11 พฤศจิกายน 2546 05:29 น.
Rainsummer
5 ต. อย่าคิดว่าเราบ้าตัวย่อนะ ไม่ใช่หรอก วันนี้ นั่งเรียนวิชา วิทยาการระบาด
ว่าด้วย เหตุแห่งการเกิดโรค ซึ่งได้แก่
Host = ตัวบุคคล
Agent= สิ่งที่ทำให้เกิดโรค ไม่ว่าจะเป็น เชื้อโรคต่างๆ ปรสิต
หรือ พวกจุลินทรีย์ ต่างๆ รวมไปถึงปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคไร้เชื้อ...
Environment= สิ่งแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการเกิดโรค
ที่จริงเรื่องที่จะบอกเล่าในวันนี้น่ะ มันไม่ใช่เรื่องการเกิดโรคหรอกค่า
แต่ว่าเป็นเรื่องที่ผู้ชายบางคนอาจจะเคือง กระเทยคนบางคนอาจจะเขม่น
ผู้หญิงบางคนอาจจะเริ่มอยากอ่านสุภาษิตสอนหญิงของสุนทรภู่
ขึ้นมาแบบจับขั้วหัวใจ (เว่อร์แล้วเพ่......)
อ่ะน่า......มาอ่านแล้วทำใจเป็นกลางกันเถอะนะคะ ข้าพเจ้าหรือว่าตัวเราน่ะ
ไม่ได้มีเจตนาไม่ดีนะ เพียงแค่อยากเตือนวัยรุ่นไทยสมัยนี้กันหน่อย
ใช่ เรื่องแบบนี้อาจจะไม่เกิดกับทุกคน ถ้าทุกคนเป็นคนดี...ใช่มะ
แต่ว่าลองคิดดูสัดนิด...นิสส์นึงนะค้า ว่าถ้าเราเป็นคนดี ดี่ ดี๊เนี่ย
แล้ววันนึงเกิดเป็นโรคร้ายขึ้นมา(ไม่ได้แช่งนะ)โดยไม่รู้คุณโหน่คุณเหน่น่ะ
จะเจ็บช้ำใจแค่หนายกาน....เอาล่ะเรามาฟัง เอ๊ย อ่านกันดูน้า
ซัมไม่ได้บอกให้เชื่อทั้งหมดแต่ขอแค่รับฟังแล้ว วางใจ ไว้ตรงกลางนะ
แค่คิดตามที่เขียนมาเนี่ยก็เป็นพระคุณอย่างยิ่งแล้วจ้า......^____^
วันนี้เรียนตอนแปดโมงเช้า.....วิชาวิทยาการระบาด (ย้ำรอบที่2) โดยดร. จุดจุด...(ละไว้)
ท่านเป็นผู้มีประสบการณ์มากๆ จากการที่ท่านได้ทำวิจัยเกี่ยวกับโรคเอดส์
ที่เชียงราย (ขออนุญาตเอ่ยชื่อจังหวัดนะค้า...)
จึงทำให้ท่านเชี่ยวชาญเรื่องนี้โดยเฉพาะ.....อาจารย์ท่านกล่าวว่า......
พวกคุณรู้มั้ยวัยรุ่นไทยสมัยนี้ เป็นเอดส์กันมาก มากจน มีกฎหมาย
ออกมาตั้งกรมโรคเอดส์....เพราะอะไร พวกคุณคิดเอาเองนะ .
.แต่อาจารย์จะย้ำให้พวกคุณคิดกันว่า
ปัญหาโรคเอดส์ที่มีมากที่สุดในไทยตอนนี้คือ...ปัญหาเอดส์ในหมู่นักศึกษา...
คิดดูแล้วกัน...พวกคุณกล้ามั้ย กล้าที่จะบอกว่า คุณไม่เป็นโดยที่คุณยังไม่ได้ตรวจดูให้แน่ใจ
โดยเฉพาะ พวกคุณต้องทำงานกับคนหมู่มาก คุณจะรู้รึไม่ว่าเขา ไม่ใช่พาหะเอดส์...
...นักศึกษา... รึว่าคณะเรา ...สาสุขก็เถอะ อาจารย์ขอท้าพวกคุณไว้เลย
ว่าถ้าใครกล้าที่จะตรวจเลือดพิสูจน์เอดส์ อาจารย์จะนับถือจริงๆ....
โห....ท่านอาจารย์ทำเอานักศึกษาอึ้งกันเลยนะคะ
แหม ถ้ามาอยู่สถานการณ์เดียวกันกะเราแล้วท่านจะรู้ว่าถึงตัวเอง
จะไม่ได้เป็น หรือว่า ไม่ได้มีพฤติกรรมเสี่ยงต่อเอดส์ ก็เกิดอาการหนาวได้น่า
(เปิดแอร์ตั้ง3เครื่องอ่ะห้องเล็กๆ บรื๊อ.....ว้าก นอกเรื่อง อีกแย้ว)
เราจาถ่ายทอดคำพูดอาจารย์นะคะ โดยมีการใส่ความรู้สึกที่ค่อนข้างกดดัน
ในขณะนั้นร่วมด้วย
เพราะบางคนอาจจะเริ่มฉุน ว่า ยัยนี่ มัวแต่อ้อมโลกอยู่ได้ไม่เข้าประเด็นซักที....
.....เห่ย....ประมาณเนี้ย......งั้นมามะมาเริ่มกันเลยเจ้า....
.ต. ก็คือ ตรวจ ค่ะ มีดังต่อปายนี้ .....
...ต. ตัวที่1 ตรวจเลือดก่อนที่จะรักใคร
โห.....ขนาดนั้นเลยนะ สมมุติว่าฉันจะเป็นแฟนกับนายคนนี้น่ะ รึว่ายัยคนนี้..ก็ตามที
เราทั้งคู่จะต้องไปเลย นู่น สถานีตำรวจเอ๊ย..แหมๆ..โรงพยาบาล ตรวจเลือดกัน
ไม่ได้มีอะไรแบบแอบแฝงนะคะ เพราะหากเกิดอะไรเราจะได้ไม่ต้องเสียใจมากงัย
(ใครจะไม่เสียใจฟะ แฟนเป็นเอดส์ ..อุตส่าห์คิดว่าเลือกดีแล้วยังเจอแบบนี้)
แล้วอีกอย่างคือ...เป็นการป้องกันทางระบาดวิทยา ที่ต้นเหตุค่ะ
(กลับกันกะวิทยาการระบาดได้ไม่ผิดกติกา)
จะได้ไม่มีปัญหาอื่นๆตามมาทีหลังงัย.....
.อย่าลืมเอดส์ไม่ได้ติดต่อแค่ทางเพศสัมพันธ์เท่านั้น...
เพราะฉะนั้นอย่าคิดลึก...ติดต่อทางบาดแผลก็มี
สมมุติเค้าหัวร้างข้างแตกมาเพราะไปตีต่อยตบกะจิ๊กโก๋ท้ายซอย
(ท้ายซอยนี่มานไปหาเรื่องเค้าแล้วนะนี่)แล้วเราผู้ซึ่งเป็นแฟน ....ย่อมต้อง
ได้จับมีดมาเจี๋ยน อ้าว...ไม่ใช่สิ ทำแผลให้แหม เผลอผิดคิวเรื่อยเลยอ่ะ...
แล้วถ้าเกิดดวงคนมันเป็นคู่แท้3โลกกัน เกิดมือเรามีแผล
ก็ติดกันได้นะคะ อย่าประมาทเชียวล่ะ....
ต.ที่2 ตรวจเลือดตอนที่เป็นแฟนกันอยู่
ไว้ใจได้ที่ไหน อยู่กับเราไปเที่ยวกับเรา
แต่ไม่ได้เฝ้าทั้งวันนี่ (อาจารย์ท่านบอกนา ไม่ใช่ความคิดเรา น้า....)
เหตุผลก็คล้ายกับอันแรก อาจจะมีเพิ่มเล็กน้อย.....แต่ก็ใกล้เคียง
จากหัวแตกอาจจะเป็นรถชน รึว่าอุบัติเหตุอื่นๆ และอื่นๆ ..
.(สุภาษิตสอนหญิงยังใช้อยู่นะระยะนี้)......อย่าคิดลึก แค่แฟนๆ....เหอ ..เหอ...
แต๊ะอั๋งฉันเดี๋ยวมีตบ ....โช๊ะ.....
ต..ตัวที่3 ตรวจเลือดก่อนหมั้น แต่ ถ้าสมมุติไม่หมั้น คบๆกันไป ตรวจเลือดกันแล้ว
โอเช ใช้ได้ ดีแล้ว ไม่ดีเลิศแต่ก็ดีพอสำหรับเรา ก็เอาเถอะนะ.....
ตรวจอีกทีเถอะจ๊ะ ไหนๆก็หลวมตัวคบกันแล้วนี่ตามใจเราหน่อยน่า.......
ต. ตัวที่4 ตรวจก่อนแต่งงาน
นี่คุณค้า หมั้นกันมาแล้ว ตรวจมาแล้ว3รอบ เราว่ามันก็เฉยๆแล้วนะ
ถ้าจะแต่งงานกันน่ะ ไปตรวจอีกดีกว่า เพราะว่า ตั้งแต่ ต. ที่1-3 น่ะ
เราก็อยู่กันคนละบ้าน ไม่ใช่ไม่ไว้ใจนะ แต่ไม่อยากมีปัญหาครอบครัวตามมา
สงสารเราเถ๊อะ ......ว่าแล้ว ต.ที่ 4ก็ต้องไปตรวจอีก.....
(เราว่าคงจะเริ่มชินแล้วมั้ง ถ้าใครไม่ร้อนตัว ตรวจก็ตรวจอะไรประมาณเนี้ย)
สุดท้ายต. ตัวที่5 ตรวจก่อนตั้งครรภ์รึตรวจก่อนตัดสินใจจะมีบุตร
นี่แหละสำคัญนัก ใครเล่าจะอยากให้ลูกตัวเองออกมาแล้วไม่สมประกอบ
รึว่าไม่สมบูรณ์ใช่มะ ฉะนั้นแล้วแล ถึงแม้เราจะอยู่บ้านเดียวกันแล้ว
ท่านก็ต้องไปตรวจด้วยกันกับเราอีก ทั้งคู่น้า......ห้ามไปเดี่ยว
เผลอๆเราอาจจะได้รู้ปัญหาสุขภาพของตัวเราด้วยงัย....ไม่ใช่แค่ HIV อย่างเดียวหรอกน่า
โรคเบาหวงเบาหวาน ความดัน หัวใจ รึว่าอะไรต่างๆก็ควรระวังด้วย
เพราะมันมีผลต่อการตั้งครรภ์ (พูดไปยังกะหมอขี้บ่นเลยแฮะ อย่าเพิ่งเบื่อน้า...)
เอาล่ะค่ะ นี่คือการป้องกันที่ต้นเหตุ ...จะยังงัยก็ตามเรา
ก็เกิดอาการซึ้งในรสพระธรรมจนอยากจะเขียนๆ ออกมาก็อย่าว่ากันนะคะ
อ้อ....มีประสบการณ์ที่พบมาน่าสลดใจมากๆ เลย ขอเอ่ยตัวอย่าง ให้รู้กันไว้
แต่ไม่ได้ตั้งใจจะว่าเค้านะคะ ก็เข้าใจน้องเค้าดี
เพียงแต่ว่าอยากให้เป็นอุทาหรณ์แด่คนที่ยังไม่พบเจอเหตุการณ์เช่นนี้
ให้จำไว้ อย่าคิดว่าตัวเองสนุก แล้วจะทุกข์ถนัดนะจะบอกห้ายยยย......
case นี้ น้องคณะพยาบาลเค้าเล่าให้ฟังตอนไปกินข้าวด้วยกัน
(ลูกพี่ลูกน้องเราอ่ะเรียนพยาบาล).......
เค้าเล่าว่า เค้าเข้าเวร รึว่าเรียกตามภาษาพยาบาลก็คือ ขึ้นวอร์ด ใช่มะ
แล้ว คนไข้ที่เค้าดูแลน่ะ เป็นชายหนุ่มอายุ 20 ปี แต่มีแฟนเป็นเด็กมัธยมต้น
ผู้ชายคนนี้ เค้าประสบอุบัติเหตุรถมอไซด์ ล้มรึอะไรนี่แหละเราไม่จำ .....และจำไม่ได้
แฟนเค้าก็มาเฝ้าไข้ทุกวัน น้องสาวเรานี่ก็ ดูแลทุกวันจนวันนึงอาจารย์ที่คุมวอร์ดพยาบาล
มากะซิบกับน้องของเราว่า ระวังหน่อยนะ หนู คนไข้รายนี้ เราตรวจ screening
ได้ผล HIV + รึว่า HIV positive นั่นเอง
(โดยวิธี ELISAครั้งแรก ยังไม่ได้ตรวจอีกครั้งเพื่อ confirm ว่าเป็นเอดส์จริงรึไม่)
ไอ่..เราน่ะรึก็ไม่รู้อะไรมากมายเท่าพยาบาลเค้าหรอก
น้องของเราเค้าก็ฝอยไปเรื่อยถึงวิธีการตรวจเพื่อคอนเฟิร์ม.อีกครั้ง เราก็พยักหน้าหงึกๆ
ก็ ตรูไม่ได้เรียนวิธีตรวจเอดส์ละเอียดเหมือนมานนี่หวา.......รู้ว่าเป็นแบบ ELISA
ก็บุญแล้วนะนี่ สำหรับ อนาคต Safety เหอะๆ ...
.(ออกแนวเก็บกดเล็กน้อยแกมอิจฉา).......
ก็นะสงสารน้องผู้หญิงคนนั้นน่ะ มาเฝ้าไข้แฟนตัวเอง แล้วไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเค้าเป็นเอดส์
ถึงไม่ยืนยันผล แต่ถ้าตรวจครั้งแรกอาจารย์กล้าพูดแบบนี้นะ ชัวร์เห็นมาหลายเคสแล้ว
เราก็เคยเรียน...คณะแพทย์อ่ะ ตอนปี2 ไปเรียนที่นั่นทุกวัน กินข้าวโรง'บาลทุกวัน
แหวะ .. อร่อยมาก แหวะ ...กลิ่น ฟอร์มาลีนหอมกรุ่น ...ฮือๆ.
.แต่ว่าเรียนพื้นฐาน แบบแค่เบสิค แพทย์ขั้นต้น ...เท่านั้นเอง......
ไม่ได้เรียนลึกล้วงเหมือนพยาบาลกะหมอใหญ่นายแพทย์
2 รายนั้นเค้าต้องอยู่กับคนป่วย ส่วนเราน่ะต้องไปอยู่กับสาวโรงงาน อยู่กับสารเคมี
เล่นบู๊กับพนักงานทุกวัน ...อาจารย์ว่า ...
(ขออนุญาตนอกเรื่องและบ่นอีกแล้วคับท่าน)
นะเข้าเรื่องโห....ไปได้ไกลขนาดนี้เชียวเรา โอ๊ะโอ.....
พ่อแม่ของน้องผู้ชายเค้าก็ยังไม่รู้นะ พ่อเป็นครู แม่เป็นครู
แต่ น้องเป็นหนุ่มขอนแก่น อ้าวไม่ใช่......เอ๊ะใช่สิ ใครเถียงอ่า...
ยังไม่ได้ติดต่อบอกพ่อแม่ว่าลูกเขานั้นมี เชื้อ HIV+
ประมาณว่าเค้าคงคิดว่าลูกประสบอุบัติเหตุธรรมดาเลยไปสอนต่อโดยไม่ได้มาดูแล
โถ่...โถ อนาคตของชาติ จบสิ้นเสียแล้ว ถึงแม้ว่าเค้าจะรักษาสุขภาพดีแค่ไหน
แต่เชื่อมั้ยล่ะคะ ถ้าเกิดเค้ารู้ว่าตัวเองเป็นโรคร้าย...เค้าจะยังมีกำลังใจอยู่ต่อไปรึเปล่า
ว่าตามหลักความเป็นจริงของจิตวิทยานะ ถ้าไม่ได้รับแรงเสริมที่ดี กำลังใจที่ดี
เค้าคงอยู่ต่อไม่ได้แน่นอน คนเราเคยทำอะไรเป็นอะไรได้ มีอนาคตดีๆ
แล้วมาดับวูบนี่มันจะไม่ให้คิดมากกัน คนๆนั้นก็คงบรรลุ ธรรม 1 ใน4 .....
(โสดาบัน สกินาทามี อนาคามี และอรหันต์) ของศาสนาพุทธแล้วล่ะค่ะ
สงสารแต่น้องผู้หญิงไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง เห็นนัวเนียร์หนุงหนิงกันอยู่ .
.(คือแบบว่าอยากรู้อยากเห็นค่ะ เลยไปดู เรารู้อะไรไม่กระจ่างไม่ได้ต้องไปดู ฮะฮะ)
โอย..หัวใจจะวายแทนพ่อแม่...แบบนี้ต้อง ซื้อหนังสือซักเล่มให้อ่านซะล่ะมั้ง
ไม่ได้ว่านะคะ แต่นะ ใครจะกล้าเดินเข้าไปบอกน้องเค้าว่า.....น้องจ๊ะ แฟนน้องเป็นเอดส์ค่ะ.....ทำร้ายกันเกินไป เราคิดซะว่าเป็นเรื่องของกรรมค่ะ..
.กรรมคือการกระทำ ทำอะไรไว้ย่อมได้รับผลเช่นนั้น
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ......สาธุ....ที่บอกแบบนี้ไม่ได้ประจานใครแต่ว่า
อยากให้คิดๆกันดู ปัญหาบางทีเหมือนว่ามันอยู่ไกลตัวนะ เราอาจจะมองปัญหาเหล่านี้เป็นเรื่องไกลตัว เมื่อมันยังไม่เกิดกับเรา คนที่เรารัก แต่ถ้าวันใด มันมาเข้าใกล้เรา
เราถึงจะมองปัญหาแล้วป้องกันงั้นหรือ ป้องกันเมื่อมันสายไป...
แล้วมันจะไปตามเขาทันได้อย่างไร...ประเทศชาติ.....ชีวิต อนาคต.....
^__^
6 พฤศจิกายน 2546 01:20 น.
Rainsummer
มันไม่มีอีกแล้วนะ ฉันคนเดิม คนที่เคยอ่อนแออ่อนไหวเพราะใจเธอมันไม่มีอีกแล้ว
ไม่รู้สินะ..ฉันกลายเป็นผู้หญิงเย็นชา
กลายเป็นคนใจร้ายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ได้..
ฉันรู้แค่เพียงว่า สายน้ำมันไม่มีวันไหลกลับฉันใด
ใจฉันมันก็ไม่หวนกลับไปเป็นดังเดิมฉันนั้น
เมื่อตอนที่เพื่อน...คนรอบข้างบอกให้ฉันลืมเธอ..ลืมไปซะ...ลืมให้หมด..
ฉันทำได้แต่เพียงยิ้มขอบใจ ..ขอบคุณพวกเขา...
เพราะฉันรู้อยู่แก่ใจฉันดีว่าไม่มีวันนั้นสำหรับฉัน..
แต่ในตอนนี้มีคนอยากให้ฉันกลับไป...กลับไปคืนดี...
กลับไปมีเธอ....ฉันคงทำไม่ได้หรอกนะ...
เธอปล่อยให้ฉันจมอยู่กับความว้าวุ่นใจเสมอมา..
ทั้งๆที่เธอพร่ำบอกเสมอว่ารักฉัน...
แต่ฉันไม่เห็นเธอ..ทำอะไรแสดงออกอะไรให้ฉันรู้ว่าเธอรักฉันเลย...
.เฉยชาใส่กัน...จะให้ฉันเข้าข้างตัวเองมันคงจะเป็นไปไม่ได้........
ฉันเองจมอยู่กับความเศร้า....เมื่อเธอเหงาเธอก็มา.
..เมื่อมีใครเธอก็ไป....คนอย่างฉันยังรับได้..
แต่เธอรู้บ้างไหม...คนที่อยู่อย่างคนไร้ตัวตนมันเจ็บจนทนไม่ไหว....
...ใจมันอ่อนแอเหลือเกิน..
คำลาจากฉันมันทำให้เธอข้องใจงั้นหรือ....จะถือว่าฉันผิดก็ได้นะ
ผิดที่บอกเลิกเธอไป ผิดที่ทนไม่ได้ ผิดที่ไว้ใจเธอ.....
และผิดที่ฉันไม่ยอมกลับไปอีกแล้ว......ใช่ว่าฉันมีใครคนอื่นหรอกนะ..
ไม่มีหรอก...
แค่เธอคนเดียวฉันก็เหนื่อยใจเหลือทน..มีใครอีกคนฉันคงต้องดูเขาให้นาน
..นานพอที่จะแน่ใจ...อะไรๆหลายอย่าง...
และคนที่ฉันจะบอกรักคงเป็นคนๆเดียวที่ได้ใจฉันไป...
ถึงวันนั้นเธอคงจะเห็นเอง....ไม่ต้องห่วง.........
.เธอรู้ไหมว่าเธอน่ะง่าย...
เธอง่ายเอง...เธอง่ายที่ไปจากฉันก่อน....ฟังเพลงนี้คงเข้าใจนะ......
โชคดีเธอผู้ที่จะเป็นสุดที่รักของคนอื่น.......
.........เธอง่ายเอง.....
จะตามงอนง้ออ้อนวอนกันไปถึงไหน เข้าใจบ้างไหมเธอมันเก่า
เรื่องเธอกับฉันให้คิดว่ามันแค่ชั่วคราว อย่ามาเอาอะไรกับฉันไม่อยากวุ่นวาย
ยังจำได้ไหม ว่าเธอก็เคยทิ้งฉัน ฝากคำและย้ำให้ช้ำใจ
เมื่อเธอโดนทิ้งวันนี้ก็คงไม่สายไป ที่จะเอาคำเธอมาใช้มาสั่งสอนเธอ...
ที่เธอนั้นยินยอมให้กันไม่ใช่ฉันเป็นคนเรียกร้อง...ก็เธอนั่นแหละที่ยอมฉันเอง..
อย่ามาคิดว่าเคยพันผูกฉันโดยใช้การทุ่มเท จะโทษใครก็เธอง่ายเองที่ยอมให้กัน
นี่คือความหลังถ้อยคำที่เธอให้ไว้เจ็บพอกันไหมเมื่อได้ฟัง ...
และมาวันนี้ให้คิดว่าเราน่ะหายกันอย่ามาตามตอแยกับฉันก็อยากร้างลา...
จะโทษใครก็เธอง่ายเองที่ไปจากฉัน...