21 กุมภาพันธ์ 2548 16:47 น.
saddy_girl
แล้วเมื่อเป็นเช่นนั้น เราจะมีความรักไปทำไม??????
..........เมื่อเกิดคำถามเช่นนี้ขึ้น หากหลายคนคิดตามอย่างที่ฉันกำลังลำดับความคิดฉันเองอยู่ขณะนี้ คงจะเกิดความสับสน สงสัย และพยายามหาคำตอบให้ตัวเอง .......
ฉันจากที่เฝ้าถามตัวเองมา จนกระทั้งได้พานพบกับความรักในรูปแบบต่างๆ ของหลายคน ที่ฉันรู้จัก ได้เข้าไปรับรู้ ได้เห็น หรือกระทั่งได้สัมผัสด้วยตัวเอง จึงพบว่า มันได้สร้างสรรค์สิ่งมหัศจรรย์ขึ้นและก็ได้ทำลายล้างทุกอย่างลงภายในเวลาเพียงนิด ซึ่งง่ายดายกว่าการสร้างสรรค์ของมันซะอีก ที่กว่าจะก่อ ต่อเติม เสริมแต่งให้สวยงาม ใช้เวลานับหลายเดือน หลายปี แล้วแต่ความสามารถของผู้ที่สร้างสรรค์มัน ที่ต้องอาศัยทั้งความพยายาม ความอดทน ความร่วมมือและที่สำคัญคือ จุดมุ่งหมายของผู้สร้างทั้ง2 อาจจะสร้างเพื่อหยาบๆ ชั่วคราว ชั่วขณะของความต้องการนั้น หรืออาจจะสร้างเพื่อความคงทนถาวร สร้างเพื่อให้เกิดความโด่งดัง ร้อนแรง.....ก็คงจะแล้วแต่ฉันคงตัดสินไม่ได้
..........................................แต่...................................................
แปลกจัง....เมื่อเหนื่อยยากขนาดนั้น แต่ทำไม มันถึงกล้าทำให้เกิดความเสียหายกับสิ่งที่มันสร้างได้นะ????
เกิดคำถามขึ้นมาอีก ช่างขี้สงสัยจังนะฉันเนี้ย...
...........มีคำตอบอยู่คำตอบหนึ่ง.....จากคนที่เดินผ่านมา...ฉันได้ถามกับเขา และได้รับคำตอบ ไม่รู้ว่ามันคือคำตอบที่ถูกต้องหรือไม่ แต่ฉันประทับใจในคำตอบของเขา
ก็เมื่อคนที่สร้างนั้น สร้างมันขึ้นมาเอง เขาคือเจ้าของ มีสิทธิ์ในของนั้น อาจจะใช่ที่ ณ เวลานั้น เขาสร้างมันขึ้นเพราะต้องการจะสร้างมัน อยากจะให้มันเป็นผลสำเร็จดังใจ แต่เมื่อเวลาผ่านไป คนก็ย่อมที่จะมีความต้องการที่เปลี่ยนตามกาลเวลา มากขึ้น ลดลง ก็ตามแต่...แต่ไม่มีทางที่จะให้คงเดิมได้ เพราะสิ่งที่ได้สร้างขึ้นมานั้น เวลาได้กัดกร่อน ทำให้มันเสื่อมคุณค่า คุณสมบัติ ทรุดโทรม สุดท้ายคือ เบื่อหน่าย ....
...........หากคนสร้างนั้น ไม่หมั่นทะนุบำรุง หรือซ่อมแซมในส่วนนั้นแล้ว ก็ทำลายมันเสียเถอะแล้วจึงค่อยสร้างมันขึ้นมาใหม่ กับผู้ร่วมงานเดิม หรือผู้ร่วมงานใหม่ ตามที่คิดว่า อย่างไหนจะดีกว่า".........
ไม่มีใครคาดคิด ไม่มีใครต้องการที่จะให้มันเกิด และไม่มีใครต้องการพบกับความเศร้า
.........ต่างก็อยากให้มีเพียงความสวยงาม ความสุข ทั่วหน้า ซึ่งคงจะเป็นเพียงอุดมคติเท่านั้น เพราะทุกอย่างต้องดำเนินไป ตามแต่ใครจะเลือกทำ เลือกสร้างมา ...............
..............นั่นคือ ชีวิต คำตอบสุดท้าย ที่ฉันได้รับ ชีวิตที่ทุกคนช่วยกันทำให้โลกหมุนเปลี่ยน มีสีสัน อาจจะสีดำ สีแดง สีขาว หรือจะหลายๆสีพร้อมกัน แต่นั่นคือสีสันของโลก ที่แต่งแต้มให้โลกของเราไม่จำเจ มีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา คนที่พร้อมและสามารถปรับตัวให้เข้ากับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ คนนั้นจึงจะสามารถหยัดยืนบนโลกนี้ได้อย่างมีความสุข
สำหรับคนที่ไม่พร้อม เมื่อต้องพบกับการเปลี่ยนแปลงนั้น แล้วไม่สามารถจะปรับเปลี่ยน ตัวได้ทัน จงตั้งสติ แล้วค่อยๆพิจารณา.....แล้วหาสีสันอื่นๆมาแต่งแต้มให้มันสวยงามขึ้นมาใหม่พร้อมทั้งใช้เหตุการณ์นั้น สร้างสรรค์ชีวิต และสิ่งมหัศจรรย์ให้กับโลกต่อไปตราบเท่าที่โลกยังมีซึ่ง ความรัก
Saddy_girl
6 กุมภาพันธ์ 2548 03:05 น.
saddy_girl
"ตัวเราก็ห่างกันแล้ว อย่าพยายามทำให้ใจเราต้องห่างกันอีกได้ไหม"
...ฉันเป็นเพียงเด็กผู้หญิงกะโปโลคนหนึ่ง ที่บังเอิญได้เจอกับเจ้าชาย....
ไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่คนอย่างฉันจะมีโอกาส ได้เจอสิ่งที่วิเศษสุดแบบนี้
...
......
ความรักของเราเริ่มต้นขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ และเบ่งบานสดชื่น เหมือนดอกไม้เมืองหนาว ที่ดอกสวย ก้านโต ชูคอในสวน...รับแสงอาทิตย์ในวันฟ้าใส...
...ทุกๆอย่างดำเนินไปด้วยดี ฉันมีเขาไว้คอยจูงมือออกเดินไปข้างหน้า จากเด็กน้อยกะโปโลคนหนึ่ง ก็เริ่มหัดเดินออกสู่เส้นทางสายใหม่ ที่ท้าทายน่าค้นหา ฉันต้องเรียนรู้อีกมาก ในอีกสังคมหนึ่งหรืออีกชีวิตหนึ่งที่ฉันไม่เคยพบเจอ
....
......
เจ้าชายของฉันสอนให้ฉันอยู่ในสังคมของเขา สอนให้ฉันเรียนรู้ที่จะเป็นผู้ใหญ่ หัดวางตัวเมื่ออยู่ต่อหน้าฝูงชนและหมู่เพื่อนๆ....และฉันยินดีที่จะทำอย่างที่เขาต้องการ เพื่อให้คนเหล่านั้นยอมรับในตัวฉัน
....ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยากให้ฉันเป็น ฉันทำให้ได้ แม้กระทั้งต้องเปลี่ยนตัวเอง หรือนั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันชอบหรือต้องการเลยแม้แต่น้อย
.....
......
ฉันกับเขาเราอยู่ไกลกัน...ฉันเรียนอยู่อีกที่นึง..เขาก็อยู่อีกที่นึง ต่างคนต่างมีภาระ ซึ่งดูเหมือนว่าเขาจะหนักกว่าฉันมาก จากการเป็นนักศึกษาป.โท ของมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพ.....แต่ตลอดระยะเวลาที่คบกันเขาไม่เคยทำให้ฉันรู้สึกถึงความห่างเหิน หรือหวาดระแวงเลยแม้แต่น้อย เรา2คนดูแลกันและกันมาตลอด โดยเฉพาะเขาที่ดูแลฉันเป็นอย่างดี เหมือนฉันเป็นเด็กที่ต้องคอยอุ้มไว้กับตัวตลอด....หากปล่อยให้ทำอะไรเองเป็นต้องล้มเหลวแน่.....ดังนั้น จึงไม่มีอะไรที่ฉันจะไม่เชื่อฟังเขา ฉันทำตามที่เขาต้องการทุกอย่าง.....ทุกอย่างจริงๆ
.........ทำยังไงได้ฉันรักเขา อยากจะให้เขารักฉัน และรักนานๆตลอดไป........มันก็เป็นเช่นนั้น สิ่งที่ฉันทำ ทำให้เขารักฉันและพร้อมจะให้ฉันได้ทุกอย่างเช่นกัน
................เวลาผ่านไป3ปี............เขายังคงปฏิบัติกับฉันเช่นเดิมไม่เคยเปลี่ยน
...ฉันมีความสุข ทุกๆอย่างดูดีไปหมด การเรียนก็ดี เพื่อนฝูงก็ดี สังคมก็ดีพร้อมเพราะทุกคนยอมรับในตัวฉัน........วันนี้ฉันไม่ใช่เด็กกะโปโลอีกต่อไปแล้ว!!!!
.....
........
ความหยิ่งผยอง....ลืมตัวและกำพืดของฉัน มันทำให้ฉันพลาด.....ความหลงผิดคิดว่าเขารักฉันมาก และไม่มีวันแปรเปลี่ยนไปจากฉันได้.....ทำให้ฉันชะล่าใจ
.....ละเลยที่จะใส่ใจ และเข้าใจเขาเหมือนก่อน ความรักที่เขามีให้ฉันมันมากมายเหลือเกิน จนมันทำร้ายฉันโดยไม่รู้ตัว ฉันกลายเป็นคนเอาแต่ใจ ไร้เหตุผล อยากได้อะไรต้องได้ เพราะเขาไม่เคยที่จะปฏิเสธแม้ครั้งเดียว
.....
.......
วันนึงก่อนวันเกิดของฉัน เหมือนดังทุกๆปีที่เขาจะต้องมีของขวัญมามอบให้ และมันก็ต้องเป็นของขวัญที่สุดวิเศษ แต่ในปีนี้ทุกๆอย่างทำให้เขาไม่สามารถนำของขวัญมามอบให้กับฉันได้....ฉันเข้าใจและบอกกับเขาด้วยความหวังดีว่าไม่ต้องมา....
.....แต่เขากลับนำของขวัญมามอบให้ฉัน โดยมาก่อนกำหนด1วัน ซึ่งเดินทางมาไกลพอสมควร ใช้เวลาครึ่งวันเห็นจะได้กว่าจะมาพบกับฉัน....เขาเลือกที่จะโทรมาบอกกับฉันว่ามาพบนำของขวัญมาให้ ด้วยความห่วงและโมโห ฉันจึงด่าว่าเขาสารพัดถึงความไม่เชื่อฟังในคำบอกกล่าวและข้อตกลงของฉัน
....
......
เขาเสียใจมาก ทิ้งของขวัญฝากไว้และจากไป.........
ฉันรีบ....มาพบเขา แต่สายเสียแล้ว.....เขาไม่อยู่...ฉันหยิบของขวัญขึ้นมาพร้อมช่อกุหลาบขาวช่อโตที่นับแล้วมีจำนวนดอกเท่ากับอายุฉันพอดี ช่างสวยงามและประทับใจอะไรเช่นนี้...ฉันหยิบช่อกุหลาบขึ้นมาหอมพร้อมน้ำตาที่หลั่งไหลไม่ยอมหยุด....
....
......
วันนี้ฉันรู้สึกว่าสูญเสีย...ไม่เหลืออะไรอีกแล้วต่อจากนี้
....ฉันพยายามติดต่อเขา ทำทุกๆอย่าง จนไม่เหลือค่าอะไรไว้อีกแล้ว แต่ฉันเลือกที่จะทำ ยอมเพื่อจะให้เขากลับมาเป็นเหมือนเดิม ฉันรับไม่ได้ที่เขาเปลี่ยนไปเหมือนคนละคน จากที่ฉันเคยได้ เคยเป็นผู้รับมาตลอด วันนี้กลับเป็นฉันที่พยายามที่จะให้เขาบ้าง เพราะฉันได้เรียนรู้แล้วว่า การไม่รู้จักดูแลรักษาหรือใส่ใจในความรู้สึกของคนที่รักเราแล้ว ผลร้ายจะเป็นอย่างไร....
.....
........
เมื่อก่อนต้องได้ๆๆๆ...แต่วันนี้เหลือแค่ไม่เป็นไร..ความรู้สึกมันช่างทรมาน เหนื่อยเหลือจะทน.....มันเหมือนกับฉันวิ่งตามเขา โดยที่เขาไม่เคยแม้แต่จะหันกลับมามอง หรือหยุดเพื่อจะรอฉัน....ฉันให้เขาไปหมดแล้ว...แต่เขาก็ยังไม่ยอมหยุดรอฉัน วันนี้ฉันเสียน้ำตา ในสิ่งที่ฉันทำไป และเสียใจที่ฉันไม่ยอมรักตัวเอง...จนเหมือนทำตัวไร้ค่าไม่มีราคา....เขาถึงวิ่งหนีฉันออกไปไกลเรื่อยๆ......เพราะเป็นผู้หญิงงี่เง่าคนหนึ่ง......
....
.......
....วันนี้ฉันหยุดแล้ว ไม่วิ่งตามเขาอีก เพราะความเหนื่อยจนแทบขาดใจ จึงหยุดพักและเวลานั้นเองที่ฉันได้หยุดมองตัวเอง ถามถึงตัวฉันบ้างว่ามันเป็นยังไง สบายดีบ้างไหม ....ฉันพบว่าตัวฉันไม่ไหวแล้ว ถึงเวลาที่จะหยุดและหันกลับมาดูแลตัวเองเสียที เมื่อก่อนจากเคยได้แล้วไม่ได้ ยอมที่จะแก้ไขแต่เขาเลือกที่จะไม่รับ แล้วทำไมยังดึงดันที่จะฝืน.....
....
.......
ใช่สินะ...ฉันฝืนมันมาตั้งแต่แรก ระหว่างเราไม่มีอะไรเหมือนกันเลยแม้แต่น้อย ห่างกันเหมือนคนละขั่ว......
.....อายุ......ฐานะ.......การศึกษา.......สังคม.......ที่อยู่อาศัย.......หรือแม้แต่สภาพทั่วๆ.......นิสัยใจคอ......เราฝืนตัวเองสิ้นเชิง..........
.....สมควรพอเถอะ..........
เวลาผ่านไปนาน ฉันเริ่มเรียนรู้และอยู่กับตัวเองมากขึ้น จนพบว่าฉันไม่มีเขาฉันอยู่ได้ ไม่เหมือนก่อนที่เดินยังเดินไม่เป็นเลย เป็นเขาที่คอยจูงมือ เหมือนสุนัขที่โดนจูงจมูก....ฉันกลับมาเป็นตัวเอง และโตขึ้นจริงๆจากประสบการณ์ที่ได้สอนฉันมา.....วันนี้ฉันจึงเป็นคนใหม่
.....จนเขากลับมา พร้อมทั้งคำขอโทษและต้องการทุกอย่างกลับมาดังเดิมฉันยอมและยอมแบบนี้ 5ครั้ง แต่ทุกครั้งก็กลับมาอยู่ ณ ที่เก่า ไม่มีอะไรดีขึ้น ......
...
.....
มันเพราะอะไรถึงทำให้เป็นแบบนี้ เพราะความห่างที่ฉันพยายามดึงมันเข้ามาหา จนมันตึงดึงไม่ได้อีกแล้วจนต้องดีดตัวกลับไปหรือเพราะฉันที่เลว ไม่รู้สึกค่าของสิ่งดีๆที่มีอยู่แล้วปล่อยปละละเลยจนทำร้ายตัวฉันเอง
Saddy_girl
4 กุมภาพันธ์ 2548 23:17 น.
saddy_girl
น้องอันคะน้องอัน หลับอยู่หรือเปล่าลูก โทรศัพท์อนัฆจ๊ะ เสียงภาวิณีตะโกนเรียกลูกสาว
ค่ะแม่ อันไปเดี๋ยวนี้ค่ะ ร่างบางรีบลุกจากเตียงนอน วิ่งลงบันไดไป
อันค่ะ เพิ่งตื่นหรือคะสาวน้อย ลืมนัดหรือเปล่า เสียงทุ้มหวานๆเอ่ยถามทันทีที่รับโทรศัพท์
จำได้ค่ะว่ามีนัด อันขอโทษ อนัฆมารับอันนะคะ ดวงหน้าขาวและผิวละเอียดดูเด่นอยู่ในกรอบผมยาวดำขลับ รูปร่างบอบบางมองเผินๆ คล้ายตุ๊กตากระเบื้องที่เปราะแตกง่าย ปากชมพูเรื่อๆ กำลังสนทนากับชายหนุ่มรู้ใจอยู่ ถึงนัดในวันสำคัญวันนี้ 13 พฤษภาคม อันรีบแต่งตัวพร้อมกับใส่กำไลอันงามวิ่งลงมาจากข้างบน
สวยจังครับ ปรินเห็นคงชอบ หนุ่มน้อยร่างสูงโปร่ง จมูกโด่งดูคมสัน ยืนตาค้างต่อหน้าอัน
ไปกันเถอะค่ะ อันว่าสายมากแล้วล่ะ อันพูดพร้อมกับควงแขนแฟนหนุ่มเดินไปขึ้นรถ
ถึงสักทีนะแต่ทำไมมาถึงที่นี่แล้ว อันต้องรู้สึกแบบนี้ก็ไม่รู้อนัฆ หน้าตาของอันดูเศร้าลงไปทันทีที่มาถึงสุสานแห่งหนึ่ง รอบๆบริเวณเต็มไปด้วยไม้กางเขนสีขาว ที่ปักอยู่บนเนินหญ้าเขียวๆ ยิ่งมองยิ่งทำให้อันเศร้าลงไปทุกทีๆ
ไม่ร้องนะคะคนดีของผม ปรินเห็นเข้าจะไม่ชอบใจนะ อนัฆพูดพร้อมกับโอบที่เอวของสาวน้อยเพื่อปลอบให้เธอหายเศร้าลงมาบ้าง
3 ปีที่อันไม่เคยลืม ทุกเรื่องราวยังคงถูกบันทึกอย่างแม่นยำในความทรงจำของอัน อันพูดไป ดวงตาสีดำสนิท กลมโต แลเลยทอดมองที่รูปของชายหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งติดอยู่บนแท่นปูนสีขาว หน้าตาของเขายังเด็กและยังมีอนาคตอีกไกล
วันนี้ปรินเคยซื้อตุ๊กตาหมีตัวใหญ่กว่าอันซะอีกให้อัน เป็นของขวัญที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่อันเคยได้เลยล่ะ อันพูดพร้อมกับทิ้งร่างลงนั่งต่อหน้ารูปนั้น อนัฆนั่งลงข้างๆ มองไปที่รูปนั้น แต่ไม่พูดอะไร ทั้งสองปล่อยใจให้อยู่ในความสงบ พร้อมทั้งระลึกถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อ 3 ปีก่อน
ปรินเด็กหนุ่มหน้าตาดี สูง ขาว พราวเสน่ห์ แต่ดูโทรมไปมาก พยายามกดโทรศัพท์ติดต่ออัน แต่กี่ครั้งๆ ก็ไม่เป็นผล ยิ่งกดหน้าตาของปรินก็ยิ่งบึ้งเข้า ตาเขียวปี๋ราวกับถูกเจ้าเข้า ปรินรีบ
ออกจากตู้โทรศัพท์ขับรถออกไปด้วยความเร็วสูง ด้วยอาการที่โกรธจัดอยู่แล้ว ทำให้ปรินลืมนึกไปว่ากำลังอยู่บนถนนที่เต็มไปด้วยรถมากมาย
ปี๊บปี๊บโครม!!! ยังไม่สิ้นเสียงแตรรถ ร่างของปรินก็แน่นิ่งข้างทาง พร้อมกับจักรยานยนต์คู่ใจ
ตื่นแล้วเหรอจ๊ะ รู้ไหมว่าปรินหลับไปตั้ง 2 วัน อันใจหายหมดเลย รอยยิ้มกว้างๆ ของอันทำให้ ปรินพลอยยิ้มตามไปด้วย
อันมาคนเดียว? ปรินถามพร้อมกับพยายามดันร่างตัวเองขึ้นนั่ง
อย่าเลยปริน คราวนี้หนักกว่าเดิมนะ กระดูกหักตั้งหลายชิ้น
ว่าไงที่ปรินถาม อันยังไม่ไขข้อสงสัยของปริน
เมื่อวานพ่อกับแม่ของปรินมาจ๊ะ เมื่อเช้าน้องสาวปรินก็มา อันพูดด้วยเสียงตะกุกตะกัก ดูมีพิรุธ
อย่าโกหกปรินเลยอัน ถ้าปรินไม่มีอันกับครอบครัวของอัน ปรินคงตายแล้วใช่ไหม ปรินพูดพร้อมกับน้ำตาของลูกผู้ชายที่คลอจนแทบจะไหลออกมาจากกระบอกตา
ปรินเป็นเด็กมีปัญหา ติดยางอมแงม เป็นนักเลงอันธพาล เที่ยวกวนเมืองเขาไปทั่ว โดนจับเพราะแข่งรถบนทางหลวงมาหลายต่อหลายครั้งแต่ก็รอดมาได้ เพราะพ่อเป็นนายตำรวจใหญ่ของเมือง เมื่อ 3 เดือนก่อนโดนไล่ออกจากโรงเรียนข้อหาทำร้ายร่างกายอาจารย์สังคม ปัจจุบัน ปรินเตร็ดเตร่ไปวันๆ อาศัยอยู่กับเพื่อน 2 คน ในบ้านที่พ่อปลูกให้ เพราะทนพฤติกรรมเลวๆ ของปรินไม่ได้ ตัดหางปล่อยวัด แต่ก็ยังส่งเสียค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้ทางธนาคาร ถ้าไม่มีเหตุบังเอิญจริงๆ บุญวาสนาไม่มี ปรินกับพ่อจะไม่เจอกันเลย ยังกับว่าอยู่คนละโลก
ปรินเมายาใช่ไหม อันถามปรินเหมือนทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น
ไม่ตอบอันก็ได้ แต่ตอนนี้คนป่วยต้องทานข้าวนะคะ จะได้พักผ่อน ด้วยความที่ปรินไม่มีใคร ขาดคนดูแลเอาใจใส่ อันจึงคอยดูแล เอาใจใส่ปรินมาโดยตลอด ด้วยเหตุผลเดียวที่ว่า สงสาร เท่านั้นเท่านั้นจริงๆ
เหนื่อยไหมครับ ที่ต้องดูแลไอ้เฮี้ยอย่างผม ดวงตาที่ดูอ่อนแรงเหลือเกิน จ้องมองไปยังหญิงสาว
ปรินหายอันก็ดีใจแล้ว อย่าว่าตัวเองอย่างนี้อีกนะ ถึงใครจะว่าปรินเลว แต่ปรินน่ารักกับอันเสมอจ๊ะ อันจับมือปรินแน่น พร้อมคำพูดที่แสนจะอ่อนโยน
ถ้าหายดีแล้วปรินจะเลิกยา ว่าไงนะปริน อันแทบไม่เชื่อหูตัวเอง หล่อนเผลอร้องเสียงหลงออกมา
ปรินจะเลิกยา คนอื่นจะได้มองปริน อย่างที่อันมองปรินสักที อันต้องช่วยปรินนะ
จ๊ะ อันจะอยู่ข้างๆปรินตลอดเลยนะ อันจะช่วย ปรินต้องเลิกได้ ปรินต้องหาย ทั้งสองยิ้มกว้างอย่างมีความสุข
หลังออกจากโรงพยาบาลมาได้ 2 อาทิตย์ ปรินแข็งแรงพร้อมแล้วกับการเลิกยาเลิกในสิ่งชั่วต่างๆ
ปรินใจเย็นๆนะปรินปริน อันร้องเสียงดัง พร้อมน้ำตาที่ไหลออกมาเป็นสาย กอดปรินไว้แน่น เหมือนกลัวว่าถ้าปล่อยเขาแล้ว เขาต้องตายปรินดิ้นทุรนทุราย ร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดและทุกข์ทรมาน หน้าและตัวแดงเหมือนโดนไฟเผา และที่กล่าวมาคงเป็นอาการของคนที่เขาเรียกกันว่า ลงแดง อาการของปรินอยู่ในความดูแลของอัน และเพื่อนสนิทปรินอีก 2 คนตลอด ข่าวการเลิกยาของปรินแพร่ออกไป เพื่อนๆที่รู้ข่าวต่างก็มาเยี่ยมให้กำลังใจ หนึ่งในนั้น คือ อนัฆ เพื่อนอีกคนที่อาศัยอยู่ในระแวกเดียวกัน และปรินก็เคยเป็นลูกศิษย์ของพ่ออนัฆด้วย วันนี้อาการ
ปรินดีขึ้นมาก แต่ก็ยังไม่ปลอดภัยเท่าไรนักในขณะที่ทุกคนอยู่ในความสนุกสนาน เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ทันใดนั้นเสียงทุกเสียงก็เงียบกริบ พร้อมอาการตะลึงงัน หญิงวัยกลางคน คนหนึ่งโผเข้ามากอดปริน พร้อมน้ำตาที่ไหลพราก
หายสักทีนะลูก หมดเคราะห์หมดโศกสักที วรรณิกากอดลูกชายแน่น ลูบหัวปรินเบาๆ
แกต้องกลับไปอยู่บ้าน และที่สำคัญแกต้องกลับไปเรียนไอ้ปริน ภัทรพงศ์ผู้เป็นพ่อกล่าว
7 วันต่อมา ปรินแทบจะถือได้ว่าเลิกยาโดยเด็ดขาด ปรินกลับมาอยู่ที่บ้าน กลับมาเรียนหนังสืออีกครั้ง แต่ก็เรียนได้ไม่นานเนื่องจากปรินเข้ากับคนอื่นไม่ได้ หวาดระแวงตลอดเวลา ทำให้ปรินต้องออกจากโรงเรียนอีกครั้ง การออกจากโรงเรียนของปรินยังไม่เศร้าเหมือนกับข่าว
อันกับอนัฆที่เริ่มดังมาถึงหู ปรินระแวงมากขึ้น แต่ก็ไม่อยากเชื่อในข่าวลือนั่นเท่าไรนัก
อ้าวไอ้ปริน ว่าไงวะเอ็ง อนัฆทักปรินด้วยความดีใจ หลังจากที่ไม่ได้พบกันนาน
แกมากับใครวะ มากับแฟนเหรอ ปรินถามด้วยเสียงที่ไม่ได้ใส่ใจและคิดอะไรกับคำถามนั้นสักเท่าไร ส่วนอนัฆถึงกับหน้าซีด พูดอะไรไม่ออก
อ้าวว่าไงวะ ข้าถามมากับแฟนเหรอ ไม่เห็นต้องอายเลยนี่หว่า ให้ตายสิ ปรินตบไหล่อนัฆเบาๆ
เฮ้..อันมาเที่ยวเหมือนกันเหรอครับ ปรินถามและลืมคิดถึงข่าวลือนั่น
อ้อมาด้วยกัน งั้นปรินไปล่ะ คำพูดของปรินทำให้อันอึ้ง และรู้ทันทีว่า ถึงเวลาแล้วที่ปรินจะรู้ความจริง
ปรินฟังอันก่อนปริน อันวิ่งตามไปขว้าที่แขนปริน
ปรินไม่ว่างหรอกนะ นัดแม่ไว้ ปรินพยายามสบัดแขนออกจากมือของอัน
อันไม่ยอมปล่อยหรอกนะ ถึงเวลาที่ปรินต้องฟังอัน ฟังเรื่องทุกอย่าง อันไม่อยากให้ปรินเข้าใจอันผิดและคิดว่าอันหลอกปริน คำพูดของอันทำให้ปรินนิ่งเงียบ
ข้ากับอันรักกัน รักมานานแล้ว เสียงอนัฆดังมาจากข้างหลังปริน ปรินยังคงยืนนิ่งอยู่
อันรักกับอนัฆก่อนที่จะรู้จักกับปรินซะอีกนะ อันพูด
แล้วทำอย่างนี้ทำไม ที่ผ่านมากับปรินมันคืออะไร จากที่นิ่งอยู่กลับเปลี่ยนไปเหมือนคนไร้สติ ปรินจับตัวอันเขย่าจนแทบหักเป็นท่อนๆ
อันเจ็บปริน ปล่อยอัน อันขอโทษอันผิดเองที่ทำให้ปรินเข้าใจผิด ที่ผ่านมาอันรักปรินแบบน้อง อันต้องการดูแล ช่วยเหลือปรินเท่านั้น อันสงสารปริน ปรินไม่มีใคร อันอธิบายพร้อมน้ำตาและเสียงที่สั่นเทา
สงสาร ปรินแทบไม่มีเสียง ลำคอแห้งผาด เดินตัวชาจากไป ปล่อยให้อันร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนของอนัฆ กลางห้างสรรพสินค้าชื่อดัง
เวลาผ่านไป ปรินเริ่มทำตัวแย่ลง เริ่มดื่มเหล้าหนักขึ้น สุดท้ายปรินก็กลับมาติดยาเหมือนเดิม จากเหตุการณ์ในวันนั้น ทำให้ปรินคิดว่าปรินไม่เหลือใครอีกแล้ว และก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ต่อไป
ทำตัวเป็นคนดีเพื่อใครอีก อันเองก็ไม่ค่อยจะได้พบกับปรินมากครั้งนัก ดูเหมือนว่าปรินจะหายไปจากชีวิตของอันแล้ว ใช่ว่าอันจะสบายใจ ตลอดเวลาอันเต็มไปด้วยความกังวล
สุขสันต์วันเกิดจ๊ะอัน เสียงเพื่อนคนหนึ่งพูดขึ้น ขณะที่ถือกล่องของขวัญเดินเข้ามาในงาน
ขอบใจจ๊ะ เชิญข้างในเลยนะ ของกินเยอะแยะเลย รอยยิ้มของอันในวันนี้ดูสดใสมาก แน่สิก็วันนี้วันเกิดเธอ 13 พฤษภาคม
อันมีคนฝากนี่มาให้ครับ เพื่อนชายอีกคนหนึ่งของอันถือของขวัญกล่องเล็กมาให้พร้อม
จดหมายหนึ่งฉบับ
ระหว่างที่ทุกคนสนุกในงาน เพื่อนอันหลายคนส่งเสียงร้องให้อันแกะของขวัญ โดยเฉพาะของขวัญปริศนา อันแกะจดหมายอ่านก่อน
อันครับอย่าอ่านเองขอร้อง อย่าให้อนัฆอ่าน ขอให้เป็นคนอื่นได้ไหม ข้อความแรกในจดหมาย อันจึงยื่นจดหมายให้เพื่อนคนอื่นอ่าน
บนเส้นทางที่ผมเดิน เต็มไปด้วยความมืดมิด การเดินทางอย่างโดดเดี่ยวของผม ทำให้ผมเหงาและท้อมาก แต่วันหนึ่ง ได้มีผู้หญิงใจดีคนหนึ่งหลงเดินเข้ามาบนเส้นทางเดียวกันกับผม แทนที่เธอจะหันหลังเดินกลับไปหาทางออกสู่เส้นทางเดิมของเธอ แล้วทิ้งผมให้เดินต่อไปเพียงลำพัง แต่เธอกลับไม่ทำเช่นนั้น เธอเดินมาหาผมพร้อมกับจับมือของผมเดินไปพร้อมๆ กับเธอ ไม่น่าเชื่อเส้นทางที่มืดมิดกลับสว่างขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ และผมก็คิดว่าผมคงจะปลอกภัย เส้นทางนี้คงราบรื่น แต่หารู้ไม่ว่า ผมกำลังเดินไปหาอันตรายอันร้ายแรง
วันนี้วันเกิดของเธอ ผมไม่รู้จะให้อะไรเธอดี ผมอยากบอกกับเธอว่า ที่ผ่านมาผมไม่เคยคิดว่าผมมีค่า ไม่มีใครรัก ไม่มีใครสนใจ และไม่มีอะไรดีเลย จนผมรู้จักกับเธอคนนี้ เธอทำให้ผมรู้ว่าผมยังเป็นคนคนหนึ่งบนโลกนี้ และมีอีกหลายต่อหลายคนรักผม มองเห็นค่าของผม โดยเฉพาะพ่อกับแม่ของผม
ขอบคุณมากนะครับสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างทุกอย่างจริงๆ ที่มอบให้ และทำเพื่อผมมาตลอด โดยที่ผมไม่เคยทำอะไรเพื่อเธอเลย วันนี้ผมขอมอบสิ่งที่เธอรักมากที่สุดให้กับเธอเป็นการตอบแทน ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอทำให้ หวังว่าเธอคงจะรับมันไว้ เป็นกำไลเงินเก่าของแม่ ที่ผมเอาไปทำใหม่ สลักชื่อว่า อนัฆกับอัน ให้อนัฆใส่ให้นะ บอกมันกอดเธอด้วย หอมแก้มเธอหนึ่งที แทนตัวผม เพราะผมคงไม่มีโอกาส
ของขวัญชิ้นนี้คงเป็นชิ้นสุดท้าย ที่ผมจะให้เธอได้ ตัวแลตัวเองให้ดี รักตัวเองให้มากๆ
ขอบคุณอีกครั้ง พี่สาวที่แสนดี
ปริญญา
ป.ล. ได้โปรดยิ้มเมื่อเห็นศพผม
จบข้อความในจดหมาย ความเงียบเข้ามาแทนที่ ความหวานซึ้งทั้งหมด ทำเอาทุกคนอึ้งกับจดหมายและกำไลข้อมือเล็กๆนี้
กริ๊งกริ๊ง เสียงโทรศัพท์ของอนัฆดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ เสียงที่รอดผ่านมาทางอากาศ ทำให้อนัฆแทบสิ้นสติ
ปรินผูกคอตาย เสียงฮือดังขึ้น พร้อมกับความเศร้าสลด และเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆนานา อันแทบล้มทั้งยืน เธอยืนนิ่งเหมือนคนไม่มีสติ ไม่มีน้ำตาสักหยดจากเธอ วันที่แสนจะสดใส ขณะนี้เต็มไปด้วยสีดำและความเศร้าหมอง
อันอันครับ กลับได้แล้วมั้ง ลาปรินเขาซะ อนัฆปลุกอันจากความคิดที่ดึงเธอให้นิ่งเงียบอยู่หน้าหลุมฝังศพเป็นเวลานาน
อันสัญญา อันจะใส่มันตลอด อันจะไม่ถอด อันจะไม่ทิ้งมันปรินอันสัญญา เธอพูดพร้อมกับน้ำตาที่ไหลพรากออกมาอีกครั้ง
กลับแล้วนะปริน แล้วปีหน้าพบกันไอ้เพื่อนรัก อนัฆกล่าวก่อนจะดึงอันให้ยืนขึ้น แล้วจูงมือเธอเดินจากไป
ความรักมีหลายรูปแบบ ทั้งผิดหวัง สมหวัง ขึ้นอยู่กับว่าใครจะรักแบบไหน ใครให้นิยามของ รัก ถูกต้อง ใครคนนั้นก็จะพบแต่ความสุข บนเส้นทางนี้ไม่มีวันราบรื่น ใครที่หลงเดินเข้ามาแล้วจะต้องพบแต่อันตรายเรื่อยไป
Saddy_Girl
4 กุมภาพันธ์ 2548 02:19 น.
saddy_girl
สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น เป็นประสบการณ์จากการเดินทางบนเส้นทางรักของฉัน มันเหมือนจะเป็นทางที่สวยงาม แต่มันกลับเต็มไปด้วยอันตราย วันนั้นฉันล้ม ฉันท้อ เหนื่อยหน่าย และพ่ายแพ้ รู้สึกถึงความไร้ค่าของตัวเอง....มาวันนี้ประสบการณ์เหล่านั้นมันจะค่อยๆถูกถ่ายทอดสู่พวกเธอที่กำลังตกอยู่ในสภาพเดียวกับฉัน....ฉันอยากเป็นคนหนึ่งที่ช่วยเธอให้มีความหวังและรู้จักที่จะอยู่กับตัวเองให้มากขึ้น...
.....
.....
อย่าสนใจในสิ่งที่ทำร้ายเธอ หลอกลวงเธอ
ไม่รับรู้ถึงสิ่งดีๆในตัวเธอ...
...จงมองข้ามมัน...
เพราะนั่น..ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้ชีวิตเธอสูงส่ง
นับวันมันยิ่งบั่นทอน กัดกร่อนให้เธอเจ็บปวด
.......ตัวเธอ.......
คือสิ่งที่ต้องสนใจ
..หันกลับมาหามันเถิด สำรวจ ตรวจถาม
ถึงสิ่งที่มันต้องการ ถนอมรักษา....
ทั้งเติมเต็มส่วนที่มันเคยขาด
....ไม่มีสิ่งใดๆ จะสำคัญเกินไปกว่า ความรักที่มอบให้ "ตัวเธอ"
และไม่มีอะไรที่จะทำร้ายเธอได้อีกต่อไป...
เพราะมันไม่มีความสำคัญกับเธอที่สุด
.......ต่อจากนี้......
เธอจะทำทุกอย่างเพื่อตัวเธอ
ทำเพื่อชีวิตที่สูงส่ง...
...หยุด!!!! เพ้อฝัน และหลอกตัวเธอเองได้แล้ว
เลิกสนใจ..ถ้ารู้ว่านั่นจะทำให้เธอต้องเจ็บปวดอีกครั้ง
.......ความจริง......
สิ่งที่เธอต้องอยู่กับมัน
..จงอย่าพ่ายแพ้ให้กับความจริงอีกเลย
เผชิญหน้าและต่อสู้อย่างแข็งแกร่ง
เพื่อสิ่งที่เธอต้องการ.....
..จงมองไปข้างหน้า หาหนทางสายใหม่
และก้าวขาออกเดินด้วยความมั่นใจ พลังใจถูกสร้างขึ้นมาได้
........ถ้าเธอให้ความรักแก่ "ตัวเธอ"
......
......
ครั้งแรกของฉัน อาจจะไม่เข้าท่า แต่จะพัฒนาให้ดีขึ้น ยังไงฝากติชมด้วยนะคะ
saddy_girl