24 มกราคม 2547 21:36 น.
RERAYA
กฎข้อที่ 1. สร้างบุคลิกให้ดูดี เพื่อช่วยนำไปสู่ความสำเร็จ รู้จักยิบฉวยโอกาส เพื่อเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีกว่า อย่าให้เมฆหมอกแห่งอดีตอันเลวร้ายมาทำให้ดวงตาของคุณมืดมัว และ ทำลายอนาคตที่สดใสของคุณ ขอจงกล้าหาญที่จะเชื่อมั่นในสิ่งที่ดีกว่า
กฎข้อที่ 2. กล้าเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงให้อีกฝ่ายรับรู้ เพราะ คนที่ใช่ คือ คนที่รักในความเป็นคุณ ไม่ว่าคุณจะเป็นอย่างไร คุณยังคงเป็นนางในฝันของใครบางคนเสมอ ขอจงอดทนรอจะกว่าจะได้พบคนที่เห็นว่า คุณ คือ นางในฝันของเขา
กฎข้อที่ 3. อย่าหันหลังให้กับความเชื่อของตัวเอง เพียงเพื่อจะเอาชนะใจผู้ชายสักคน มันไม่ใช่ชัยชนะหรอก หากคุณต้องสูญเสียความเป็นตัวเองไป เพราะคุณกำลังจมดิ่งสู่ทะเลแห่งรักอันไม่สมหวังโดยไม่รู้ตัว
กฎข้อที่ 4. รักษาตัวเองให้อยู่ในมาตรฐานที่ดีที่สุด แม้ว่าสิ่งที่ต้องเจอจะเลวร้ายเพียงใด คุณไม่สามารถล่วงรู้ได้หรอกว่า สิ่งที่คุณทำอาจปูทางนำคุณไปสู่ความรักก็ได้
กฎข้อที่ 5. อดทนเฝ้ารอ คนที่ใช่ สำหรับคุณ ฟังเสียงหัวใจและความรู้สึกของตัวเอง ไม่ใช่ของเพื่อนหรือครอบครัว ถึงคุณจะต้องผ่านความรักสักกี่ครั้งก็อย่าเพิ่งท้อแท้ เชื่อเถอะว่า.คนที่ใช่ ยังไงก็ต้องมี
กฎข้อที่ 6. อย่าปล่อยให้ประสบการณ์เลวร้ายเกี่ยวกับผู้ชาย สร้างความสงสัยในความสัมพันธ์ครั้งใหม่ที่เริ่มก็ตัวขึ้น อย่าลืมว่า ผู้ชายไม่ได้เหมือนกันทุกคนหรอกนะ
กฎข้อที่ 7. มองหาแต่สิ่งดีๆ และ ด้านที่สวยงามที่มีอยู่ในตัวของแต่ละคน ไม่ใช่เอาแต่คอยจับผิดด้านที่แย่ๆ คุณไม่มีทางรู้หรอกว่าความสัมพันธ์นั้นจะดำเนินต่อไปอย่างไร
กฎข้อที่ 8. อย่าให้ใครพิสูจน์รักของเขาให้คุณเห็น ข้อผูกมัดและการทดสอบความจริง รังแต่จะสร้างความระแวงสงสัย ไม่ใช่การเอาชนะใจกัน และอย่าหวังที่จะเป็นนักขุดทองจากความรัก เพราะ นั้นอาจเป็นการขุดหลุมฝังตัวเอง
กฎข้อที่ 9. อย่าใช้วัตถุแก้ปัญหาความสัมพันธ์ เงินมากมายแค่ไหนก็ทำให้ความรักดีขึ้นไม่ได้
กฎข้อที่ 10. อย่าหมดหัวในความรัก แม้จะดูเหมือนว่าคุณจะโสดมานานนับร้อยปี ความยาวนานของห้วงเวลา ไม่ได้ส่งผลกระทบคุณค่าและเสน่ห์ของคุณเลย
เชื่อเถอะว่า..รักแท้ไม่ได้มีแต่ในเทพนิยาย คงต้องมีสักวันหนึ่ง ที่ผู้หญิงธรรมดาอย่างเราๆ ก็ต้องกลายเป็นเจ้าหญิงได้เหมือนกันไม่จำเป็นต้องมีคทาวิเศษของนางฟ้าหรือใครที่ไหน แค่หัวใจเปี่ยมรักของผู้ชายธรรมดาแสนจะธรรมดาสักคน ที่มีค่าเปรียบประดุจเจ้าชายสำหรับคุณ
24 มกราคม 2547 21:33 น.
RERAYA
การอ่านจึงเป็นจุดเริ่มต้นก้าวแรกก่อนที่จะเริ่มการเขียน...หนังสือมีหลายประเภทหลาก
หลายแนว ทั้งสาระบันเทิง//ไร้สาระเถิดเทิง//วิชาการ//ปรัชญา//คำคม และอีกมากมายที่ไม่อาจอ้างอิงได้หมด ฉันก็เป็นคนหนึ่งที่อ่านหนังสือได้เกือบทุกแนวแต่แนวหนึ่งที่ไม่เคยคิดจะหยิบมาอ่านแม้กระทั่งคำนำเลยก็คือ...แนวสยองขวัญ...ไม่ใช่ว่าคนเขียนไม่เก่งหรือไม่โน้มน้าวใจอะไรหรอกนะ...แต่ยอมรับว่าเป็นคนขวัญอ่อนแล้วก็คิดมาก แบบว่าจะอินไปกับหนังสือเลย...สาเหตุที่ไม่แตะหนังสือแนวนี้เพราะว่าเคยดูหนังสยองขวัญแล้วค้นพบว่า***หลังจากที่ดูจบแล้วชีวิตไม่มีความสุขเลย*** แม้จะเป็นแค่ช่วงระยะเวลาสั้นๆที่รู้สึกแบบนั้นก็ตาม แต่ก็เล่นเอาชีวิตประจำวันอยู่กับความหวาดระแวงไปเลย ก็เลยคิดว่าถ้าต้องใช้เวลาอ่านทุกตัวหนังสือก็คงจะอ่านไม่จบเล่มแน่ๆ...แต่คำโบราณท่านกล่าวไว้ว่า"ถ้าไม่ชอบสิ่งไหนจะได้เจอแบบนั้น"(คำโบราณที่ท่านสอนไว้สละสลวยกว่านี้นะคะ) ซึ่งก็ต้องยอมรับว่ามีส่วนจริงในหลายๆเรื่องเลย อย่างหนังสือเล่มหนึ่งที่เมื่ออาทิตย์ที่แล้วฉันได้กรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของโดยถูกต้องตามกฏหมาย...พูดง่ายๆตามภาษาเราๆท่านๆก็ซื้อมานั่นแหละแต่แบบว่าชอบทำเรื่องง่ายให้ดูยากเข้าไว้น่ะ... อิอิ...หน้าปกก็เป็นผู้หญิงหน้าออกแนวญี่ปุ่นน่ารักๆยืนปล่อยผมยาวสยายใส่ชุดแซกสีขาวหราอยู่ตามชั้นหนังสือและติดอันดับหนังสือขายดี ฉันก็ไปด้อมๆมองๆ...อืม...หนังสือแนวไหนนะน่าสนใจดี...ยังไม่ทันได้เปิดอ่านคำนำหรือสำรวจจุดด่างดำ(ว่าเข้าไปน่าน) น้าก็เรียกว่า"ไปได้แล้วจ๊ะ" แต่แทนที่ขาจะก้าวตามเสียงน้าไป ทันใดนั้นมือข้างขวา(ใช้เป็นอยู่ข้างเดียว)กลับหยิบหนังสือเล่มนั้นขึ้นมาและเดินตรงไปจ่ายตังค์ที่เคาน์เตอร์เฉยเลย...ตอนนั้นก็ยังไม่รู้สึกแปลกใจอะไร สงสัยอยากจะเสียตังค์มั๊งเรา(คิดในใจ)...พอกลับมาถึงบ้านก็เริ่มสำรวจหนังสือเล่มนั้นอย่างเต็มตาสักที(ก็จ่ายตังค์ปายแย้วนิมะอ่านมะได้แล้วเรา :p ) พออ่านคำนำเท่านั้นแหละ...ปิงโก!...ก็มันเป็นแนวเขย่าขวัญสั่นประสาทที่เราน่าจะนึกเอะใจตั้งแต่เห็นหน้าปกได้แล้ว(เป็นคนอื่นก็คงรู้แต่เรามะเหมือนคนอื่น...หายากๆ) แต่นี่กลับชอบ...แต่หลังจากอ่านคำนำจบ แม้แต่หน้าปกก็ไม่อยากจะเห็นเลย...ต้องเอาหนังสืออื่นมาปิดทับไว้ ตั้งปณิธานไว้ว่าเล่มนี้ไงก็จะไม่อ่าน(ปกติจ่ายตังค์ไปแล้วต้องอ่านทุกหน้า อิอิ) ก็เดินผ่านไปผ่านมาอยู่สองสามวัน สุดท้ายก็แพ้ใจตัวเอง โดยธรรมชาติของมนุษย์ก็จะมีความอยากรู้อยากเห็นเป็นปกติวิสัยอยู่แล้ว...ไม่มีข้อยกเว้นแม้กระทั่งฉันเอง(มนุษย์เหมือนกันนะจริงๆ...อันนี้นั่งยันนอนยันได้เลย) ก็เลยเริ่มตั้งใจอ่าน ในใจก็คิดว่าเป็นไงเป็นกันคนเขาอ่านกันตั้งเยอะไม่เห็นมีข่าวหัวใจวายคาหนังสือซักคน ...พออ่านไปๆเรื่อยๆก็เหมือนตกอยู่ในภวังค์ถอนตัวไม่ขึ้น(หรือจะเพราะอิ่มก็ไม่รู้นะลุกไม่ขึ้น) ช่วงที่อ่านบรรยากาศก็แสนจะเป็นใจซะนี่ มีฝนฟ้าคะนอง ท้องฟ้ามืดครื้ม...ไม่ได้ยินเสียงรถราหรือเสียงผู้คนเลยเหมือนหลุดไปอยู่อีกมิติหนึ่ง(ปลีกวิเวก) ความรู้สึกวังเวง บอกไม่ถูก แม้จะเริ่มหวั่นๆแต่อีกใจก็หยุดอ่านไม่ได้เลยก็เลยอ่านไปๆ สักพักก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นข้างหู....กริ๊ง...กริ๊ง....กริ๊ง...แต่เสียงที่ได้ยินกลับรู้สึกเหมือนว่าก้องอยู่ไกลๆจนยากจะเอื้อมมือไปรับได้ถึง(ความจริงขี้เกียจลุกไปรับน่ะประเด็นหลัก) แต่สุดท้ายก็จำต้องวางมือจากหนังสือเล่มนั้นแล้วเดินไปรับโทรศัพท์...หลังจากนั้นก็กลับมาอ่านต่อ...เพราะอยากรู้ว่าตอนจบจะเป็นยังไงนั่นเอง...พออ่านจบก็ต้องอึ้ง...เอ่อ...คือว่า...เล่มที่กำลังอ่านอยู่เนี่ยอ่ะเป็นภาคต่อจากหนังสือเล่มแรกที่เค้าวางขายตั้งนานแล้ว...ซึ่งเราก็เดินเฉียดไปเฉียดมาอยู่นะช่วงนั้น(เริ่มลำดับเหตุการณ์) แต่ช่วงนั้นอ่าน แฮรี่ พอตเตอร์ อยู่ก็เลยไม่ปันใจให้เล่มอื่นเลย...ถึงว่าทำไมเราอ่านไปตั้งนานยังไม่ค่อยเข้าใจสักทีต้องย้อนไปอ่านหน้าแรกๆอยู่
เรื่อย...พอมาถึงหน้าสุดท้ายก็ถึงบางอ้อ...อืม...ต้องไปซื้อเล่มแรกมาอ่านก่อน...แต่เรากลับ
รู้ตอนจบซะแล้วนี่สิ...แต่อย่างน้อยหนังสือเล่มนี้ก็ทำให้เราเริ่มสนใจที่จะอ่านแนวนี้มากขึ้น
เพราะในที่สุดก็อ่านจนจบเล่มจนได้ ตอนนี้ก็อ่านเล่มแรกอยู่แปลกดีนะ อ่านเล่มสองก่อน
แล้ววกมาอ่านเล่มแรก(แหวกแนวๆ) เรื่องของเรื่องก็คือ ความไม่รู้นั่นเอง เพราะไม่ได้
สนใจจะติดตามข่าวคราว หลังจากที่อ่านจบก็ได้ข้อคิดสำหรับตัวเองมาข้อหนึ่งก็คือ การ
พยายามเอาชนะความกลัวน่ะยากแต่เมื่อผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นมาได้แล้วเราก็จะรู้สึก
มั่นใจที่จะเผชิญหน้ากับความกลัวในอีกหลากหลายรูปแบบที่รอเราอยู่ข้างหน้าได้อย่างมั่นคง
......................................................................................................................
***รู้สึกจะยังไม่ได้บอกชื่อหนังสือสินะ ว่าจะไปเก็บค่าโฆษณาก่อน :p (ลีลา1)แต่คิดว่า
เพื่อนๆหลายคนคงพอรู้ว่าเรื่องอะไรหลังจากที่อ่านจบแล้ว....จาเฉลยดีมั๊ยนะ(ลีลา2)...หรือ
ว่ายังไม่บอก(ลีลา3)...แต่บอกดีกว่า(หมดท่าเลย)...เล่มแรก ชื่อ ...ริง...คำสาปมรณะ...
เล่มที่สองที่เราเพิ่งอ่านจบไปแหมบๆ(ยังอกสั่นขวัญแขวนอยู่เลย...ว่าจะไปหาไม้มาสอยซัก
หน่อย)ชื่อ...สไปรัล... ถ้าใครยังไม่ได้อ่านขอแนะนำหนังสือทั้งสองเล่มนี้นะคะ หาซื้อได้ตามร้านหนังสือทั่วไปค่ะ***
24 มกราคม 2547 21:24 น.
RERAYA
วันนี้..เราอาจรู้สึกผูกพันต่อสิ่งหนึ่ง
จนคิดว่าเราขาดไม่ได้..
แต่เวลาจะทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไป..
สักวันเราจะรู้ว่า..สิ่งที่เราผูกพันในวันนี้.
เป็นแค่ส่วนหนึ่งที่เติมชีวิตเรา
ไม่ใช่..ทั้งหมดของชีวิตเรา...
วันหนึ่ง..หากเรามีโอกาสได้เจอสิ่งที่ถูกใจสิ่งใหม่
ที่เราคิดว่าเราพึงใจ..ปรารถนา..ต้องการ..ขาดไม่ได้
เราก็จะเริ่มผูกพันกับสิ่งใหม่ได้ในเวลาไม่นานนัก...
เมื่อเวลาหนึ่งผ่านไป จะสอนเราได้เองว่า..
ความผูกพันกับสิ่งใด ๆ ในช่วงเวลาหนึ่ง
จะเป็นความสุขในช่วงเวลานั้น ๆ
อย่าได้ไปยึดติด อย่าได้ไปใช้ชีวิตทั้งชีวิตหลุ่มหลง...
คิดเสียว่า.เราโชคดี.ที่มีโอกาสได้ผูกพันกับสิ่งที่เรารัก
ความผูกพัน..ก็เหมือนกับความรัก..
หรืออาจจะเป็นผลพวงที่มาจากความรัก
หากเรารักใครคนใดคนหนึ่งมาก
เราก็จะรู้สึกว่าผูกพันมาก
แต่ความผูกพันที่ว่า.ไม่ได้หมายถึงการหยุดตัวเอง
ไว้กับสิ่งนั้น..เพราะคนทุกคน ย่อมผูกพันกับหลายๆ สิ่ง
เปรียบเสมือนเรามีแก้วน้ำอยู่หนึ่งใบ
ในยามเช้า..เราอาจต้องใช้แก้วใบนี้ดื่มนม
พออากาศร้อนหน่อย..เราอาจต้องการน้ำเย็น ๆ
บางครั้งที่เราไม่สบาย..เราอาจต้องการน้ำอุ่น
ใจเราก็เหมือนกับแก้วน้ำ..ต้องเติมสิ่งต่าง ๆ
ในเวลาที่แตกต่างกัน...ตามความเหมาะสม..
หากเราเติมน้ำเย็นลงไปในแก้วน้ำ
แล้วเติมน้ำร้อนลงไปในทันที.ในแก้วใบเดียวกัน..
เราก็จะพบว่า..แก้วใบนั้น..ก็จะร้าว..แล้วเริ่มแตก
ซึ่งก็เหมือนกับใจเรา..
ความผูกพันต่อสิ่งหนึ่งสิ่งใดในช่วงเวลาหนึ่ง..ไม่ผิด
ถ้าเราค่อย ๆ ปรับใจ ปรับตัวของเราเอง
ให้กลับคืนในเวลาที่ควร
เพราะอย่างน้อยที่สุด..เราก็มีโอกาส..ได้ผูกพัน...
ซึ่งก็เหมือนเราได้มีโอกาส..ได้รัก นั่นเอง
ถ้าคุณมีความสุขที่เห็นเค้าเดินกับคนอื่น
คือ........ความรัก
ถ้าคุณเศร้า เหงา คิดถึงเค้าอยากเจอ พูดคุย
คือ.........ความรัก
ถ้าคุณร้อนรนที่เค้าอยู่กับใคร ๆ ที่ไม่ใช่คุณ
คือ.........ความใคร่ อยากเก็บไว้เป็นเจ้าของคนเดียว
ถ้าคุณเมามาย เค้าลูบหลังไหล่ ดูแล
คือ.........ความรักที่บริสุทธิใจ
ถ้าคุณเมามาย เค้ากอดและสัมผัสร่างกาย
คือ..........ความใคร่จากเค้าของคุณ
ถ้าคุณเข้าหา แต่เค้าหนี...
คือ......... ความใคร่ ที่หมดเยื่อใยแล้ว
ถ้าคุณหนี แต่เค้าวิ่งตามมา
คือ..........ความรักที่ยังไม่มีจุดจบ
ถ้าคุณร้องให้ ให้กับคนที่ไม่มีเยื่อใยในตัวคุณ
คุณคือคนโง่ และบ้า อย่างน่าอาย
แต่ถ้าคุณพอใจ...จงรัก และ มอบความรัก
ให้กับเค้า แม้มันจะไม่กลับมาหาคุณก็ตาม
จงดีใจที่ได้รักซะวันนี้..
ดีกว่าที่จะมานั่งเสียใจในวันหน้า
จงภูมิใจที่มีความใคร่ เสน่หา
เพราะมันจะไม่ย้อนกลับมาหาอีกต่อไป....
17 มกราคม 2547 18:39 น.
RERAYA
มีเพื่อนรักอยู่ 3 คน คือ ไฟ - น้ำ และ ความไว้ใจ
ทั้ง 3 ได้มาพบและพูดคุยกัน
ไฟได้บอกกล่าวกับเพื่อนทั้ง 2 ว่า
"ถ้าหากฉันหายไป ให้สังเกตในที่ๆ มีควันฉันจะอยู่ที่นั่น "
ส่วนน้ำนั้น บอกกับเพื่อนทั้ง 2 ว่า
"ถ้าหากฉันหายไป ให้สังเกตที่ๆ ต้นไม้เขียวชอุ่มและเจริญงอกงาม เพราะฉันจะอยู่ที่นั่น"
ส่วนความไว้ใจ บอกกับเพื่อนทั้ง 2 ว่า
"หากฉันหายไป.......พวกเธอจะไม่มี วันได้พบฉันอีกเลย ..........."
ไฟ -------- ก็เปรียบเสมือนความหวัง ความมุ่งมั่นมานะ และพลังในการดำเนินชีวิต แม้มันหมดหรือดับไป........คุณยังอาจจุดประกายแห่งความมุ่งมั่นนั้นได้ ขอเพียงคุณมีแรงดลใจ (ควัน)
น้ำ -------- เปรียบเหมือน ความรัก ความอบอุ่น เป็นสิ่งชโลมจิตใจ ให้ชีวิตคงอยู่อย่างสดชื่น และมีชีวิตชีวา แม้คุณอกหักหรือผิดหวัง แต่ความรักก็ยังพร้อมจะเกิดขึ้นใหม่และเจริญงอกงามต่อไปได้เสมอ
แต่ความไว้วางใจนั้น เป็นพื้นฐานของความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับบุคคลอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น พ่อ แม่ ลูก คนรัก เพื่อน หัวหน้า หรือ ลูกน้อง
ถ้าหาก...คุณสูญเสียความไว้ใจที่มีต่อบุคคลนั้นไป...... คุณจะไม่พบมันอีกเลยในความสัมพันธ์ระหว่างคุณและเขา