30 มิถุนายน 2547 18:39 น.
sivadee
วันนี้ของเราอาจจากไปเหมือนกระแสลมวูบวาบ
ที่พัดผ่านใบหน้าเราไป
พรากความวัยเยาว์ไป แล้วมอบความกร้าวกล้ามาทดแทน
เราเติบโตไปพร้อมๆกัน พร้อมกับการสูญสิ้นและการได้มาทดแทน
ต้นไม้ใหญ่ถูกโค่นลง สรรพสิ่งถูกพัฒนา
มีอะไรหมดสิ้นไปพร้อมๆกับที่เราสร้างเมืองใหญ่โต
เราสร้างงานในแต่ละวันเพื่อให้เราเติบใหญ่
แล้วเสียอะไรไปบ้าง คุกคามอะไรโดยไม่รู้ตัว
เราคุกคามความงามที่มีอยู่แล้วโดยแท้
กลับลุ่มหลงความงามที่เราสร้าง สร้าง สร้าง
ความงามที่เป็นเพียงซากเมื่อความดับสูญมาถึง
ความดับสูญที่เกิดจากการไม่อาจรักษาความงามแท้ไว้ได้
ก่อนเข้าบ้านเคาะดินออกจากรองเท้า
แล้วล้างเท้า ล้างมือให้เกลี้ยงเกลา
ปล่อยบางอย่างที่ติดตัวเรามาออกไป
ให้มันกลับคืนไปบ้าง
28 มิถุนายน 2547 16:58 น.
sivadee
แด่ความอ่อนไหวทั้งมวล
ใครกันนะพ่อคนอ่อนไหวคนนั้น ผู้รัก เศร้า เหงา บ้า ได้ถึงที่สุด
ผู้ค้นพบความรักเร่าร้อนจนถอนกายถอนใจไม่ขึ้นกลับดิ่งลง
ผู้แปลความรู้สึกภายในออกมาทางดวงตาสีน้ำตาลแสนงามนั่น
แล้วใช้ภาษาเสกความรู้สึกขุ่นมัวให้คล้อยตาม วิบ วิบ วิบ
แสงพร่างพรายตา ฉันมองเห็นความรัก
ผู้นอนหนุนตักให้เธอลูบผมเล่น ปล่อยให้ใจเคล้าคลอกัน
ผู้ใฝ่หาเส้นผมหอมอ่อนๆมาลูบไล้
ผู้พบว่าเส้นโค้งเว้านั้นช่างเย้ายวน ยากลืมเลือน
ผู้จินตนาการว่าที่แห่งนั้นช่างหน้าแทรกกายผ่านเพียงเบาเบา
ลึก ลึก ลึก ลงไปพบความตะลึงงัน จนยากถอนกาย
เส้นที่ลากจากเนินสูงชัน ลาดเทลงหุบเหว
ทอดกายอย่างงดงามภายใต้แสงเสี้ยวพระจันทร์ข้างแรม
งามอย่างหาเส้นใดมาเปรียบ
ความเรียวงามล้ำลึกของรูปกาย
ความแข็งแรงของท่อนขาเหยียดยาว
อยากไปภูเขา ข้ามเนิน ขึ้นยอด มุดถ้ำ ดำดิ่งลง
ลำธาร..
ดิ่งลึกลงไปพบตัวเองกับความรู้สึกยากถอน
ความอ่อนไหวนั้นไม่มีอะไรทำลายได้เลย
**ขอรำลึกถึงความรักที่สั่นไหวอยู่ในใจตลอดเวลา
ความรัก ความรัก ความรัก
บ้าที่สุด..
24 มิถุนายน 2547 11:47 น.
sivadee
วันนี้ตื่นขึ้นมา รู้สึกว่าตัวเองมีอำนาจประหลาดอยู่ในมือ
และอยู่ในดวงตาที่ทอดผ่านมองออกไปพบเจอทุกๆสิ่งรอบกาย
อำนาจ หรือ ขุมพลังในกายช่างยิ่งใหญ่ สัมผัสได้เงียบๆคนเดียว
ยามพระอาทิตย์ส่องแสงกราดเกรี้ยว
พร้อมจะจ้องทุกสิ่งให้เป็นผุยผง
ฉันเองวันนี้รู้สึกเช่นนั้น
พระอาทิตย์เอย
ธรรมชาติรอบกายสร้างให้เราเติบใหญ่และแข็งกร้าวขึ้นทุกวี่วัน
แล้วสายลมพลิ้วพัดผ่านทุ่งหญ้าสีเขียวก็พัดมาทำให้เราอ่อนโยนขึ้น
แต่ทะเลทรายสิช่างรุ่มร้อนไร้ปราณี
ท่านจึงบั่นคอเขาผ่านสายตาดวงอาทิตย์แผดกล้า
คงได้รับความกล้าจากสวรรค์ เบื้องบนนั่น
หลังจากนั้นหัวใจก็ถูกฉุดลงนรกมืดมิดตลอดกาล
มือที่ทรงพลังที่บั่นคอเขานั้นกับมือบอบบางนี้
ที่กำลังเขียนสิ่งรันทดด้วยหัวใจสั่นสะเทือน
คาดหวังในอำนาจเลื่อนลอยแต่ทรงพลังค้ำฟ้า
มันชัดเจนและบ้าคลั่งยิ่งกว่าอะไรทั้งสิ้น สะเทือน
สะเทือน สะเทือน สะเทือน
อำนาจนั้นมันมีจริง อำนาจในมือที่อ่อนแอนี่ไง
ที่จะบันดาลให้หัวใจคาดหวังสิ่งที่ยิ่งใหญ่เกินตัว
จงสาสม และ จงสงบสิ้น
23 มิถุนายน 2547 14:11 น.
sivadee
เพื่อนเอยอยู่ ณ ที่แห่งใดจงออกมารับแสงตะวันแห่งรุ่งอรุณ
อาบแสงแดดแห่งความฝันและความจริงในเช้าอันสดใส
ไม่ว่าเพื่อนจะตื่นมาพบเจอสิ่งใด..
จงจดจำไว้แสงแดดนี้มีพลัง และมันเกิดมาเพื่อมอบพลังให้เพื่อนก้าวเดินต่อไป
ไปนะไปด้วยกัน..
ไม่มีที่ใดมืดมิดและเปลี่ยวเหงานอกจากห้องเงียบๆเหงาๆภายในใจเพื่อน
เปิดมันออกมาสิ เรี่ยวแรงเธอยังมี..
เมื่อกลางคืนอันมืดมิดย่อมต้องผ่านไปและยอมให้แสงแห่งอาทิตย์สาดเข้ามา..
เธอค้นพบอะไร พบตัวเองกับขุมพลังอันยิ่งใหญ่ ที่พร้อมจะแผดเผาความโศกาอาดูรต่อโลกรอบกาย..
จงขับอักษร ร่อนทำนอง เปลี่ยนโลกนี้ให้เคลื่อนไปด้วยอำนาจแห่งแรงเรา
เมื่อมองออกไปข้างหน้า เธอเห็นอะไร
กระโดดโลดเต้นไปเถอะนะเพื่อนเอย เหนื่อยจงพัก อ่านหนังสือเสียหน่อยแล้ววันนี้จะมีคุณค่าอันยิ่งใหญ่
เชิดหัวทวนขึ้นไป ไม่จมลงในกระแสคลื่นอันยิ่งใหญ่นั้น
23 มิถุนายน 2547 10:56 น.
sivadee
ขอบคุณที่ว่างๆ ที่ให้ฉันขีดเขียนอะไรเลอะเทอะลงไปตามแต่ใจ
ใจที่เลอะเทอะ เปรอะเปื้อน จากสิ่งรุมเร้า ภายนอกนั่น
ทำไมกระดาษเลอะๆเป็นปึกๆมีเรื่องเล่าขานเป็นตำนานไม่รู้จบ
ศิลปะเลอะเทอะ เปรอะเปื้อนทำให้กระดาษและผืนผ้าสะอาดต้องมัวหมองหรือสวยงามกันแน่
แล้วสีสันรัญจวนใจ บาดอารมณ์ ในสื่อความของภาพนั้นเล่า ทำไมมันลืมไม่ลงจนทุกวันนี้
ถ้ากระดาษหรือผืนผ้าใบมันว่างเปล่า
แล้วใจเรามันเลอะเทอะ จนเราเองรับไม่ไหว อยู่กับมันไม่ได้
ก็ต้องล้างใจให้สะอาด ด้วยผ้าใบหรือกระดาษขาวนั่นสินะ
ให้มันไปเลอะที่นั่นแทน แล้วใจเราก็ผ่องแผ้วบรรลัยโลด
หากปล่อยใจให้เลอะไปเรื่อยๆ วันหนึ่งคงล้าง ขัด เช็ด ถูคราบนั้นไม่ออกแน่ๆ
ขอบคุณผู้สร้างสิ่งสะอาดและว่างเปล่าให้เราได้เช็ด ขีด เขียด สาด และไล้กัน
อย่างไม่ต้องปราณีปราศรัยผู้ใด
เพราะมันว่างจึงต้องเติม
ที่ว่างสะอาดตาท้าทายให้เสรีในใจกำเริบเสิบสาน
หมายจะชะล้างความหมองมัว มืด ดำ ภายใน
ให้ผู้ใดที่สร้างเหตุแห่งความเลอะเทอะในใจแก่เรา จงรับไปใคร่ครวญ
หรือหากเป็นดวงใจที่สวยงามคงอยากสร้างความงามงดหมดจดนั้นออกมาสู่โลกภายนอก
ผ่านความขาวสะอาดนั้นเช่นกัน
ดนตรีแปร่งหู เทิดหู ไพเราะหู ที่ทำให้อากาศไม่ว่างเปล่า เงียบงันนั่นอีก
ที่พวกเค้าเปล่งประกาศความในใจรกๆแลงามงด ผ่านท่วงทำนองเข้ารูหู โดยแนบเนียน
ระบายความในออกไปให้รู้สึก เมามัน รันทด คร่ำครวญ
เสียงเครื่องดนตรี เสียงร้องห่มให้กรีดหู ให้เนื้อเพลงมันกรีดใจ ดังสนั่นตามสุมทุมพุ่มคน
หรือ เสียงจ้าวแห่งพลิ้วใบไม้มาฉาบไล้ ดูโลกช่างสดใส มีจิงโจ้มากระโดดเต้นระบำในทุ่งกว้าง ดึ๊บ ดึ๊บ
ดนตรีสร้างบรรยากาศรอบตัวให้ตื่นตะลึง เมามัน และหลับใหลได้เช่นกัน..
พอก่อน ขอลาจากแต่เพียงเท่านี้ ก่อนในหัวเลอะๆจะสร้างสรรค์สิ่งใดต่อในกาลต่อจากนี้
**ฉันปราถนาให้ความเลอะเทอะในหัวฉันหลั่งอักษรทุกตัวออกมาต่อสู้กับอาวุธร้ายแรงนาม บริโภคนิยมในวัตถุนิยม