8 ตุลาคม 2550 11:25 น.
sonax0651
นายคำปันมีอาชีพรับจ้างทั่วไป บ้านอยู่ที่อำเภอหนึ่งใน
จังหวัดอุดรธานี แก่มีภรรยาชื่อบัวริน ทั้ง2คนความรู้น้อยก็อาศัยทำงานรับจ้าง
และก็ทำนาเลี้ยงชีพตนเองมาตลอดด้วยดี ทั้คู่มีบุตร1คนชื่อคำตัน ทั้งคู่มีนิสัยคล้ายกันคือชอบเล่นการพนัน จึงทำให้ไม่ค่อยมีเงินเก็บออมแถมบางครั้งยังมีหนี้สินอีกต่างหาก จนเมื่อคำตันเรียนจบชั้นประถมปีที่6แล้ว ทั้งคู่ก็ให้มาทำงาน
เป็นกรรมกรเหมือนกัน และจะได้ช่วยทำนาตามประสาคนชนบท เพื่อจะได้มี
ข้าวเก็บไว้กินกันตลอดปี แต่นายคำปันยังชอบเสี่ยงดวงอยู่เป็นประจำ โดยจะหา
ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลทุกงวด งวดละ2คู่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ขึ้น
ปีนี้แทบบ้านแก่ฝนแล้งทำนาไม่ได้ผล งานรับจ้างแถวบ้านก็น้อยลงเพราะ
เศรษฐกิจย่ำแย่ จากผลของการรัฐประหาร ทำให้นายคำปันต้องเดินทางเข้ามารับจ้างทำงานก่อสร้างในกรุงเทพฯ ร่วมกับเพื่อนๆที่อยู่บ้านเดียวกันและลูกชายแก่ด้วย นายคำปันมาทำงานอยู่แถวๆถนนสายไหมเป็นหมู่บ้านจัดสรรฯ ที่นี้แก่ได้
รับค่าแรงวันละ250บาทรวมกับลูกชายอีก220บาท ทำให้แก่มีรายได้ดีขึ้นกว่าตอนอยู่บ้าน แก่จึงปรึกษากับบัวรินว่าควรมาทำงานด้วยกันในกรุงเทพฯ เพื่อ
จะได้เก็บเงินไปใช้หนี้ที่กู้มา นายคำปันเริ่มมาทำงานตั้งแต่ตอนปีใหม่ จึงทำให้
แก่เก็บเงินไว้ได้บ้าง แม้จะซื้อลอตเตอรี่ทุกงวดๆละ2ฉบับ แถมเคยถูกเลขท้าย
2ตัวถึง2ครั้ง ทำให้แก่ยิ่งเชื่อว่าดวงกำลังดี แต่แก่ไม่เคยทิ้งใบล๊อตเตอรี่ที่ซื้อมาเลย แก่บอกทุกคนว่าจะสะสมไว้ดูเป็นของที่ระลึก และด้วยสิ่งแวดล้อมในสังคม
ของคนหาเช้ากินค่ำ จึงต้องมีการดื่มเหล้าสรวลเสเฮฮากันประจำ นายคำปันก็เป็นหนึ่งในจำนวนนั้นด้วย ยิ่งเป็นวันเงินเดือนออกวันที่16และ1ของทุกเดือนก็ยิ่ง
ครื้นเครงมากกว่าเดิม เพราะได้หยุดงานอีกหนึ่งวัน
และวันนี้คือวันที่1ที่เหมือนทุกเดือนนายคำปันได้ซื้อล๊อตเตอรี่ไว้ แก่ก็เก็บไว้ในห้องของแก่ วันนี้เป็นวันหยุดด้วย แก่จึงมาร่วมกับเพือนซื้อกับข้าวมาทำกินก
กัน และก็ต้องมีเหล้ายาปลาปิ้งเพื่อจะได้สนุก พวกเขาเริ่มตั้งวงเหล้าตั้งแต่เช้า
พวกผู้หญิงก็ไปจ่ายตลาดเอย ไปหาซื้อของใช้เอย บัวรินกับคำตันก็ไปด้วย ปล่อย
ให้คำปันนั่งกินเหล้ากับเพื่อน จนกระทั่งบ่าย4โมงเย็นบัวรินและคำตันได้กลับมา
ก็พบว่ามีงานเลี้ยงเสียงดังอึกทึกไปหมด ตามหาตัวนายคำปันก็ไม่เจอ จึงสอบ
ถามเพื่อนร่วมบ้านเดียวกัน ได้ความว่านายคำปันถูกล๊อตเตอรี่รางวัลที่1
จึงสั่งของมาเลี้ยงเพื่อนๆเต็มที่เลย และนายคำปันก็กำลังไปซื้อข้าวของที่ตลาด
อีก หมดไปคงหลายหมื่นบาท แถมนายคำปันยังเอาเงินที่เก็บไว้มาแจกจ่ายกับ
เพื่อนๆอีก บัวรินและคำตันได้ยินก็ดีใจกันใหญ่ โทรศัพท์บอกญาติพี่น้องและ
แม่ของบัวริน วันนั้นจึงมีแต่ความสุขกันถ้วนหน้าด้วยรางวัลที่1ของนายคำปัน
รุ่งเช้ามานายคำปันพร้อมกับเพื่อนก็ไปที่กองสลากเพื่อจะรับรางวัลที่1 แก่ไป
ถึงก็สอบถามเจ้าหน้าที่และยื่นล๊อตเตอรี่รางวัลที่1ใบนั้นให้ หลังจากเจ้าหน้าที่ดู
แล้วก็ส่งคืนแก่พร้อมกับบอกแก่ว่า "ล๊อตเตอรี่ใบนี้เป็นของงวดวันที่31ก.ค
นะค่ะ"พี่หยิบใบผิดหรือเปล่าค่ะ
เหตุเกิดเพราะดีใจเกินไปและดื่มเหล้าจนขาดสติยั้งคิด
ทำให้นายคำปันหมดเงินไปหลายหมื่นบาทเลยที่เดียว
7 ตุลาคม 2550 10:43 น.
sonax0651
พวกผมเข้าเรียนกันแบบสนุก เริ่มเรียนวันแรกก็ได้รับ
การทักทายด้วยระเบิดที่อนุสาวรีย์ชัยฯ เย็นวันนั้นกำลังต่อรถเมล์กลับบ้านที่
ตรอกจันทร์ รถเมล์สาย62มาช้ามาแป๊บเดี๋ยวก็ดังตูม แล้วก็ตูม ผมตกใจวิ่งหนีขึ้นรถอื่นเลยครับ แล้วยังมีเหตุการณ์หลากหลาย แต่วันนี้จะเล่าเรื่องไปเรียน ร.ด
ให้ฟังครับ
พวกผมเรียนหนังสือก็หวังว่าจบมา จะได้ทำงานช่วยครอบครัวกัน ก็เลยลงสมัครเรียน ร.ด(รักษาดินแดน)ปีที่1พวกผมเรียนที่ศูนย์ฝึกฯแถวสุทธิสาร ที่นี่ครู
ฝึกใจดีมากครับ จากที่เคยได้ยินว่าฝึก ร.ดโหดมาก ครูฝึกเขาบอกว่าพวกเราเหมือนน้องๆลูกๆเขา มีอะไรก็สอนพวกผมให้ฝึกดีๆ จนจบปีที่1แบบสบาย พอขึ้น
ปี2พวกผมได้ย้ายมาเรียนที่กองพันทหารม้าที่2 ที่อยู่ติดกับสถานีโทรทัศน์ช่อง5นะครับ ปีนี้โชคยังดีครูฝึกที่นี่เป็นกันเองมาก เพราะที่นี่ต้องต้อนรับนายที่จะมา
ใช้เฮลิคอปเตอร์บ่อยมาก ก็เลยเรียนแบบสบายๆเหมือนปี1 แต่เพื่อนที่รู้จักกัน
ไปเรียน ร.ด ที่กองพันทหารราบที่11แถวพหลโยธิน บ่นว่าเรียนหนักมากบางคน
ถึงกับเป็นลมก็มีครับ แต่ปีที่2นี้ผมโชคร้ายหน่อยถูกฝ่ายตรงข้ามยิงถูกที่ข้อมือ
วันนั้นนั่งรถกลับบ้านผ่านไปหน้าโรงพยาบาลศิริราช ไม่รู้นักเรียนที่ไหนตีกัน
เขายิงกันผมเลยซวยถูกลูกหลงเข้า รักษาอยู่เดือนกว่าไปเรียนที่โรงเรียนอา
จารย์ก็ให้นั่งดูเพื่อน วิชาเขียนแบบก็ให้เพื่อนเขียนให้ ไปเรียน ร.ด ครูฝึกก็ให้นั่งดูเพื่อนฝึก นี่แหละครับทุกข์ที่มาพร้อมกับสุข ปีที่2นี้จบกันแบบน้ำตาเพราะพวกผมรักครูฝึกมาก ก็เลยชวนกันซื้อของฝากให้ครูฝึก ครูฝึกบอกว่าตั้งแต่สอนมามีพวกผมนี้ที่พูดรู้เรื่อง เวลาฝึกก็ไม่เคยบ่น ผมเสียที่จำชื่อครูฝึกไม่ได้จะได้เอ่ยนาม
ยกย่องท่านที่ป็นทหารเสียสละ เพื่อบ้านเมืองที่จิตใจอ่อนโยนเข้ากับเด็กๆอย่าง
พวกผม
ที่มาพอขึ้นปีที่3ก็ได้กลับมาเรียนที่กองพันทหารม้าที่2อีกครั้ง แต่เปลี่ยนครูฝึกครับ ยังเหมือนเดิมครับครูฝึกใจดีครับ แต่ปีนี้เรียนหนักขึ้นเพราะต้องฝึกเพื่อไปออกสนามจริงที่เขาชนไก่ มีการเรียนถอดอาวุธ เรียนการใช้อาวุธ ฯลฯ
ประมาณปลายปีทางกรมฯจัดให้นักศึกษาวิชาทหารมี การไปอยู่ที่สนามจริงที่เขาชนไก่ 1 สัปดาห์ ลำบากเหมือนกันครับตื่นตี4ออกมาวิ่ง ฝึกการอยู่ป่า ฝึกหนักครับแต่ก็สนุก มีการใช้ปืนเอสเค33ยิงจริงๆ หลังฝึกได้1สัปดาห์ก็กลับบ้าน แต่ทุกคนที่ไปได้ประสบการณ์มากมาย แต่ที่โรงเรียนมีอาจารย์วิทยาเป็นผู้ดูแลผู้ที่เรียน
ร.ด อาจารย์มีบ้านอยู่ที่จ.เชียงราย เลยมีโครงการอยากพานักเรียนที่เรียน ร.ด
ไปพัฒนา โรงเรียนในชนบทแถวจ.เชียงราย เลยปรึกษากันว่าไปเดือนธันวาค
คม ได้เที่ยวด้วยหน้าหนาวพอดี วันที่ไปคือ20ธันวา-27ธันวา ขึ้นรถไฟจาก
ฝั่งธนฯไปลงที่จ.ลำปางแล้วต่อรถบัสที่เหมาไว้ไปยังอ.พาน ตอนที่นั่งรถไฟสนุกมากครับพวกผมไปกันประมาณ35คน ก็เฮฮาประวัยรุ่นกันตลอดทาง พอถึงลำปางตอนเช้าเห็นสาวเหนือมีแต่คนสวยๆทั้งนั้น ไปถึงที่อ.พานก็มีชาวบ้านมาต้อนรับ
พวกเขารู้ว่ามาพัฒนาก็จัดสถานที่ให้พัก ที่โรงเรียนในอำเภอ วันแรกทีไปถึง
พวกเพื่อนๆเดินสำรวจบริเวณใกล้ๆที่พัก พวกผมก็ทำอาหารกินกัน จนเย็นๆ
ชาวบ้านผู้ชายก็เอา ส.ร.ถ มาฝากเป็นแกลลอนเลยครับ(สุราเถื่อนครับ)ดีกรีก็
แค่จุดไฟติดครับ ก็สรวลเสเฮฮากันไป คราวนี้พวกที่ออกไปสำรวจก็หายไปที่ละคน ที่ละคน มารู้ที่หลังว่าที่นั้นมีบ้านโคมแดงด้วย
ที่นี้ที่จะไปพัฒนาอยู่บนเขาอาจารย์ไม่ได้บอกว่าไกลไหม แต่เดินขึ้นเขาเป็นโรงเรียน ก็เติมเดินทางกันแต่เช้า อาจารย์บอกแต่ว่าถ้าเดินประมาณ4-6 ช.ม
พวกเราก็เดินกันไปจากตอนแรกเกาะกลุ่มคุยกัน เล่นกัน ค่อยๆแตกออกยิ่งสายก็ยิ่งกระจายตัวกัน ที่จะขึ้นไปรถไปไม่ได้ เดินกันเริ่มเหนื่อย ชาวบ้านก็ไม่มีมี
มีแต่ต้นไม้2ข้างทาง ได้เจอชาวเขาเดินสวนมาเลยถามว่าหมู่บ้านอยู่ไกลไหม
เขาก็ตอบเป็นสำเนียงชาวเหนือว่า "อยู๋ปุ๊นน" พวกผมก็เดินกันต่อไปอีกจากเวลาเกือบ10โมงเช้าคำว่า"คำว่าปู๊นน"ของเขา พวกผมเดินจนบ่าย2โมงยังไม่เจอ
บ้านคนเลยครับ ก็เดินไปเรื่อยๆจนเจอชาวบ้านอีกก็ถามว่าอีกไกลไหมคนนี้
ตอบว่าไงรู้ไหมครับ
เขาตอบว่า"อยู่ปู๊นนนนนน"คิดแล้วกันครับว่าจะไกลแค่ไหน
วันนี้ขอจบแค่นี้ก่อนครับ แล้วจะมาเล่าตอนจบให้ฟังที่หลังครับ
ยังมีเรื่องตื่นเต้นอีกครับระหว่างที่อยู่ในหมู่บ้านบนเขา
28 กันยายน 2550 12:03 น.
sonax0651
วันนี้ท้องฟ้ายามเย็นที่ริมหาดคลองม่วง เป็นท้องฟ้าที่มืดครึมและสลัว ฉันนั่งมองดูคลื่นซัดสาดใส่โครดหิน เหมือนกับว่าทะเลโกรธเคืองใครมา แม้กระทั้งลมเอ๋ยเจ้าก็ไม่อยากทักทายกับต้นสนดั่งเช่นเคยเลย
ฉันนั่งเหม่อมองทอดสายตาออกไปไกลสุดขอบฟ้า ทุกอย่างดูเงียบงันอย่างน่าประหลาด จนฉันได้ยินเสียงกระซิบบ้างอย่าง ฉันตั้งใจฟังเสียงนั้นได้ความว่า
นี่เธอต่อมน้ำตาจ้าฉันรู้สึกเจ็บแปลบๆที่ตัวฉัน
มันเป็นความรู้สึกเจ็บลึกๆทีอธิบายยากจัง....ดวงใจน้อยพูดขึ้น
ฉันก็มีอาการร้อนพร่าวๆนะ.....ต่อมน้ำตาเอ่ยบ้าง
ฉันอยากร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตาเหลือแล้วละ
ตั้งแต่นายเรากลับมาจากนครสวรรค์
ดูเขาเศร้าซึมไปเลยนะ.......ดวงใจน้อยกล่าวขึ้นอีกครั้ง
และต้นขาก็เอ่ยตามว่า...ตอนเย็นๆอย่างนี้นายจะพาฉันวิ่งไปบนทราย
ขาวเนียนที่นี่ทุกวัน แต่วันนี้นายดูเหงาจัง
มือน้อยก็เสริมขึ้นบ้าง...ปกติเจ้านายจะให้ฉันจับปากกาขีดเขียน
บทกลอนหรือพิมพ์หนังสือบ้างแล้วตั้งแต่กลับมาถึงกระบี่เจ้านายก็ไม่ทำเลย
ส่วนหัวอกพูดขึ้นบ้าง...ฉันก็เดจ็บร้าวไปหมดเลยละตั้งแต่เจ้านาย
รู้ว่าเธอคนนั้นไม่สนใจ ความปราถนาดีที่เจ้านายมีให้กับเธอ
น้ำตาจ้าเธอก็ไหลรินออกไปทางตัวฉันนะแล้วดวงใจน้อยเขาจะได้บรรเทา
อาการเจ็บลงบ้าง เพื่อเจ้านายเราจะได้คลายเสร้าและมีแรงสุ้ต่อไป
เสียงของดวงตาเอ่ยคำนี้ออกมา
พวกเราคงต้องช่วยกันทำให้เจ้านายคลายความทุกข์ระทมนี้ลงบ้างแล้วละ
เจ้าสมองน้อยๆสั่งงานกับพวกเขา
ฉันเริ่มร้องไห้ออกมาอีกครั้งหนึ่ง น้ำตาของฉันรินไหลผ่านแก้มลงสู่เบื้องล่าง
ฉันคงคลายความเศร้าได้จริงหรือ อาการเจ็บแปลบๆนี้คงจะบรรเทาไปได้บ้าง
ถ้าหากเธอมีหัวใจให้ฉันสักหน่อยสำหรับผู้ที่หลงรักเธอคนนี้
ฉันจะรอเธอนะคนดีที่ฉันเฝ้าเพียรถาม และจะรักเธอตลอดไป
22 กันยายน 2550 00:27 น.
sonax0651
ไอ้เตือนเป็นเพื่อนในกลุ่มเรา แต่อยู่คนละโรงเรียน แต่บ้านมันอยู่ใกล้กับบ้านเจ้าอุ๊ที่นครชัยศรี บ้านไอ้เตือนส่วนมากรับราชการ แต่มันเลือกเรียนช่างไฟฟ้ากำ
ลัง ไอ้เตือนถูกเลี้ยงมาอย่างดี มีพี่เป็นตำรวจ พ่อเป็นครู แม่เป็นแม่ศรีเรือน
ทุกวันมันก็นั่งรถมาโรงเรียนตอนเช้า ตอนบ่ายเลิกเรียนมันก็นั่งรถกลับบ้านที่
นครชัยศรีอย่างนี้ทุกวัน จนกระทั้งปี3 พวกเราในกลุ่มมีเจ้าเม้ง เจ้าอุ๊ เจ้ายา
และเราก็ไปทำงานส่งอาจารย์ที่บ้านเจ้าอุ๊เพราะมันสงบดี ในบ้านสวนแม่เจ้าอุ๊ใจ
ดีทำกับข้าวเลี้ยงทุกครั้ง แม่จะทำน้ำพริกไว้รอเราเสมอ ถ้ารู้ว่าเราจะไปทำงานกัน ช่วงนี้ใกล้สอบปิดภาคเรียนที่2 ปี3แล้ว งานก็ต้องส่งอาจารย์มีเยอะ ทั้งเขียน
แบบ งานไม้ งานโครงสร้างฯลฯ พวกเราในกลุ่มถึงเวลาเรียนเป็นเรียน เที่ยวเป็น
เที่ยว ก็เลยไม่ค่อยมีผู้ใหญ่บ้านไหนเป็นห่วงนัก เพราะพวกเรารู้จักหน้าที่กันดี
บ้างที่พวกเราก็จะโบกรถไปเที่ยวต่างจัวหวัดบ้าง หัวหินเอย กาญจนบุรี ราชบุรี
พอถึงเวลาทำงานก็จะมุมานะช่วยกันทำ มีอยู่ครั้งหนึ่งเราไปกับเจ้าอุ๊ เจ้าเม้ง
กัน3คน ไปบ้านเจ้าอุ๊ไปถึงประมาณ2ทุ่มกว่าๆ ก็หิวข้าวเลยแวะร้านยายสำอางค์
แถวๆปากซอยวัดปรีดาราม เผอิญมีโต๊ะเขานั่งกินเหล้าอยู่ประมาณ7-10คน
พวกเราก็ไม่ได้คิดอะไรหรอก พอเราเข้าไปในร้านเขา2-3คนก็มาปิดประตูเหล็ก
ยืด ให้เหลือแค่คนลอดได้แค่นั้น พวกเราก็ตกใจซิครับเรามาแค่3คนเอง
ก็ทำใจดีสู้เสือจนกินข้าวเสร็จ จ่ายตังค์แล้วเดินออกมาจากร้าน โดยระวังตัวอยู่เหมือนกัน แต่ก็ไม่มีอะไรครับ แต่พอเดินเลยมาสัก10ก้าวเท่านั้นละครับขวดโซดา แก้วน้ำ ฯลฯขว้างใส่พวกเราใหญ่เลย ก็วิ่งซิครับวื่งมาจนถึงหน้าบ้านไอ้เตือน ก็หันมามองหน้ากันแล้วเจ้าเม้งก็พูดขึ้นว่า"มันทำอย่างนี้ได้ยังไงวะ"เท่านั้น
ละครับเรา3คนก็หาไม้เท่าที่หาได้เดินกลับไปที่โต๊ะพวกนั้น พวกเขาคงคิดว่า3คนแค่นี้จะทำอะไรได้ พวกเขาคิดถูกแล้วครับเพราะหลังจากนั้น ในตอนเช้าได้ข่าวว่าพวกเขา3คนต้องนอนโรงพยาบาล ส่วนที่เหลือก็เจ็บกันไปตามระเบียบ นี่ละครับวีรกรรมเด็กช่างกล แต่พวกเราไม่รังแกใครก่อนนะครับ ที่นี่ก็ต้องย้ายไปทำงานที่บ้านเจ้ายาที่คลองบางไผ่ ทุกเย็นเพื่อนๆก็เลยไปรวมตัวกันที่นั้น บ้านเจ้ายาอยู่ติดคลองภาษีเจริญสนุกครับ ก็มีไอ้เตือนไปด้วยทุกวัน มันกลัวลูกหลงจากเหตูการณ์วันนั้น เย็นวันหนึ่งไอ้เตือนก็ยืนอยู่หน้าประตูบ้านพร้อมพวกเรา ทันใดนั้นเจ้าเม้งก็บอกไอ้เตือนว่า"ไอ้เตือนรีบหนีเร็วรถเขาจะมาจับมึงแล้ว"ไอ้เตือนตกใจวิ่งแบบชนอะไรต่อมิอะไรเข้าไปในบ้าน พวกเราก็หัวเราะกันเพราะรถคันนั้นมันเป็นรถ "รถดูดส้วม"
(ไอ้เตือนมันถูกเลี้ยงมาอย่างดีมันเลยไม่รู้จักนะครับ)
21 กันยายน 2550 05:23 น.
sonax0651
ณ.แถวศูนย์การค้าใหม่นครหลวงเมื่อปี พ.ศ 2524 มีกลุ่มเพื่อนๆของเราประมาณ5-6คน พวกเราจะเฮฮาไปไหนไปกัน เรียนเป็นเรียน เล่นเป็นเล่น เมาเป็นเมา ทุกๆวันเราจะไปรวมกันที่บ้านเช่าของอาจารย์สมยศ ศ อาจารย์สอนวิชาเขียนแบบ แล้วอาจารย์จะสอนเทคนิคต่างๆมากมาย ตามแต่ว่าวันนั้นจะมีสเบียงมากน้อยแค่ไหน ถ้าเป็นวันสิ้นเดือนก็ยาวหน่อ ย แล้ววันนี้ในคืนนี้ก็มี เจ้าเม้ง เจ้าอุ๊ ยา เราและเพื่อนอีก3-4คน ไปร่วมกันเรียนพิเศษ ก็คุยกันไปต่างๆนาๆ ด้วยว่าวันนี้สมาชิกมาเยอะ เสบียงก็เยอะมากเป็นพิเศษ เพราะปฏิบัติการลงขันไง ยิ่งดึกก็ยิ่งสนุกเพราะสเบียงมากันหลายขวดมาก ก็อ้อแอ้ไปกันตามระเบียบ ตกดึกก็เริ่มหิวละซิ กับแกล้มก็หมดวะ เจ้าเม้งบอกเพื่อน แล้วก็ตะโกนบอกเจ้าอุ๊ว่า ทำกับแกล้มมาหน่อยนะ เจ้าอุ๊ก็ตะโกนกับมาว่า ได้เพื่อน รอเดี๋ยวนะ แล้วทุกคนก็รอเจ้าอุ๊ อุ๊เป็นคนทำกับข้าวเก่งบ้านของอุ๊อยู่นครชัยศรี แม่ของทำน้ำพริกได้อร่อยมากเลย บ้านของอุ๊เป็นบ้านสวน ลืมไปบ้านอาจารย์สมยศก็ป็นบ้านในสวนเหมือนกัน อยู่หลังโรงหนังนครหลวงรามาตรงสามแยกไฟฉาย สักพักเจ้าอุ๊ก็ขึ้นมาพร้อมกับแกล้ม2อย่าง ไฟก็ไม่ค่อยสว่างดูแล้วเป็นยำไส้กรอก กับผัดอะไรสัดอย่าง ด้วยความหิวบวก
ความมึนก็ซัดกันเต็มที่ หลังจากเก็บกวาดแล้วหนังท้องตึงหนังตาก็หย่อน
เวลาก็5ทุ่มแล้วมัง พรุ่งนี้ต้องไปเรียนอีก อาจารญ์ก็เข้านอนแล้ว ก็เลยค้างที่บ้านอาจรย์กันเลย พอถึงตอนเช้ามาต่างคนต่างก็ทำธุระส่วนตัวกัน ใครอาบน้ำ
ฯลฯ เรื่องมาจบลงตรงที่เจ้ายานี้นะซิ มันตื่นสายกว่าเพื่อน พอมันตื่นมาก็ล้างหน้าล้างตา พวกเราเตรียมไปโรงเรียนกันแล้ว มันก็ตะโกนถามว่าใครเห็นรองเท้ารองเท้าแตะสีแดงกูไหมวะ หาไม่เจอวะ ทุกคนก็ไม่มีใครเห็น จนเจ้าอุ๊ก็บอกว่า
พวกมึงจำยำไส้กรอกได้ไหมวะ เจ้าเม้งบอกว่า เออแล้วไง
เจ้าอุ๊ก็บอกว่า"ก็นั่นละรองเท้าไอ้ยามันนะกูเห็นไส้กรอกมันหมด กูหวังดีกลัวพวกมึงไม่อิ่มนะ
(ถ้าเป็นเพื่อนๆจะทำไงครับ)