31 มีนาคม 2548 00:48 น.
poohkan
มีพร้อมทั้ง ใบหน้า-แขน-ขา ครบ
วางมาดน่าเคารพ น่าเกรงขาม
บุคลิกลักษณะสง่างาม
ยืนเฝ้ายามโดดเด่นอยู่ คู่ท้องนา
คอยหลอกไล่หมู่นกจกจิกข้าว
จะร้อน-หนาว-แดน-ฝน ทนฟันฝ่า
แม้พายุพัดโหม ถาโถมมา
หุ่นไล่กา ตัวแทน คน ต้องทนไป
ชาวนาเอย เห็นค่า ข้า หรือเปล่า
ข้าเป็นตัวแทนเจ้า....หรือมิใช่
เพียงปัดฝุ่น ซ่อมแซมหน่อย ยากหรือไร
จึงทิ้งไว้.....ให้โทรมทรุดสุดเยียวยา
เป็นเพียง หุ่นไล่กา อย่างข้านี้
แม้จะมีครบถ้วน...ปาก...แขน...ขา
แต่ไม่อาจพูดพร่ำ จำนรรจา
เป็นได้แค่ ชาวนา...ตัวปลอมปลอม
9 สิงหาคม 2547 11:14 น.
poohkan
กลิ่นความรักหอมนวลอวลไออุ่น
มือละมุนเนียนนุ่มอุ้มโอบขวัญ
ทะนุถนอมตระกรองกอดยอดชีวัน
ประครองป้องผองภยันอันตราย
กี่สิบถ้อยร้อยคำรำพันพรอด
ที่ถ่ายทอด คำรัก หลากความหมาย
กี่เปรียบเปรยสรรหามาบรรยาย
ฤาเทียบสายใยรักจากมารดา
ครั้งที่ลูกยังเป็นเด็ก เล็กเล็กอยู่
แม่คือ ครู สอนอ่านเขียนเรียนภาษา
ให้คำเตือนเสมือนแสงแห่งปัญญา
ให้วิชาคือ รู้คิด ที่ติดตน
ยามลูกเหนื่อยอนาทรแสนอ่อนล้า
ต้องการคำปรึกษาหาเหตุผล
แล้วหันมองรอบกายคล้ายมืดมน
ยังพบคนหนึ่งคือแม่คอยแลมอง
แม่จ๋าแม่คือยอดสตรีที่ประเสริฐ
แม่...เลอเลิศหนึ่งในใจไม่เป็นสอง
แม่...สูงค่ากว่าหยาดเพชรเกร็ดสีทอง
เกินยกย่องด้วยล้านคำพร่ำพรรณนา
หอมกลิ่นความรักนวลอวลไออุ่น
ระลึกคุณ แม่โอบอุ้มคุ้มเกศา
มือของลูกจึงเรียงร้อยถ้อยวาจา
เป็นมาลาหอม รัก กราบจากใจ
4 ธันวาคม 2546 14:37 น.
poohkan
พนมมือกราบแนบแทบเท้าพ่อ
ผู้สร้าง-ก่อกำเนิด เกิดสังขาร
จากว่างเปล่า มีชีวิต จิตวิญญาณ
มีเลือดเนื้อ ดุจปั้น รังสรรค์มา
นึกถึงภาพวันเก่า...คราวยังเล็ก
พ่ออุ้มเด็กตัวน้อยนั่งข้างบนบ่า
พลางปลอบ...เจ้าอย่าหวั่นเลยขวัญตา
สองมือใหญ่นี้หนา...จะประคอง
หากมือแม่เป็นผ้าอุ่นละมุนนัก
มือพ่อจักเป็นเกราะคลุมคุ้มภัยผอง
หากลูกล้ม...เหนื่อยล้า...น้ำตานอง
พ่อทั้งป้อง...ปลุกให้ลุกบุกบั่นไป
อาจไม่เคยเอ่ยปาก พ่อรักลูก
แต่พันผูกเกลียวรักมั่นไม่หวั่นไหว
แววตาพ่ออาจไม่หวานซ่านฤทัย
แต่แววตานี้ห่วงใย...ไม่เว้นวัน
แม้หลอมรวมสามภพจบทั่วหล้า
อีกนภามหาสมุทรสุดเขตขันธ์
หรือจักรวาลที่วัดว่าค่าเป็นอนันต์
จะเทียมทันเทียบพ่อได้...นั้นไม่มี
พ่อ คือ พรหม คือ พระ คุ้มอุ้มชีวิต
ลูกน้อมจิตกราบประนมก้มเกศี
เรียงอักษรเป็นกลอน...ร้อยแทนถ้อยวจี
ว่าลูกนี้ รักพ่อ ขอบูชา
13 สิงหาคม 2546 21:31 น.
poohkan
เพราะไม่เคยรักใครได้อย่างนี้
จึงไม่รู้ความพอดีอยู่ที่ไหน
อาจปรับตัวเพื่อนเธอน้อยเกินไป
น้อยเกินกว่าที่หัวใจเธอ...ต้องการ
เพียงอยากเอ่ยคำขอโทษสักหนึ่งครั้ง
ไม่คิดหวังว่าเธอจะมาสงสาร
เรื่องที่ทำลงไปในวันวาน
แค่เธอไม่โกรธพาลเท่านั้นพอ
รู้ตัวดีว่าฉันมันคนผิด
มัวแต่คิดเอาใจตน...จนเธอท้อ
คอยแต่หวังให้เธอเฝ้าพะเน้าพะนอ
ไม่ย้อนมองว่าเธอก็...มีหัวใจ
หากเวลาสามารถหมุนย้อนกลับ
ฉันอยากปรับตัวตนเป็นคนใหม่
แต่ความจริงเวลาผ่านแล้ว...เลยไป
ฉันจึงกลายเป็นคนอื่น...ที่(แอบ)ยืนมอง
8 สิงหาคม 2546 20:36 น.
poohkan
ความอยากได้มีอยู่ไม่รู้สิ้น
เฝ้าถวิลโหยหาน่าเศร้าหมอง
คิดสิ่งใดไม่ได้ดังใจปอง
หมายมั่นต้องขันแข่ง แก่งแย่งมา
ไม่ใส่ใจใครอื่น ฝืนทนทุกข์
เพียงตนสุข สมมาด ปรารถนา
เห็นเขาเจ็บร้าวรวด ปวดอุรา
ยังดีกว่าตนแพ้ แก่ผู้ใด
มุ่งแข่งขัน ฝึกฝนเพื่อตนเด่น
ให้โลกเห็น ข้าฯ นี่แหละ แน่แค่ไหน
เทคโนโลยี นวัตกรรม ก้าวล้ำไป
ด้วยเพราะใช้ปัญญา ข้าฯ สร้างมัน
จะตึกสูงตระการ ตระหง่านฟ้า
จะเวหา กว้างใหญ่ ไม่เคยหวั่น
ปมปริศนา ยาก ง่าย ไม่สำคัญ
ต้องบากบั่น หาวิธี มาคลี่คลาย
สัตว์สังคม ผู้เจริญเดิน สองขา
มีภาษา เป็นเครื่องมือสื่อความหมาย
มีสมอง คิดลู่ทางสร้าง - ทำลาย
แต่ลืมคิดว่า ร่างกาย ไม่นิรันดร์
คนหนอคน สวรรค์ปั้นมาเลิศ
เรียก ตน ว่า สัตว์ประเสริฐ ช่างน่าขัน
เดียรฉาน - ประเสริฐ เกิดต่างพันธุ์
แต่สุดท้าย วายชีวัน...เท่านั้นเอง