เพลง..พะงัน..!

พุด

V226760_RCJ58.jpg
http://www.salathaila.com/kacykabtale.html
บทเพลงทรายกับทะเล

ค่ำคืน..นี้
ทะเล...เดินไปเด็ดดวงดอกไม้ไทยรายรอบเรือนจำปี
มีลั่นทม พุดซ้อน อรชรอ้อนใจ
เข็มขาว
ที่กำลังชูช่อไสวพราวนวล..แน่นกองาม
มาสามสี่ช่อดอกดก
แล้ว..
ค่อยๆละเมียดละไม
จัดแบ่งใส่เหยือก..เหลือง..ขาว..แดง..สามสี
แล้วนำไปวางไว้ตามมุมต่างๆของวิมานดิน
ให้...กลิ่นหอมหวานอวลพร่าง

ในท่ามราตรี..
ที่นวลจันทรากำลังลอยหน้าหวานบานแจ่มแย้มยิ้มอย่างใจดี
พลีปลอบประโลมใจมวลมนุษย์ทั้งโลกหล้า
อยู่บนท้องนภา..ฟ้าสีกำมะหยี่ 
และในท่ามราตรีที่แสนสงบสุขเงียบงันเสียเหลือเกิน


หูได้ยินเสียงเพลง
 *ทะเลทะเล*หลากหลายบทเพลง
ที่ร้องกับเพื่อนๆเมื่อคืนนี้
แว่วมาในมโนนึก 
ให้..
รู้สึกคิดถึงทุกๆคนที่เพิ่งพานพบกัน
และ..
ต่างจำพรากจากลากันไปอีกหน
ตามหนทางแห่งชีวิตเส้นทางแห่งชีวิต
ที่พรหมลิขิตสวรรค์บันดาลให้ไปรับภาระหน้าที่ต่อแผ่นดิน
คนละมุมของประเทศอย่างแสนน่าภาคภูมิใจ

http://www.salathaila.com/kacykabtale.html
ทรายกับทะเล
จะเหนื่อยเพียงไหน จะทุกข์เพียงใดโปรดรู้ 
ตรงนี้ยังมีฉันอยู่ พร้อมจะดูแลหัวใจ 
หากมรสุม จะทำเธอเหน็บหนาวใจ 
พายุจะแรงแค่ไหน จะคอยอยู่ข้างเคียงเธอ 
หากมีวันไหน ที่เธอไปไกลจากฉัน 
ในหัวใจไม่เคยหวั่น และจะคอยเธอย้อนมา 
ก็ใจมันรู้ คลื่นลมจะคอยพัดพา 
คอยซัดทะเลเข้าหา หาดทรายแห่งนี้ดังเดิม 
คือผืนทราย ที่โอบทะเลไว้ 
จะวันใด มั่นคงเหมือนดังที่เป็น 
อยู่เคียงข้างเธอ ใจไม่ไหวเอน 
และยังคงชัดเจน อย่างนั้น 
หาดทรายยังสวย รายล้อมทะเลด้วยรัก 
คงไว้ด้วยใจแน่นหนัก ไม่หวั่นยามพายุผ่าน 
จะมีเพียงฉัน และเธอตราบนานเท่านาน 
มีรักในใจผสาน ดั่งทรายอยู่คู่ทะเล 
หาดทรายยังสวย รายล้อมทะเลด้วยรัก 
คงไว้ด้วยใจแน่นหนัก ไม่หวั่นยามพายุผ่าน 
จะมีเพียงฉัน และเธอตราบนานเท่านาน 
มีรักในใจผสาน ดั่งทรายอยู่คู่ทะเล 
(จะมีเพียงฉัน และเธอตราบนานเท่านาน) 
มีรักในใจผสาน ดั่งทรายอยู่คู่ทะเล.
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song2461.html
ทะเลไม่เคยหลับ ดิอิมพอสซิเบิ้ล 
มอง ซิมองทะเล
เห็น ลม คลื่นเห่จูบหิน
บาง ครั้งมันบ้าบิ่น
กระแทก หินดัง ครืน ครืน
ทะเล ไม่เคยหลับไหล
ใครตอบ ได้ไหม ไฉน จึงตื่น
บาง ครั้งยังสะอื้น ทะเลมันตื่น อยู่ร่ำ ไป
ทะเล หัวใจของเรา
แฝง เอา รักแอบเข้าไวั
ดู ซิเป็นไปได้ ตื่นใจเหมือนดัง ทะเล ครวญ
ยาม หลับไหล ชั่วคืน
ก็ถูก คลื่นฝัน ปลุกฉัน รัญจวน
ใจ รักจึง เรรวน
มิเคย จะหลับ เหมือนกับ ทะเล
ทะเล หัวใจของเรา
แฝง เอา รักแอบเข้าไว้
ดู ซิเป็นไปได้ ตื่นใจเหมือนดัง ทะเลครวญ
ยาม หลับไหล ชั่วคืน
ก็ถูก คลื่นฝัน ปลุกฉัน รัญจวน
ใจ รักจึง เรรวน
มิเคย จะหลับ เหมือนกับทะเล... 
 
 

ทะเลโอบไหล่เพื่อนรัก ด้วยใจดวงที่ตระหนัก
ถึงเนื้อแท้แห่งความเมตตาโอบเอื้อ 
ที่เรามีกันและกัน
และต่างพันผูกกันมาตั้งแต่ยามวัยเยาว์
ด้วย...
บทเพลงแห่งบ้านเรา
หาดทรายสายลม แสงแดดและเสียงคลื่นทะเล
ที่กล่อมเราทุกคนให้นิทราฝันดีเสมอมา
และ..
จักนานเนาเป็นเช่นนั้น
ตราบจนชั่วนิจนิรันดร นะทุกเพื่อนรัก..!
...............................................


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song34.html
พรานทะเล 
ชีวิตที่คร่ำ กลางน้ำเวียนวน
ลอยล่องกลางชลไม่พ้นทนไป
อยู่กับเรือเบื่อใจ ผองพรานทะเลเร่ไป
อยู่ห่างไกลกลางสายชล
มองน้ำตรงหน้า จรดฟ้าไกลไกล
ว้าเหว่ดวงใจไม่เห็นผู้คน
คลื่นและลม สู้ ทน ทุกข์ใจปานใดไม่บ่น
สู้แดดฝนลำบาก กาย
อยู่หว่างทะเล นาน นาน
ท้องเรือเป็นบ้าน ท้องธารเรือนตาย
สิ้นชีพสิ้นชนม์ เคราะห์ร้าย
ศพฝังโดยง่าย ฝากเอาไว้ใต้ คงคา
เพียงเห็นริมฝั่ง สักครั้งดีใจ
มาบกทีไรให้แสนปรีดา
ใกล้แผ่นดิน เข้า มา
เหมือนมีวิมานตรงหน้า
ปลื้มหนักหนา แทบจูบดิน
อยู่หว่างทะเล นาน นาน
ท้องเรือเป็นบ้าน ท้องธารเรือนตาย
สิ้นชีพสิ้นชนม์ เคราะห์ร้าย
ศพฝังโดยง่าย ฝากเอาไว้ใต้ คงคา
เพียงเห็นริมฝั่งสักครั้งดีใจ
มาบกทีไรให้แสนปรีดา
ใกล้แผ่นดินเข้ามา
เหมือนมีวิมานตรงหน้า
ปลื้มหนักหนาแทบจูบดิน... 
 

V262812.jpgแม่ดอกผักบุ้งทะเลเหว่ว้าใจ!

http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song251.html
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song152.html
เดียวดายปลายโลกร้าง! พุดพัดชา 
ฉันนั่งรอเธอเดียวดายที่ปลายโลก
หลบมุมโศกเหลือมุมใจเพียงในฝัน
รักและรอ รอและรัก ชั่วกับป์กัลป์
หลับตาฝันฉันมีเธอในอ้อมใจ...
ที่ปลายโลกไยโศกเหมือนร้างไร้
มันคล้ายคล้ายตะวันลาราตรีไหน
มีเพียงฝันวันแสนงามไว้ปลอบใจ
คำหวานใดก็ลมลมตรมน้ำตา...
ฉันเดียวดายคล้ายโลกนี้เล่นตลก
และเหมือนนกปีกหักใจอ่อนล้า
อยากคืนหลังจูบผืนทรายใกล้ธารา
และซบหน้าหมายมาดสวาทไกล...
ตะวันตกดินถวิลรอที่บ้านเก่า
รอคนเหงาซับน้ำตาอย่าร้องไห้
อีกไม่นานได้คืนร่างหลับสบาย
ให้เม็ดทรายคลื่นทะลเห่กล่อมขวัญนิรันดร!
......................


http://thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_41827.php
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song161.html
......................
คิดถึงบ้าน
คิดถึงแม่
คิดถึง....
น้ำทะเลสีน้ำทะเล
ไล่โทนสีน้ำเงินสดกระจ่าง
เขียวเทอควอยซ์เขียวมรกตเขียวสดเขียวใสเขียวไพลเขียวพร่าง
ไปทางน้ำเงินหลากโทนหลากสีที่ไล่ไล่ลงมาให้งามตาน่าดูน่าชม


คิดถึงหาดทรายสะท้อนแดดเป็นสีเงินยวงวะวาววับ
รับกับท้องฟ้าสีเงินจัดจ้ากระจ่างใสในวันที่ฟ้าสีสดใสสดสวย
แกมด้วย..
ลมทะเลพัดไกวไหวกิ่งมะพร้าวโบกโบยสะบัดพัดพลิ้วราว
กวักมือเรียกหาเธอทุกดวงใจ
ให้มานอนในเปลยวนใต้ร่มเงาต้นทองหลางร้างไร้ใบ
ที่มีแต่ดอกแดงพร่างกระจ่างใจเสียไม่มี


คิดถึงลั่นทมไหวกอระทมช่อพราวกิ่ง
บนเชิงชะง่อนผาภูสูง
ที่มีหินลาดชันกว้างไกลให้เห็นท้องทะเลไกลรอบทิศ
กับ
ดงมะพร้าวละลิบอยู่เบื้องล่างนับหมื่นนับแสนต้น
ที่ทะเลจะพาดวงใจดวงเล็กเล็กดวงน้อยน้อยหนีความสับสน
ไปนอนอ้อยสร้อย 
นอนหลับบนผาโดดเดี่ยวเดียวดาย ตั้งแต่ยามเยาว์
เป็นความเหงาที่สร้างสงบสุข ลึกล้ำดำดื่ม
ผิดแผกแตกต่างดวงใจเด็กไหนใครอื่น..

บางครั้งยามสนธยาเย็นย่ำ ทะเลจะเฝ้านั่งรอดู
พระอาทิตย์จากบนภูผานี้ 
ที่จะเห็นทะเลไกลตรงหน้าไร้สิ่งใดกีดขวาง
รอแสงงามสายทอง
จะทอทอดทาบอาบไปทั่วทั้งผืนน้ำทะเล..

และแลราวเกาะมหัศจรรย์รายรอบถูกโอบกอด
ด้วยเงื้อมงามแห่งหัตถาสวรรค์สรรเสกหวานสล้างเสลา..
พร้อมเพราด้วยเมฆสลับสล้างพร่างสีพริ้งพรายพรรณ
เฉิดฉันท์พราวละออง ผ่องชมพูสลับเทาทอง ซ้อนทับสลับเหลืองละออ
ราวสายหมอกสายเหมยสายไหมสายไยฝัน
ที่กวีร้อยพันก็มิอาจสลัดฝีแปรงมาเทียมเทียบแย่งพรสวรรค์
จากจิตรกรแห่งเงื้อมเงาธรรมชาติวาดเวิ้งงามไปได้..

ทะเล..จะไม่มีวันลืมคืนฝันวันงามเหล่านั้น 
ทะเลหวงแหนพะงันงามในมโนนึกทุกนาที
และ
ยังโชคดี 
ที่ทะเลมีที่ดินผืนงามสล้างไศลเนิน
ให้ฝากฝังร่างยาม  ดาวดวงแห่งชีวีถึงเวลาจำพรากจากลา 
เลยลับดับดวง กลับคืนกลับเป็นหนึ่งเดียวกับผืนดิน 
ยามสนธยาแห่งชีวินสิ้นวันสิ้นไร้ห่วงใดใด
และไม่ว่าเกิดชาติไหนๆ
ดวงใจทะเลก็จะสถิตแนบเนานวลนึกกลับ
มานอนนับดาวเดือน
ฟังเสียงคลื่นพ้อล้อพรายฝั่งนะริมฝั่งฝันแห่งนี้..

ฟังเสียงนกไพรละเมอครวญหวนไห้ละห้อยหา
กลางพงไพรพะงันงามนามเพราะ
ที่แวววับจับกลางดวงจิตกลางดวงใจ
กลางวิญญาณใสใสดวงนี้ มีมีเสื่อมสลายลา...


ทะเลคิดถึงดงมะพร้าวซ้อบซบไสวที่ยามนี้คงโอนเอนไหว
พ้อพร่างพรายทายท้าลมพายุแรงฤดูเดือนสิบสอง
ที่น้ำทั้งในทะเลและลำธารจะนองเนือง
จากเทือกเขากลางไพรพะงัน 
ละหลั่งลงมาสู่ท้องธาราทะเลกว้าง..


ดังสายน้ำไม่ไหลกลับลับล่วงควงพลิ้ว
ไปสู่ท้องทะลใหญ่
ที่รอรับรักร้างอย่างสงบเงียบงาม...อย่างเข้าใจ
พาสู่มหาสมุทรใหญ่มหาสมุทรใจแห่งโลกมนุษย์นี้
ที่มากมีมากมายอารมร์ถมเท่าไรมิรู้จบรู้สิ้น
ได้แต่ถวิลรองรับอย่างเดียว..

เกลียวเอ๋ยเกลียวแห่งสายชลวนว่อง
ท่องทุกหนห้วยละหาน...
จนกว่าจะท่องฝ่าธารธรรมน้อมนำใจให้หลุดพ้น..
วังวนกรรมรักภักดีพลีมั่นอันโง่งมงาย
มิวายเวียนวนหลุดพ้นยากยิ่งนักแล้ว..นะดวงแก้วดวงใจ


และคิดถึง
ยามที่เรานุ่งผ้าถุงทำเป็นลูกโป่งลอยประหนึ่งชูชีพน้อยๆ
แบบธรรมชาติๆดิบเดิมของเด็กบ้านนอกคอกนาราคาไม่แพง
 และ
ไม่ต้องแย่งกันเล่นน้ำในสระเทียม
ที่ต้องจ่ายเงินงามๆ
ถึงจะได้ว่ายตามๆกันไป 
กินน้ำลายใครต่อใครที่ลอยฟ่องบางครั้งบางหน..
สำหรับเด็กบ้านนอกคอกนาอย่างเราเรา
ทุกชั่วโมงฟรีพลีตลอดกาลตลอดวัน..

เรามีสไลเดอร์ธรรมชาติ
คือเส้นทางลดเลี้ยวเคี้ยวคดสองข้างลำธารสายสวยสายใส
มีตอไม้หรือไม่ก็เถาวัลย์
ให้ท้าประลองจนปากช้ำปากเขียว
เพราะเล่นหวาดเสียวนานไป
จนบางทีปากไปกระแทกเข้ากับกอไม้ใหญ่
ที่เราพยายามแสดงอภินิหารย์ใจกล้า
คว้าไว้ใช้ห้อยโหนโจนทะยานยึดไว้มิให้กระแสน้ำหลาก
ลากตัวเราลอยละล่องละลิ่วลงไปไกล
ถึงทะเลใหญ่ลึกล้ำดำมืดน่ากลัว
ที่รอรับรอร่างอยู่ปลายทาง.....

เมื่อมองย้อนภาพหนหลัง..
ภาพเด็กผู้หญิงหน้ากางยิ้มหวานกลางผ้าถุงพริ้มเพรา
หัวเราะเบิกบานเริงร่าไร้ทุกข์ร้อนอนาทรสิ่งใดใด
แม้หัวใจและครอบครัวจะทุกข์ทนยากไร้ร้าง
ห่างจากโลกวัตถุแสงสีศิวิไลซ์ไกลปีนเที่ยง
 กลางเกาะงามเงียบพะงัน.ลำพัง...

และมิเคยที่หัวใจดวงนี้จะหวาดหวั่นหวาดกลัว ต่อสิ่งใด
ราวกับใจดวงงามได้รับการหล่อหลอมกล่อมเกลี้ยง
จากมวลสรรพสิ่งที่นิ่งงามเงียบรายรอบ
ให้น้อมรับวิถีไพรวิถีใจอันร้างไร้
จากดวงดาวยามค่ำพรายพริบฟ้า 
จากเหว่ว้ายามสนธยา
ยามสุริยาลาลับฟ้าอ้อนอำลาไปกับผืนฟ้าผืนน้ำทะเล...ที่ละนิดละน้อย
เป็นยอดสร้อยหอมงามแห่งธรรมชาติมา..ทายทัก
ให้เรียงร้อยเรียงรักถักถ้อยเป็นสร้อยโซ่ฝันรัดรึง
ประดับตรึง.. งามในคะนึง...ล้ำค่า 
ดั่งสร้อยเพชรพร่างสว่างกลางใจ..
ที่มิมีผู้ใดอาจเอื้อมมาขโมยไปจากใจเราได้เลย..

ขอบคุณ..หาดขาว ดาวสวย 
แดดกล้า  พายุไหว 
ท้องทะเลกว้างไกลลิบหล้า
พาให้ดวงใจมีจินตนาการไกลตาม
ขอบคุณงามแห่ง ทิวมะพร้าว
ขอบคุณน้ำใจพิสุทธิ์ใสน้องพี่
ที่รู้รักอภัยแบ่งปันทั้งคืนฝันวันดี..มีน้ำใจให้แก่กัน..

ให้เป็นพลังหล่อหลอมย้อมเนื้อดวงใจให้กล้าแกร่ง แฝงอ่อนโยน
สร้างเนื้อใจให้ละมุนละม่อมน้อมรับธรรมชาติ
มาตั้งแต่อ้อนแต่ออกบอกใครในงามดวงใจนี้
ที่ไม่มีใครหยั่งรู้หยั่งเห็นงามตามที่นึกคิดในกมล..
เป็นพลังหวานเรื่อยระริน
ที่มวลพลังธรรมชาติทั้งสิ้นรายรอบ
จากเกาะที่เป็นคำดั่งตำนานค่าล้ำคำไข่มุกงามกลางอ่าวไทย
ที่พระเจ้าเบื้องบนนำมามอบเสกสรร
นำมาแบ่งฝันปันใจมอบให้มวลมนุษยโลก..

หรือจากกุศลกรรมกาลแต่ปางก่อนเก่า
ที่ทำให้เราแสนโชคดี
ได้พบแย้มยิ้มพร้อมพลีดีใจภาคภูมิยิ่งนัก
กับหัวใจดวงรักดวงร้าวดวงเศร้าดวงหวานไหวละไมละมุนนี้ 
ที่มิยอมแลกด้วยน้ำเงินแม้กองนับล้าน
ก็จักมิหาญมิขายให้ใคร
และ..
ภาวนาขอทุกภพทุกชาติไป
จะสุขเศร้าใจจะไหวครวญช้ำกับเพรงกรรมเพลงกาล
เพลงไร้หวานรักร้าวสักเพียงไหน
จากเนื้อใจคนคนมากมายมากมี
ที่ไม่เข้าใจมากระหน่ำซ้ำซัด
ก็จักมิยอมแลกใจดวงนี้ 
ที่พร้อมพลีจะยอมรับเพรงกรรรม มิไหว้วอนผู้ใดเลย..

หัวใจสาวชาวเกาะหรือสาวบ้านนา
ที่บางคนทายท้าด้วยความไม่เข้าใจว่า..
เกาะมหัศจรรย์นั่นละหรือมี..ท้องนา..
ป่าเขา ลำเนาไพร มีกล้วยไม้ใไพรในดวงใจหนึ่งเดียว..
นามมงกุฎไพรที่หอมงามกระฉ่อนไปทั้วโลก
ขึ้นท่ามกลางป่าดงดิบ..เทือกเขาไพรพะงัน
และ..

โอ้ละหวา อยากร้อง..ดังดัง
แล้วบอกว่าหากยังมีชีวา
จงพาร่างไปพบเกาะสวาทหาดสวรรค์
เกาะแห่งมหัศจรรย์รัก..
ที่คนทั่วโลกพากันกล่าวขวัญแห่กันมาทายทัก
*พระจันทร์ดวงงามที่สุดในโลก*
ตามคำร่ำลือตามคำเขาว่า
จนกว่าจะทอดทัศนาด้วยดวงตาตนเองให้ชื่นฉ่ำใจว่า..

พระจันทร์งามพิลาสพิไลสวยบาดใจสุกปลั่ง
ราวส้มสุกสีทองดวงใหญ่ใบเท่ากระด้งนั้น
ราวสวรรค์บันดาลบันดลให้ได้คอมโพสสิชั่น
ให้ค่อยค่อยโผล่พ้นน้ำทะเลเขียวมรกตขึ้นกลางอ่าวงาม..นามหาดริ้น
ที่ทรายละเอียดราวแป้งนวลนุ่มหยุ่นเท้า
ยามได้ลอยเลื่อนเต้นรำ ราวฟลอร์สวรรค์
ฟลอร์ระยับประดับด้วยกลีบดอกไม้ฟ้าประทาน
ทุกย่างเท้าราวลอยเลื่อนละลิ่วละล่อง
กลางฟองฝอยเมฆหวานม่านหมอกมนตรา
รองรับ นางฟ้านางสวรรค์
ที่พากันมาเฉลิมฉลองแลกสุขหมดทุกข์ใจ


ทะเลคิดถึงดงมะพร้าวซ้อนซบไสว
ที่ยามนี้คงโอนเอนไหวไกวกราวกราว
พ้อพร่างพรายทายท้าลมพายุแรงฤดูเดือนสิบสอง
ที่น้ำทั้งในทะเลและลำธารจะนองเนืองๆไหลละล่องลงมา
จากเทือกเขากลางไพรพะงัน ..

ทะเลฝันเห็นดอกจิก
ต้นไม้แห่งความฝันวันเยาว์ยังยืนต้นหวาน
หว่านโปรยปรายสายสวยชมพูพร่างดอกกระจิ๊ดนิดน้อย
ลอยคว้างอย่างอ้างว้างลงกลางสายชล
 ค่อยๆลอยละล่อยหมุนวนควะคว้าง
อย่างดายเดียวราวเกลียวรักเกลียวสวาทที่มิอาจหวนคืน..

ดังสายน้ำไม่ไหลกลับล่วงลับ
ลาร่วงควงพลิ้วไปสู่ท้องทะลใหญ่
ที่รอรับร่างรักร้างอย่างสงบเงียบงามอย่างเข้าใจ
พาสู่มหาสมุทรใจแห่งโลกมนุษย์นี้
ที่มากมีมากมายอารมณ์
ถมเท่าไรมิรู้จบรู้สิ้นได้แต่รองรับอย่างเดียว
เกลียวเอ๋ยเกลียวแห่งสายชล
จนกว่าจะวนว่องท่องธารธรรมน้อมนำใจให้หลุดพ้น.
วังวนวนกรรมรักภักดีพลีแล้วที่ไม่ได้ดั่งหวังดั่งใจ....

คิดถึงต้นเต่าร้าง..
เด็กเล็กเด็กน้อยตีนเท่าฝาหอยคงงง 
ต้นอะไรชื่อประหลาดราวกับว่าจะมีเต่ามาวางไข่แล้วราร้างห่างหายไป 
จะเป็นเฉกนั้นหรือไม่ ทะเลก็ยังไม่ได้สืบค้นหาตำนาน
เอาเป็นอันว่าเรียกเต่าร้าง ว่างๆไว้ก่อนละกันนะ
ต้นเต่าร้างนี้จะมีลักษณะทางพันธุกรรมไซร้
จากการให้นิยามของ..ทะเลนักพนา..สมัครเล่นไว้ดังเช่นเฉกนี้นะคะ..

คือเหมือนกอจันทร์ผา
แต่ทว่าใบจะมีหนามยาวเรียว
 และลูกพร่างสีส้มแสดแดงแรงร้อนเร่าเหลือบล้ำชมพู
ดูสลับสล้างพร่างเฉดสีสดราวสัปปะรดพันธุ์หนึ่งประมาณนั้นค่ะ
และ..

วันดีคืนดีทะเลจะไปยิงภาพมาให้ 
หากน้องชายทะเลยังมิฟาดฟันทิ้งไปตามคำสั่งของพี่คนนี้
ที่อยากกราบกราน ทุกบังกาโลว์
ให้สงวนพันธุ์ไม้งามใบเรียวหนามแหลม  ลูกดก
ที่งามประหลาดล้ำในคลองตาคลองใจ
ของสาวทะเลคนช่างฝันพิลาส   คนนี้นะคะ 
เก็บสงวนพันธุไม้ให้มลังเมลืองประเทืองฝันประเทืองงาม
ประดับเกาะมหัศจรรย์ของสาวทะเลไพรพงพะงัน
 มิให้ฝันร้ายโค่นจนตายเหี้ยนคามือคัน..
ให้มันคงมั่นแสนงามไปชั่วกาลคู่เกาะแบบฟอร์เอฟเวอร์..นะ..

คิดถึง..ต้นทองหลาง
สลัดใบควะคว้างกลางพื้นกราวเกลื่อน
เหลือสล้างพร่างพราวด้วยดอกดวงสีแดงแปร๊ดจัดจ้า
ตัดกับฟ้าสีน้ำเงินใสกระจ่างสดชื่นสว่างตา
พาบานเบิกใจเสียไม่มี..

และหากเรานี้นั่งเรือลำน้อย
หรือเรือเฟอรี่ลำเท่ายักษ์เท่าบ้าน
วิ่งฝ่าทะเลเงินงามน้ำกระจายเข้ามาหาฝั่งฝัน
พลันจะเห็นงามไสวจรัสใจนั้น
ให้โดดเด่นพราว ราวภาพฝันของจิตรกรเอก
เสกสลัดฝีแปรงฝากงามไว้ให้ประจักษ์แก่ตา
อย่างมิมีวันอยากลาอยากลืมเลือนเลยเชียวนะจะขอบอก..

คิดถึง..ต้นมะม่วงหิมพานต์ที่ป่านนี้
ทั้งดวงดอกคงหอมพราวพร่าง
เม็ดสล้างคงห้อยย้อยโผล่พร้อยพลอมแพลม
แทงออกมาเป็นเม็ดอ่อนอ่อน
ก่อนกลายเขียวใสไปถึงเขียวแก่ 
และดำเมื่อแก่จัด
รอเก็บลงมาปลิดตากแดดให้แห้งดี
 แล้วทำตามกรรมวิธีพื้นบ้าน..ใส่กาละมัง
สังกะสี ที่ใช้ทางมะพร้าวมัดจุดไฟคั่ว
จนกว่าไฟจะลุกไหม้ยางทุกเม็ด ให้ดำสนิท
แต่ไม่นานนักอย่าพักให้ไหม้กลายเกรียม
เสียก่อนจะนำมาทุบปอก  ถลอกเปลือกกิน  แล้วขม....

คิดถึง..ระฆังหง่างเหง่งวังเวงแว่ว
ก้องสะท้อนสะท้านหวานแว่วแผ่วเศร้าไปทั่วทั้งราวไพร
กลางไกลหุบเขาที่ราวกับเมืองสวรรค์
บนผาเนินสลับสล้างในดงไม้รำไรเขียวไพลพร่าง
เจดีย์ทองผ่องผุดบนภูสูงที่โผล่พ้นทิวไม้
ในฉากสลัวเรืองราง..
งามท่ามกลาง
ม่านเมฆราวเมืองแมนแดนย่ำสนธยาต่อราตรี.....

และสุดท้าย ท้ายสุดของเรื่องประเทืองประทับใจ
คิดถึงแม่ดอกผักบุ้งทะเล.
นางเอกแสนหวานอรชรบอบบางม่วงละมุนละเมียด
ราวเนื้อสาวเนื้อละเอียดละออที่ทอทอดยอดทายทัก
เบียดเลื้อยประดับหาดทรายขาวยาวเหยียด
ให้พร่างสีสวยใสไสวหวาน..
ปานดอกเยาว์แย้มบานรอรุณรุ่งรางน้ำค้างหอมหอม..

ทะเล..ขอจบเรื่องหวานบานเบิกใจ
ไม่บวกรานร้าวเศร้าใจให้มากมายนะคราวนี้นะคนดี...!

V262949.jpgV262746.jpg				
comments powered by Disqus
  • หอมดอกลำดวน

    5 มีนาคม 2550 02:20 น. - comment id 665804

    รื่นรื่นก็คลื่นชลทะเล
    รึจะเห่ละห้อยครวญ
  • เฌอมาลย์

    5 มีนาคม 2550 11:04 น. - comment id 665861

    ฉันนั่งรอเธอลำพังหวังริบหรี่
    ท่ามราตรีคลี่ห่มตรมหนักหนา
    หวังอดีตรักหวนทวนเวลา
    คืนสัญญามาเคียงกันนิรันดร
    36.gif36.gif
    
    ชอบเพลงทรายกับทะเลมากค่ะ
    
    จะเหนื่อยเพียงไหน
    จะทุกข์เพียงใดโปรดรู้
    ตรงนี้ยังมีฉันอยู่
    พร้อมจะดูแลหัวใจ......36.gif36.gif
  • พี่พุด

    5 มีนาคม 2550 12:50 น. - comment id 665902

    V263003.jpg
    
    น้อง...หอมดอกลำดวนดง..
    น้องเฌอมาลย์ แม่ดวงดอกไม้แสนหวาน36.gif
    
    ลองเข้าไปเวบด้านบนนะคะ
    มีทั้งภาพและบทเพลงที่งามมากค่ะคนดี
    เกี่ยวกับเพลงทรายกับทะเลค่ะ
    เหมือนพะงันบ้านพี่พุดเลยค่ะ
    
    ด้วยรักน้องล้นใจ36.gif
    
    http://www.salathaila.com/kacykabtale.html
    ทรายกับทะเล
    นันทิดา แก้วบัวสาย
    
    ดนตรี 4 Bars..2..3..4.  
    
    จะเหนื่อยเพียงไหน จะทุกข์เพียงใดโปรดรู้ 
    ตรงนี้ยังมีฉันอยู่ พร้อมจะดูแลหัวใจ 
    หากมรสุม จะทำเธอเหน็บหนาวใจ 
    พายุจะแรงแค่ไหน จะคอยอยู่ข้างเคียงเธอ 
    
    หากมีวันไหน ที่เธอไปไกลจากฉัน 
    ในหัวใจไม่เคยหวั่น และจะคอยเธอย้อนมา 
    ก็ใจมันรู้ คลื่นลมจะคอยพัดพา 
    คอยซัดทะเลเข้าหา หาดทรายแห่งนี้ดังเดิม 
    
    คือผืนทราย ที่โอบทะเลไว้ 
    จะวันใด มั่นคงเหมือนดังที่เป็น 
    อยู่เคียงข้างเธอ ใจไม่ไหวเอน 
    และยังคงชัดเจน อย่างนั้น 
    หาดทรายยังสวย รายล้อมทะเลด้วยรัก 
    คงไว้ด้วยใจแน่นหนัก ไม่หวั่นยามพายุผ่าน 
    จะมีเพียงฉัน และเธอตราบนานเท่านาน 
    มีรักในใจผสาน ดั่งทรายอยู่คู่ทะเล 
    
    คือผืนทราย ที่โอบทะเลไว้ 
    จะวันใด มั่นคงเหมือนดังที่เป็น 
    อยู่เคียงข้างเธอ ใจไม่ไหวเอน 
    และยังคงชัดเจน อย่างนั้น 
    
    หาดทรายยังสวย รายล้อมทะเลด้วยรัก 
    คงไว้ด้วยใจแน่นหนัก ไม่หวั่นยามพายุผ่าน 
    จะมีเพียงฉัน และเธอตราบนานเท่านาน 
    มีรักในใจผสาน ดั่งทรายอยู่คู่ทะเล 
    
    (จะมีเพียงฉัน และเธอตราบนานเท่านาน) 
    มีรักในใจผสาน ดั่งทรายอยู่คู่ทะเล.
    
    
    36.gif
  • เปเป้ซังแม่มู๋ผู้เดียวดาย

    5 มีนาคม 2550 12:58 น. - comment id 665904

    อ่านตั้งนาน
    พี่พุดไพรเป็นคนพะงันนี่เอง
    เป้ไปไกลสุดก็สมุยอ่ะคะ เคยทำงานที่นั่น1เดือน
    ส่วนใหญ่ก็วิ่งวุ่นรอบเกาะ ไม่เคยมีโอกาศยลจันทร์กระจ่างกลางเวหา ณ พะงัน
    แต่ที่สมุยเป้ว่าก็โอเคดีนะคะ
    
    46.gif46.gif46.gif46.gif
  • พุด

    5 มีนาคม 2550 13:53 น. - comment id 665926

    36.gif16.gifs07_v91788.jpg
    
    http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem78270.html
    ธรณีกรรแสง
    
    น้องเปเป้ซังแม่มู๋ผู้เดียวดาย
    
    พี่พุดยินดีพลีมอบเรื่อง
    *ธรณ๊กรรแสง*
    
    ให้น้องนะคะ
    ลองอ่านดู
    นาทีนี้
    น้องอาจจะเป็นคนอ่าน
    ครบคนที่2000ของพี่พุดค่ะ 
    เพราะตอนนี้
    1999ท่านแล้วค่ะ 
    เป็นเรื่องที่พี่พุดรจนา
    ด้วยดวงใจ
    อุทิศให้บ้านเกิด
    ที่แสนปิติภาคภูมิใจนะคะ
    
    
    ด้วยรักล้นใจนะน้องรัก36.gif
    
    พี่พุดไพร สาวบ้านนา
  • เฌอมาลย์

    5 มีนาคม 2550 19:39 น. - comment id 666008

    แวะไปชมมาแล้วค่ะ
    
    ภาพสวยจังเลยค่ะ............ดนตรีเสียงใส
    แต่คนร้อง อิอิ คือเฌอ เสียงแหบมหาเสน่ห์ เจ็บคอค่ะ อิอิ
    
    ภาพสวยมากๆค่ะ ชอบๆๆ36.gif57.gif
  • ต้นกล้า อันดามัน

    5 มีนาคม 2550 20:21 น. - comment id 666012

    1.gif
  • เรไร

    6 มีนาคม 2550 02:36 น. - comment id 666074

    
    ....ดวงตะวันใกล้จะตกลงบนผืนน้ำแล้ว
    ยามน้ำ ท้องฟ้าเป็นสีท้อง วาววับสะท้อนด้วยทะเลสีทอง....น้ำทะเลกำลังลง
    งงมองเห็นหาดทรายที่ซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของภูผา.....
    
    .....ที่เวิ้งหาดทรายแห่งเรา
    เธอ..... ฉัน ที่เราเคยเดินเคียงคู่กันบนหาดทรายด้วยเท้าเปลือยเปล่า รับรู้ไอเย็นของผืนทราย ความงามแห่งท้องทะเล 
    ....รับรู้ความร็สึกที่ส่งถึงกัน
    ....ผ่านสองมือที่เกาะกุมกันไว้
    
    ......ฟังสิ เสียงนั้น เสียงคลื่นดังแว่วมาแต่ไกล
    เสียงขับขานของท้องทะเล 
    เสียงเพลงแห่งพะงัน
    
    
     สวัสดีครับพี่พุด สบายดีหรือเปล่าครับ แวะมาทักทาย 
    11.gif
  • ฤกษ์(ไม่ได้ล๊อกอิน)

    6 มีนาคม 2550 05:15 น. - comment id 666077

    บรรยากาศต้นลั่นทม ชะง่อนหิน วิวทะเล ที่บรรยายเหมือนบนวัดที่เคยไปทอดผ้าป่าเลยล่ะ คนที่เขาเป็นหัวหน้าพาไปเป็นคนพงันชื่ออะไรจำไม่ได้แล้วแต่เขาเป็นใหญ่ในการประปานครหลวงระดับรองผู้ว่าการเลยเทียวแหละ อยากไปอีกจัง
  • พุด

    6 มีนาคม 2550 08:46 น. - comment id 666123

    V263040.jpg36.gif16.gif
    
    เรไร...
    และ
    ฤกษ์...ที่รัก...36.gif
    
    
    ดีใจที่เข้ามานะคะ
    พุดมีเลี้ยงรุ่นค่ะ 
    
    ท่านที่ฤกษ์เอ่ยถึง
    คือพี่ชาย
    ของเพื่อนรักพุดค่ะ
    
    เพื่อนที่ตอนนี้เป็นท่านอัยการแล้วละค่ะ
    และ..
    พุดให้เกียรติท่าน
    พยายามเรียกท่านว่าท่านๆๆตลอดอิอิ
    
    แต่พุดกล้าโอบไหล่ท่านนะคะ
    ด้วยความรักอย่างเหลือล้น
    แล้วแอบกระซิบ
    ถามท่าน..ว่า..ภรรยาท่านงามมั้ย
    ท่านตอบว่า..
    *ของของใครของใครก็ต้องงามสุดในปฐพีค่ะ36.gif
    
    พุดร้องเพลงหลายเพลงค่ะ
    ด้วยน้ำตาซึมซึ้ง
    จากบึ้งใจในคืนนั้น
    และ
    จากการหลอมรวมใจที่ผูกพันกันมาตั้งแต่
    เกิด ตั้งแต่ยามเยาว์ก็ว่าได้ค่ะ ฤกษ์
    
    นี่คือเนื้อแท้แห่งรักนะคะฤกษ์36.gif
    และ..
    ใช่ค่ะ*ต้นลั่นทม*ต้นนั้นคือสัญลักษณ์ของคนพะงันค่ะ ค่าที่เติบโตเด่นงามล้ำท้าทายสายลมแรงแสงแดดกล้าพายุ ฝน มาหลายทศวรรษบนสำนักวิปัสสนาวัดเขาถ้ำค่ะฤกษ์
    
    พุดมีที่ดินงดงามที่นั่นค่ะ
    ชื่อ
    วิมานวนา...ลำน้ำน่านตั้งให้
    กับ
    วิมานลอย..
    
    ไม่นานแล้ว
    พุดหวัง...
    จักเชิญทุกดวงใจในร่มรัก
    เรือนไทยเรือนทอง
    มิ่งมิตรน้องพี่แห่งผองเรา
    ไปเยือนหาดขาวดาวสวยเดือนสุดแสนโรแมนติกค่ะ นะคะ
    
    36.gif36.gif
  • พุด

    6 มีนาคม 2550 09:50 น. - comment id 666161

    16.gif36.gifforestpark0503wy.jpg
    
    วิมานวนา (The Jungle Palace)  ลำน้ำน่าน  
    
    
    เมื่อทิพย์ไต้รอนแรงลับแง่งหิน
    สุริยนจะตกดินอยู่ไหวไหว
    วิมานหนึ่งปรากฎกลางอกไพร
    หลังม่านพรางสุราลัยในวนา
    
    ในแสงอ่อนเลื่อมพรายทิพย์สถาน
    คือวิมานโลกเสรีคลี่พฤกษา
    จากเรือนยอดเสียดเสยเย้ยเมฆา
    สู่ผืนดินรากป่าพนาราม
    
    เมื่อน้ำค้างพรมโปรยโรยอรัญ
    ปวงสุคันธ์พนาวาสหยาดสยาม
    ก็อวลกลิ่นเกสรละอองนาม
    ระเหยข้ามวนาลีราตรีแดน
    
    ลอยไปสู่วิมานรุกขเทวา
    สู่ทิพย์ทองธาราพระยาแถน
    ในเอื้อมเงาปราสาทนิวาสแมน
    กลางรำแพนยูงทองผองนางไม้
    
    เหล่าเถาวัลย์พันเกี่ยวในเกลียวกิ่ง
    ราวลูกปัดสะบิ้งสไบไหว
    เมื่อลมอ่อนพัดโบกเข้าโตรกไพร
    พร้อมหิ่งห้อยรำไรพเนจร
    
    รุกขชาติมิ่งไม้คล้ายนิทรา
    พนาวาน้อมจิตนิมิตหมอน
    ก็ทอดกายอ่อนโยนตรงโคนคอน
    เอื้ออาทรไม้ใหญ่ได้หลับตา
    
    เริ่มราตรีรังสรรค์แห่งวังนั้น
    ด้วยมนต์เพลงจั๊กจั่นลั่นพฤกษา
    ระงมงามหรีดหริ่งพริ้งพนา
    บรรเลงกล่อมเทวาพระสุรินทร์
    
    ทุกรื่นรมย์ซ่อนตัวรอบรั้วป่า
    กลางมณฑลภูผาปราการหิน
    คือวิมานสุดท้าย ณ ปลายดิน
    ให้เทวินทร์คุมผองลงครองตน
    
    เพื่อสมดุลแห่งโลกจตุรทิศ
    มานุษภูมิใช้ชีวิตตามเหตุผล
    เชื้อชุมนุมรุกขเทวาสู่ป่าคน
    ยกระดับวิญญาญชนสู่ปัญญา
    
    อัศจรรย์วัลก์หนึ่งซึ่งสีหม่น
    ในเผ่าพนปัจเจกเพศพฤกษา
    ไม่เปลี่ยนแปลงเขตขันธ์พันธุ์วนา
    แม้นราตรีล่วงฟ้าดารากลาย
    
    ทิพย์ดนตรีบรรเลงเพลงจบแล้ว
    น้ำค้างแก้วแนวป่าต้องพร่าสาย
    ม่านพระอินทร์ทิ้งเถาว์ในเงาพราย
    วิมานพฤกษ์ปิดตายทิวากาล
    
    ปรากฎเสียงสะอื้นเมื่อคืนล่วง
    วิมานลวงที่ไหนไหนได้ถูกผลาญ
    สันนิบาตรุกขเทวาล้าบันดาล
    เหลือเผ่าพันธุ์ติรัจฉาน...วิมานเมือง
    
    >-------------------------------------
    ท่ามกลางสวนรุกขชาติป่าเขตร้อน แห่งเกาะพะงันงาม
    มีสวนป่าน่าอัศจรรย์ที่ปรากฎพันธุ์ไม้งามหลายชนิด
    อยู่สวนหนึ่งกลางวิมานวนานั้น มีเสียงดนตรีธรรมชาติ
    เสียงกบเขียดน้อย ระงมในยามย่ำค่ำ 
    
    ทั้งเถาวัลย์พันเกี่ยวก็ห้อยระยับย้า 
    หนึ่งในเถาวัลย์งามนั้น นาม *ม่านพระอินทร์* 
    เถาวัลย์ที่มีรากห้อย เป็นม่านสีม่วงไพร  
    เป็นม่านป่าพันธุ์หายากของไทย
    
    ข้าพเจ้าประหวัดไปถึงวิมานแห่งเหล่ารุกขเทวา 
    และพระสุเรนทร์ ที่มักจะท่องเที่ยวลงสู่โลกมนุษย์
    ในยามที่ไม่ปรารถนาวิมานสวรรค์....
    พุทธศาสนาสอนให้มนุษย์เคารพเทวดา
    ด้วยเหตุที่เป็นเพศภูมิที่มีกุศลกรรมอันบริสุทธิ์..
    และลงมาเยือนวนาอยู่เป็นนิจ อีกมิ่งไม้ใหญ่ไม้เล็ก
    ต่างดำรงอยู่ในโลกรื่นรมย์สมดุลมาตั้งแต่โบราณ
    
    น่าเสียดายนักที่วิมานวนาเหล่านี้กำลังจะถูกทำลายลง
    ด้วยความเจริญวัฒนาแห่งมนุษย์  
    วันหนึ่งเมื่อวิมานวนาในมานุสภูมิได้ถูกทำลายลง 
    คงจะเหลือแต่วิมานเมืองอันวุ่นวน 
    และวันนั้นความสุขสงบและความงดงามตามธรรมชาติ
    คงจะปิดตาย แล้วเราจะดำรงอยู่ในโลกได้อย่างไรกัน
    ด้วยเหตุที่ชีวิตเราต้องพึ่งพิงธรรมชาติ
    จนกว่าจะคืนสู่ธรรมชาติเมื่อมรณามาเยือน
    
    และเพราะว่า.......
    
    ทุ่งนาป่าชัฏช้าอัญญิกาลัย
    เทือกผาใหญ่เสียดดาวดึงส์สวรรค์
    เนื้อเบื้อเสือช้างลิงค่างนั้น
    มดแมลงนานาพันธุ์ทั้งจักรวาลฯ
    
    เสมอเหมือนเพื่อนสนิทมิตรสหาย
    เกิดร่วมสายเชี่ยววัฏฏะสังสาร
    ชีพหาค่าบ่มิได้นับกาลนาน
    หวานเสน่ห์ฟ้าหล้าดาราลัยฯ
    
    ถึงใครเหาะเหินวิมุติสุดฝั่งฟ้า
    เดือนดาริกาเป็นมรคายิ่งใหญ่
    แต่เราขอรักโลกนี้เสมอไป
    มอบใจแด่ปฐพีทุกชีวีวายฯ
    
    (ปณิธานกวี  อังคาร  กัลยาณพงศ์)
     
    
    
    หากตราบใดที่ยังมีสวน
    ตราบนั้นยังมีวันข้างหน้า
    และตราบใดที่ยังมีวันข้างหน้า
    ตราบนั้นชีวิตยังมีชีวา
    JOHN RICHARD MORELAND
    
    
    
    
    หากฟ้ามีตาและสวรรค์มีใจ
    คงมองลงมาเห็น*หญิงหนึ่ง*
    นอนนิ่งทิ้งตัวเหนือเนินหิน ผาสูง อย่างโดดเดี่ยว เดียวดาย
    ผมของเธอสยายแผ่ราวพัดคลี่สีอำพันสะท้อนแสงสีส้มสุก ยามตะวันลา
    
    ฟ้าโพล้เพล้แล้ว 
    หากราวกับเธอจะไม่ยอมรับรู้กาลเวลา
    
    
    ในหนาวปรารถนา 
    เธอหลับตาแล้วใช้หมวกสานปิดเสี้ยวหน้า
    บังพรายแดดสีทองที่กำลังพรายส่องล่องลอดโลมไล้ร่าง
    ผ่านกอไผ่ใบเรียวบาง เข้ามา
    และ
    หากฟ้าสังเกตสักนิด
    จะเห็นแวววะวิบวับ
    ราวกับหยาดเพชรรุ้งแตะแต้มตรงปลายตา
    และค่อยๆไหลริน ลงมาอย่างช้าช้า ท่ามงามเงียบ
    
    
    น้ำตา..
    ที่พร่างรินมิใช่หมายถึงความสูญสิ้น
    หรือถวิลเศร้าถึงผู้ใด
    หากทว่าคือ
    น้ำตาจากปิติใจเกษมสุข 
    ในทุกภูมิใจ..
    ทุกรอยเท้า
    ที่ได้ก้าวเดิน ผ่านมาในทุกลีลาชีวิต
    
    
    ที่สอนบทเรียนและสัจจธรรมชิวิตให้กับเธอ
    ให้กล้าเผชิญ 
    ไม่ว่าพายุร้ายจากลมปากใคร
    หรือใจหวังมากรายกร้ำมาฝากระกำระทม
    หาก
    หาได้ฝากรอยตรมตรอม
    ฤาฝากรอยจำไว้ณ..กลางใจ..ดวงบริสุทธิ์ใสของเธอไม่
    
    
    ด้วยเพียรอภัยลบลืม มากเข้าใจ  เมตตา 
    และเรียนรู้ค่าคำ
    *พลังเกษมแห่งชีวิตให้จงพยายาม
    คิดในทางบวกแด่พื่อนมนุษย์เสมอ*
    
    ให้หยุดคิดแค้นเคืองต่อทุกสิ่งที่ไม่ประเทืองประทับใจ
    เพียงคิดว่าแค่ ขยะใจขยะใด มิปล่อยไว้ให้ค้างคา
    
    
    
    สุดท้ายคือ
    เธอปล่อยให้กาลเวลได้เป็นเครื่องพิสูจน์
    ได้เยียวยารักษาใจด้วยตัวมันเอง
    ในทุกข์วิบากกรรม วิบากรัก
    ที่เคยทุกข์หนัก..วนรักมาย้ำรอย
    ให้เธอพลอยก้มหน้ารับชะตา
    ยอมรับกับทุกชะตาดินฟ้ากำหนด
    ที่ราวกงกรรมกงเกวียนเวียนรอยถอยกลับมาให้เราจำต้องชดใช้
    
    
    และ
    ในความไร้แล้งราวจะสิ้นแรงใจไฟฝัน
    ได้ฝากให้มีพลังในอีกด้านหากคิดเป็นเห็นงาม
    ที่ได้ตามเตือนตอกย้ำฝากความเข็มแข็งไว้ให้
    ให้ใจดวงงามยิ่งกล้าฝ่าฟันแข็งแกร่ง
    
    
    ยิ่งโชนแสงราวเพชรกล้าพร่างใส
    มิมีวันหมองมัวด้วยกิเลสใดกิเลสใจ
    จากใคร...จากผัสสะใดที่มาพิพากษา
    ที่แค่มาสอนให้คิดว่าแค่ลมลมลมมิให้รานไหวระทมนาน
    
    
    
    เสียงจั๊กจั่น จิ้งหรีด เรไร กรีดปีกร้องระงม ไปทั่วทั้งวิมานวนา
    ทั้งราวป่า..ลอยลมมาเป็นระยะๆ
    จากทุกแนวแถวถิ่นไพร  ทั่วทิศทุกทางรายรอบ
    
    
    เธอเพิ่งจ้างคนงานพม่า...ราว10คนมาถางสวน
    เพียงหมดเงินไปยี่สิบพัน
    เพราะรวมเป็นสองครั้งแล้วในรอบปี
    
    สำหรับการให้มาฟาดฟันดงหญ้าและกอหนาม
    ที่ทุกคนงานทุกคน
    ถูกกำชับว่า...ให้คิดแล้วคิดอีก
    เลือกแล้วเลือกอีก
    ก่อนจะฟันฉับลงไป 
    ว่าจะไม่ไปกระทบกับพันธุ์ไม้ต้นไหนต้นใด
    ที่เจ้าของ...รักแสนรัก...หวงแสนหวง..ดั่งดวงใจ
    
    
    เธอบอกว่าอยากพิทักษ์ปกป้องเอาไว้ให้ตราบนาน
    ให้ฝากหวานหวังให้จรัสแจ่มหล้า
    ราวรัศมีฟ้า..อัญมณีไพร ณ..กลางเกาะมหัศจรรย์
    
    ให้ราวกับดินแดนในฝัน สวรรค์พนา 
    ที่เธอทิ้งร้าง มานานนับสิบปี
    ให้แมกไม้นี้ได้เติบกล้า
    ดั่งสวนขวัญ สวรรค์สรวงดารดาษด้วยพวงรุกขชาติเทวา
    จากน้ำมือเทวดานางฟ้า
    ที่พากันช่วยมาหว่านโปรยโรยเมล็ดพันธุ์
    พร้อมกับพาฝนมาฝากฝัน ให้พลันชื่น
    มาโปรยระรื่นร่ำให้มวลไม้รอวันผลิแย้ม แต้มสวย
    ไปทั่วทั้งราวไพรเลยทีเดียว
    
    
    
    นั่น...
    กอรสสุคนธ์มณฑาทิพย์ มณฑาทอง
    แสนหอม หวานพรายขึ้นป่ายปะปน
    ไปกับพื้นหญ้า
    เกาะเกี่ยวด้วยเถาวัลย์ชื่อว่าม่านพระอินทร์
     
    แถมมีดอกไม้ป่าให้ถวิลหอม
    ที่รอให้เธฮค้อมดวง
    มาดอมดมให้มิสิ้นสุดมิหยุดรักได้เลย
    ที่เธอเผยว่าอยากจะขนานนามเอง
    เธอตั้งใจจะบรรเลงชื่อให้อย่างพริ้งพราว..ประดับหล้า
    
    
    วันที่ฟ้าคงเฝ้าดูรอให้เธอกลับมา
    และให้สถิตคู่หล้าฝากจิตวิญญาณร่างใจไว้ที่นี่ไปตราบชั่วกาล
    
    ให้มาแตกช่อกอฝัน มาหว่านหวังหวาน 
    มานอนดูระรินบานของหอมอวลมวลพะยอมไพร 
    ด้วยใจดวงเหว่ว้า 
    หากทว่าคงสุขล้นจนเกินรำพึงรำพัน
    
    
    วันนี้
    ริมชายสวนวิมานวนา 
    มีตะแบกม่วงอมฟ้า 
    มีศรีตรังสดสะพรั่งแจ่มดอก
    มีสักทองออกช่อพราว  
    มีทองกวาวและเหลืองละมุนช่อชัยพฤกษ์
    และ
    นับไม่ถ้วนกับอีกพันธุ์พฤกษ์ไพร
    ที่เพียงบันทึกไว้ในใจมิได้เป็นลายลักษณ์อักษร
    แค่มาฝากอรชรเท่าที่พอจะจำได้ 
    
    
    คนงานพม่า
     ชมเจ้าของสวนตลอดเวลา
    ว่า สวย สวย ด้วยภาษาพูดไม่ชัด
    ที่พาให้เจ้าของสวนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
    อย่างพยายามคิดว่านั่นคือความจริงใจ
     แบบสบายๆใจแบบรู้สึกไม่ค่อยคิดเข้าข้างตัวเองสักเท่าไรเลย
    ว่าแสนจะจริงยิ่งกว่าจริง...ยิ่งพาให้ต้องยิ้มขำขำไปตามคำชมให้เหลิงลมลอย
    ต้องค่อยๆยันเท้าไว้ให้ติดดิน
     
    
    เจ้าของสวน 
    ที่จำต้องใส่กางเกงลูกฟูกสีฟ้าแจ่มตัวโปรด เอวต่ำ
    และใส่เสื้อยืดรัดรูปผ้านิ่มนวลชวนฝันสีขาว
     ก่อนที่จะทับด้วยแจ๊กเก๊ตยีนส์ตัวเก่งอย่างมิดชิด
    ทำไมนะหรือถึงต้องปิดเนื้อหนังขนาดนั้น
    เพราะว่า
    ป่าทั้งป่าจะฮือกันออกมาด้วยฝูงยุง 
    ที่แสนชุกชุมจะพากันมากลุ้มรุมกัดกินเลือดอย่างหิวโหย
    ให้คันผิวลายพร้อย ห้อยจ้ำเลือดไปทั่ว
    เพราะสภาพป่าปิดมานาน 
    ทั้งๆที่ใกล้ชิดทะเลฝันสวรรค์ลอยนิดเดียวเอง
    
    
    เจ้าของ
    จะใส่หมวกสานปีกกว้างแสนเท่ห์ราวสาวชาวไร่
    เพราะกันแดดได้และไว้พัดวียามไร้ลม ด้วย
    
    เธอนอนราวเจ้าหญิงไพร บนเนินผาในท่ามวิมานวนา
    เพราะคนงานช่วยกันระดมกวาดลานหินอย่างสะอาดงาม
    ให้เธอได้พักบ้าง
    หลังจากเดินปีนเขาไปมาจนล้าแรงแล้วไม่รู้ว่าจะสักกี่กิโลเมตร
    หากนับเป็นระยะทาง
    
    
    เธอ ...
    จึงนอนแย้มยิ้มยินดีพลีใจฝัน
    เมื่อจิตสงบงามดีแล้ว
    หลังจากหลั่งรินน้ำตาไปกับฟ้ายามค่ำ
    ฟังเสียงเรไรร่ำร้อง
    ราวดนตรีธรรมชาติมาวาดพลีบูชาเทพแห่งไพร เทพีแห่งไพร
    
    
    และกับ
    ดวงใจแสนรื่นรมย์เป็นสุข
    
    เธอนอนแย้มยิ้ม
    เพราะนึกตลกคนงานหนึ่งในสิบ หยิบมือเดียวของเธอ
     ที่ต้องนุ่งโสร่งพันทับกางเกงทำงาน 
    
    
    เขาเพียรอธิบายว่า
    เพราะทำให้เขาทำงานสบายสะดวกขึ้น
    ทั้งๆที่เธอดูจะแสนเกะกะตา หากทว่าเขาบอกว่ามันทำให้ชิน
    
    คนงานคนนี้ที่ตาเศร้า และขยันมาก
    ที่เฝ้าวอนของาน
    บอกว่าเมียเพิ่งตายได้แค่สองเดือนเอง
    และ
    ลูกก็ยังไร้เดียงสา รอท่าพ่อหาเงินส่งกลับบ้าน
    
    
    เขาบอกเมียเป็นไข้ ยามไร้เขาไม่ยอมกินยา กลัวมาก 
    และหากมีเขาเคียงข้างถึงจะกิน
    และ
    เธอก็สิ้นลมอย่างอ้างว้าง
    ไร้ร่างเขาเคียงคู่ดูลมหายใจสุดท้ายที่พรายพลัดไปในยามพลบค่ำ
    เพราะ
    เขาต้องมาทนตกระกำลำบาก 
    เพื่อทำงานเพื่อเงินงาม เพื่อปากท้องที่ร้องหิวโหยที่เฝ้ารอ
    
    
    นี่คือละครโลก ละครชีวิตจริง
    ที่มากโศกพรากสุขทุกข์กระหน่ำแด่ผู้ยากไร้
    หากยอมพ่ายแพ้...จักหยัดยืนไม่ได้
    จักต้องตายไปด้วยความตรอมตรมระทมทุกข์ 
    
    แต่สำหรับเขาคือผู้กล้า
     ผู้ขอทายท้าชะตาโชค
    อย่างมิยอมงอมืองอเท้า
    จึงทำงานได้ทุกสิ่งอันพันละน้อยค่อยๆเก็บหอมรอมริบ
     เพื่อแลกกับการได้ฝันไกลไปให้ถึง
    มีเงินสักก้อนหนึ่ง 
    ไปต่อสายใยชีวิตให้ลูกน้อยตาดำดำ
    ที่เฝ้าคอย...
    
    
    เธอ..จึงแสนเศร้าหากคิดมาก 
    นอกเสียจากรู้ทำใจให้ใสว่าง
    หัดวางว่า *วิบากใครวิบากเขา*
    วิบากเรา เราก็รับ 
    หากให้พิงพักได้ก็แค่โอบเอื้อช่วยเหลือเท่าที่จะทำได้
    แก่เพื่อนมนุษย์ผู้ร่วมเกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
    
    
    
    เธอ..
    จึงนอนนิ่งมิไหวติง มิคิดใดนานให้รานโศกสลดใจ
    ทั้งๆที่ในตัวปวดร้าวระบม ราวพิษไข้
    จึงแค่ราวนอนสมาธิภาวนา
    พยายามใช้ลมหายใจเข้ากำกับไว้ว่า 
    ให้วาง ว่างใส ไม่เจ็บไม่ปวดรวดร้าวใด
    เพียงแค่ตามลมหายใจทุกอณู 
    นึกรู้ละเมียดละมุน อย่างช้าช้า
    
    
    ไป
    กับฟ้ากว้าง
    กับพร่างระยิบใบของพันธุ์ไพรพฤกษา
    ที่กำลังร่ายฟ้อนทาบไล้ด้วยพรายแดดสีทองอันอ่อนอุ่นเอิบอาบ
    กับเสียงอ้อนของชะนีป่าเพรียกหาตัวผู้
    กับเสียงกู่ของสายลมกลางวสันต์..ราวพายุกำลังจะมา
    กับฟ้าเริ่มพรายแสงสีฉ่ำเย็นเป็นเรียวรุ้งที่ใกล้ค่ำเต็มทีแล้ว
    
    คนงานเริ่มหยุดพัก
    พร้อมกับเดินมาทายทักเธอ 
    
    
    เธอเผยอตัวดูฟ้าสลัวสลัวด้วยพรายหมอกตรงหน้า
    เบื้องล่างนั้น
    คือทะเลเหว่ว้า
    เวิ้งน้ำสีทองรับฉ่ำฟ้าแสงสีแสนสวย
    ทอทาบไล้ไปด้วยตามตะวันสีทอง
    
    
    
    
    นกกาเริ่มบินกลับรัง
    ทะเลฝัน ผืนกว้างตัดเส้นขอบฟ้าไกล 
    ดูละลิบในเงาเมฆหม่นรางเลือน
    เสมือนเสมอดั่งวิมานหล้าในนาทีนั้น...
    
    ...........................
    
    
    V261671.jpg
  • แมงกุ๊ดจี่

    6 มีนาคม 2550 10:16 น. - comment id 666185

    ส่งความคิดถึง...พี่พุดคะ...
  • ต้นน้ำครับ

    6 มีนาคม 2550 10:23 น. - comment id 666191

    พี่พุดครับ...
    แม้จะเป็นเพียงเพลงที่ได้อ่าน...ก็ชื่นใจนะครับ 
    นั่งอ่านงานของพี่พุดในยามที่เงียบสงัด 
    สายลมแผ่วพลิ้วไล้โลมผิวกาย 
    เย็นชื่นระรื่นจิตครับ งามตา งามใจ 
    อิ่มตา อิ่มใจ...กับงานของพี่พุดไพร 
    เคยได้ยินพี่ๆ น้าๆ อาๆ ที่เคารพนับถือกันกล่าวคำว่า อิ่มตา อิ่มใจ อยู่บ่อยๆ 
    แต่ต้นน้ำไม่เคยรู้เลยว่าเป็นไฉน หากเมื่ออ่านงานของพี่พุด
    จึ่งรู้ได้ถึงความหมายของคำคำนั้นโดยมิพักต้องอธิบายให้มากคำ
    อิ่มตา อิ่มใจกับถ้อยรจนาของพี่พุดครับ
    สมกับที่เป็นหยาดหมึกจารจากขั้วของหัวใจ
    
    พี่พุดครับ 
    กับรอยหมึกที่จดจาร....
    ...คิดถึงลั่นทมไหวกอระทมช่อพราวกิ่ง
    บนเชิงชะง่อนผาภูสูง...
    ผมหลับตาลงเห็นภาพนะครับ...
    ภาพลั่นทมที่บานบนลานใจของบางใคร
    แต่...อย่าเลยนะครับ...
    อย่าให้ลั่นทมไปบานบนลานใจของพี่พุดไพร 
    ไม่อยากให้พี่สาวคนดีของต้นน้ำต้องหมองหมาง
    หากจะมีดอกไม้บานที่ลานใจพี่พุด
    ขอจงเป็นดอกรักเถิดนะครับ...
    
     ด้วยความรำลึกถึงพี่พุดทุกยาม
  • ดอกบัว

    6 มีนาคม 2550 17:18 น. - comment id 666555

    จะเหนื่อยเพียงไหน จะทุกข์เพียงใดโปรดรู้ 
    ตรงนี้ยังมีฉันอยู่ พร้อมจะดูแลหัวใจ 
    หากมรสุม จะทำเธอเหน็บหนาวใจ 
    พายุจะแรงแค่ไหน จะคอยอยู่ข้างเคียงเธอ 
    
    หากมีวันไหน ที่เธอไปไกลจากฉัน 
    ในหัวใจไม่เคยหวั่น และจะคอยเธอย้อนมา 
    ก็ใจมันรู้ คลื่นลมจะคอยพัดพา 
    คอยซัดทะเลเข้าหา หาดทรายแห่งนี้ดังเดิม 
    
    พี่พุดค่ะ เพลงท่อนนี้เป็นความรู้สึกที่บัว
    ไม่เคยลืมพี่พุดเลยค่ะ
    บัวเห็นพี่พุดหายไป
    บัวก็รู้ว่าพี่พุดต้องกลับมาตรงนี้ที่เดิมค่ะ
    และบัวก็เช่นกันต้องกลับมาหาพี่ตรงนี้เหมือนกันค่ะ
    รักและคิดถึงพี่ค่ะ
    บัวขอให้พี่มีสุขภาพที่ดีนะค่ะ
    46.gif36.gif
  • พุด

    6 มีนาคม 2550 23:39 น. - comment id 666764

    V261802_092.jpg36.gif10.gif
    น้องต้นน้ำ รักนิรันดร์
    และ..
    น้องดอกบัวทิพย์แสนงาม
    
    พี่พุดชื่นใจอีกแล้วค่ะ
    ที่ได้ยินคำดั่งน้ำค้าง
    มิให้อ้างว้างเหว่ว้าใจ
    ของน้องรักทั้งสอง
    
    คนดี..โลกนี้ถ้อยอักษราภาษาพูดคือ
    พลังบุญพลังบวกค่ะ
    หากจิตเรา คิดดีพูดดีทำดี 
    ก็จักมีแต่...
    ความเกษมใส ใจดวงแก้วสว่าง
    ดั่งเพชรแพร้วพร่างพรรณรายค่ะ
    และ..
    จักฉายแสงไสวเย็นฉ่ำ 
    ระร่ำรินรดทุกดวงใจ
    ให้ชื่นฉ่ำใสเฉกเช่นนั้นค่ะ
    
    คนดี
    พี่พุดรจนา
    เกี่ยวกับดอกลั่นทมไว้
    สักห้าร้อยเรื่องราวได้แล้วค่ะ..อิอิ
    
    เพราะ
    คือต้นไม้แห่งภักดิ์รักนิรันดร์ในใจพี่พุดค่ะ
    ค่าที่..
    มีดวงดอกหลากสี
    ที่แสนหอมเศร้าหวานอมตะ
    แสนคลาสสิคค่ะ  นะคะ36.gif
    
    http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem71714.html
    
    ลีลาวดีมณีรุ้ง
    
    http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem73795.html
    
    ลีลาวดีลีลาใจ
    http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem83770.html
    ลั่นทมบนลานใจ.
    
    
    http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song481.html
    (คิดถึง)
    ......................
    
    
    
    สนามบินสุราษฎร์ธานี
    
    หญิงสาวสูงโปร่ง วงหน้ารูปไข่  
    ใบหน้าไร้เครื่องสำอางใด
    นอกเพียงจากเครื่องประดับหน้า 
    ที่ดูงามใสเด่นคือนัยน์ตาสีอำพัน
    ที่ดูราวกับทะเลเร้นลับอันแสนล้ำลึกเงียบสงบ 
    
    
    และ..
    กับผิวสีน้ำผึ้งรวง 
    ที่ดูแสนโดดเด่น..ยามเธอก้าวล่วง
    ออกมาจากประตูผู้โดยสารขาเข้า
    ก่อน..
    ที่เธอ..จะแย้มยิ้มยินดี ..เมื่อหันมาพบ..
    สบตากับใครคนหนึ่ง...ใครบางคน..
    ในกมลที่หลงเฝ้ารอมาแสนนาน..นานแสน
    
    
    ร่างสูงเพรียว..ผิวสีทองแดง
    ในเสื้อยืดขาวและกางเกงทหารพรานสีขี้ม้า
    ที่ยืนเอามือไพล่หลัง อย่างเจนตา คุ้นใจ
    ในท่ามผู้คนอลหม่านอลวนแสนวุ่นวายวายวุ่นรายรอบ 
    ในยามตะวันรอนรอนดวงอ่อนอ่อนแสง ...
    
    
    เขา....ผู้ชายนัยน์ตา..น้ำตาลโศก 
    ที่ดูราวโลกจะหยุดหมุนหากยามจ้องผู้ใดนานๆ
    ค่อยๆ...
    ก้าวผ่านผู้คนเดินตรงมาที่เธอ..อย่างช้าช้า..
    พลังกระแสอะไรบางอย่าง...
    พร่างแผ่สร้านเรืองรองรายรอบร่างของคนทั้งคู่ 
    ที่สัมผัสด้วยตาเปล่า ...คงมองมิเห็น..
    เป็นความเย็นฉ่ำ สว่างไสวราวสายกระแสธารใจ
    ที่เขานำติดตัวมา..ติดตามมา..
    
    
    เป็นดั่งพลังรัศมีแห่งรัก เมตตา อาทร
    อันแสนอุ่นเอื้ออ่อนหวาน
    เสมอเสมือนดอกไม้..
    ที่กำลังค่อยๆผลิแย้มบานดวงดอกตระการ
    ในท่ามพงไพร ที่แสนบริสุทธิ์ใส ไกลห่างโลกมายา
    พอกันกับ..
    เกรียวเมฆบางเบา..
    ที่แสนเหงางามรอรับพรายสายแสงสว่าง
    จากรัศมีสีทอง..อันแสนละไมอบอุ่นอ่อนโยนยิ่ง..พอกัน 
    ............
    ..............
    
    ด้วยรักแลซาบซึ้งใจยิ่งนักแล้วค่ะ
    พี่พุดไพร พี่สาวนา
    36.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน