21 กันยายน 2551 21:50 น.

ความรัก

PollyGod

หลายๆ คน ก็ไม่เคยได้คิดว่าในชีวิต จะได้พบรักแท้หรือไม่ แต่ในหลายๆ คนนั้นก็ยังคงเฝ้ารอ..


ความรู้สึก  คิดถึง  เป็นความรู้สึกที่ทรมาน แต่เกือบทุกคนก็ไม่เคยหยุดความรู้สึกนี้ได้
และเมื่อเวลาผ่านไป ความรู้สึก รัก หรือ คิดถึง ใครสักคน จะค่อยๆ จางหายไป กลายเป็นพียงแค่ความทรงจำที่ฝังลึกอยู่ในส่วนลึกที่สุดของหัวใจ.....


ความรู้สึกทั้งหมดนี้ ฉันให้กับเธอ ไม่ว่าเธอจะอยู่ที่ไหน เพียงขอให้เธอรู้ไว้ ว่าในมุมหนึ่งของโลกใบนี้
มีคนที่คิดถึง และห่วงใยเธออยู่เสมอ ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ความรู้สึกนี้คงเป็น ความรัก ฉันมั่นใจว่าใช่
รักคืออะไร ฉันเองก็ไม่รู้ แต่ฉันรู้เพียงแค่ว่า รัก ไม่เคยให้คำตอบหรือหาเหตุผลได้ ว่าเพราะอะไรถึงได้รัก ห่วงใย และ ใส่ใจ ใครสักคน มากขนาดนั้น แล้วทำไมต้องคิดถึงคนๆ นั้นตลอดเวลา และเฝ้ารอไปเรื่อยๆ อย่างไม่คาดหวังได้....และสุดท้ายแล้ว รัก ก็มีในทุกแง่มุม มุมที่มากกว่า การได้มาซึ่งการครอบครอง ซึ่งก็คือ การเสียสละ ให้สิ่งดีๆ กับคนที่เรารู้สึก รัก จะมีสักกี่คนที่รู้จักนิยามของคำว่า รัก ในมุมนี้ แต่ฉันรู้สึกได้ว่าฉันโชคดีที่ได้รู้จักมัน

เมื่อวันและเวลาผ่านไป ความรู้สึกเหล่านี้คงร่วงโรย หล่นลงราวกับใบไม้ แต่ความรู้สึกรัก เป็นเสมือนรากแก้วของต้นไม้ที่ฝังลึกลงก้นบึ้งของหัวใจ ยามใดที่ รัก หันไปหานิยามของคำว่า ครอบครอง เมื่อนั้น ก็เหมือนรากแก้ว นั้นถูกน้ำท่วมจนจมธรณี แต่เมื่อยามใดที่นิยามความรัก หันเหไปหานิยามของคำว่า เสียลละ เมื่อนั้น รากแก้วก็มีน้ำหล่อเลี้ยงแต่เพียงพอดี ทำให้มีลมหายใจในวันต่อๆ ไป
				
24 สิงหาคม 2551 17:58 น.

รักที่ไม่อาจเคียงข้าง.....

PollyGod

เรื่องทั้งหมด นั้น เกิดขึ้นได้เพราะว่า ความบังเอิญ เพียงอย่างเดียวเท่านั้นเอง และความบังเอิญนี้เองที่ชักนำให้คนสองคน และใจสองใจ เข้ามาใกล้ชิดกัน... ในช่วงเวลาและวินาทีที่ทั้งคู่ต่างก็เปิดใจ เพื่อเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ในช่วงเวลาที่เงียบเหงาของชีวิต..............................
ความจำเจที่เข้าเกาะกินหัวใจของผู้หญิงคนหนึ่ง ไม่ว่าจะเกิดปัญหาอะไรขึ้นกับเธอๆ ก็สามารถผ่านมาได้ทุกอย่าง แม้ปัญหาเหล่านั้นจะหนักหนาสักแค่ไหน หรือ ยากเย็นสักเท่าไร แต่ปัญหาเดียวที่ไม่สามารถแก้ไขได้เลยไม่ว่าจะใช้ความพยายามสักแค่ไหน นั่นคือ  ความเงียบเหงา ที่อยู่ในหัวใจ ยิ่งนานวัน ก็ยิ่งทำให้ใจของเธอดิ่งลึกเข้าไปทุกที  ในอีกมุมหนึ่งผู้ชายหนึ่งคนที่เป็นคนเก่งและมีพร้อมในทุกสิ่ง เขาสามารถทำให้ทุกสิ่งในชีวิตของเขาสำเร็จได้อย่างดีเยี่ยม  แต่สิ่งที่เขาฝันถึงและต้องการ นั่นคือ  อิสระ และใครสักคนที่เข้าใจ  ด้วยทั้งสี่สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมด เป็นสาเหตุที่ทำให้คนสองคนที่เหมือนอยู่กันคนละโลก ได้โคจรมาพบเจอกันได้ และ รักกันได้อย่างไม่น่าเชื่อ .......

ก่อนจะเล่าเรื่องราวของเขาทั้งสองคนให้คุณได้ฟัง คงต้องขอตั้งชื่อให้เขาทั้งสองคนก่อน คุณว่าดีไหม? ให้ฝ่ายหญิงชื่อ ฟาง แล้วกัน ส่วนฝ่ายชายชื่อ นัท เพื่อทำให้การเล่าเรื่องราวนั้นง่ายขึ้น
ทั้งสองคนรู้จักกันได้ ด้วยวิธีที่ ไม่ได้มีความซับซ้อนอะไรเลยสักนิดเดียว... วิธีที่ใครๆ ก็รู้จัก และ คุ้นเคย นั่นคือ พูดคุยผ่านทางโปรแกรม MSN ในวันหนึ่งที่เป็นวันที่แสนจะธรรมดาเหมือนๆ กับทุกวันที่ผ่านมาของทั้งคู่ นัทและฟางต่างก็เข้ามาหาเพื่อนคุยเหมือนปกติกับทุกๆ วัน แต่ดูเหมือนว่าวันนี้จะเป็นวันที่จะไม่ธรรมดาของทั้งคู่ซะแล้ว เรื่องเริ่มต้นจากการที่นัทได้เข้ามาทักทาย ฟาง แล้วทั้งสองก็พูดคุยกันในเรื่องทั่วๆไป ถามชื่อ สถานที่เล่น จนสุดท้าย คือ อายุ จึงทำให้ได้รู้ว่า จริงๆ แล้ว นัทอายุน้อยกว่าฟางตั้งสามปี และทั้งคู่ก็คุยในเรื่องทั่วๆ ไปหลังจากวันที่นัทและฟางได้รู้จักกัน นัทเริ่มฝากข้อความไว้ให้กับฟาง ในยามที่เข้ามาเล่น MSN แล้วไม่เจอกับเธอ ด้วยข้อความที่บรรยายความรู้สึกคิดถึงและรอคอยที่จะได้พบและพูดคุยกับฟางอีกครั้ง เมื่อฟางได้เห็นข้อความของนัทฟางเองก็รู้สึกประทับใจไม่น้อย    สุดท้าย แล้วทั้งคู่ ต่างก็ใช้ช่องทางนี้ ฝากความรู้สึกดีๆ ให้แก่กันและกัน ด้วยถ้อยคำที่ล้วนแต่เป็นกำลังใจ ห่วงใย และคิดถึงกันสมอในเวลาที่ไม่ได้เจอกันใน MSN จากวันเวลาที่ล่วงเลยไปนับเดือน ถ้อยคำเหล่านี้ ก็ยังคงมีอยู่เสมอ ไม่เคยเปลี่ยนแปลง หรือ หายไปไหน ซึ่งในเวลาที่ทั้งสองต่างกันเปิดอ่านข้อความที่อีกฝ่ายหนึ่งได้ฝากไว้ ทำให้หัวใจพองโตขึ้นทุกวัน และเป็นความรู้สึกที่สะสมอยู่ในหัวใจ โดยต่างฝ่ายต่างก็ไม่รู้ตัวจนกระทั่งวันหนึ่ง ฝ่ายที่รู้สึกทนไม่ไหวแล้วจริงๆ กลับกลายเป็นฟาง ในใจของฟางตอนนั้น เธอเริ่มอยากที่จะรู้จักกับตัวจริงของนัท เข้าแล้วและในความคิดของเธอตอนนั้น เพียงแค่ต้องการเป็นเพื่อนกับนัทเท่านั้น เธอคิดเพียงว่า มีคนไม่กี่คนบนโลกนี้ที่พูดสามารถพูดคุยกันได้ด้วยหัวใจที่เข้าใจในกันและกัน ดังนั้น จึงเป็นฟางที่เริ่มขอเบอร์โทรของนัทก่อน แล้วทั้งคู่ก็ตัดสินใจที่จะแลกเบอร์โทรของกันและกัน แต่เหมือนฟ้าไม่อยากให้เขาทั้งคู่ได้รู้จักกันนอกเหนือจากในนี้ เหมือนฟ้าจะล่วงรู้ ว่าวันข้างหน้าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเขาทั้งสอง ทำให้เพียงแค่การแลกเบอร์โทรธรรมดากลับไม่ธรรมดาและเป็นเรื่องที่ยากเย็นแสนเข็ญมากเลยทีเดียว เหตุเพราะอินเตอร์เน็ทของฟางในวันนั้น เครือข่ายมีปัญหาตลอดฟางต้อง sign in เข้ามาใหม่เกือบยี่สิบครั้ง เพื่อที่จะให้เบอร์โทรกับนัท ฝ่ายนัทเองก็รอ เบอร์โทรของฟาง รอแล้วรอเล่า จนเวลาผ่านไป สามชั่วโมงแล้ว นัทก็ยังไม่ได้เบอร์โทรของฟางสักที ฝ่ายฟางเอง ก็พิมพ์เบอร์โทรของเธอหลายรอบเช่นเดียวกัน แต่ไม่ว่าจะส่งไปเท่าไร ข้อความก็ตีกลับมาทุกครั้ง แต่ทั้งคู่ก็ยังคงรอคอยกันและกัน โดยไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าทำไมต้องรอ! และในที่สุด ในจำนวนยี่สิบครั้งนั่นเอง ก็มีอยู่หนึ่งครั้งที่ฟางสามารถส่งเบอร์โทรไปให้นัทได้ แล้วเขาทั้งคู่ก็ได้พูดคุยกันในคืนนั้น ....นั่นเป็นครั้งแรกของการพูดคุยที่ทั้งคู่ต่างก็ได้ยินเสียงของกันและกัน ...ความรู้สึกของฟางนั้น เธอรู้สึกว่า นัทเป็นคนที่อ่อนโยน และสุขุมเพียงแค่เธอได้ฟังจากน้ำเสียงของเขาเท่านั้น.... เธอรู้สึกประทับใจนัทขึ้นมาในทันที ขณะเดียวกันนัทเอง ก็รู้สึกประทับใจในความร่าเริงของฟาง ที่สังเกตุได้จากการพูดคุยกับเขา ด้วยเสียงหัวเราะของฟาง ทำให้โลกที่อยู่รอบๆ ตัวนัท สดใสขึ้นมาในทันที ทั้งคู่คุยกันประมาณ หนึ่งชั่วโมง เรียนรู้เรื่องราวที่มาที่ไปของอีกฝ่าย สุดท้ายแล้ว การสนทนาในวันนั้น ก็ยุติลงไป ด้วยหัวใจที่มีความสุขของคนสองคน หลังจากวันนั้น ทั้งคู่ก็ยังคงติดต่อกันเรื่อยมาด้วยช่องทางเดิม คือ MSN ไม่ได้โทรหากันเหมือนกับคู่อื่นๆ ทั้งนี้เป็นเพราะทั้งคู่ต่างก็มีคนรักของตัวเองอยู่แล้ว ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุดก็คือ คุยกันใน MSN เท่านั้น แบ่งปันสิ่งดีๆ เหล่านี้ทางนี้ไปเรื่อยๆ ก็คงเพียงพอแล้ว นั่นคือ สิ่งที่ทั้งสองคนต่างก็คิดไว้ในใจ และตั้งใจที่จะทำ แล้วในวันหนึ่ง วันที่อะไรๆ ที่อยู่รอบๆ ตัวของฟาง ก็ไม่เป็นใจให้กับเธอเอาเสียเลย วันนั้น ฟางเหนื่อยมากกับงานทีโถมใส่เธอมาทั้งวัน และหนำซ้ำเธอยังมีปัญหากับลูกค้าอีกด้วย วันนั้นเป็นวันศุกร์ซึ่งจริงๆ แล้วควรจะเป็นวันที่ ต้องมีความสุขแบบสุดๆ เพราะว่าวันรุ่งขึ้นเป็นวันหยุดพักผ่อนแล้ว แต่สำหรับฟางกลับไม่เป็นเช่นนั้น วันนั้น ฟางต้องกลับมาอยู่ที่ห้องคนเดียว ไม่มีใครสักคน ในวินาทีที่เธอเองก็รับไม่ไหวแล้วเช่นกัน ฟางรีบเข้า MSN เพราะหวังเพียงจะได้คุยกับนัทคนเดิม ที่เธอหวังไว้ว่า นัทจะสามารถช่วยเป็นเพื่อนคุยกับเธอได้ ในเวลานี้ ที่เธอเองก็ไม่เหลือใครเลยจริงๆ    และโชคก็เข้าข้างฟาง นัทเข้ามาในที่ๆ เดิมของทั้งคู่จริงๆ แต่อินเตอร์เน็ทของฟางกลับมีปัญหาเหมือนเดิมอีกแล้ว!! นั่นจึงเป็นเหตุให้ทั้งคู่ได้คุยกันทางโทรศัพท์มือถือ เป็นครั้งที่สองและวันนี้ก็เป็นอีกวันที่นัทได้รับฟังปัญหาของฟางอย่างเข้าใจ ... นั่นยิ่งทำให้ฟางรู้สึกประทับใจนัทมากขึ้นอีก!!!    และเหมือนว่าความประทับใจนี้จะมากขึ้นทุกทีๆ ....ในวันนั้นเอง ทั้งคู่จึงได้ตัดสินใจที่จะนัดเจอกัน เพื่อทำความรู้จักกันโดยในตอนนั้นหัวใจของทั้งคู่ ต่างก็ให้คำจำกัดความของการเจอกันในครั้งนี้ไว้ที่คำว่าเพื่อน เท่านั้น...... เพราะทั้งคู่ต่างก็คิดว่า คนที่คุยกันทาง MSN เมื่อเวลาที่เจอตัวจริงแล้วอาจไม่เป็นอย่างที่คิดไว้ ก็ได้ คงจะไม่ประทับใจกันได้เหมือนอย่างที่คุยกันใน MSN อย่างแน่นอน ดังนั้น อีกสามวันถัดมา ทั้งคู่ก็นัดเจอกันที่สยามพารากอน ทั้งสองต่างพูดหยอกล้อกันเล่นๆ ว่า การนัดเจอกันในครั้งนี้ เรียกกันสั้นว่า นัดดูตัว  แล้ววันนัดก็มาถึง 

วันอังคารที่ 8 กรกฏาคม 2551 เวลา 18:00 น. จุดนัดพบของทั้งสองคือ หน้าโรงหนังกรุงศรีไอแม็กซ์ สยามพารากอน วันนั้น นัทมาถึงก่อนฟาง เมื่อทั้งคู่เจอกันต่างคนต่างก็ตื่นเต้น และทำอะไรไม่ถูก ต่างฝ่ายต่างก็มองดูพฤติกรรมของอีกฝ่าย  จากนั้นก็พูดคุยกันในเรื่องทั่วๆ ไป แก้อาการขัดเขินที่มี...หลังจากนั้นทั้งคู่ก็เข้าไปดูหนังด้วยกัน โดยที่ในใจของทั้งคู่ตอนนั้น ต่างก็เริ่มมีความประทับใจในอีกฝ่าย หลังจากการดูหนังสิ้นสุดลง ทั้งคู่ก็เข้าไปทานอาหารที่ร้านฟูจิ ในร้านอาหารนั่นเอง ทั้งคู่ต่างก็เริ่มเปิดใจ ให้อีกฝ่ายได้รับรู้ นัทเอ่ยถามฟางก่อนว่า เมื่อได้เจอตัวจริงของนัทแล้วฟางรู้สึกอย่างไรบ้าง?    ฟางตอบนัทไปว่า   เธอยิ่งรู้สึกว่านัทน่ารักยิ่งขึ้น เพราะนัทเป็นคนเรียบร้อย สุขุม และดูดีกว่าในรูปที่นัทเคยให้เธอไว้ก่อนนัดเจอกัน  นัทเองก็บอกฟางไปว่า เมื่อเขาได้เจอฟางแล้วฟางก็ดูน่ารักเหมือนอย่างที่นัทได้วาดภาพไว้ เมื่อทั้งคู่ต่างก็รู้สึกประทับใจในกันและกันยิ่งกว่าเดิม จึงไม่จำเป็นต้องพูดอะไรต่อ นอกจากนั่งมองตากันด้วยความเข้าใจ รับรู้และสัมผัสความรู้สึกของอีกฝ่ายด้วยหัวใจที่เปิดประตูและพร้อมแล้วเพื่อการเรียนรู้ในครั้งนี้...... หลังจากนั้นทั้งคู่ก็นั่งคุยกันต่อที่ลานด้านหน้า สยามพารากอนจนกระทั่งห้างปิด จึงถึงเวลาแล้วที่ทั้งคู่ต้องล่ำลากัน นัทขับรถไปส่งฟางที่หอ นั่นเป็นครั้งแรกที่นัทได้เห็นหอพักของฟาง หลังจากวันนั้น นัทก็คุยกับฟางทุกคืน ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มก่อตัว นัทเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเอง เขาต้องเปลี่ยนเวลานอนของตัวเอง ให้ดึกกว่าปกติ มากเลยทีเดียวเพียงเพื่อรอที่จะคุยกับฟางเท่านั้นเอง การคุยกันของทั้งคู่ก็ยังคงมีแต่ความรู้สึกดีๆ ที่แบ่งปันให้กันและกัน แลกเปลี่ยนความคิด และเสียงหัวเราะให้กันและกัน เรื่อยมา ความรู้สึกดีๆ เหล่านี้เริ่มสะสมในใจของทั้งคู่โดยที่ทั้งคู่เองก็ไม่ทันรู้ตัว...จากหัวใจของทั้งคู่ที่รู้สึกดีต่อกันมากขึ้นทุกวินาที จึงทำให้ทั้งคู่ต่างก็ห้ามใจของตัวเองไม่ได้ จึงทำให้ทั้งคู่ตัดสินใจ หยุดความสัมพันธ์กับคนรักของตนเอง เพื่อที่จะเรียนรู้อีกฝ่ายหนึ่งได้อย่างสบายใจ และ ไม่รู้สึกผิดต่อคนรักของตนเอง จากนั้นทั้งคู่ก็เริ่มเรียนรู้กันอย่างจริงจังมากขึ้น เพียงเพราะต้องการพิสูจน์ว่า คนที่ตนเองคุยด้วยอยู่นี้ใช่คู่แท้ของเขาและเธอ ที่ทั้งคู่ต่างก็ตามหามานาน.หรือไม่ ?....... ความสัมพันธ์เริ่มดำเนินไปเรื่อยๆ แล้วการนัดเจอในครั้งที่สองของทั้งคู่จึงเริ่มขึ้นอีกในอีกสองวันถัดมา

วันพฤหัสบดีที่ 10  กรกฏาคม 2551 เวลา 18:00 น. 	สถานที่นัดพบยังคงเป็นสยามพารากอนเช่นเคย ดูเหมือนว่าที่นี่จะเป็นสถานที่ประจำของทั้งคู่ไปซะแล้ว... ในวันนั้น นัทก็มาถึงก่อนฟางเหมือนเคย เนื่องจากฟางต้องไปทำงานนอกสถานที่ แต่สำหรับฟางในเวลานั้น ไม่มีเรื่องงานอยู่ในสมองเธอเลย มีแต่ความรู้สึกอยากเจอนัทเร็ว ๆ เพราะในตอนนั้น ในหัวใจของฟางเริ่มที่จะมีนัทเข้ามาอยู่ซะแล้ว เพียงแค่เธอยังเก็บอาการไว้ ไม่พูดออกไปให้นัทรู้เท่านั้น หลังจากเสร็จงานแล้ว ฟางบอกกับคนขับรถของเธอว่า มีนัดกับคนพิเศษของเธอ เพียงเท่านั้น ก็เหมือนฟ้าเป็นใจให้ทั้งคู่!! คนขับรถของฟางเร่งเครื่องยนต์ในทันที เพื่อจะพาเธอไปถึงที่นัดหมายให้ทันเวลา และแล้วฟ้าก็เป็นใจให้ทั้งคู่ได้พบกันอีกเช่นเคย แต่เมื่อฟางไปถึง กลับไม่เจอนัทรออยู่ ทั้งๆ ที่นัทมาถึงก่อนแต่สุดท้ายเธอจึงได้รู้ว่าเหตุผลที่นัทมาช้านั่นก็เพราะในครั้งนี้ นัทมี Surprise ให้กับฟาง เขาเดินมาหาฟางพร้อมกับตุ๊กตาหมีแพนด้าตัวเล็กๆในมือของนัท หน้าตาน่ารักมากๆ ขนาดตัวเท่าๆ กับที่ฟางเคยเล่าให้นัทฟังว่าเธอชอบตุ๊กตาตัวเล็กๆ แบบนี้ ทำให้ฟางคิดไปว่า นี่นัทจำสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่ฟางเล่าให้ฟังได้จริงเหรอ หรือว่า นั่นคือความบังเอิญกันแน่!! หลังจากนั้นนัทก็พาฟางไปทานอาหารร้านอร่อยแถวสยาม ชื่อร้านดู๋ดี๋ ทุกคนต่างก็รู้จักร้านนี้เป็นอย่างดี เพราะว่าเป็นร้านขึ้นชื่อที่คนนิยมไปทานคงเว้นแต่ฟางเท่านั้นที่ไม่รู้จักร้านนี้เลย  หลังจากออกจากร้านดู๋ดี๋แล้ว ทั้งนัทและฟางก็กลับไปลานด้านหน้าสยามพารากอน ซึ่งเป็นที่เดิมที่ทั้งคู่นั่งคุยกันในวันที่พบกันครั้งแรก แต่ความรู้สึกในใจของทั้งคู่ตอนนี้ ไม่เหมือนกับครั้งแรกซะแล้ว ตอนนี้ทั้งคู่ต่างก็เริ่มมีใจให้แก่กัน และรู้สึกดีใจอย่างมากที่ได้พบกับอีกฝ่าย 

จากเรื่องราวทั้งหมดนี้ เหมือนว่า ความสัมพันธ์ของฟางและนัท จะราบรื่นด้วยความรู้สึกที่ล้นใจของทั้งสองฝ่ายที่มีให้แก่กัน แต่เรื่องไม่เป็นอย่างที่คาดคิดไว้ อุปสรรควิ่งเข้าชนฟางและนัท ตั้งแต่การนัดเจอกันในครั้งที่สาม

วันเสาร์ที่ 12 กรกฏาคม 2551 เวลา 06:00 น.	ฟางและนัทนัดเจอกันเพื่อออกเดทเป็นครั้งแรก ช่วงเวลาที่เขาทั้งสองคนนัดเจอกันนั้นน่าประทับใจและไม่เหมือนคู่เดทคู่ไหนเลยจริงๆ วันนี้นัทนัดเจอฟางตอน 06:00 น. ด้วยเหตุผลเพียงเพราะเขาอยากเจอฟางให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ และฟางเอง ก็รู้สึกไม่ต่างอะไรไปจากนัทเลยเธอไม่ได้รู้สึกกังวลหรือเหนื่อยกับการต้องตื่นเข้าขนาดนั้น ทั้งๆ ที่เมื่อคืนเธอคุยโทรศัพท์กับนัทจนถึงตีหนึ่ง เพราะเธอเองก็อยากเจอนัทให้เร็วที่สุดเช่นกัน ทั้งคู่ต่างก็มีหัวใจเดียวกัน และ คิดถึงกันในทุกขณะที่หัวใจเต้น...เมื่อพบกันสถานที่แรกที่นัทพาฟางไป นั่นคือ ห้องทำงานในมหาวิทยาลัยของนัท นัทเป็นนักศึกษาปริญญาโทอยู่ที่นั่น ชีวิตประจำวันของเขาทั้งหมดส่วนใหญ่อยู่ที่นี่ นัทพาฟางไปดูห้องทำงาน และข้าวของทุกอย่างที่นัทใช้สำหรับทำงาน ซึ่งสำหรับฟางแล้ว เธอรู้สึกประทับใจอย่างมากที่นัทพาเธอไปที่ทำงานของเขา ฟางชอบที่นั่นมาก เธอรู้สึกว่าเป็นที่ๆ เงียบสงบและบรรยากาศดี เธอรู้สึกอบอุ่นใจและไม่รู้สึกกลัวอะไรอีกแล้ว เมื่อมีนัทอยู่ใกล้ๆ หลังจากนั้น นัทก็ชวนฟางออกไปทานอาหารเช้าที่ร้านสะดวกซื้อในมหาวิทยาลัย  ทั้งคู่ซื้อแซนวิซมานั่งทานกันในรถยนต์ของนัท แม้ว่าแซนวิซที่ซื้อมาจะไม่อร่อยและแทบไม่มีรสชาติอะไรด้วยซ้ำ แต่ทั้งคู่ต่างทานมันด้วยความรู้สึกที่มีความสุขเปี่ยมล้นอย่างไม่น่าเชื่อ นั่นอาจเป็นเพราะต้นรักในหัวใจของทั้งคู่ต่างก็ได้รับการดูแลและรดน้ำด้วยความรู้สึกจากหัวใจที่เหมือนน้ำที่ล้นไหลออกมาอย่างไม่หยุด.....หลังจากทานแซนวิซเสร็จแล้วนัทก็พาฟางไปสวนจตุจักร สถานที่นี้นัทเป็นคนเลือกเอง...วันนี้อากาศค่อนข้างร้อนเลยทีเดียว ทั้งนัทกับฟางต่างก็ร้อน และเหงื่อไหลจนเปียกชุ่มไปทั้งตัว แต่หัวใจของทั้งคู่กลับไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยกับการเดินสักนิด นัทและฟางเดินเป็นระยะทางเกือบหนึ่งกิโลเมตร กว่าจะเจอศาลากลางสระ แต่เมื่อเจอแล้ว ทำให้ทั้งคู่ต่างก็รู้สึกเลยว่า ไม่เสียแรงเลยที่เดินมาไกลขนาดนี้ เพราะศาลาแห่งนี้ บรรยากาศช่างเงียบสงบ และมีลมพัดเย็นสบาย ช่างเป็นใจให้ทั้งนัทและฟางได้เรียนรู้กันอย่างเปิดใจ ในวันและเวลาที่มีแต่เขาและเธอ       ในศาลาแห่งนี้ นัทกับฟางได้พูดคุย เล่าเรื่องราว และความประทับใจ ของกันและกันให้อีกฝ่ายได้รับรู้ ทั้งคู่ได้เริ่มจับมือกัน เพียงแค่การจับมือเท่านั้น แต่ราวกับว่าสัมผัสและรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของอีกฝ่ายเลย ทั้งคู่จับมือกัน มองตากัน แล้วก็อมยิ้ม โดยไม่พูดอะไร แต่ความรู้สึกในหัวใจนั้น มีความสุขอย่างเปี่ยมล้น.... ในครั้งนี้ก็เป็นครั้งแรกที่นัทลูบที่ผมของฟาง ในวินาทีนั้น ฟางรู้สึกรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นที่ถ่ายทอดผ่านจากมือของนัท สู่หัวใจของฟาง...
หลังจากนั่งที่ศาลาได้สักพักหนึ่ง ฟางก็พานัทไปเลือกเสื้อเชิ้ต ทั้งคู่เดินเลือกเสื้อกันอยู่นานพอสมควร จนกระทั่งเจอเสื้ออยู่ร้านหนึ่ง ที่ฟางรู้สึกว่า ถ้านัทได้ใส่ต้องน่ารักและดูดีอย่างแน่นอน ฟางนำเสื้อตัวที่เธอชอบออกมาวัดทาบกับตัวของนัท เธอหรี่ตาลงหนึ่งข้าง เทียบในระดับสายตา ว่าเหมาะสมกับนัทหรือไม่ และในตอนนี้นี่เองที่นัทประทับใจในความใส่ใจของฟางที่มีให้กับเขาในตอนที่ฟางหรี่ตาเพื่อวัดเสื้อกับตัวของเขา      นัทเก็บความประทับใจนั้นไว้ในหัวใจอีกครั้งหนึ่ง     หลังจากได้เสื้อผ้าแล้วทั้งคู่จึงตัดสินใจออกจากจตุจักรเพื่อไปสยามพารากอนที่แห่งเดิมของทั้งคู่ เพื่อใช้เวลาที่เหลืออยู่ของวันนั้นเรียนรู้กันและกันให้คุ้มค่าที่สุด ขณะกำลังเดินไปนั้น เรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น อาจเป็นเพราะว่าเดินมาครึ่งวันแล้ว ทำให้รองเท้าของฟางเริ่มเกเร เกิดขาดขึ้นมากะทันหัน     ในนาทีนั้น ฟางพยายามที่จะเดินไปให้ถึงรถของนัทให้เร็วที่สุด เพราะยิ่งเดินรองเท้าก็ยิ่งขาดมากขึ้น       แต่แล้ว ฟางกลับต้องประทับใจตัวของนัทอีกครั้งเมื่อนัทเอ่ยปากชวนให้ฟางขึ้นหลังของเขาเพื่อให้เขาได้แบกเธอไปที่รถ ด้วยสีหน้ากับคำพูดที่จริงจังของนัท ทำให้ฟางรู้สึกชอบและประทับใจนัทอย่างมาก แต่เธอก็ยังเก็บความประทับใจนั้นไว้ในหัวใจโดยไม่ได้บอกให้นัทรับรู้อีกเช่นเคย...... เรื่องราวมาถึงตอนนี้แล้ว ทั้งคู่ต่างก็คิดและรู้สึกไปว่าคงจะไม่มีสิ่งใดห้ามความรู้สึกในใจของเขาและเธอได้อีกแล้ว เป็นความรู้สึกที่ดีอย่างมาก ที่ทั้งคู่ต่างก็คิดว่า ในชีวิตนี้ คงจะไม่มีโอกาสได้เรียนรู้กันและกันอย่างเปิดใจได้อย่างในครั้งนี้อีกแล้ว.....แต่แล้วอุปสรรคของเขาและเธอก็เริ่มขึ้น ในขณะที่นั่งรถเพื่อกลับไปสยามพารากอนนั้น ฟางได้รับโทรศัพท์จากคนรักของเธอ ในนาทีนั้นซึ่งนัทก็อยู่ในรถนั้นด้วย ในความรู้สึกของนัทตอนนั้นก็คงลำบากใจอยู่ไม่น้อย เลยทีเดียว หลังจากคนรักของฟางวางสายไป ยังไม่ถึงห้านาที น้องสาวของเธอก็โทรมาหาเธอ แล้วต่อด้วยสายจากน้องชายของเธออีกครั้ง .....บรรยากาศตอนนั้น เงียบสนิท ไม่มีเสียงใดๆ หลุดออกมาจากปากของทั้งคู่เลย และในเวลาไม่นาน คนรักของนัทก็โทรหานัทเช่นกัน ขณะนั้นนัทกำลังขับรถอยู่ ทำให้นัทต้องเปิดแฮนด์ฟรีขณะคุยโทรศัพท์กับคนรักของเขา ฟางจึงได้ยินเสียงของคนรักของนัทด้วย ความรู้สึกของฟางในตอนนั้นเธอรู้สึกผิดอยู่ในใจที่เป็นสาเหตุทำให้นัทกับคนรักต้องห่างเหินกัน นัทเองก็รู้สึกไม่ต่างกันกับฟางเท่าไรนัก ต่างคนก็คงต่างรู้สึกผิดในสิ่งที่ตัวเองทำ แต่ในตอนนี้ ทั้งคู่ต่างก็ไม่อาจห้ามใจตัวเองให้หยุดเรียนรู้กันและกันได้อีกแล้ว...ทั้งคู่จึงพยายามฝืนตัวเองต่อไปไม่คิดฟุ้งซ่านในเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น และพยายามเข้าสู่การเรียนรู้ตามใจปรารถนาของตนเอง เมื่อเดินทางไปได้สักระยะ ฟางสังเกตเห็นในรถที่นั่งมาด้วยกันมีรองเท้าอยู่หนึ่งคู่ นั่นคือรองเท้าของนัทนั่นเอง ฟางลองสวมรองเท้าคู่นั้นดู ในใจของฟางตอนนั้นเธอคิดว่า แม้รางเท้าคู่นี้จะธรรมดา ไม่ได้มีอะไรที่พิเศษหรือแตกต่างไปจากรองเท้าทั่วไปที่เธอเคยเจอ แต่เธอกลับรู้สึกตื่นเต้นและอยากจะลองสวมรองเท้าคู่นั้นดูสักครั้งหนึ่ง นั่นคงเป็นเพราะว่า รองเท้าคู่นั้นเป็นของนัท ผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างๆ เธอ และทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นหัวใจในเวลานั้น เมื่อถึงสยามพารากอนฟางก็สวมใส่รองเท้าคู่นั้น เดินไปทั่วทั้งสยามพารากอน และเอ่ยถามความคิดเห็นของนัทว่า ใส่รองเท้าคู่นี้แล้วเธอดูตลกไหม นัทยิ้ม แล้วตอบเธอว่า ไม่เป็นไรหรอก เมื่อเธอสวมรองเท้าคู่นี้ใครมองดูแล้วก็ต้องคิดว่า เธอสวมรองเท้าของคนรักอยู่เป็นแน่ ด้วยถ้อยคำที่นัทพูด ฟางจึงอดไม่ได้ที่จะจินตนาการไปว่า ระหว่างนัทและเธอดูเหมือนคู่รักที่หวานชื่นอย่างมาก ในเวลานั้น...
นัทพาฟางไปซื้อรองเท้าคู่ใหม่ ซึ่งนัทเป็นคนเลือกให้เธอด้วยตัวของเขาเอง ฟางรู้สึกได้และประทับใจในความใส่ใจของนัทระหว่างที่เลือกรองเท้าให้เธอ ไม่เคยมีใครใส่ใจฟางมากเท่ากับนัทมาก่อน  นั่นยิ่งทำให้ฟางรู้สึกประทับใจในตัวของนัทมากยิ่งขึ้น...ดูเหมือนว่า ไม่ว่านัทหรือฟางจะแสดงออกต่อกันเช่นไร ก็มักจะกลายเป็นความประทับใจให้อีกฝ่ายได้บันทึกสิ่งดีๆ เหล่านั้นไว้ในหัวใจอยู่ร่ำไป โดยที่เจ้าตัวเองก็ไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ...ในวันนั้น ทั้งคู่ต่างก็เดินมาทั้งวันแล้ว นัทจึงเอ่ยปากชวนฟางเข้าไปนั่งในร้านกาแฟการนั่งสบตากันเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ทั้งคู่ได้ทำในตอนนั้น ถ้อยคำที่ออกมาจากปากของนัทและฟางในตอนนั้นมีน้อยมาก ทั้งคู่นั่งสบตากันเหมือนกำลังต้องการสื่อให้อีกฝ่ายได้รับรู้ถึงหัวใจที่มีให้แก่กัน หลังจากนั่งในร้านสักพักใหญ่ ทั้งคู่จึงตัดสินใจที่จะต้องแยกย้ายกันกลับไปพักผ่อนเสียทีเพราะใกล้ค่ำแล้วในเวลานั้น ขณะที่นัทขับรถไปส่งฟางที่บ้านของเธอ น้ำมันรถของนัทใกล้หมดแล้ว และนัทเองก็ยังไม่คุ้นเคยกับเส้นทางไปบ้านของฟางเท่าไรนัก เพราะนัทเองเพิ่งเคยมาแถวนั้นครั้งที่สอง จึงเป็นเรื่องยากที่จะหาปั้มน้ำมันให้พบในเวลานั้น  นัทเกรงว่า อาจจะกลับไปไม่ถึงบ้านของเขาแน่ๆ และในตอนนั้น ฟางเองก็ไม่รู้เช่นกันว่าจะหาปั้มน้ำมันได้ที่ไหน แต่เธอตัดสินใจให้นัทขับไปเรื่อยๆ เลยบ้านของเธอไปเพื่อหาปั้มน้ำมันให้เจอเสียก่อน เพราะเธอกังวลและไม่อยากนัทจะต้องเจอกันเหตุการณ์น้ำมันหมดอยู่เพียงลำพัง อย่างน้อยถ้าเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นมาจริงๆ นัทจะได้มีเธออยู่เป็นเพื่อน แต่ยิ่งขับไป ก็ยิ่งไม่เจอ ไม่มีวี่แววว่าจะมีปั้มน้ำมันแถวนั้นเลย ในตอนนั้น นัทเองก็เริ่มโมโหฟาง แต่เขาไม่กล้าที่จะแสดงออกให้เธอเห็นมากนัก ได้แต่นิ่งเงียบ เพราะว่า ทั้งคู่เพิ่งรู้จักกันไม่นาน แต่ฟางที่สังเกตนัทมาตลอดเธอรู้แล้วว่านัทรู้สึกเช่นไร เธอจึงรีบเอ่ยปากขอโทษเขาก่อน และพยายามเปลี่ยนสถานการณ์ให้นัทอารมณ์ดีขึ้น เธอพยายามอยู่นาน แต่สุดท้ายก็สำเร็จจนได้ นัทเริ่มอารมณ์ดีขึ้นแล้ว เขาเริ่มยิ้ม และสถานการณ์ที่ตึงเครียด ก็เปลี่ยนไปเป็นบรรยากาศเช่นเดิม จากเหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้ทั้งคู่ต่างก็ได้เรียนรู้และเข้าใจในตัวตนของอีกฝ่าย และได้มีโอกาสที่จะเปิดใจยอมรับในสิ่งที่อีกฝ่ายเป็นให้ได้ นั่นเป็นอีกขั้นของการเรียนรู้ของทั้งคู่ หลังจากหาปั้มน้ำมันได้แล้ว เมื่อทั้งคู่ถึงบ้านของตน อุปสรรคก็มารอทั้งคู่ให้แก้ไขอยู่แล้ว ทางด้านฟางในวันนั้นที่เธอไปเที่ยวกับนัท เธอไม่ได้บอกน้องสาวเธอไว้ แต่น้องสาวของเธอนั้น รู้ในใจอยู่แล้วเพราะพี่สาวเคยเล่าเรื่องของนัทให้ฟังอยู่บ้าง แต่ในใจน้องสาวของฟางก็ไม่รู้สึกยินดีเลยที่พี่สาวของเธอ จะเปิดใจเพื่อเรียนรู้ใครใหม่        ในวันนั้น ฟางต้องทะเลาะกับน้องสาว เธอพยายามอธิบายให้น้องสาวของเธอเข้าใจอยู่นานทีเดียว กว่าเรื่องจะยุติลงได้ ในขณะที่ด้านของนัทเองก็เช่นกัน ครอบครัวของนัทเรียกนัทเข้าไปพูดคุย สอบถามเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับนัทอย่างละเอียด เพราะเหตุที่คนรักของนัทเอง ก็สนิทสนมกับคนในครอบครัวของเขาเป็นอย่างดี นัทถูกคนในครอบครัวของเขามองว่าทำตัวไม่ถูกต้องและสิ่งที่นัทกำลังทำอยู่นี้ทุกคนมองว่านัทกำลังหาเรื่องใส่ตัวของเขาเอง  ทั้งคู่ที่ต่างก็มีปัญหากับคนในครอบครัว เมื่อได้คุยกันอีกในคืนนั้นต่างก็เล่าปัญหาที่ตัวเองเจอในวันนั้น ให้อีกฝ่ายได้ฟัง  ช่างเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ ที่ทั้งคู่ต่างก็มีบททดสอบคล้ายๆ กัน และแม้ว่าภายในใจจะรู้สึกกังวล แต่ด้วยหัวใจของทั้งคู่ที่ในตอนนี้ไม่อาจจะหยุดการเรียนรู้นี้ได้อีกต่อไปแล้วจึงปรึกษาและพยายามหาทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นด้วยกัน เพื่อให้ผ่านพ้นมันไปให้ได้.... ความรู้สึกของฟางและนัทในตอนนั้น ทั้งคู่ต่างรู้สึกตัวแล้วว่า หลงชอบและประทับอีกฝ่ายอยู่ ซึ่งความรู้สึกนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไร ทั้งคู่เองก็ตอบไม่ได้ ดังนั้น เขาทั้งสองจึงพยายามค้นหาคำตอบในหัวใจของตัวเองต่อว่า.....ความรู้สึกนี้ที่เกิดขึ้นระหว่างเขาและเธอนี้ใช่ความรักหรือไม่ ?..... หลังจากการเดทในครั้งนั้น ทั้งนัทและฟางก็ยังไม่ได้เจอกันอีกเลย เนื่องจากวันเวลาของทั้งคู่ ไม่ตรงกัน จนกระทั่ง

วันอังคารที่  15 กรกฏาคม 2551	 (วันที่ 8 นับตั้งแต่ทั้งคู่ได้เจอกันในครั้งแรก) วันนั้น สถานที่นัดเจอก็ยังคงเป็นที่เดิม นั่นคือ สยามพารากอน แต่วันนี้นัทไม่สบาย คอของนัทเกิดอาการแพ้อะไรสักอย่างนัทเองก็ยังหาคำตอบไม่ได้ ด้วยความเป็นห่วงฟางจึงรบเร้าที่จะพานัทไปหาหมอที่อยู่ใกล้ที่สุดแถวนั้นให้ได้  การหาหมอใช้เวลาค่อนข้างนาน แต่ฟางไม่ได้รู้สึกหงุดหงิด หรือ เสียเวลาเลยแม้แต่น้อย กลับดีใจเสียด้วยซ้ำที่ได้มีโอกาสดูแลและห่วงใยนัท หลังจากพานัทไปหาหมอแล้ว เวลาในตอนนั้นก็ค่ำพอดี ซึ่งนัทเองเสียดายอย่างมาก เพราะว่าเขารอวันนี้มานานวันที่จะได้เจอกับฟาง ส่วนฟางเองก็เช่นกัน แต่ทั้งคู่ไม่มีใครได้เอ่ยหรือพูดสิ่งที่คิดไว้ในใจออกมา จริงๆ แล้ววันนี้ฟางจะพานัทไปทานไอศกรีมรสชาติที่นัทชอบมากที่สุดนั่นคือ เฮซอลนัท แต่ทั้งคู่คงจะไม่ได้ทานเสียแล้ว เพราะตอนนี้ก็ทุ่มครึ่งแล้ว นัทต้องรีบกลับบ้านเพราะเขานัทกับแม่ไว้และไม่อยากมีปัญหากับแม่ของเขาอีก ฟางจึงเอ่ยปากพูดกับนัท รีบกลับบ้านเถอะค่ะ เดี๋ยวท่านจะว่าเอานะ แล้ววันหลังเราค่อยมาทานไอศกรีมกัน นัทจึงตัดสินใจทำตามที่ฟางพูด นั่นคือ แยกย้านกันกลับนัทเดินแยกกับฟางที่ทางเข้ารถไฟฟ้า ทั้งคู่ต่างเดินแยกกันไปอย่างรวดเร็ว เหมือนไม่ได้ใสใจหรือสนใจอีกฝ่ายหนึ่งเลย แต่อีกด้านหนึ่งที่ไม่มีใครรู้ ฟางรู้สึกเสียดายอย่างมาก เพราะเธอเองก็รอวันนี้มานาน เธอเดินขึ้นบันไดของสถานีรถไฟฟ้าอย่างเลื่อนลอย ไม่มีความสดชื่นเอาเสียเลย  เหมือนอย่างกับว่าเจอความผิดหวังโถมใส่เธอเข้าเต็มแรง ขณะที่นัทเองก็ไม่ได้ต่างอะไรกันกับฟางเลย เขานึกน้อยใจว่าทำไม ฟางถึงไม่รั้งเขาไว้บ้าง และมิหนำซ้ำเดินจากกันไป โดยไม่หันมามองเขาเลยสักนิด แต่ท้ายที่สุดนัทก็เป็นฝ่ายโทรหาฟาง เอ่ยถามฟางและพูดตัดพ้อเธอว่า ไม่เห็นหันกลับมามองเขาเลยสักนิด  ขณะที่ฟางเองก็ได้เล่าความรู้สึกในใจให้นัทฟังว่าเธอเองก็รู้สึกเสียดายเช่นกัน ดังนั้น ทั้งคู่จึงตัดสินใจ ลงมาเจอกันที่เดิมอีกครั้ง เมื่อเจอหน้ากันต่างคนต่างก็หัวเราะและยิ้มให้กับความงี่เง่าของตัวเอง ที่ทำตัวเหมือนเด็กๆ ที่งอแง เวลาไม่ได้ในสิ่งที่ตนเองอยากได้.....แต่สถานการณ์ที่ทั้งคู่ได้เจอ ทำให้ทั้งคู่ได้รู้ใจตัวเองว่า อีกฝ่ายมีความสำคัญกับตนมากแค่ไหน  ในที่สุดวันนี้ฟางจึงได้พานัทไปทานไอศรีมอย่างที่ได้สัญญาไว้กับนัท ในช่วงเวลาทานไอศกรีม ทั้งคู่ต่างมองตาและจับมือกัน เสมือนว่ากำลังสื่อให้อีกฝ่ายได้เห็นถึงหัวใจของตน ทั้งฟางและนัทมีความสุขมาก แต่ความสุขเหล่านั้นกลับอยู่กับทั้งคู่เพียงแค่ชั่วขณะเท่านั้น หลังจากทานไอศกรีมนัทพาฟางไปนั่งเล่นด้านในของห้าง  ทั้งคู่คุยเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างกัน สุดท้ายแล้วสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้นั่นคือ ทั้งคู่ต่างก็มีคนรักที่รักตนมากอยู่แล้ว ดังนั้น จึงไม่กล้าที่จะทำร้ายคนรักของตน ด้วยเหตุผลนี้ทำให้การพบเจอกันในทุกๆ ครั้งไม่ว่าจะมีความสุขมากมายขนาดไหน แต่นี่ยังคงเป็นสิ่งที่ทั้งคู่ยังรู้สึกเจ็บอยู่ในใจลึกตลอดเวลา แต่ก็พยายามฝึนทำตามหัวใจของตัวเองอยู่เรื่อยมา นับตั้งแต่เจอกันครั้งแรกจนถึงวันนี้  นับได้ 8 แล้วที่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก้าวหน้า จากเพื่อนมาเป็นคนรู้ใจ โดยไม่รู้ตัว... ใครจะรู้ว่าคนสองคนจะใช้เวลาเรียนรู้กันและกันและรักกันได้รวดเร็วขนาดนั้น พูดไปก็คงไม่มีใครเชื่อ อย่าว่าแต่คุณเลย เขาสองคนเองก็ยังไม่เชื่อเลยว่าเขาจะรักกันได้ ด้วยเวลาสั้นๆ เพียงเท่านี้ 

วันพฤหัสบดีที่ 17 กรกฏาคม 2551 เป็นวันที่นัทสัญญาว่าจะเดินไปส่งฟางที่ทำงาน วันนี้นัทนัดเจอฟางตั้งแต่ 7 โมงครึ่ง ที่สถานีรถไฟฟ้า บีทีเอส ทั้งคู่เดินทางไปด้วยกันด้วยรถไฟฟ้า ใจฟางตอนนั้นตื่นเต้นมากยิ่งนัทยืนใกล้ๆ เธอ ๆ ยิ่งรู้สึกใจเต้นแรงและเร็วขึ้น เธอรู้สึกประทับใจเวลานัทใช้มือของเขากันเธอไว้ เธอจำในสิ่งที่นัทพูดได้ไม่เคยลืม นัทเคยพูดกับเธอว่า เขาอยากยืนอยู่บนรถไฟฟ้าพร้อมกับเธอ จะได้ช่วยกันคนให้เธอ นั่นคือ คำพูดของนัทที่ฟางประทับใจและรู้สึกอุ่นใจตลอด       หลังจากถึงรถไฟฟ้าแล้ว นัทเดินไปส่งฟางจนถึง ที่ทำงาน ช่วงเวลาที่เดินเคียงคู่กันไป ทำให้รู้สึกอบอุ่นที่หัวใจอย่างบอกไม่ถูก เป็นความรู้สึกที่ไม่มีคำพูดใดๆ บรรยายความรู้สึกเหล่านั้นออกมาได้ ทั้งคู่อยากเก็บความทรงจำดีๆ เหล่านี้ไว้ อยากเรียนรู้กันต่อไปเรื่อยๆ ให้เป็นการเรียนรู้ที่ไม่มีวันจบสิ้น แต่ความสุขเหล่านั้น อยู่กับทั้งคู่เพียงเวลาไม่นาน ความสุขครั้งสุดท้ายของทั้งคู่ก็มาถึง

วันศุกร์ที่ 18 กรกฏาคม 2551 วันนี้นัทสัญญาจะพาฟางไปเที่ยวสวนสัตว์ดุสิต ซึ่งนัทเองก็ยังไม่เคยไปเช่นกัน แต่ก่อนจะไปเที่ยวสวนสัตว์นัทพาฟางไปหาหมอที่นัดพบไว้ที่โรงพยาบาล นัทดูแลฟางเป็นอย่างดี โดยที่เขาเองไม่อาจได้รู้เลยว่า นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้พาฟางมาโรงพยาบาลและดูแลเธออย่างนี้  ส่วนฟางเองก็รู้สึกดีมากๆ กับสิ่งที่นัททำให้เธอ เป็นความรู้สึกที่เธอเองก็ตอบไม่ได้เช่นกันว่าใช่รักหรือไม่ แต่เธอรู้สึกอบอุ่นหัวใจทุกครั้งที่อยู่ใกล้กับนัทและไม่อยากห่างเขาไปไหนเลย .....เมื่อไปถึงสวนสัตว์ดุสิต สถานที่แห่งนี้ เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ที่เก็บความทรงจำที่ดีๆ ของนัทกับฟาง วันนี้อากาศร้อนมาก ทั้งนัทและฟางต่างก็ขี้ร้อนทั้งคู่ แต่ก็ไม่ย่อท้อที่จะเดินเที่ยวต่อเพราะความรู้สึกข้างในหัวใจตอนนั้นร่าเริงและเป็นสุขใจอย่างบอกไม่ถูก ฟางและนัทเดินจับมือกันไปตลอดทาง รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นและเสียงของหัวใจของอีกฝ่ายในขณะนั้น ยิ่งเวลาผ่านไปอากาศก็ยิ่งร้อน ฟางและนัทก็ต่างเหงื่อไหลไม่หยุด แต่ทั้งคู่ ต่างช่วยกันซับเหงื่อ ให้แก่กัน ฟางใช้กระดาษทิชชู่ค่อยๆ ซับเหงื่อบริเวณหน้าผากของนัท และไม่นานนัทก็นำกระดาษทิชชู่มาซับเหงื่อให้ฟางบ้าง ทั้งคู่ทำสลับกันอยู่อย่างนั้น การได้ดูแลอีกฝ่ายอย่างใส่ใจ เก็บเกี่ยวความสุขที่มีอย่างมากมายในวินาทีนั้น ทำให้ทั้งนัทและฟางรู้สึกดีและ เริ่มคิดไปในใจแล้วว่านี่อาจเป็นความรักจริงๆ ก็ได้ นัทพาฟางเดินไปดูสัตว์หลายอย่าง จนเหนื่อยจึงได้นั่งพักที่ศาลาริมน้ำ ที่แห่งนี้ นัทลูบผมฟางอีกครั้ง จนเธอรู้สึกอบอุ่นลึกๆ ข้างในหัวใจ สบายใจอย่างบอกไม่ถูก เหมือนได้พบเจอกับคนที่เธอรอคอยและตามหามานานแสนนานและวินาทีนี้ก็ได้เจอคนๆ นั้นแล้ว ทั้งคู่นั่งชมบรรยากาศริมน้ำสักพักจึงตัดสินใจ ลงเรือปั่น ล่องไปกลางสายน้ำ บรรยากาศที่มีลมพัดเย็นสบาย นัทและฟางกำลังหามุมดีๆ และถ่ายรูปคู่กันบนเรือ ด้วยภาพบรรยากาศริมฝั่งน้ำ ทั้งสองคนมีความสุขมากจนอยากให้วันเวลาหยุดไว้ตรงนี้เพื่อที่ทั้งคู่จะได้อยู่เคียงข้างกันตลอดไป แต่วันเวลาเหล่านี้ใกล้สิ้นสุดลงทุกที คืนนั้นเมื่อทั้งคู่ต่างกลับไปถึงบ้าน คนรักของนัทได้โทรมาหาฟาง เธอบอกกับฟางว่า เธอรักนัทมาก และพยายามทำทุกอย่างที่จะให้นัทกลับมาเป็นคนเดิม เมื่อฟางได้ฟังในสิ่งที่คนรักของนัทได้บอกกับเธอแล้ว ฟางจึงได้รู้สึกถึงความรักที่แฟนของนัทมีให้กับนัท ทำให้ฟางเองตัดสินใจหยุดความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับนัทในคืนนั้น ทั้งนัทและฟางต่างร้องไห้ให้แก่กัน ทั้งเสียใจและเสียดายไม่อยากต้องห่างกันไป แต่ด้วยเหตุผลหลายอย่างทำให้ฟางตัดสินใจยุติเรื่องราวระหว่างเธอและนัทลง และให้โอกาสกับคนรักของนัทและฟางได้ปรับตัวเพื่อดูแลความรักที่มีอยู่ให้งอกงามขึ้นใหม่อีกครั้ง ในเวลาหนึ่งวันที่ทั้งคู่ไม่ได้คุยกัน เมื่อคิดไปว่าอาจจะไม่มีโอกาสได้เจอกันและกันอีกต่อไปแล้วในชีวิตนี้ ก็ยิ่งทำให้ทั้งคู่เสียใจและน้ำตาไหลอย่างไม่อาจกลั้นได้ ด้วยความรู้สึกของทั้งคู่ที่มีแต่ความรู้สึกดีๆ ให้แก่กันจนเหมือนว่าไม่อาจแยกจากกันได้แล้ว ทำให้ในเย็นวันนั้น นัทและฟางต่างก็ทนไม่ไหว โทรหากันอีกครั้ง เมื่อได้คุยกันทั้งคู่ต่างก็แบ่งปันบรรยายความรู้สึกและสิ่งที่เป็นในระหว่างที่ไม่มีกันและกัน สู่กันฟัง   ทำให้ทั้งคู่รู่ว่าต่างคนต่างก็มีหัวใจให้แก่กัน และรักกันไปแล้ว แต่ด้วยเหตุผลมากมายหลายอย่าง  ที่ไม่สมควรอย่างยิ่งที่ทั้งคู่จะนำความรักที่มีให้แก่กันไปทำร้ายคนอีกสองคน ซึ่งเป็นคนที่ทั้งคู่ยังรักอยู่  ดังนั้นทั้งคู่จึงได้ตกลงที่จะนัดเจอกันเป็นครั้งสุดท้ายที่โรงพยาบาลที่นัทเคยพาฟางไป เพื่อร่ำลา
 ในวันสุดท้ายนี้ คือ วันจันทร์ที่ 21 กรกฏาคม 2551 นัทยังคงดูแลฟางเช่นเดิม เขาพาฟางขึ้นรถไฟฟ้า BTS และดูแลฟางเหมือนเดิมอย่างที่เคยทำมา ต่างกันตรงที่ครั้งนี้อาจเป็นครั้งสุดท้ายของทั้งคู่ ที่จะมีโอกาสได้ดูแลกันและกัน แม้ว่าในใจของทั้งคู่รู้สึกเหมือนโดนพายุกระหน่ำ แต่ทั้งคู่ก็รู้สึกว่า การตัดสินใจในครั้งนี้ นับเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดแล้ว ที่เลือกที่จะเก็บความทรงจำดีๆ ระหว่างเขาทั้งสองเอาไว้ ให้เป็นภาพความทรงจำที่มีไว้ให้นึกถึงในยามที่หัวใจอ้างว้าง และอ่อนล้า เพื่อเป็นกำลังใจ  ให้ความรักที่มีระหว่างเขาทั้งคู่เป็นเสมือนสายลมบางเบาที่คอยพัดผ่านหัวใจ และรู้สึกอบอุ่นอยู่ภายในใจทุกครั้งที่ได้คิดถึงสายลมนั้น.....ที่รักและหวังดีเสมอไม่เคยเปลี่ยนแปลง   แม้ว่าสายลมนั้นจะบางเบา และไม่มีวันหวนคืนกลับมา อีกแล้วก็ตาม  แต่อย่างน้อย .......................

ทั้งคู่ก็ยังโชคดีที่ได้รู้จักคำว่ารัก ในช่วงเวลาสั้นๆ แค่เพียง 14 วัน
เรียนรู้ถึง การให้และดูแลคนที่เรารัก โดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน
เรียนรู้คำว่า เสียสละ ให้กับคนที่เรารัก ไม่เห็นแก่ตัว หรือ นึกถึงเพียงความรู้สึกหรือ ความสุขของตัวเองเท่านั้น
เรียนรู้และเข้าใจในตัวตนของอีกฝ่าย และยอมรับในตัวตนเหล่านั้น
แม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาเพียงสั้นๆ แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตของทั้งคู่ และไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไรก็ไม่อาจลืมเลือนสิ่งดีๆ เหล่านี้ได้เลย				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟPollyGod
Lovings  PollyGod เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟPollyGod
Lovings  PollyGod เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟPollyGod
Lovings  PollyGod เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงPollyGod