27 สิงหาคม 2552 10:19 น.
Saran
มองดูท้องฟ้าสีเศร้า
แสงดาวสลัวมัวหมอง
หัวใจฉันคงร่ำร้อง
ต้องการสักคนดูแล
คืนนี้ไม่มีเดือนคล้อย
ดาวน้อยคงเริ่มเหน็บหนาว
ริบหรี่น้อยแสงส่องพราว
เหมือนราวความเศร้าปกคลุม
ยังคงจมอยู่กับเหงา
ทั้งดาวดวงนั้นและฉัน
ได้แต่หวังไว้สักวัน
ความฝันคงคล้ายความจริง
คือดาวที่มีจันทร์คู่
คือเธอที่อยู่เคียงฉัน
คือคำว่าเรารักกัน
คือคำว่าฉันรักเธอ
25 สิงหาคม 2552 10:24 น.
Saran
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว...
คำๆนี้ พาพวกเธอโลดแล่นสู่ห้วงแห่งจินตนาการ
ดินแดนมหัศจรรย์ที่แต่งแต้มด้วยสีสันแห่งความฝันอันสวยงาม
เด็กน้อยเอ๋ย...
พวกเธอวาดฝันให้ตัวเองเป็นดั่งเจ้าชาย
หรือเจ้าหญิงที่งดงาม อย่างในนิทานที่ได้ฟัง
ครั้งแล้วครั้งเล่า
ครั้นแล้วก็จบลงด้วยประโยคที่ว่า
แล้วเขากับเธอก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดไป
รอยยิ้มแห่งความสุขเจือจางลงสู่ห้วงนิทรา
ก่อนตื่นขึ้นมารับรู้เพียงว่า
ชีวิตจริงไม่ใช่เทพนิยายที่ผจญความยากลำบาก
แล้วจะลงเอยด้วยความสุขเสมอไป
เด็กน้อยเอ๋ย...
บางครั้งชีวิตก็ต้องเผชิญทุกข์หรือได้ลิ้มรสแห่งความสุข
คละเคล้ากันไป
บางทีดินแดนแห่งฝันที่พวกเธอเฝ้าค้นหา
อาจมีอยู่จริงหรือไม่มีอยู่เลยก็เป็นได้
เด็กน้อยเอ๋ย...
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จงอย่าหยุดที่จะฝัน
แม้ว่าความฝันนั้นจะไม่มีวันเป็นจริงเลยก็ตาม
จงรู้ไว้เถิดว่า เบื้องหลังพายุร้ายในค่ำคืนอันหนาวเหน็บนั้น
มีรุ่งเช้าที่งดงาม...เฝ้ารอเธออยู่เสมอ
25 สิงหาคม 2552 10:18 น.
Saran
รู้ไหมว่า...
เธอคือดอกไม้งามดอกนั้น
ทุกครั้งที่มองดอกไม้ใจฉันพลอยเบิกบาน
กับสีสันสดใสของกลีบดอกอันบอบบาง
ดอกไม้จะรู้บ้างไหม ว่ามันให้ความสดชื่น
แก่โลก ฤดูกาล หรือแก่สายตาของมนุษย์
ก็เหมือนเธอกับฉัน
รู้ไหมว่า...
เธอคือดาวน้อยดวงนั้น
ดาวดวงนั้นคงไม่รู้หรอกว่า
มีสายตาเฝ้ามองและหลงใหลกับแสงสกาวสดใส
ไม่รับรู้ว่าตัวเองเป็นแรงบันดาลใจของใครคนไหน
และไม่เคยตั้งคำถามกับตัวเองว่า
ในแต่ละค่ำคืน ดวงดาวได้สาดแสงไปที่ใดบ้าง
ก็เหมือนเธอกับฉัน
รู้ไหมว่า...
มีหัวใจดวงเล็กๆที่ถูกทิ้งไว้ซ่อนอยู่ในมุมเหงาๆ
ไม่ต่างกับผืนผ้าใบที่รอระบายสี
และเป็นเช่นเดียวกับกระดาษเปล่า
ที่รอคอยตัวอักษรมาบอกเล่าเรื่องราว
รู้ไหมว่า
ถ้าหากฉันคืองานศิลป์ที่ว่างเปล่า
และเธอคือศิลปินผู้อ่อนโยนคนนั้น
สิ่งเดียวที่ทำให้งานชิ้นนี้เสร็จสมบูรณ์
คือรอยพู่กันอันอ่อนหวาน
และสีสันอันสวยงามจากใจของเธอ
ที่บรรจงแต่งแต้มสู่ใจดวงน้อยของฉัน
25 สิงหาคม 2552 10:14 น.
Saran
อ่านแล้วยิ้มด้วยได้ไหม
ให้ใครคนหนึ่งคลายเหงา
ให้คนหนึ่งคนหายเศร้า
จากเงาที่คอยติดตาม
แค่รอยยิ้มหวานก็พอ
ไม่ต้องมีหรอกความเห็น
เมื่อไม่รู้ว่าฉันเป็น
อะไรอย่างเธอเข้าใจ
บอกเธอให้รู้ก็ได้
ก่อนใจฉันไม่เคยเหงา
ไม่มีหรอกคำว่าเรา
จนฉันได้มาพบเธอ
เธอทำให้ใครต้องท้อ
เฝ้ารอด้วยหวังพบเห็น
ไม่ได้เห็นหน้าเช้าเย็น
เหมือนเป็นเช่นดังแมลง
ที่เฝ้ารอคอยน้ำหวาน
บุปผาที่บานสดใส
ดอกอื่นไม่เคยสนใจ
ขอแค่น้ำหวานจากเธอ
ทุกวันคอยเฝ้าห่วงหวง
ถึงกลีบดอกบางเกสร
กลัวปีกสวยอื่นมาจร
หลงตอมน้ำหวานไม้งาม
ทุกครั้งก็ต้องหวั่นไหว
คนไกลจึงต้องผิดหวัง
ดอกไม้ไม่มีเพียงครั้ง
ที่จะแย้มกลีบเบิกบาน
อย่างไรก็ได้ตามแต่
รักแท้จะมีเสมอ
ขอเพียงแค่ได้พบเจอ
ถึงหมดแรงบินก็ยอม...
24 สิงหาคม 2552 12:41 น.
Saran
นั่งกับเธอบนโต๊ะร้านอาหาร
ข้าวสองจานน้ำสองแก้วขนมหวาน
สบตากันจนข้าวเย็นแสนเนิ่นนาน
โดนแม่บ้านเอ่ยไล่ให้รีบกิน
ผลัดกันตักคำหนึ่งให้คนหนึ่ง
แววตาซึ้งเอ่ยแทนแฝงความหมาย
ตาลืมมองน้ำแกงหกกระจาย
ร้องโวยวายแอบยิ้มให้แก่กัน
แม่บ้านมองอิ่มเสร็จรีบเดินหนี
แถวนั้นมีร้านหนังสือไปดูไหม
อย่ารอช้าบอกเธอให้เร็วไว
เดี๋ยวก็ได้อดดูหนังสือฟรี
ตรงนั้นมีอะไรน่าซื้อหา
นาฬิกาข้อมือเธอชอบไหม
หยิบมาดูเห็นราคาแล้วตกใจ
เธอยิ้มใสบอกว่าอยากได้จัง
พูดไม่ออกบอกเธออยากกลับบ้าน
เธอแกล้งถามขอคิดก่อนได้ไหม
หยิกแก้มเธอบีบจมูกแล้วชอบใจ
วิ่งหนีไปทิ้งให้เธอค้อนมองตาม
สนุกมากวันนี้ใช่หรือปล่าว
ขึ้นรถฟรีได้นั่งก่อนคนไหน
ช้อปกระจายจ่ายแบ้งค์เขียวตั้งหลายใบ
เธอยิ้มให้มองถุงบะหมี่ซอง
สบตาเธอแล้วเอ่ยอย่างปวดร้าว
กลั้นใจถามอยู่กับฉันลำบากไหม
เธอยิ้มหวานเอ่ยบอกไม่เป็นไร
พลางขอบใจของขวัญที่ซื้อมา
อยากให้รู้แววตาเศร้าคนคนนี้
ถึงไม่มีเงินมีทองอย่างคนไหน
ไม่เลิศหรูเลิศเลอเช่นใครใคร
เพียงหัวใจว่างเปล่าคงไม่พอ
ขอโทษเธอที่ต้องทนลำบาก
ยอมเหนื่อยยากด้วยกันพร้อมกับฉัน
ด้วยมือนี้ฉันจะทำให้สักวัน
ฝันของเราจะต้องกลายเป็นจริง