22 เมษายน 2555 21:35 น.
Saran
ดวงจันทร์ลอยสูงขึ้นไปมากแล้ว
อาบไล้ทุกสรรพสิ่งแฝงไว้ด้วยความเหงาวังเวง
ฉันแหงนมองบนท้องฟ้าที่หม่นหมอง
หากแต่ยังมีรอยยิ้มจากเงาจันทร์เจือจางอยู่
ทว่ามันช่างเป็นรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความเศร้าระทม
� �ฉันนอนไม่หลับ
ไกลออกไปมีนกกลางคืนบินตัดฟ้าไปมาอยู่อย่างเดียวดาย
ความสงสัยถามฉันว่า
ทำไมนกกลางคืนจึงบินอยู่แค่เพียงลำพังตัวเดียว
หรือธรรมชาติกำหนดมันให้ต้องเดียวดายในราตรี
หรือมันรักที่จะบินไปบนความอ้างว้าง
บินชมแสงจันทร์ เพื่อดื่มกินความเปลี่ยวเหงา
� �ฉันถามกับตัวเองว่า
แล้วตัวฉันมีอะไรที่ต่างจากมัน
ไม่มีเลย�หัวใจฉันตอบ
หรือบางทีธรรมชาติได้กำหนดให้ฉันเป็นดั่งเช่นนกตัวนั้น
และฉันก็ไม่รู้ว่ามันพยายามที่จะบินหนีไปจากความเดียวดาย
หรือพยายามที่จะบินเข้าหา
ฉันรู้เพียงแต่ว่า ยิ่งฉันบินห่างจากมันมากเท่าใด
ก็ยิ่งรู้สึกว่าฉันยังคงบินอยู่ที่เดิมและทำได้เพียง
เฝ้ารอให้แรงที่จะบินเลือนหายไป
เท่านั้นเอง
16 เมษายน 2555 19:53 น.
Saran
เช้าวันหนึ่งของเดือนกุมภาพันธ์
ในห้องสีขาว
กุหลาบงามสีแดงสองดอกในแจกัน
บนโต๊ะเครื่องแป้งสีน้ำตาล
ละอองลมหนาวพร่างพรูแหวกม่านลูกไม้สีชมพู
ผมของเธอปลิวสลวยเป็นประกายกับแสงแดดอันอ่อนโยน
สดใสราวกับกระจกในดวงตาของเธอ
� �มีกลิ่นหอมอ่อนๆจากเรือนผมอวลอบอยู่ในสายลม
อ่อนโยนและช่างดูบอบบาง
คล้ายกลิ่นของดอกไม้ที่ฉันคุ้นเคย
แต่ฉันมองเห็นความเศร้าที่อยู่ในรอยยิ้มของเธอ
แล้วน้ำใสๆก็ไหลออกมาจากกระจกเงาเล็กๆคู่นั้น
เธอฝืนยิ้มแล้วบอกว่า
ขอยืมผ้าเช็ดหน้าหน่อยสิ ฝุ่นคงเข้าตา
ฉันยื่นผ้าเช็ดหน้าให้
และซับน้ำตาให้เธอ
ฉันรู้ว่าไม่ใช่เพียงฝุ่นหรอก
ที่ทำให้เธอต้องร้องไห้
แต่ฉันก็ให้รอยยิ้มปลอบโยนหัวใจเธอ
แล้วน้ำตาฉันเหมือนจะไหลจึงได้แต่นิ่งงัน
ฉันบอกเธอว่า
ฉันจะซื้อผ้าเช็ดหน้าให้เธอ และจะคอยเช็ดให้เธอ
ทุกๆครั้ง เวลาฝุ่นเข้าตาเธออีก
เธอบอกฉันว่า
อย่าลำบากเลย ฉันจะไม่ร้องไห้อีกแล้วถ้าฝุ่นเข้าตา ให้สัญญา
สัญญาจริงๆนะ เธอยิ้ม
ออกไปดูตะวันขึ้นกันเถอะ
ฉันจูงมือเธอและหันกลับไปมอง
เช้าวันหนึ่งของเดือนกุมภาพันธ์
ในห้องสีขาว
กุหลาบงามสีแดงสองดอกในแจกัน
บนโต๊ะเครื่องแป้งสีน้ำตาล
ที่ดูเหมือนใหม่แม้เนิ่นนาน
กับเครื่องดูดฝุ่นที่เพิ่งใช้เมื่อวาน
ฉันจับมือเธอแน่นและพาเธอก้าวผ่านลมหนาว ที่พร่างพรูเข้ามา
13 เมษายน 2555 19:04 น.
Saran
ฉันพยายามข่มใจให้หลับลงในค่ำคืนอันเดียวดายว่า
ไม่มีความหมายอะไรที่จะโหยหารอยหวานของน้ำตาล
ในก้นถ้วยกาแฟ
ซึ่ง ณ ที่นั้นฉันค้นพบว่า
เธอโลเลพเนจรไปจากห้องใจฉันเสียแล้ว
เธอจากไปแล้ว แต่ช่างน่าเศร้า
ที่หัวใจของฉันขลาดเขลา และยังคงครวญหา
ใครกันที่ทำให้เธอเปลี่ยนแปลง
ใครกันที่ยื้อแย่งเธอไปจากฉัน
ดอกไม้แห่งความรักหลุดมือฉันลอยล่องไปไกลแสนไกล
มันสายไปเสียแล้ว
ที่จะถักทอฝันอันแสนหวานให้ยืดยาวต่อไป
เธอจากไปแล้ว
แต่เสียงเพรียกหาของหัวใจยังคงร่ำร้อง โหยหวน
โอ้ความเศร้า �เจ้าช่างอำมหิตเหลือเกิน
เจ้าไม่เคยอ่อนล้าในการไล่ล่าปักษาน้อยที่ไม่มีแม้เรี่ยวแรง
ที่จะถลาเกาะยอดไม้�ให้พ้นไปจากกรงเล็บของเจ้าบ้างเลยหรือ
โอ้ความเศร้า �เจ้าช่างโหดร้ายเหลือเกิน
เจ้าแนะนำความรัก สหายของเจ้าให้ฉันรู้จัก
เพื่อนของเจ้าช่างแสนดีเหลือเกิน
เขาแนะนำให้ฉันรู้จักกับน้องสาวของเขา
แต่ยังไม่ทันที่เราจะได้พบกัน
เจ้าก็สังหารพี่ชายของหล่อนอย่างเลือดเย็น
โดยไร้ซึ่งเหตุผล
หล่อนร่ำร้องด้วยหัวใจอาดูร
ในที่สุดหล่อนก็จากฉันไป
ทิ้งให้ฉันจมอยู่กับเจ้า
เพียงลำพัง..
12 เมษายน 2555 07:53 น.
Saran
� �ตั้งแต่ได้พบกับเธอ
ละเมอพะวงเพ้อหา
หวั่นไหวเมื่อได้สบตา
สั่นชาเมื่อได้สบใจ
� �วันนั้นวันนี้วันไหน
หัวใจยังคงถามหา
ถึงเธอคนนั้นเรื่อยมา
ไม่เคยแลเหลียวใครใคร
� �หลงรักรอยยิ้มรอยนั้น
เห็นแล้วใจแทบสลาย
ชวนฝันหลงเคลิ้มไม่คลาย
ไม่วายยังคิดถึงเธอ
� �ฉันหลงรักเธอยิ่งนัก
น่ารักแม้ยามเมื่อเผลอ
จนเก็บไปฝันละเมอ
เฝ้าเพ้อข้างในจิตใจ
� �มีเธออยู่ในความฝัน
จับมือส่งยิ้มสดใส
บอกรักฉันอยู่ร่ำไป
พลันหายเมื่อตอนลืมตา
� �อยากพบเธออีกสักครั้ง
หัวใจมันยังเพ้อว่า
จะไม่ให้ฉันหลับตา
จนกว่าได้บอกรักเธอ
11 เมษายน 2555 07:30 น.
Saran
ดอกฟ้าเอยเจ้าสูงไปไกลลับตา
สุดปัญญาจะเหนี่ยวโน้มลงมาหา
เป็นดอกไม้ที่งดงามบนนภา
ไม่คู่ควรจะลงมาสู่แดนดิน
� �เกสรงามสีสวยดั่งดวงหน้า
กลีบดอกฟ้าหอมหวนชวนถวิล
หมู่แมลงแฝงใกล้หวังราคิน
เวียนวนบินหมดสิ้นต่างเฝ้ามา
� �เปรียบบนนั้นไกลเหลือเกินจะไขว่คว้า
เหวกับฟ้ามิอาจเอื้อมแตะถึง
เหลือแค่เพียงห่วงใยครุ่นคำนึง
จากผู้ซึ่งอยู่ไกลที่เฝ้ามอง
� �ขอให้เธอเจอรักมิลวงหลอก
อย่าได้ชอกเจ็บช้ำเศร้ามัวหมอง
แม้นน้ำตาของเธอไหลเอ่อนอง
มีอีกคนที่ต้องเจ็บปวดใจ
� �ถึงอย่างไรยังรอเพื่อคอยถาม
กี่หมื่นล้านโมงยามไม่ไปไหน
ต่อให้นานตราบนานแม้สิ้นใจ
หวังเพียงให้สักครั้งเธอเหลียวมอง