25 กันยายน 2549 16:50 น.
prajanyimm
โรงเตี๊ยม... ณ สุดขอบทางช้างเผือก
ภายนอกดูโดดเดี่ยว หลังคาและผนังไม้บางส่วนก็ดูทรุดโทรมและผุพังไปตามกาลเวลา
แต่กลับกลมกลืนกับทิวป่าไผ่ที่รายล้อม และแสงจันทร์ที่ไร้ดวงจันทร์ในยามนี้
ประตูทางเข้ายังมีร่องรอยแห่งการเข้าออกอย่างโชกโชน
หนทางข้างหน้าทอดยาวไป คงยังอีกไกลพอๆกับความสับสนวุ่นวาย
ช่างมองไม่เห็นจุดหมายปลายทางเสียเหลือเกิน...อย่างน้อยก็ในห้วงเวลานี้
พายุฝนคงจะเริ่มเหนื่อยอ่อน เหลือเพียงเม็ดฝนยังร่วงหล่นมาเป็นริ้วๆ
ร่างกายที่เปียกปอนถือโอกาสนำพาความคิดและดาบวงพระจันทร์คู่กายเข้ามายังโรงเตี๊ยม
ก่อนที่มันจะยิ่งสับสนและสั่งการอะไรไปมากกว่านี้
ภายในกลับแตกต่างสิ้นดี ส่วางไสวราวกับจะประชดประชันแสงจันทร์ภายนอก
ผู้คนหลากหลายอารมณ์ ระเบียงชั้นบนประดับประดาไปด้วยผ้าไหมและโคมไฟหลากสี
โต๊ะนั่งไม้เนื้อแข็งถูกแกะสลักลวดลายมังกรและหงส์ด้วยช่างไม้ฝีมือดี
ดอกไม้นานาพรรณในในแจกันเนื้อดีถูกจัดวางไว้ทุกโต๊ะ
ส่งกลิ่นหอมตลบอบอวล เย้ายวนใจ จนแม่นางในชุดบางพริ้วต่างอดคิดอิจฉาไม่ได้
ข้ามิได้ชื่นชอบสุราดอก เพียงแต่ชอบบรรยากาศในการร่ำสุรามากกว่า
พูดได้ดี พูดได้ดี เชิญดื่มอีกจอก.. แต่ข้าว่าท่านชอบแม่นางชุดแดงนั่นมากกว่ากระมัง..
ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า...
บุรุษที่มิชื่นชอบความงามของอิสตรี ย่อมมีเพียงบุรุษพิการตาบอดเท่านั้น...
เชิญดื่ม..ดื่มแด่สหายผู้รู้ใจ
สายลมยามราตรีพัดโชยผ่านเข้ามาทางหน้าต่าง แล้วผ่านเลยไปยังบุรุษหนึ่งนั่งดื่มสุราอยู่ผู้เดียว
ร่างนั้นโงนเงนไปมา บ่นงึมงำ ราวกับกำลังต่อรองกับแรงโน้มถ่วงของโลกอยู่
สายลมแรกมิทันโชยสุดสาย พลันมีสายลมกระโชกรุนแรงตามมาอีกระลอก พร้อมกับใบไผ่สามสี่ใบ
สายลมที่สองยังมิทันพัดสุดสายเช่นกัน ใบไผ่กลับแยกออกเป็นหลายส่วน พริ้วกระจายร่วงลงพื้น
สิ่งหนึ่งกระทบแสงจันทร์วาบ แล้วพลันกระทบอีกสิ่งหนึ่งดังทึบ....
ฝนหยุดแล้วเหลือเพียงหยดหยาดฝนที่ทยอยหยดลงมาจากหลังคา..นอกหน้าต่างบานนั้น
ใยหยดฝนจึงไม่ใสสะอาด ใยสีขุ่นข้นคล้ายสีโลหิตสดๆของมนุษย์
คงมีบางสิ่งสงบแน่นิ่ง ท่ามกลางแสงจันทร์อยู่บนหลังคาเป็นแน่...
ใยยังมีผู้มิชื่นชอบการร่ำสุรา กลับชื่นชอบความตาย.... เจ้าคงรู้ดีกว่าข้าซินะ
เพราะเจ้ามิชอบการร่ำสุรา ชื่นชอบรสชาติของความตายเช่นกัน.... ต่างกันที่เจ้าไม่มีวันตาย
ข้าอยากรู้นัก ขณะที่เจ้าบินไปในอากาศ เพื่อลิ้มรสมัน เจ้าจะรู้สึกต่างกับข้าในยามนี้สักเพียงใด
ยามไร้สติเช่นนี้ สัญชาติญาณกลับยิ่งแจ่มชัด หรือเป็นเพราะข้าคิดถึงนางมากเกินไป
บุรุษโงนเงนผู้นั้นบ่นงึมงัมอีก พลางลูบไล้แผงห่อผ้าขนาดฝ่ามือที่วางอยู่ข้างไหสุรา
เสียงเตร็ง..เต็ง ...แว่วมา แม่นางผู้หนึ่งกำลังปลดปล่อยมันออกมาจากกู่เจิ้งคู่กาย
ราวกับ..ใช่..ราวกับเพื่อลิ้มรสจริตของผู้คนในโรงเตี๊ยมแห่งนี้ทุกๆคน...เช่นกัน
น้องชาย...ขอหมั่นโถวสองลูก ผัดผักเจจานนึง......เอ่อ แล้ว..ช่วยเรียกแม่นางชุดแดงมาหาข้าด้วย