19 กรกฎาคม 2546 16:02 น.
spectaculous
รู้ไหมวันหนึ่ง ยามแสงสว่างแห่งอัสดงอ่อนๆฉายส่อง ณ เปลวไหวของปลายม่าน คราบน้ำตาที่เหือดแห้งในวงแก้ม ความยิ้มแย้มที่ห่างหาย จากความจริงอันแสนหวาน ในท่ามกลางความขมขื่น หวลนึกถึงวันวาน จากจุดเริ่ม ณ แรกหลง ผ่านวันคืนได้เจอะเจอ มอบความรักคอยบำเรอ รู้เปรียบเหมือนเธอหนึ่งดวงใจ จนครานี้เธออยู่ไกลแสนไกล นานเพียงไหนที่ไร้ซึ่งการติดต่อ อันเธอนั้นจากไปโดยไม่ร่ำรา แต่ทว่าฉันนั้นรู้ดี ว่าเธอนี้ไม่ตั้งใจให้เป็นเช่นเพียงนี้ เกิดซึ่งเพราะทางบ้านของเธอนั้น ย้ายแหล่งหลักเหมือนพลิกรัก จนเเป็นเหตุให้ยากนัก ที่จะเจอะเจอ แต่กลับเยอะเสียเหลือเกินด้วยความคิดถึง รำพึงรำพันว่าตัวฉันนั้นรักเธอมากเพียงไร ความจริงภายในใจมันหลั่งไหลจากใบหน้าเป็นธาราสู่ผืนดิน นับวันมิจบสิ้น ดุจสายน้ำแห่งนั้นไม่มีวันเหือดแห้ง มีเพียงสายนํ้าที่กัดเซาะให้เนินแห่งความอ่อนไหวนั้นหม่นหมอง อยู่เรื่อยไป
ทุกยามค่ำคืน ความมืดมิด แสงดาวที่แม้เพียงเล็กน้อยที่จะเห็น ภายในเมืองแห่งความสับสน มันเปรียบเหมือนระยะห่างระหว่างเรา ดวงเดือนส่องแสงสีครามอ่อนๆดูเหงาเศร้า มุมมองสีดำยิ่งทำให้ดวงดาวและดวงเดือนนั้นโดดเด่น ในมุมมองแห่งนี้มีหลากหลายซึ่งความรู้สึกที่แอบแฝงและเปิดเผยบ้างก็เหงาเศร้า บ้างก้อคิดถึง บ้างก้อรำพึงรำพันมันเป็นความรู้สึกที่ยากที่ใครจะสามารถทำความเข้าใจในตัวของเรานั้น ก็เช่นกัน ความห่างไกลก็ยิ่งทำให้ความคิดถึงนั้นหลั่งไหล จริงหรือที่ว่า หากแม้จะรักใครสักคนนั้นแสนยาก แต่การจะรักษาเขานั้นไว้ยิ่งยากกว่า คงจะจริงสำหรับคำพูดนี้ มีความสุขกับใครคนนั้นที่ได้เคียง แต่ทุกข์ยิ่งกว่าเมื่อจากลาหรือสูญเสีย
ความฝัน
ยามดึกดื่น คืนหนาว
เจ็บปวดรวดร้าว ราวกับความฝัน
แต่ฉันใดใคร่ฉันนั้น อันความจริง
ความเหงา
ยามโดดเดี่ยว เดียวดาย
ไร้ซึ่งคู่เคียงกาย แสนเสียดาย
ด้ายลิขิต ชีวิตที่ว่างเปล่า
ความรัก
ล้อมจิตใจ ให้รุ่มร้อน
เปรียบความรัก กับไฟฟอน
เหมือนภาพหลอน ในใจคน
ความคิดถึง
ระลึก รำพัน แม้นอนฝัน
นานวันผ่านพ้น คนเคยใกล้
ครั้นห่างไกล ใจหวั่นไหว
ความจริงใจ
เพราะรัก ที่เหนือกว่า
อาจเรียกว่า ความถ่องแท้
ที่มอบแก่ แค่บางคน
ความหวาน
ส่งผ่านใจ ไปถึงใจ
ไม่มีลด หรือหมดไป
ให้รักไซร้ ต่อไปชั่วนิรันดร์
เพลานี้ก็เหมือนฉันคนนี้ ทุกนาทีที่พ้นผ่าน ทุกหยาดหยดที่เสียไป คงมิอาจทำให้หวลกลับมา เหมือนสายน้ำไม่มีวันจะไหลย้อนกลับ วันเวลาเดินไปอย่างไม่เคยเหน็ดเหนื่อย แต่ตัวฉันนั้นคงหมดอายุขัยไปตามกาล ตลอดเวลาที่เส้นตรงสองเส้นที่เดินทางเข้าหากันจนประสานเป็นหนึ่งเดียวและเดินทางต่อไปด้วยกันจนวันหนึ่งจึงได้พบกับกำแพงที่ขวางกั้น จึงทำให้เส้นตรงเส้นนั้นต้องแยกออกเป็นสองเส้นในทิศที่ตรงกันข้าม ได้เพียงภาวนาให้กำแพงแห่งนั้นได้พังทลายลง ให้เส้นตรงที่ถูกแยกออกจากกันได้กลับมารวมเป็นหนึ่งเดียวกันอีกครั้ง แต่ ณ เวลานี้สิ่งที่คาดหมายคงไม่มีหนทางที่จะก่อเกิดได้อีกแล้ว วันเวลาสุดท้ายที่เทียนเล่มนี้จะดับแสง เปลวที่พริ้วไหวใกล้จะถึงจุดหมายของการดับสิ้น สิ่งสุดท้ายที่จะระลึกขึ้นภายใต้ดวงจิตอ่อนๆดวงสุดท้าย คือความผูกพันธ์ที่ได้เกิดขึ้นเพียงแค่ช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต ซึ่ง ณ เวลานี้มิอาจที่จะบอกกับคนที่ตนรักได้ก้อตาม แต่แม้หากเธอนั้นได้รับรู้ "ความคิดถึงนี้จะยังคงอยู่คู่สายลม ผืนดิน และจิตใจอีกหนึ่งดวง"