20 พฤษภาคม 2553 12:27 น.
rachan
Oh hope
There is hope
In the fire
In the dark
Lets believe in the light of new day
Lets pass through this together
Left the despair behind
And become strong
Oh hope
Brighter days will surely come
Just like the dawn
After the longest night
ความหวังเจ้าเอย
จงมาสู่เราทั้งปวง
ข้ามผ่านค่ำคืนอันยาวนาน
เพื่อจะได้พบกับแสงตะวัน
ไปด้วยกัน
ผ่านเรื่องร้ายทั้งปวงไปด้วยกัน
ทิ้งความสิ้นหวัง
ข้ามผ่านหมอกควันและเปลวเพลิง
เพื่อจะไม่ผิดพลั้งดังนี้อีกต่อไป
อนาคตนั้นอยู่เบื้องหน้า
จับมือกัน
อย่าได้แยกจากกันอีก
และไปด้วยกัน
ดั่งอรุณรุ่งหลังค่ำคืนอันไร้สิ้นสุด
แสงสว่าง ณ สุดปลายทาง
ดวงอาทิตย์ที่โผล่พ้นเมฆดำหลังพายุร้าย
ต่อจากนี้ไป
ไม่ว่าเมื่อใด
จงมีความหวัง
ฝันร้ายจักต้องสิ้นสุด
และรุ่งสาง
ที่สุดแล้ว
ก็จะมา..
ไม่ว่าเมื่อใด..
ไม่ว่าเมื่อใด..
รุ่งสางก็จะมา..
---------------------------
ภาคต่อของ in this despair ค่ะ
ขอบคุณ คุณพรพันดาว นะคะที่มาเป็นกำลังใจ นึกว่าจะไม่มีใครอ่านอันที่เป็นภาษาอังกฤษซะอีก
5 พฤษภาคม 2553 12:30 น.
rachan
Together
Let us join hands
Though we are powerless
Though we know nothing
Together
Let us join hands
And pray for a brighter day
And pray for something we can do
Despite the darkness
Despite the hopelessness
Which take over our hearts
There will be light someday
That is what I always childishly chant
Though we can see nothing
I believe,
childishly,
that if we gather
our powerlessness
our joined hearts
will grant us power
though not mighty
or novel-like noble
maybe
maybe, maybe
by any chance,
our faint light
will brighten something
and a frail butterfly
will cause butterfly effec
3 พฤษภาคม 2553 22:09 น.
rachan
ไฟเอย จงเป็นพลังให้แก่เรา
เป็นพลัง ให้เราก้าวไปยังสุดทางนั้น
แม้เราจะอ่อนแอ ไร้ความจริงจัง
แม้ใจนี้จะปวกเปียก
แม้passionจะอ่อนบางราวหมอกควัน
และถึงวันนี้ ก็ยังขาดความเชื่อในตนเอง
.........
.............
เรามิรู้จะทำเช่นไร
ราวน้ำตาจะถั่งไหล
ยามเอ่ยโทษตนเองที่ไร้ความตั้งใจ
เรามิรู้จะก้าวเดินไปเช่นไร
นี่มิใช่กีฬา
มิอาจก้าวไปเบื้องหน้าได้ด้วยการฝึกซ้อม
เรารู้สึกเช่นนั้น
ทว่า
เราก็มิรู้ว่าควรจะเดินไปเช่นไร
ในเวลาอันว่างเปล่า
ใจเราเงียบงันไร้ถ้อยคำ
ยามที่มิได้เขียนสิ่งใดเลยนั้น
เราก็รู้สึกว่าตนช่างไร้ความมุ่งมั่น
หากมิเขียนแล้วจะเดินต่อไปได้อย่างไร?
จะไปถึงเป้าหมายนั้นได้อย่างไร?
จะเป็น "wordsmith" ได้อย่างไร?
ทว่า
ทว่า...
ในเวลาดังนั้น
เราก็มิรู้จะเขียนสิ่งใด
ราวอยู่ในโลกอันว่างเปล่า
เคว้งคว้าง
ทุกสิ่งเป็นสีขาวโพลน
มิอาจหยิบคว้าสิ่งใดขึ้นมาได้เลย
เราจะวิ่งไปเบื้องหน้าได้อย่างไรหนอ...?
เราจะทุ่มความมุ่งมั่นไปกับสิ่งใดได้บ้างหนอ..?
สิ่งที่เราเขียนทั้งหลายนั้น
ล้วนออกมาจากตัวเอง
เราควรจะทำอย่างไร.....?
วันนี้เราได้ส่วนเสี้ยวของตัวตนที่เคยมีกลับมา
และสักวัน.. สักวันหนึ่งกระมัง
เราคงจะข้ามพ้นความวุ่นวายในใจ
เราคงเขียน ราวลอยอยู่บนฟากฟ้าสีคราม