21 มกราคม 2550 21:29 น.
srivijitra
มีความเหงาไว้กอดนอนแทนหมอนข้าง
มีผืนความอ้างว้าง ต่างแพรห่ม
ทอดร่างอยู่บนความโศกตรม
เสียงระงมของหัวใจกล่อมนิทรา
เพลงรำพันจากหัวใจผ่านไอหมอก
ถึงรักชอกช้ำโรยร้องโหยหา
รักเคยหวานต้องมองผ่านม่านน้ำตา
ขื่นคำลาเมื่อ*รักแท้*มาแปรปัน
กับชีวิตที่สับสนทนเวียนว่าย
ยอมแพ้พ่ายแก่ฟ้ามิกล้าฝัน
ยังเหลือรอยยิ้มรับกับโทษทันฑ์
หากสวรรค์ชังน้ำหน้ามิสาใจ
เป็นคนน้อยวาสนามิกล้าหวัง
เรื่องรัก...ชัง..รู้ชะตาว่าต้องพ่าย
หมดใจแล้วมิอาจเพิ่มเดิมพันใคร
คนไร้ใจต้องก้มหน้า....มิกล้าคิด
ศรีวิจิตรา
22 พฤศจิกายน 2549 00:48 น.
srivijitra
ความคิดถึงเหมือนบทเพลงบรรเลงแผ่ว
ในวูบแววไหวตามทุกความฝัน
บนท้องฟ้า ในสายลม ในแสงจันทร์
ทุกอณูแห่งวารวัน.....ฝัน ลอย ลอย
มิกล้าก้าวเกินข้ามความคิดถึง
ราวถูกตรึงตีตราว่าค่าด้อย
มณีร้าว....ใครเล่า จักเฝ้าคอย
คนบุญน้อย ไม่กล้าเถียง เสียงหัวใจ
ศรีวิจิตรา
5 ตุลาคม 2549 13:54 น.
srivijitra
อีกครั้ง...
เสียงเพลงแสนหวานแว่วผ่านหู
ไม่อยากรู้ไม่อยากฟังไม่อยากเห็น
หยุดซมซานคนใจช้ำทำไม่เป็น
อย่าตามเข่นคอยรังควานประหารใจ
เพลงนั้นเคยผูกพันธ์ในวันหวาน
พอเนิ่นนานแค่ทำนองยังร้องไห้
ใจคนเปลี่ยนเพลงไม่เปลี่ยนใครเปลี่ยนไป
ฝืนหัวใจไม่ไหว..มันไม่ชิน
*เพลงนั้น*ดั่งศาสตรามาตอกลิ่ม
เนื้อนิ่ม นิ่มเรียก*หัวใจ*ใช่แผ่นหิน
มันแหลกรานร้าวแน่นถึงแก่นวิญญ์
ยามได้ยินเพลงเชือด คนเลือดเย็น
แว่วเสียงเพลงเคยหวานผ่านมาพ้อ
เหมือนภูตร้ายร้องขอรอเครื่องเซ่น
คนไร้ใจอยู่ไม่ได้ตายไม่เป็น
คนเลือดเย็นคงรอวันฉันขาดใจ
14 กันยายน 2549 19:20 น.
srivijitra
ลืมสิ้นแล้วแก้วพิกุลเคยกรุ่นกลิ่น
คงลืมสิ้นกลิ่นแพรส่ายสไบหอม
เคยอบร่ำจับจีบกลีบพยอม
ให้หวลหอมคนึงนางยามห่างไกล
เงียบสงัดในราตรีลมคลี่พัด
ราวจะกัดใจกร่อนคนอ่อนไหว
ดาวร่ำไห้กับเดือนเป็นเพื่อนใคร
ฤา....อาลัยที่ข้าฝังใจทั้งดวง
เหลือเพียงรอยอาลัยแค่ในฝัน
สะอื้นอั้นสะบั้นลอยคนคอยหวง
สุดหัวใจหยั่งมิถึงแม้ครึ่งทรวง
รักลวง ลวง หลอกให้ชื่นชั่วคืนชัง
รอยคนหายสไบวางไว้ต่างหน้า
มอบให้พี่ต่างผ้าไว้ตราสัง
ระทมร้าวเพียงไรไม่เคยชัง
ในวาบหวังน้ำตาคลอ....ยังรอคอย
ศรีวิจิตรา
15 มิถุนายน 2549 19:24 น.
srivijitra
อกหักแล้วใช่ไหมไอ้แห้วเอ๋ย
แค่นจะเชยกลิ่นดอกฟ้าทำหน้าแหงน
หลงเล่ห์เพทุบายแทบตายแทน
พอซื้งแก่นว่าที่แท้แค่ดอกทอง
เอ็งลืมสิ้นสัญญากับข้าไว้
จะมิแบ่งหัวใจให้เป็นสอง
ทิ้งอีแหววสาวหวานบ้านทุ่งทอง
ไปตระกองนั่งเกาตีนสาวกรุง
เอ็งเห็นเขาน่าพิศวาสเหมือนหยาดเพชร
ข้าฯมันเกร็ดค่าด้อยแค่พลอยหุง
เนื้อหอม ๆเขาอบร่ำพรมน้ำปรุง
ข้าฯมันคลุ้งสาปควายเอ็งไม่เอา
หลงคำหวานเขาฉอเลาะปะเหลาะปลิ้น
ไปหลงกลิ่นเหมือนอีกาเกลือกหมาเน่า
เพิ่งตักน้ำใส่กระโหลกชะโงกเงา
เลยเห็นเขาบนกะบาลพาลจะตาย
อีแหววไม่มียาวิเศษ
หรือมีเวทย์ไว้รักษาโรคใจง่าย
ถึงร้องจนน้ำตาเหือดเลือดกระจาย
น้ำตาควายมีค่ากว่าน้ำตาเอ็ง
อีแหวว..........