http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3577.html นอนนับดาวเหนือเนินผาในวันหนาว ทะเลเศร้าสายหมอกพรมห่มพรายพร่าง ฟ้าพยับโพยมจันทร์เต็มดวงลอยอ้างว้าง เอนอิงร่างรับรินร่ำฉ่ำหวานใจ.. เปิดดวงใจภายในฟังงามเงียบ น้ำค้างเฉียบรินรดระริกไหว หนาวแสนหนาวร่างเร่าร้อนใกล้ดวงใจ ปิติใจจนน้ำตาช้าช้าริน.. จากเรียวตาสู่เนียนแก้มนวลหมองหม่น หอมกลิ่นคนในอดีตสายถวิล มือสากสากประคองไล้น้ำตาริน จูบนวลสิ้นละเมียดร่างมิร้างลา.. ลั่นทมปลิดปลิวพลิ้วดอกลอยควะคว้าง คนดีพลางประคองหอมเสน่หา กระซิบรักร้อยมงกุฎดอกไม้ให้แก้วตา อย่างช้าช้าลูกผู้ชายบรรจงทำ.. แกมเกศเกล้าพราวดอกไม้งามมงกุฎ โลกยังหยุดมองดูบทเพลงร่ำ จันทร์โปรยสายหวานน้ำผึ้งซึ้งใจจำ คืนโชนหวังจันทร์โชนแสงเติมแล้งใจ.. มงกุฎลั่นทมฝากระทมถึงคืนนี้ เมื่อคนดีตอกย้ำจำได้ไหม นานเกินรอรักนิรันดร์ฝันค้างใจ รับบทใหม่ใส่มงกุฎหนามมงกุฎดอกเศร้าเฝ้าทิ่มแทง! ...................... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3577.html มงกุฎดอกส้ม ผิดหรือไร เมื่อใจหนึ่งดวงนี้ อยากทะยาน ให้ไกลดังใจฝัน ผิดก็ยอม ไม่เคยเสียใจ ในความเป็นไป ขอเพียงมีสิทธิ์รัก เท่านั้น แหละหัวใจ ไม่เคยจะยอมแพ้ เจ็บเท่าไร ไม่เคยจะหยุดฝัน ผิดก็ยอม จะเป็นหรือตาย เอาใจเดิมพัน ขอเพียงมีวันหนึ่ง ฝันจะเป็นจริง สวมชุดเจ้าสาว ขาวบริสุทธิ์ สีของความมั่นคง ในรักแท้ รอคอยเพียงเธอ ไม่เคยเปลี่ยนแปร จะขอรอเพียงแต่เธอ ผู้เดียว ผิดหรือไร ถ้าคนหนึ่งคนนี้ จะรักใคร สักคนสุดชีวิต ผิดก็ยอม เมื่อใจรักเธอ เพียงเธอคนเดียว แม้จะนานเท่าไหร่ ฉันยังรอเธอ สวมชุดเจ้าสาว ขาวบริสุทธิ์ สีของความมั่นคง ในรักแท้ รอคอยเพียงเธอ ไม่เคยเปลี่ยนแปร จะขอรอเพียงแต่เธอ ผู้เดียว ผิดหรือไร ถ้าคนหนึ่งคนนี้ จะรักใคร สักคนสุดชีวิต ผิดก็ยอม เมื่อใจรักเธอ เพียงเธอคนเดียว แม้จะนานเท่าไหร่ ฉันยังรอเธอ...
7 มีนาคม 2550 00:21 น. - comment id 666770
อ่านแล้วเศร้าจริง ๆ ด้วยค่ะ ฮือออออออออออออออ
7 มีนาคม 2550 00:28 น. - comment id 666772
รักมั่นคง ต่อสู้ฝ่าฟัน จักพบหลักชัยแห่งรัก ที่ถูกต้องและงดงามแน่นอน ขอให้อดทน ฝ่าฟันอุปสรรค จะขอเป็นจุดยืนที่มั่นคงตลอดไป และ ตลอดกาล
7 มีนาคม 2550 01:19 น. - comment id 666775
สวัสดีครับ ผม ลุ่มน้ำตาปี นะครับ มงกุฏดอกเศร้าแล้วเขาจากเธอไปหรือครับ จากไปเพราะอะไร แต่เธอยังรอเขาอยู่ แล้วจะมีโอกาศกลับมาเจอกันไหม....แล้วถ้าเขาไม่กลับมาจะรอต่อไปหรือครับ...
7 มีนาคม 2550 08:47 น. - comment id 666854
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem76743.html ปลายฟ้าปลายฝัน ท้องฟ้าที่เปลี่ยนไปในวันนี้.... ครวญกวีพร่างพรายคล้ายเย้ยหยัน เมื่อความรักพลันสลายตายจากกัน ร้างสัมพันธ์ไร้ค่ากว่าใครใคร.. ทิ้งหาดทรายสายน้ำร้างสายลม ดั่งสายฝนพัดทรายสลายไหล เดินโดดเดี่ยวเชี่ยวกรากบนทางใจ เป็นอย่างไร....ร้างไปใคร่ถามความ น้ำทะเลสีระทมบนทางเปลี่ยว รอจันทร์เสี้ยวคืนนี้เอ่ยคำถาม ว่าเหตุใดความรักมาจรจาง จะอ้างว้างอีกนานมั้ย..ในรอยทราย ยามฝุ่นทรายฟายฟ่องล่องกับลม พายุฝนเริ่มกระหน่ำย้ำความหมาย อุ่นไอรักเคยประจักษ์ปรากฎกาย ช้ำพราวพรายกับใจที่ไม่ลืม.... ตะวันลาปลายฟ้าเริ่มอ่อนแสง หมดเรี่ยวแรงบทบาทที่อยากฝืน ประทับรอยฝากไว้อยากได้คืน ลมพัดครืนพร่ำฝังทราย...หมายว่ารอ ลำน้ำน่าน 01 มิ.ย. 48 - 15:13 IP 202.28.179.1
7 มีนาคม 2550 10:31 น. - comment id 666892
พี่พุด...พี่สาวที่แสนดีครับ... เคยไหม...ที่ไล่เรียงสายตาไประหว่างอักษราที่ร้อยเรียงกันเป็นสร้อยอักษร แล้วหยาดน้ำรินไหลลงมาอย่างเงียบงันจากดวงตา... พี่พุดครับ.... ถ้อยอธิบายใดใดก็ไม่สามารถอรรถาธิบายความอ้างว้างกลางกมลของคนหมองเช่นผมได้ดีเท่ากับบทกวีของพี่สาวที่แสนรักครับ พี่พุดครับ ก็ในเมื่อ...ความเศร้าความทุกข์มันรุกไปทุกที่ ความอ้างว้างกลางฤดีไม่หนีหาย แลเหลียวรอบกายไม่วายตรม ความขื่นขมเอ่อล้นคนเช่นเรา! ดังนั้น...ยามเมื่ออ่านบทกวีของพี่พุด จึงซึมซับรับทราบความโศกตรมได้เต็มใจ ประโยคที่ว่า... ลั่นทมปลิดปลิวพลิ้วดอกลอยควะคว้าง... มันจึงเเหมือนว่า...ลั่นทมมาบานที่ลานใจผมไงครับ... พี่พุดครับ...แม้ว่าความขาวพร่างของลั่นทมจะตรมเศร้า แต่กลิ่นหอมอ่อนอ่อนของลั่นทมก็กำซาบทรวงนะครับ อ่านบทกวีของพี่พุดแล้วเหมือนจะได้กลิ่นลั่นทมมารวยรินอยู่รอบกายนะครับ และปิดเปลือกตาลงคราใด....ภาพลั่นทมที่ขาวพร่างเต็นลานดิน ก็ผุดพรายเต็มม่านตาในครานั้น.... ความงามของลั่นทมไม่เคยลบเลือนไปจากใจ เช่นเดียวกันกับความเศร้าครับพี่พุด!! ด้วยความรำลึกถึงพี่พุดครับ
7 มีนาคม 2550 11:15 น. - comment id 666914
อ่านคำน้องต่างหาก ที่ทำให้น้ำตาซึมในเรียวตาพี่พุดนาทีนี้ค่ะ พี่พุดกำลังจะกลับพะงันวันสองวันนี้ คงได้ไปนอนดายเดียว บนผาหินเหนือทะเลงาม อย่างโดดเดี่ยว อย่างเดียวดาย หมายรอตะวันตกดินค่ะ สักพัก จะหาเรื่องรักรจนาในสายใจสายถวิล มิสิ้นรักมาวางพลีกำนัลนะน้องรัก
7 มีนาคม 2550 11:23 น. - comment id 666922
หนึ่งหัวใจ มั่นคงดุจขุนเขา.. หัวใจเศร้าเพียงใดยังคงมั่น มอบหัวใจมีรักแท้แน่นิรันดร์ มิแปรผันเปลี่ยนใจให้ลางเลือน...
7 มีนาคม 2550 11:38 น. - comment id 666928
ณ..ปลายฟ้า..มีเกรียวฝันอันงดงาม... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song129.html... ผม..กำลังนอนหลับตานิ่งๆทิ้งใจว่างๆ ในเปลญวน ใต้ต้นลั่นทมดวงดอกสีขาว ที่กำลังบานพราวสะพรั่ง กับบรรยากาศแสนวิเวก กับ ฟ้าสีครามเข้ม น้ำทะเลใสแจ๋ว จนเห็นกรวดทรายระยับยิบวิบวาว อยู่เบื้องล่าง.. ดวงตะวันสีส้มสุกดวงโต กำลังใกล้จะทายทักผืนน้ำตรงรอยตัดเส้นขอบฟ้า ลมพัดทิวสนเหนือหาดทรายเสียงซู่ซู่.. ผมรู้สึกสุขสงบใจอย่างเหลือเกิน ผมเพลินนอนเงียบ ไร้ความคิดใดใด นอกจากผสานจิต ให้เป็นหนึ่งเดียวกับสายลม แล้วพัดผสมพร่างพราย...ไปจน...*สุดปลายสายรุ้ง* และณ..ที่นั่น ในฝัน..ในนิมิต ผมเห็น.. ผู้หญิงดวงหน้าเศร้าสร้อยราวลอยคว้างในท่ามกลาง ม่านหมอกที่ราวสายไหม*ในเกลียวฝันสีทองงามผ่องผุด* เธอคนดีค่อยๆคลี่ยิ้มหวานๆละมุน.. และ หากผมมองไม่ผิด ผมเห็นหยาดน้ำค้างพิสุทธิ์พราว ราวประกายมุกกลางเรียวตาเธอ ที่กำลังพร่างพรายราวสายฝน... นาทีนั้น.. ผมคิดว่านั่นละหรือคือนางฟ้า..นางในฝัน.. นี่หรือเปล่าเล่าสวรรค์!..สวรรค์..! แล้วทำไม..! นางฟ้าคนนั้นถึงต้องร้องไห้..ร้องไห้ด้วยเล่า ให้หัวใจ..ผม... กำลังถูกบีบคั้นอย่างหนักหน่วง กับภาพฝันตรงหน้า กับใบหน้างามโศก ที่ราวกำลังอ้อนโลกทั้งโลกให้หยุดหมุน และ ให้ใจผมราวอยากหยุดหายใจ.. ในฝัน...! ผม..ค่อยๆเอื้อมมือแข็งแรงออกไป หวังไขว่คว้า... โอบกอดร่างเธอไว้อย่างอ่อนโยนทะนุถนอม และ.. จะค่อยๆใช้มือสากๆค่อยๆประคองเช็ดหยาดน้ำตา ให้อย่างละมุนละม่อมเบามือ เท่าที่หัวใจดวงใสดวงซื่อดวงนี้ ที่แสนรัก..แสนสงสารเธอเสียเป็นยิ่งนักแล้ว..จะทำได้.. แต่.. ทันที..! ที่มือผมกำลังไล้ลูบบนใบหน้าเรียวละมุนนั้น..! ราวเกิดมหัศจรรย์รัก ปาฎิหารย์รัก..!!!!!!! เกลียวฝันสีทอง ที่ล้อมวงหน้างาม ก็พลัน...! ค่อยๆหมุนคว้างแรงขึ้น เร็วขึ้นๆๆ...!!! จนเกิดประกายพร่าง.... จรัสเรืองแสง.. ราวสีรุ้งหลากสีมณีหลากดวง พุ่งพรายฉายฉานออกไปรายรอบทิศทาง ไสวสว่างราวแก้วใสกระจ่าง ราวกาแลคซี่ในเวิ้งจักรวาล กำลังพร่างงามแตกดอกดวงช่วงโชติชัชวาล!!! ให้ผมตะลึงตะไล ไปกับภาพงามแสนงามตรงหน้า ที่แสนตระการตาตระการใจ ที่แสนยิ่งใหญ่ในความรู้สึกพรึงเพริศอย่างยากยิ่งที่จะอธิบาย! ............. แล้ว.......... ทุกอย่างในเวิ้งฝัน ก็ค่อยๆพลันจางหายไป....หายไป..หายไป... พร้อมกันกับ ที่ผมลืมตาตื่น เมื่อถูกปลุกด้วยเสียงฝีเท้า ของใครบางคน ที่กำลังก้าวย่ำทราย ผ่านเปลที่ผมนอนไปอย่างช้าๆ...ช้าๆ พร้อมกับกลิ่นหอมดอกไม้ไทยที่ผมแสนรัก..ลั่นทม! ผมค่อยๆเผยอตัว พยายามลืมตาขึ้นมา พร้อมกับแสงตะวันสีทองส่องแยงตา ที่ทำให้ผมต้องค่อยๆตะแคงร่างเบือนหน้าหนี และ... นะบัดนี้ เมื่อแหงนเงยหน้าขึ้น จะเห็นดวงดอกลั่นทม กำลังค่อยค่อยปลิดปลิว ลิ่วฟ้อนอ้อนสายแสงสีทองสุกจัด ระบัดไหวไปกับสายลมอ่อนอ่อนในยามค่ำ และ กับพรายตะวันรอนรอนยามสนธยา ที่ตะวันดวงเหว่ว้าดายเดียว กำลังค่อยๆ..จ่อมจมลงบนผืนน้ำ และ กับหอมงามหอมหวาน ของดวงดอกไม้แสนเศร้า ราวอาลัยอาวรณ์ออดอ้อน พร่างพรมลงบนลานฝัน..ลานลั่นทม.. ผม..ลุกขึ้นจากเปล และ.. พาร่างเดินทอดน่องไปทางโขดหินเนินผา ที่เคียงทะเลตรงหน้าอยู่ไม่ไกล ไปทอดทัศนา ความงามของสายแสงสุริยา ที่แสนงดงาม ยามตะวันลา ตะวันลับฟ้า ด้วยความซึ้งเศร้าใจ ในแสงสุริยาแสนสวย ที่กำลังทอทาบ อาบผืนน้ำทะเล..ราวทองทา! ผมทรุดตัวลงนั่งเหนือเนินผา ที่กำลังถูกคลื่นถาโถม ซัดกระหน่ำจนแตกฟองฝอย ก่อนจะกระแทกตัวทะยอยกระสานซ่านเซ็น กระเด็นละอองไอเค็มเคลียร่างผม ที่นั่งแสนชิดใกล้หาดทรายกับเกลียวคลื่นสีทอง ที่ราวพลีร่ำร้องไห้ไปพร้อมกับตะวันลา และทำไม.. ผมยังได้กลิ่นดวงดอกลั่นทม อวลหอมเศร้าตามลมมาถึงนี่ได้เล่า ช่างแสนจะน่าแปลกใจ และ ทำให้ผมต้องหันไปหาที่มาแห่งกลิ่นนั้น แล้วพลัน..! ผมก็เห็นร่างงามของใครคนหนึ่ง...! ที่นะบัดนี้ ยามเมื่อ.. เธอค่อยๆหันเรียวหน้ามา และกับ เสี้ยวแสงแห่งตะวันลาอันอบอุ่นอ่อนหวาน ที่ กำลังแตะแต้มเรือนผมและใบหน้า ให้พร่างกระจ่างเรืองรอง ราวหิ่งห้อยนับร้อยพันเกาะพรายพร้อย... และ ราวกับทำให้ โลกฝันและโลกจริง กำลังเลื่อนลอยลงมาตรงหน้าผม ซ้อนทับกันสนิทเป็นหนึ่งเดียว เมื่อ ผมเหลียวหันไปมองจ้องภาพนั้น อีกทีและอีกที...! อย่างที่..แทบทำให้ผมลืมหายใจ และ ราวต้องมนต์ให้จังงัง..นิ่งงัน งุนงงอีกคราครั้ง ราวกับ.. เมื่อยามย่ำสนธยา ที่ ผมเพิ่งงีบฝันผ่านมา..ในนาทีเมื่อครู่นี้ และ.. กับนาทีนี้ ที่ผมคิดว่าโลกตรงหน้า ราวกับว่า กำลังหยุดหมุนแล้วจริงๆ เมื่อ ใบหน้าสวยสงบงามเศร้านั้น หันมาสบตาผม..! และ เมื่อผมเห็นหยาดน้ำนัยน์ตาเธอ กระทบลำแสงสุริยาสุดท้าย ที่ก่อให้เกิดประกายเลื่อมพรายประภัสสร สะท้อนวะวาววับ ราวกับหยาดเพชรน้ำงาม ราวกับหยาดน้ำค้างแก้วที่ กลิ้งบนในบัวในยามต้องแสงยามอุษาสาง ผม..เห็นดวงดอกลั่นทม สีขาวดอกใหญ่งามพราวพร่าง ที่ทัดผมเคลียแก้ม.. ยิ่งทำให้หัวใจผม.. ราวต้องมนต์ราวละเมอ และ เมื่อเห็นภาพเธอคนดีคนงาม นางฟ้านางใจนางในฝัน.. และ กับดวงดอกไม้แห่งความเศร้านั้น ลั่นทม..ลั่นทม..ลั่นทม.. ที่นะบัดนี้! พลัน... ค่อยๆหมุนคว้างอย่างช้าช้า... ช้าช้า.. และ ค่อยๆ..หมุนเร็วขึ้น..เร็วขึ้น.. และเร็วขึ้น.. ให้ หัวใจผมราวฝันไปอีกรอบอีกหน แบบไม่อยากตื่นมาทนรับรู้รับทราบ ความจริงบนโลกโศกสุขนี้อีกต่อไปเลยแล้ว ขอเพียง ให้ดวงจิตดั่งดวงดวงแก้วใสกระจ่างของผม.. ได้เพริศแพร้วกับมหัศจรรย์แห่งรักนี้..ที่รอคอย ไปตราบชั่วกาล..... นานแสนนานตราบชั่วนิจนิรันดร...!! .............. http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song129.html หยาดน้ำฝน หยดน้ำตา หยาดน้ำจากตา นางฟ้าที่ตรมอารมณ์ หลั่งความขื่นขมที่ถมอยู่ใน ใจตน หยาดย้อยจากปรางสวรรค์เบื้องบน สู่กลางแก้มดินในฐานถิ่นคน นั้นคือหยาดฝน ฉ่ำใจ สาดสายพร่างพรายพรมผืนไร่นา แนวเนิน ป่าดอนโขดเขินคลองขลุงทุ่งหนอง นองไป หล่อเลี้ยงพืชพันธ์ มีผลดอกใบ โลกเคยหลับไหล พลันฝืนตื่นใจ สวยงามสดใส จริงเอย ทอแสงทองอาทิตย์ทาบทา พลันน้ำตานางฟ้าระเหย เป็นละอองไอน้ำอย่างเคย ถูกลมรำเพย พัดเลยลอยวน หยาดน้ำจากตา นางฟ้าที่ตรมอารมณ์ ฝากมากับลมเป็นฝนพร่างพรม ใจคน แต่น้ำจากตาตอนช้ำกมล ที่เราหลั่งลอย ระเหยกี่หน ถึงกลายเป็นฝน ฉ่ำใจ ทอแสงทองอาทิตย์ทาบทา พลันน้ำตานางฟ้าระเหย เป็นละอองไอน้ำอย่างเคย ถูกลมรำเพย พัดเลยลอยวน หยาดน้ำจากตา นางฟ้าที่ตรมอารมณ์ ฝากมากับลมเป็นฝนพร่างพรม ใจคน แต่น้ำจากตาตอนช้ำกมล ที่เราหลั่งลอย ระเหยกี่หน ถึงกลายเป็นฝน ฉ่ำใจ...
7 มีนาคม 2550 17:45 น. - comment id 667256
มงกุฎเศร้า....... ครองความเหงาเป็นเทพีที่อับโชค ใครนะช่างสร้างเศร้าเหงาหงอยโศก เคียงคู่โลกใบนี้ได้ดีจัง.