11 ธันวาคม 2549 15:46 น.
Princess_in-dream
.....ความเงียบเข้ามาครอบงำห้องทำงานหรูนั้น ชายหนุ่มร่างสง่าที่ยืนอยู่ตรงหน้าต่าง มองหน้าหญิงสาวผมยาว ตาโต ที่นั่งนิ่งบนเก้าอี้นวม
"ต...แต่งงานหรือค่ะ"
.....พริมรตาพดทวนคำช้าๆมองหน้าชายหนุ่มตาไม่กระพริบ
"ใช่"
.....ชายหนุ่มตอบหน้าตาเฉย แล้วพริมรตาลุกขึ้นแล้วพูดว่า
"เราจะแต่งงานได้ไงกันค่ะ ในเมื่อเรายังไม่มีอ..."
"นี่คุณ! ฟังผงมก่อนน่ะ เราก็แค่แต่งงานกันเฉยๆ ไม่ต้องทำอะไร คุณก็แค่เข้ามาในบ้านผมในฐานะ "ภรรยา" ผมเท่านั้น ผมช่วยคุณได้แค่นั้น ถ้าคุณไม่รับไม่เป็นไร คุณออกจากบ้ายผมได้แล้ว เชิญ!"
.....ชายหนุ่มชี้ไปที่ทางประตูหน้าบ้าน พริมรตายังคงนิ่งเหมือนเดิม แล้วค่อยๆพูดกลับมาว่า
"ฉัน..ตกลงค่ะ"
.....ชายหนุ่มมองเข้าไปในดวงตาของหญิงสาว จึงรู้ว่าเธอนั้นซื่อบริสุทธิ์ คงไม่มีเล่ห์เหลี่ยมใดๆทั้งสิ้น ชายหนุ่มนั่งลงบนเก้าอี่นวมข้างตัว แล้วพูดด้วยเสียงเบาว่า
"เป็นอันว่าตกลงนะ"
.....พริมรตาพยักหน้า แล้วพูดว่า
"ฉันทำเพื่อตามหาแม่ พอฉันเจอแม่ฉันก็จะอย่ากับคุณ ตกลงไหม"
.....ชายหนุ่มพยักหน้าตกลง แล้วพูดว่า
"เราคุยกันมาตั้งนานแล้ว ผมยังไม่รู้จักคุณเลย ผมชื่อ เจษฎาภรณ์ นิวัฒนา หรือเรียกผมว่าเจษเฉยๆก็ได้ ตอนนี้ผมต้องการทราบเรื่องของคุณ บอกผมมาให้หมดนะ"
.....พริมรตาพยักหน้ารับ
"ค่ะ ฉันเป็นคนเชียงใหม่ พ่อกับแม่ฉันเป็นคนเชียงใหม่เหมือนกัน ตอนที่ฉันอายุได้ 5 ขวบ คุณแม่ฉันหรือคุณพิมภาพรรณ ซึ่งขณะนั้นตั้งท้องน้องฉันอยู่ได้ไปเป็นคนใช้ที่บ้านหลังหนึ่ง พอหลังจากนั้นแม่ฉันก็ไม่ได้ติดต่อกลับมาเลย เวลาผ่านไปสักพัก พ่อฉันหรือคุณพรเทพก็เสียชีวิต เพราะถูกคนฆ่าหน้าบ้าน ตอนนั้นฉันไปโรงเรียนจึงไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ หลังจากนั้นเป็นต้นมา ฉันก็ได้ไปอยู่ที่บ้านเด็กสังเคราะห์แทน เพราะไม่มีญาติ พอฉันโตขึ้นฉันก็กลับมาพักที่บ้านหลังเก่า ฉันไปค้นของภายในบ้าน ก็ได้ได้เจอกับจดหมายฉบับนี้เข้า ก็เลยมาที่นี่เพื่อพบแม่ เพราะแน่ใจว่าแม่ยังอยู่
..เจษฎาภรณ์มองหน้าพริมรตา แล้วก็เริ่มเล่าเรื่องของตนบ้าง
ส่วนผมนั้น ตอนที่ผมเป็นเด็กประมาณ 6-7 ขวบได้ ผมก็เสียแม่ไป ผมจึงอยู่กับพ่อจากนั้นเป็นต้นมา ผมมีพี่น้อง 3 คน พี่ชายคนโตชื่อว่า จิรกิตติ์ จบด้านนิติศาสตร์ เป็นนักสืบชื่อดังที่กรุงเทพ คนที่สองคือผมเอง ผมจบมาทางด้านรัฐศาสตร์ต่างประเทศ และได้เป็นทูตที่นั้น ตอนนี้ผมเพิ่งกลับมาจากอังกฤษ เพราะเป็นทูตที่นั่น ส่วนน้องคนที่สามนั้น เป็นผู้หญิงชื่อว่า เจนจิรา จบด้านการค้าการบริหาร ตอนนี้ทำบริษัทเครื่องสำอางกับสามีที่ชื่อว่า อรรถพล และน้องคนสุดท้องนั้นเป็นผู้ชายชื่อว่า จุติพงศ์ เขาจบทางด้านวิศวกรรม เป็นสถาปนิก ส่วนพ่อของผมชื่อว่า ภัทรพล เมื่อก่อนเป็นข้าราชการเก่าเท่านั้นเอง
..เจษฎาภรณ์พูดจบ พริมรตาก็กระพริบตาปริมๆ แบบอึ้งๆ
ละเอียดจังเลยคะ
เอ๊า! จะไม่ละเอียดได้ยังไง ในเมื่อไม่นานคุณก็เข้ามาอยู่ในบ้านของผมแล้วนิครับ
..พริมรตาพยักหน้ารับ แล้วพูดว่า
แล้วเรื่องการเข้าในบ้านคุณนั้น จะทำให้ทุกคนเชื่อได้ไงว่าเรารักกันจริง
ผมมีวิธีแล้วกันละครับ จะทำแบบไม่ให้ใครรู้เลย แล้วคุณก็เป็นผู้หญิงด้วย คุณน่าจะทำได้ดีกว่าผมเสียอีก เชื่อใจเถอะ
..พริมรตายิ้มออกมา แล้วพูดว่า
ขอบคุณมากค่ะ คุณช่วยฉันมากเลยคะ ฉันขอบคุณคุณจริงๆเลย
ผมช่วยคุณเพราะผมสงสารคุณต่างหาก เพราะไม่อยากให้คุณเป็นเหมือนผมคนไม่มีแม่!
..เกิดความเงียบชั่วขณะ เจษฎาภรณ์เงียบไป พริมรตาก็มองเขาตาไม่กระพริบ เพราะยังคงอึ้งในคำพูดของเขา เจษฎาภรณ์เขาก็เอ่ยขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ
งั้นพรุ่งนี้ เราเดินทางไปกรุงเทพเลยนะ
พรุ่งนี้เลยหรือคะ
..เจษฎาภรณ์พยักหน้า แล้วพูดว่า
ไปเร็วเท่าไร เจอแม่คุณเร็วเท่านั้นนะ
งั้น
..พริมรตาทำท่าทางคิด แล้วพูดว่า ตกลงค่ะ
..เจษฎาภรณ์ยิ้ม แล้วพูดว่า
งั้นวันนี้คุณรีบกลับบ้านไปจัดของ พรุ่งนี้เช้ามืด ประมาณตี 5 มาเจอผมที่นี่
ค่ะ
..พริมรตาตกลงคำ
..เจษฎาภรณ์นำทางเธอเพื่อไปส่งพริมรตาที่หน้าบ้าน พรุ่งนี้หล่อนจะเดินทางเพื่อไปหาแม่แล้ว หล่อนได้เดินทางออกจากเชียงใหม่ไปกรุงเทพจริงๆ ไปหาแม่ คนที่ตนตามหามานาน ในที่สุดทุกอย่างก็เป็นจริงสักที
..เจษฎาภรณ์มองรถจักรยานที่มีหญิงสาวผมยาว ตาโต คนนั้นขับห่างไปจากบ้านเขาอย่างช้าๆ วันนี้เขารูสึกแปลกยังไงไม่รู้ เขาไม่เคยรู้สึกอะไรกับผู้หญิงที่ไหนมาก่อนเลย มันเป็นความรู้สึกแปลกๆที่เขาก็ไม่เคยรู้จัก เขาเองยังสงสัยว่าทำไมตัวเขาเองรับช่วยเธออย่างง่ายๆ โดยไม่ถามปรึกษาคนอื่นๆในบ้านเลย หรือว่าเขาเรียกกันว่า รักแรกพบ
8 ธันวาคม 2549 18:12 น.
Princess_in-dream
ถึง...คุณพรเทพ อาษานิวัฒ
.....วันนี้ฉันเดินทางมาถึงบ้านพักอากาศนิวัฒนาแล้วละคะ ที่นี่สวยมากเลยคะ เป็นบ้านไม้หลังใหญ่ที่ตั้งอยู่บนเนินเขาเตี้ยๆ มีบรรยากาศที่งามๆคะ คุณเชื่อไหมว่าที่บ้านหลังนี้มีคนใจดีตั้งสองคน ฉันเรียกเขาทั้งสองว่า "คุณท่าน" คุณทานทั้งสองมีลูกตั้งสี่คน คุณหนูคนโตเป็นผู้ชายไม่ค่อยพูดจากับใคร แต่ก็นิสัยดีนะคะ คุณหนูคนที่สองก็เป็นชายเหมือนกัน คนนี้เป็นคนเอาแต่ใจ แต่ก็รักพี่น้องเหมือนกัน ส่วนคุณหนูคนที่สามนั้นเป็นผู้หญิง เธอน่ารักมากเลย แต่คุณหนูคนเล็กยังเป็นทารกชายอยู่เลย ครอบครัวนี้คงอยู่กันอย่างมีความสุขนะ ตอนนี้ฉันตั้งท้องได้สองเดือนแล้ว พอครบกำหนด ฉันจะกลับไปหาพี่นะ ขณะนี้ฉันต้องทำงานเก็บเงินให้มากก่อน เราจะได้สุขสบายน่ะ หวังว่าพี่คงดูแลลูกตาของเราดีๆนะ ฉันว่าลูกเราคงเท่าๆกับคุณหนูคนที่สองนั้นแหละ แล้วฉันจะรีบกลับนะ ดูแลลูกด้วย ลาก่อน...
จาก...พิมภาพรรณ อาษานิวัฒ
.....มือหญิงสาวที่จับจดหมายไว้ในมือนั้นสั่น หยาดน้ำตาของคนที่เป็นลูกก็หยดลงบนจดหมายฉบับนั้น หล่อนไม่อาจกั้นน้ำตาออกมาได้
.....พริมรตา อาษานิวัฒ กำลังจับจดหมายของแม่ซึ่งหายตัวไปเขียนถึงพ่อที่เสียชีวิตแล้ว จดหมายฉบับนี้เป็นฉบับแรกที่ตนมี เป็นจดหมายการติดต่อระหว่างพ่อกับแม่ หล่อนไร้พ่อกับแม่มานานหลายปีแล้ว พ่อตนถูกฆ่าโดยที่ตามจับคนร้ายไม่ได้ ส่วนแม่ตนนั้นได้หายไปตั้งแต่ยังเด็กพร้อมน้องที่อยู่ในครรภ์ พริมรตาอยู่ตัวคนเดียวมาตลอด แต่หล่อนเชื่อว่าสักวันหนึ่งหล่อนต้องเจอแม่ จนกระทั่งวันนี้ หล่อนกลับไปบ้านเก่าที่พ่อเคยอยู่ แต่ตอนนี้ได้ขายไปแล้ว ก็ไปเจอจดหมายฉบับนี้ในตู้ลิ้นชักเก่าๆในบ้าน ตอนนี้เธอรู้ที่อยู่แม่ตนแล้ว เป็นบ้านพักอากาศตระกูลนิวัฒนา
.....วันรุ่งขึ้น พริมรตาปั่นจักรยานมุ่งหน้าไปที่บ้านพักอากาศนิวัฒนาเพื่อตามหาแม่ หล่อนปั่นจักรยานผ่านทางเล็กๆที่พอสำหรับรถคันเดียวผ่าน ข้างทางมีต้นไม้อุดมสมบูรณ์ ถ้าแม่หล่อนอยู่ที่นั่นจริงๆ หล่อนจะพาแม่กลับมาบ้าน มาอยู่กับหล่อน
.....เวลาผ่านไป หล่อนเพิ่งรู้สึกว่าตนมายืนอยู่หน้าบ้านหลังใหญ่ ภายในดูสงบเสงียมไร้ผู้คน หล่อนมองหาที่กดกริ่งเพื่อพบคนในบ้าน แต่ก็หาไม่เจอ หล่อนคิดว่าจะตะโกนเรียก แต่พอหล่อนไปเกาะที่ประตูรั่วบ้านเล็ก ประตูนั้นก็เปิดออกอย่างง่ายดาย หล่อนจึงเดินเข้าไปในบ้านอย่างไม่รีรออะไรทั้งสิ้น
.....หล่อนก้าวเข้าไปในบ้านหลังใหญ่นั้น ไม่มีแม้แต่ผู้คนอาศัยอยู่ มีแต่เสียงเท้าเดินฝ่าความเงียบเข้าไป ภายในบ้านหลังนั้น ประดับด้วยเฟอร์นิเจอร์ทันสมัย และอาจจะเป็นบ้านของคนรวยด้วย
.....หล่อนเดินไปถึงรูปวาดภาพใหญ่ภาพหนึ่ง ภาพที่มีชายกับหญิงโอบกอดลุกทั้งสี่คน ทั้งสี่คนนี้คงหมายถึง "คุณหนู" ทั้งสี่ที่แม่ตนได้บรรยาย และชายหญิงทั้งสองคงเป็น "คุณท่าน" นั้นเอง
.....หล่อนเอื้อมมือไปแตะกับรูปภาพวาดนั้น แต่ต้องชะงักเมื่อมีมืออีกมือหนึ่งมาคว้าข้อมือเธอไว้ และกระชากสุดแรงพร้อมเสียงตะคอก
"คุณเป็นใคร เข้ามาในนี้ได้ยังไง จะมาขโมยของงั้นหรอ"
.....ชายคนนั้นกระชากพริมรตาล๊อกคอ แล้วพาไปหน้าบ้าน พริมรตาไม่ทันตอบอะไร ก็ต้องยอมไปกับเขาก่อน แล้วพอถึงประตูหน้าบ้าน เขากระชากหล่อนออกไปนอกบ้าน หล่อนจึงรีบพูดว่า
"ฉันขอโทษนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจเข้าไปหรอก"
.....ชายคนนั้นซึ่งหันหลังเข้าบ้าน ก็หันกลับมา ทำให้พริมรตาเห็นมาชายคนนั้น สูง ผิวสีแทน แววตาส่อถึงความเจ้าอารมณ์ แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนคือโครงหน้าตอนเด็กกับตอนผู้ใหญ่ คนนี้ต้องเป็น "คุณหนู" คนที่สองแน่ๆ!
"ผมไม่เชื่อคุณหรอก อย่ามาหลอกให้โง่เลย"
"ฉันมาตามหาแม่ แม่ฉันเป็นคนใช้ที่นี่นะคะ"
"คนใช้อะไร ที่นี่ไม่มี หลอกผมไม่สำเร็จหรอก ออกไปนะ"
"แต่แม่บอกว่าแม่อยู่ที่นี่"
.....พริมรตาไม่พูดอย่างเดียว ยังนำจดหมายฉบับนั้นส่งให้ "คุณหนู" ดูด้วย เขาเปิดมันออกอ่าน ความเจ้าอารมณ์ของเขาหายไปในพริบตา แล้วเขาก็พับจดหมายแล้วโยนใส่พริมรตา แล้วพูดว่า
"จดหมายมันหลายปีแล้ว ทำไมคุณไม่มาหาก่อน"
"เพราะฉันเพิ่งเจอมันนะสิ"
"เพิ่งเจอมันหรอ"
....."คุณหนู" ถามด้วยสีหน้างุนงง พริมรตาจึงรีบอธิบายว่า
"ฉันอยู่คนเดียวมานานแล้ว พ่อฉันตายไปจากฉัน ตอนฉันยังเด็ก ส่วนแม่ฉันก็หายไปตั้งแต่พ่อยังไม่เสีย ตั้งแต่นั้นมาฉันก็อยู่ตัวคนเดียวมาตลอด ในบ้านเด็กกำพร้า พอฉันกลับมาที่บ้านเก่าของพ่อ ซึ่งเป็นมรดกสิ่งเดียวที่ฉันมีอยู่ ฉันค้นตู้จนเจอจดหมายนี้ ตอนนี้ฉันอยากเจอแม่เพราะที่อยู่สุดท้ายของแม่ฉันคือที่นี่ แม่สมัครเป็นคนใช้ที่นี่ ขอฉันเจอแม่นะ"
.....พริมรตาขอร้อง "คุณหนู" เพื่อเจอแม่ของตน เขาทำท่าหยุดคิดแล้วก็พยักหน้าพร้อมพูดว่า
"ผมจะช่วยคุณ"
.....รอยยิ้มก็ปรากฎบนใบหน้าของหญิงสาว ชายหนุ่มก็ยิ้มออกมาได้ เพราะรอยยิ้มที่ใสบริสุทธิ์นั้น
.....ชายหนุ่มชวนหญิงสาวเข้ามาในบ้าน เขานำหล่อนไปในห้องทำงานที่ใหญ่และสวยงาม บนผนังเพดานด้านบนเป็นภาพวาดเทพธิดา-เทพบุตรล่องลอยไปในท้องฟ้า อุปกรณ์เครื่องใช้ทุกอย่างเป็นไม้ขัดเงาอย่างดี ชายหนุ่มเชิญหญิงสาวนั่งบนเก้าอี้นวมสีแดงแสนนุ่ม ส่วนตัวเขานั่งเก้าอี้นวมสีเขียวตรงข้าม
"ผมคิดว่าแม่คุณคงอยู่ที่กรุงเทพ เพราะบ้านหลังนี้คนในบ้านผมนานๆมาที ไม่ได้มาบ่อยๆหรอก"
.....พริมรตารีบพูดว่า
"งั้นคุณพาฉันไปหาได้ไหมคะ"
"ได้ไง"
.....ชายหนุ่มพูดเสียงดังท่าทีตกใจ
"ท...ทำไมละคะ"
.....พริมรตาก็ตกใจไม่ใช่น้อย ที่ทำไมชายหนุ่มพูดอย่างนั้น
"นี่คุณ...บ้านผมไม่ใช่สาธารณะที่จะพาใครเข้าออกตามใจได้ อย่างคุณ คุณเข้าไปเพื่อหาแม่คุณ คนในบ้านผมเข้าไม่คิดอย่างนั้นหรอก มันต้องมีหลักฐาน"
"มีหลักฐานหรอ"
.....พริมรตาทำหน้างง
"ใช่ ต้องมีหลักฐาน"
"หมายความว่าอะไร"
"หมายความว่า...คุณเข้าไปในบ้านผมในฐานะอะไร"
"คนใช้ก็ได้"
"นี่คุณ...คนใช้บ้านผมเยอะจนบางคนว่างงานแล้วนะ"
"แล้วฉันจะทำยังไงละ"
.....พริมรตาถามด้วยเสียงที่ไม่มั่นคง
"มีทางเดียว..."
....."คุณหนู" ยืนไขว้หลัวในท่าทางที่แสนสง่าหันหน้ามาน้อยๆอย่างช้าๆ ดวงตานั้น ทำให้พริมรตารู้ว่าต้องมีอะไรบางอย่างแน่
"แต่งงานกับผมนะ"
8 ธันวาคม 2549 16:37 น.
Princess_in-dream
.....คันธารา นครรัฐที่โอบล้อมด้วยขุนเขาปราการธรรมชาติที่แข็งแกร่ง ยากที่บุคคลภายนอกจะล่วงล้ำเข้ามาได้ คันธารา เป็นเช่นไร อันทรา นครรัฐ ข้างเคียงก็เป็นเฉกนั้น คันธารา คือราชวงศ์ จันทรคุปต์ อันทรา คือราชวงศ์ สุริยคุปต์
.....สองนครรัฐเล็กๆ ผูกพันดุจบ้านพี่เมืองน้อง สองราชวงศ์ไปมาหาสู่กันยาวนาน และแล้วมหารานีแห่งคันธารา ซึ่งมาจากสามัญชน คือต้นเหตุแห่งความหมองหมาง สองราชวงศ์ไม่อาจผูกพันกันได้อีก นครอันทรา ดูถูก สายเลือดอันปลอมปนตลอดมา เมินพระพักตร์ต่อองค์พระยุพราชทั้งสอง! เจ้าชาย ไศลเรนทร และ เจ้าชาย ศรีวิเรนทร
.....บัดนี้ โลกภายนอกร้อนระอุ กองทัพเงินตราทรงแสนยานุภาพ ประเทศรอบบ้านยุ่งเหยิงด้วยการเมือง รัฐเล็กๆ ที่ร่มเย็น สงบสุข ไม่ว่าคันธาราหรืออันทรา ต้องเตรียมพร้อมต้องมองการณ์ไกล
.....อันทราส่งเจ้าหญิงพระองค์เดียวไปศึกษาต่อต่างประเทศ คันธาราก็เช่นเดียวกัน เจ้าชายสองพระองค์พระองค์หนึ่งต้องราชาภิเษกขึ้นดำรงพระยศ พระราชาธิบดีศรีคันธาราจันทรคุปต์
.....หากทั้งสองพระองค์ทรงให้สัญญาแก่ผู้คนทั่วแผ่นดิน ก่อนไปศึกษาต่อฯ สัจจะแห่งกษัตริย์ มั่นคงยิ่งกว่าภูผา เราสองคนขอสัญญา เราจะกลับมาทำประโยชน์ต่อปวงชน ทุกลมหายใจเข้าออก เราจะคำนึงคนคันธาราคอยเรา ณ เบื้องหลัง คนคันธาราฝากความหวังไว้กับเรา ขออำลาชั่วคราวเราจะกลับมายืนบนแผ่นดินเดียวกันอีกครั้ง บัลลังก์จะมั่นคงได้ ด้วยอำนาจอันมั่นคง
.....ไศลเรนทรกับศรีวิเรนทร จะมิใช่แค่เจ้าชายจากเทพนิยาย เจ้าชายในโลกแห่งความจริง อันจะกุมบัลลังก์ได้ ต้องกุมอำนาจได้ หากองค์ใดล่ะ จะครองบัลลังก์ ครองแผ่นดินและ คันธารา
.....จะทันเวลาไหม หาไม่ บัลลังก์แห่งอำนาจจะเป็นแค่ บัลลังก์เงา!
.....ณ ดินแดนอันไกลบ้านเกิด สองเจ้าชายแห่งคันธาราน่าจะทรงพบเจ้าหญิงผู้ทรงพระสิริโฉมจากนครอันทราเจ้าหญิงสุไรยาวาตี!
.....ไศลเรนทร ศรีวิเรนทร ฤา สุไรยาวาตี องค์ใด ครอบครัวบัลลังก์รัก บัลลังก์รัฐ ฤา บัลลังก์เงา!
.....ทั้งสามพระองค์จะเสด็จคืนอันทรา-คันธารา ทันเวลาหรือไม่ ทั้งสามพระองค์ จะสานให้สายสัมพันธ์กลับคืนมาได้หรือฤาหมางเมินเช่นเป็น ทั้งสามพระองค์ รู้หรือไม่ บัลลังก์มั่นคงได้ ฐานบัลลังก์ต้องมั่นคง!
.....เพื่อแผ่นดิน เพื่อประชา เพื่อญาติมิตร พลีชีวิต พลีร่าง อย่างเริงร่า โลหิตที่ ตกต้อง พสุธา จะพาให้ ชีพอื่น ชื่นยืนยง.....