรามากมาย เราพอจะมีเวลาให้เค้าเป็นการส่วนตัวบ้างไหม ในเมื่อมาแล้ว เราก็คงเลี่ยงไม่ได้ ก็เลยตอบตกลง พี่เค้าก็ชวนเราเดินเลี่ยงจากงาน ไปนั่งที่ระเบียงหน้าบ้าน เรามองหาป๊า ป๊าก็ส่งสายตามาคล้าย ๆ จะบอกว่าให้เราเคลียร์ ๆ ให้เสร็จเรื่องกันเสีย จะได้ไม่ต้องกังวล พี่เค้าเอ่ยปากบอกเราว่า ที่เราเคยสัญญากับม๊าไว้นั้น พี่เค้าจะไม่บังคับเราอีกต่อไปแล้ว ขอให้สบายใจได้ แต่ ในช่วง 2 ปีนั้น พี่เค้าขอเวลา หากทำให้เรารักไม่ได้พี่เค้าจะไปจากชีวิตเรา เราก็บอกพี่เค้าไปตรง ๆ ว่าเราไม่ได้รักพี่เค้าแบบที่จะเป็นสามีภรรยากัน และเราไม่ได้รังเกียจพี่เค้า ยังคบหากันได้เหมือนเดิม ขอให้พี่เค้าเป็นพี่ชายอีกคน คนตัวสูงจับมือเราไว้ในมือเค้า บอกว่า พี่รักเรา รักแบบเป็นสามีภรรยา ไม่มีความรู้สึกเป็นพี่น้อง อยากให้เราเข้าใจพี่เค้าด้วย ขอเวลานะ 2 ปี สัญญาว่าจะไม่ทำให้เราเสียใจ หากแม้ถึงที่สุดแล้วเรายังรักพี่เค้าไม่ได้ เค้าจะไปจากชีวิตเรา เรารับปาก ...ในใจก็มีคำถามซ้อนขึ้นมา แล้วเราจะรักพี่เค้าได้หรอก็ในเมื่อใจไม่ได้มีความรู้สึกแบบที่เกิดกับคนหน้าตี๋ ...เราสงสารพี่เค้าจังอะ ทำไมไม่เป้นคนหน้าตี๋นะ