10 พฤษภาคม 2548 08:14 น.
srivijitra
=== หัวใจหลงทาง ===
ตะวันเดียวในดวงใจกระจายลับ
เหมือนโลกอับแสงสว่างอ้างว้างเหงา
เสียงหัวใจยังแว่วแต่แผ่วเบา
เหมือนคนเขลาเมานิยามของความรัก
มัวหลงเงามายาหาความหมาย
หลงงมงายมัวเมาเข้ากับดัก
ธารน้ำตาต้องแหวกว่ายคนพ่ายรัก
แม้ประจักษ์ที่เห็นเป็นเรื่องลวง
แสงทองจากปลายฟ้าส่องมาให้
เน้นนิยามความหมายอันใหญ่หลวง
ฝากเสน่หามาอย่าคิดลวง
ใจทั้งดวงวางเพิ่มเป็นเดิมพัน
เปรียบเหมือนใบไม้แห้งเพราะแล้งน้ำ
ลมกระหน่ำก็ปลิดขั้วจากกิ่งหัน
อย่าให้ใจต้องเพิ่มรอยเป็นร้อยพัน
ถ้าเพียงฝันก็อย่าคอยเพิ่มรอยใจ
เพียงมือนุ่มกุมเอาไว้ส่งให้แล้ว
เหมือนดวงแก้วส่องสว่างหนทางใหม่
มือกุมมือแนบนุ่มใจกุมใจ
อย่าปล่อยห่างร้างหาย "หัวใจหลงทาง "
10 พฤษภาคม 2548 07:59 น.
srivijitra
>= ใจซ่อมซ่อ =
น้ำค้างหยดค้างปลายยอดหญ้า
หาได้เปรียบเทียบค่าน้ำตาหญิง
หนาวน้ำค้างสร่างแน่แค่อกอิง
แต่อกหญิงนิ่งระกำกับคำ คอย
ข่มความเศร้าก้าวขึ้นยืนอีกครั้ง
มิได้หวังวาจาว่าน้ำอ้อย
ปลดโซ่ตรวนเคยรัดสะบั้นลอย
สวาทคล้อยมิเคยร่วมเคียงบุญ
เคยมอบใจให้แล้วมิแคล้วฝืน
ย้ำคำยืนแม้บุพเพมินำหนุน
แค่คู่หมายหาใช่ใครคู่บุญ
ใครที่วุ่นใจลอยอย่าคอยรอ
ใจที่ให้ไปแล้วไม่ขอกลับ
แม้โขกสับจะนั่งมองมิร้องขอ
จะเหยียบย้ำเย้ยเล่น......จะรอ
ใจซอมซ่อ ค่ากระพี้"ธุลีดิน"
===========
10 พฤษภาคม 2548 07:50 น.
srivijitra
สบสายตาราวใครเอาไฟเผา
ทั้งร้อนหนาวร้าวตะลึงถึงไหนๆ
มันโลดลิ่วโถมแล่นถึงแก่นใจ
สัมผัสแผ่วสะท้านไหวด้วยไข้รัก
เป็นอาการทางใจไม่อยู่นิ่ง
ห้ามไม่ไหวใจมันวิ่งยิ่งตึกตัก
เชื้อสวาทเข้ารุมเริ่มฟูมฟัก
เชื้อไฟรักเริ่มกระจายไปทั่วตัว
มีอาการแสดงออกคล้ายบอกเหตุ
แค่สบเนตรเดี๋ยวก็อาย เดี๋ยวส่ายหัว
อยากส่งยิ้มใจบอกอย่ากล้า ๆกลัว ๆ
ยิ่งน่าหัว เอ้อ...อ้า...ระอาใจ
กระแสรักเริ่มแปลกมีแทรกส่อ
โรครักนั้นมันติดต่อกันได้ไหม
แทรกเส้นเลือด ผิว ผม ลมหายใจ
ใครช่วยได้จะยกใจให้ฟรี ๆ
อาการหนักเซโซขั้นโคม่า
นึกถึงแค่แววตาใจเต้นถี่
อยากกอดหมอนนอนฝันถึงคนดี
อาหารมีถูกปากไม่อยากกิน
ห่วงผิว กาย ใบหน้าจะไม่นวล
ห่วงผอม อ้วนเรื่องแต่งตัวกลัวไปสิ้น
ห่วงว่าเธอโทรหาจะไม่ได้ยิน
แทบดับดิ้นเพราะห่วงหาแต่หน้าเธอ
ให้หมอตรวจอาการท่านหัวเราะ
แค่เบาะๆบอกได้ "โรคใจเผลอ "
"ไตหัวจาม "ทำให้ใจละเมอ
ตามให้เจอจะหายสนิทราวปลิดทิ้ง
1 มีนาคม 2548 15:17 น.
srivijitra
หากคนใดได้ทุกอย่างดั่งใจคิด
สิ้นชีวิตจะเอากองไว้ตรงไหน
มาตัวเปล่าไปตัวเปล่าจงเข้าใจ
มีความดีที่ฝากไว้ไห้เขาชม
กว่าจะก้าวผ่านมาได้ในวันนี้
คงจะมีทั้งเริงรื่นทั้งขี่นขม
ทั้งทุกข์สุขผ่านเราไปเหมือนสายลม
หาได้จมอยู่กับเราจนเนาว์กาล
อุปสรรคหวังผลหมายทดสอบ
เป็นโจทย์ตอบความนัยหลายสถาน
ทั้งหนาวเหน็บเจ็บจมแทบล้มคลาน
ถ้าเจ้าผ่านก็พิสูจน์คุณค่าตน
หากเจ้าท้อก็จะราญเป็นถ่านเผา
เหมือนซากเก่าสลายเป็นดังเส้นขน
หาก องอาจผ่านได้ให้อดทน
เจ้าหลอมตนจนโดดเด่นเหมือนเพชรงาม
ดุจธรรมชาติสร้างเพชรงามเป็นน้ำเอก
มิใช่หลับตาเสก หนึ่ง สอง สาม
ผ่านเวลา หนาว ร้อนสุม อุณหภูมตาม
กว่าเพชรงามระยิยระยับ นับล้านปี
18 กุมภาพันธ์ 2548 20:23 น.
srivijitra
หัวใจฉันใช่อย่างหนาเหมือนตราช้าง
แค่สลิมเบาบางอย่างวิสเปอร์
ค่อยซึมซับเลือดรักร้ายจากใจเธอ
พอล้นเอ่อต้องทิ้งวางอย่างอาจม
ราดวิกซอลขัดล้างใจให้สะอาด
ให้ผุดผาดพ้นปลักรักหมักหมม
สาดไฮเตอร์ล้างสีโศกอกระทม
ยกขึ้นดมหอมชื่นใจเหมือนใหม่เล๊ยยย