http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song314.html บทเพลง*บ้านเรา* ลืมตาตื่นช้าช้ากับฟ้าหวาน ลั่นทมบานเคลียหน้าต่างพร่างกลิ่นหอม มาลัยเกลียวริมหมอนเคียงพุดซ้อน ราวออดอ้อนลืมเหว่ว้าฟ้าชมพู โลกภายใจใจดวงน้อยแสนชื่นฉ่ำ แว่วเสียงพร่ำกระซิบอยู่ริมหู ไม่กี่วันพี่คืนหลังนะโฉมตรู มาเคียงคู่มาเคียงข้างมิร้างไกล ดวงดอกไม้สยายกลีบคลี่ทายทัก แกล้มลมภักดิ์ลมเพ้อจนหวามไหว เหมือนลมรักคอยพัดหวนจากคนไกล สู่เรือนใจไม่ช้านาน..มิรานรอ จูบจากใจฝากกลับไปกับมวลเมฆ ท่ามวิเวกอวลอุ่นขวัญฝากพ้อ อ้อมอกนวลคงมิหนาวคลึงเคล้าคลอ รอและรอ...นะยอดดวงใจ....ในรอยกาล....กลับบ้านเรา..!! ........................ http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song314.html บ้านเรา บ้าน เรา แสน สุขใจ แม้จะอยู่ ที่ไหน ไม่สุขใจ เหมือนบ้านเรา คำ ว่าไท ซึ้งใจ เพราะใช่ ทาสเขา ด้วยพระบารมีล้นเกล้า คุ้มเรา ร่มเย็น สุขสันต์ รุ่ง ทิพย์ ฟ้า ขลิบทอง พริ้วแดดส่อง สดใส งามจับใจ มิใช่ฝัน ปวง สตรี สมเป็นศรีชาติ เฉิดฉัน ดอก ไม้ชาติไทยยึดมั่น หอมทุกวัน ระบือ ไกล บุญ นำพา กลับมาถึงถิ่น ทรุดกายลงจูบดิน ไม่ถวิลอายใคร หัว ใจฉัน ใครรับฝาก เอาไว้ จาก กัน แสน ไกล ยังเก็บไว้ หรือเปล่า เมฆ จ๋า ฉัน ว้า เหว่ ใจ ขอวานหน่อยได้ไหม ลอยล่องไป ยังบ้านเขา จง หยุดพัก แล้วครวญรับฝาก กับสาว ว่าฉันคืนมาบ้านเก่า ขอยึดเอา ไว้เป็น เรือน ตาย... เธออยู่ไหน ดึกแล้ว จันทร์ดวงงามลอยเด่น นภานวลสว่างกระจ่างแจ่ม ดวงเดินเดียวดายหนาวใจ ไปเด็ดดวงดอกลั่นทมมาแซมผม และ แหงนเงยดูดาวประจำเมือง แล้วก็เฝ้าพ้อถาม...เพ้อถาม..ด้วยน้ำตาปร่าปริ่มเต็มเรียวตา ......... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song304.html เธออยู่ไหน ญใครคนนั้น ที่ ฉัน ฝันถึงเขา ใครคนนั้น ยิ้มเศร้าเศร้า เขาอยู่ไหน ใครคนนั้น ที่ฉันรัก เหมือน ดวงใจ อยู่ที่ไหน นะจันทร์ ฉัน หลงคอย ชอยู่ที่ไหน ไม่สำคัญ หรอกขวัญ จิต โปรดจงคิด ถึง กัน สักวันละหน่อย อาจแทรกอยู่ กับน้ำค้างตาม ดาวลอย อาจจะยิ้ม อย่างละห้อย คอยสัมพันธ์ ญเธออยู่ไหน ชฉันอยู่นี่ ที่รัก จ๋า ญเธออยู่ไหน ชในดาราคือตาฉัน ญเธออยู่ไหน ให้ฉันเห็น เป็น สำคัญ ชที่กลางใจ เธอ นั้น คือฉันเอย ญเธออยู่ไหน ชฉันอยู่นี่ ที่รัก จ๋า ญเธออยู่ไหน ชในดาราคือตาฉัน ญเธออยู่ไหน ให้ฉันเห็น เป็น สำคัญ ชที่กลางใจ เธอนั้น คือ ฉัน เอย... .......................... ดาวประจำใจประจำเมืองเมินหน้าหนี เดือนดาราพลอยหลีกลี้พราย หลบหายเข้าไปในม่านเมฆ ทิ้งวิเวกหวานเศร้า ให้ยิ่งหนาวแสนหนาว หนาวในนวลเนื้อใจ..นวลเนื้อจิตนี้เป็นยิ่งนัก เธอ..อยู่ไหน เธอ อยู่ไหน เธอ อยู่ไหน ที่รัก ที่รัก ที่รัก เธออยู่ไหน เธออยู่ไหน...... ฉันอยู่นี่ ที่รัก จ๋า เธออยู่ไหน ในดาราคือตาฉัน เธออยู่ไหน ให้ฉันเห็น เป็น สำคัญ ที่กลางใจ เธอนั้น คือ ฉัน เอย... ............. ใช่ละหรือ...คนดีที่รัก..ยอดดวงใจ หวังว่า นี่คือคำตอบอันคิดชอบคิดเข้าข้างตัวเอง อันคือบทเพลงรักนิรันดร์ ที่บรรเลงฝากความงามงด พิสุทธิ์ใสให้รับรู้ในดวงใจแห่งสองเรา ดั่งคำมั่นสัญญาก่อนลาพราก ก่อนกระซิบฝากคำริมแก้มริมหูให้รู้ถนอมใจ รอวันที่ยอดดวงใจจะคืนกลับมา.. ดั่งสายแสงแสนรักแห่งนภา ดั่งดาราจักร ดั่ง ความหนักแน่นคงมั่นแห่งแผ่นผาผืนใจ ดั่งเดือนดาวบนฟากฟ้าไกล ที่จักหมุนวนกลับมาใหม่ พราวพร่างไสวมิร้างแรมลา ดั่ง สายธารธาราแห่งรัก อันจักหยาดสายหวานหอม ห่มห้อมในห้วงหฤทัย ในดวงชีวี ให้ปิติเกษมใจ ให้กระจ่างใจ ให้มีพลังใจไฟฝัน ให้หัวใจเอิบงามให้ท่ามท่วมท้น ล้นด้วยแรงรักแรงคิดถึงคะนึงหา ให้ดวงวิญญาญ์สุกใสแสนงามพอกัน กับ ดาราขวัญดาราฝันบนฟากฟ้า ในทุกครายามแหงนเงยมอง ในทุกห้วงหอมแดน ดวงกำลังนอนซุกตัวนิ่งๆ ในโซฟาขาวนุ่มแล้วหลับตา ได้ยินเสียงกระรอกกระโดดไปมา พร้อม ฟังเพลงบรรเลง*สายน้ำนิรันดร์* พร้อมพาใจดวงฝันฝันฝัน หวานหวานหวาน ดวงจิตวิญญาณ รับหยาดสายหวานของ น้ำผึ้งฝันพระจันทร์งาม ในยามนี้มาประโลมใจ ให้อย่าหวั่นไหววาบหวาม ด้วยคิดถึงใครบางคนที่รักสุดหัวใจ... และห่วงใยสุดจะทนแล้ว ฝากผ่านดวงตาดารากาล ผ่านฟ้ากว้างขุนเขาและเงาเมฆ ถึงคนดีนะยอดรัก หากทว่า ไปที่ไหนเล่า..คนดี เหนือ หรือว่า ใต้ที่กำลังร้อนรุ่มดั่งไฟรุมน่าห่วงใย หรือ บนภูสูงสวยใส ด้วยสายหมอกสายเหมยราวสายไหม ที่กำลัง หยอกสายเย้ยฟ้าท้าดิน ในถิ่นอิสาน หรือ แดนดินไหนเล่า โอพระเจ้า.. กระซิบบอกลูกที จงปรานีมีเมตตา อย่าราแรม..ร้างเลือน ให้ติดเตือนใฝ่หา ใช่เลย!....ระหว่างเรา.. ดวงไม่รู้ ว่า *เธออยู่ไหน..เธออยู่ไหน*นะที่รักนะยอดรัก ................... จันทร์ครึ่งดวงใจดายเดียว! พุดพัดชา http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song973.html คืนนี้กางเต็นท์นอนบนระเบียงบน กับฟ้ากว้างกับจันทร์ครึ่งดวงนวลผ่องผุด สวยสุดใจ กับดวงดาวสุกใส กับหอมอวลของการะเวกที่ปล่อยให้เลื้อยพันชูช่อ กับหอมละออจากมวลหมู่ดวงดอกไม้นานาพรรณ... ตื่นขึ้นมา เพราะเจ้าแมวน้อยกระโจนจนกระถางตกแตก... จันทร์สาดส่อง แสงนวลใย ประกายทองทาทาบ วะวาบวะวับวาว.. ทายทักปลุกให้ตื่นจากหลับไหล.. มารับหวานหยาดราวหยาดน้ำผึ้งจากพระจันทร์ดวงสวยสีทองสุกปลั่ง... จันทร์ครึ่งดวง.... จันทร์ครึ่งเดียว.... จันทร์ดวงเดิม..จันทร์ใจดี.. ที่คอยเติมใจไฟฝันให้กับผู้หญิงคนนี้ เสมอมา ตลอดไป และหวังใจตราบนานเนา ชั่วฟ้าดิน... นอนนับดาว รับหนาวจากหยาดน้ำค้าง กับหยาดน้ำผึ้งพระจันทร์ กับหยาดน้ำตานิดนิด ในยามนี้ที่ใจนิ่งๆ เมื่อมองเห็นรวงดาวราวกระพริบล้อเลียน รับรู้ว่ากำลังดายเดียว.... บรรยากาศเป็นใจ..ความห่างไกล และความคิดถึงเป็นแรงฝันบันดาล ให้ใจดวงนี้อยากจับปากกา รจนาเรื่องนี้ ที่คงเป็นแค่อารมณ์ธรรมดาๆที่เดียวดาย เกิดมาคู่ใจกับฉัน กับคนที่ยังมีฝัน ให้เพ้อ มีคนดีที่แสนรักให้ละเมอห่วงหา มีความหลังฝังฝากใจ ให้อาวรณ์ อาลัย..จนกว่าใจดวงนี้จะสิ้น... หมดไฟรัก...ไฟฝัน หมดสิ้นเสน่หาผูกพัน ไร้เยื่อขาดใย ไม่อาลัยอีกเลย..แล้ว... นอนร้าวระบมกาย พลอยพาให้ร้าวระบมใจ ด้วยความกลัวที่อยู่ดีๆ แขนขวาและมือนี้ที่ช่าง ขีดเขียนเรื่องเพ้อเพ้อ เรื่องฝันฝันเรื่องหวานหวาน มีอันยกไม่ค่อยขึ้น.. นอนน้ำตาไหล ใจยิ่งเหน็บหนาว... กับดาวพราว กับหยาดน้ำค้าง กับความหวั่นกลัว กลัวจะเขียนไม่ได้..อีกนาน... ค่อยค่อย จุดเทียน วะวับแวมแกล้มคลอกับลมหนาวพรู วางไว้ในตะเกียงโบราณคู่ใจ แล้วพยายาม จับปากกาออกมาเขียน..ด้วยใจดวงนี้ ที่อยากระบายสีให้พระจันทร์อยากระบายฝันให้ดวงใจ คลายหม่น ในความหมองหม่นของใจ ในความกลัวว่ากายจะผิดปกติ กลับมองเห็นความหมดจดของจันทร์ดวงแจ่ม ทำให้แฝงความสุขเล็กๆหวานล้ำลึก สุขกับจันทร์สุขกับใจ ที่ยังมีไฟฝัน ที่รู้ว่ายังมีวัน มีหวัง มีหวาน มิมอดสิ้น...นานเนา..... เปิดเพลง คลาสสิค บรรเลง เคล้าลมหนาว ให้ดวงดาว บนฟ้าหม่น เริงระบำ..แย้มยิ้มยั่ว ให้กำลังใจ ทุกดวงใจบนผืนโลกที่กำลังโศกเศร้าตรม ที่กำลังเฝ้ามอง ได้เบิกบาน ยิ้มหวานรับกับจันทร์กับดาวกับ ฟ้ากว้างในยามนี้ ลบหมองหม่น.. หวังมวลผกา ทุกถิ่นที่ ทุกดอกดวง แย้มหวาน บานรับหยาดน้ำค้าง... กุหลาบงาม ค่อยค่อยคลี่กลีบเผยอแย้ม ฟังเสียงเพลงหวานแว่วลอยล่องมาตามสายลมแห่งวสันตฤดู... ปลุกมวลหมู่สรรพสัตว์ร้องก้องพงไพร กับดาวสวย ฟ้าใส ในค่ำคืนนี้..ไปด้วยกัน... ในเงาไม้ ในเงาเงียบ ในใจนิ่งงัน... ในดวงใจฉันกลับแสนนิ่มนวล เงียบงาม อ่อนโยน.. ค่อยๆให้ธรรมชาติ ไหลริน สัมผัส ขัดเกลา . .ความละมุนจากบทเพลงฟ้า เพลงฝัน เพลงธรรมชาติ รินรดสู่อ้อมใจ สู่อ้อมฝัน สู่ทุกคน ทุกธุลี ทุกผืนดิน ทุกถิ่นที่ ให้รัก เข้าถึงงามง่าย..ไร้มายาที่รายล้อม ฉากฟ้า ฉากฝัน ในคืนเงียบงาม .. เคยบ้างไหม มีใครแหงนมอง รอคอย เห็นค่า รอคืน ตื่นขึ้นมาชื่นชม หรือให้ผ่านเลย ลาลับ จนวันหนึ่งอยากจะซึ้งค่าก็สายเกิน.... ค่ำคืนแสนงาม มิได้มีให้กับพวกผีเสื้อราตรี ที่แค่ใช้แสงสีมอมเมา แปลกปลอม ย้อมใจ จนเร่าร้อน ราโรยไร้งาม เป็นเหยื่อเกมกามแผดเผา หลงผิดบินไปติดกับไฟโลกีย์ ที่เผาไหม้มอดหมดสิ้นดวงชีวี มิทันได้เห็นงามตามใจสวยใสแสนบริสุทธิ์ ในชีวิตหนึ่งนี้ที่โชคดีได้เกิดมาบนผืนหล้า.... ให้ธรรมชาติหวานหวาน....ปลุกดวงใจ ให้ละมุนใจ ละไมฝัน ให้มีรักสวยใส ให้มีใจเมตตา อยากแบ่งปัน กันและกัน และให้อยู่กับโลกฝันที่เป็นจริงได้ เพื่ออยู่กันอย่างกลมกลืนไม่เบียดเบียน... ในโลกแสนสวยนี้ ที่ทุกคนแค่มาฝากร่าง ฝากรัก ฝากใจ กับใครสักคนเพื่อเคียงข้างกันไป ตราบลมหายใจสุดท้ายแห่งชีวิตนี้ ที่แสนสั้นยิ่งนักแล้ว.... ฉันรจนาเรื่องนี้ ที่หวังวาด ฝากฝัง ให้ทุกดวงใจรู้ค่าเงียบงามง่ายใกล้ตัว ใกล้ใจ เพียงเปิดใจ เปิดดวงตา ไขว่คว้า นำมาประโลมใจ ลดเร่าร้อน รุนแรง... ที่รัก คนดี และเพื่อเธอ... คนพิเศษ ในฝัน ในใจเสมอมา.. ลูกผู้ชายที่เกิดมารู้ค่าของการใช้ชีวิตบนผืนโลก หวังเคียงฝันฝากใจกาย คู่กัน ตราบวันตายของสองเรา........ ....................... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song1933.html วิมานดิน นันทิดา แก้วบัวสาย ฝากรักเอาไว้ ฝากไปในแสงดวงดาว ที่ส่องประกายวับวาว วาว อยู่บนฟากฟ้า ให้แสงสุกใส ได้เป็นเสมือนดวงตา คอยส่องมองเธอด้วยแวว ตา แห่งความภักดี เก็บฟ้ามาสาน ถักทอด้วยรักละมุน คอยห่มให้เธอได้อบ อุ่น ก่อนนอนคืนนี้ ให้เสียงใบไม้ ขับกล่อมเป็นเสียงดนตรี คอยกล่อมให้เธอฝันดี ดี ให้เธอเคลิ้มไป เป็น วิมานอยู่บนดิน ให้เธอได้พักพิง พิง และนอนหลับไหล เก็บ ดาว เก็บเดือนมาร้อยมาลัย เก็บหยาดน้ำค้างกลางไพร มาคล้องใจเราไว้รวมกัน ก่อนฟ้าจะสาง ก่อนจันทร์จะร้างแรมไกล ยังอยู่กับเธอข้างเคียง กาย อยู่ในความฝัน ฝากเสียงกระซิบ ฝากไปในสายลมผ่าน ข้ามขอบราตรีที่ยาว นาน ให้เธอฝันดี เป็น วิมานอยู่บนดิน ให้เธอได้พักพิง พิง และนอนหลับไหล เก็บ ดาว เก็บเดือนมาร้อยมาลัย เก็บหยาดน้ำค้างกลางไพร มาคล้องใจเราไว้รวมกัน ก่อนฟ้าจะสาง ก่อนจันทร์จะร้างแรมไกล ยังอยู่กับเธอข้างเคียง กาย อยู่ในความฝัน ฝากเสียงกระซิบ ฝากไปในสายลมผ่าน ข้ามขอบราตรีที่ยาว นาน ให้เธอฝันดี ให้เธอได้อบ อุ่น และนอนฝันดี ให้เธอได้อบ อุ่นอยู่ใน วิมาน...
6 กุมภาพันธ์ 2550 09:16 น. - comment id 653416
วันนี้ฟ้าที่นี่สีไม่ค่อยหวานค่ะพี่พุด อึมครึมน่าดูเลยค่ะ
6 กุมภาพันธ์ 2550 10:45 น. - comment id 653454
http://www2.victoriassecret.com/images/prodlgvw/V257226_N71.jpg วิมานไพรวิมานภักดิ์ http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song1933.html http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song430.html บทเพลงวิมานดิน ลืมเสียเถิดอย่าคิดถึง อุษานี้..บ้านดอกไม้หอมม..ม...ม.. หอมพร่างไปทั้งบ้านด้วยดวงดอกไม้ไทย ที่สะพรั่งกลิ่นรินพรายมากับสายลมในยามเช้า แก้วตระการ..บานร่วง บานร่วงเต็มลานดิน ราวมิถวิลต้น..พากันปลิดหล่นปลิดหล่นเกลื่อนกระจาย พร่างหอมพร่างงามแม้นยามราโรย ให้พื้นพสุธาพราวนวลพรม อมน้ำตาลทอง นกเขา..ก็ยังคงเฝ้าขันคู จู๊กกรูๆ และกับอีกมากนกมากนัก ที่พากันมาทายทักด้วยเสียงเพลง จุ๊บจิ๊บๆๆๆระงม แถมยังมีเสียงไก่ขัน และไก่ตัวนี้แหละที่บางวันขยันขันเอาตอนเก้าโมงเช้า ไก่กลางกรุงกรง คงหลงลืมฝันวันเวลาเสียแล้วละกระมัง.. บ้านดอกไม้หอม..ม..ม.... ยังมีกอกล้วยอวบใหญ่ให้ร่มใบบังแดดในยามเช้า ยามละออละอองทองทอทอดลอดไพลนวลรำไรๆ ยามว่าง..ไพล..ที่มิใช่ชื่อใบไม้ หากคือเจ้าของวิมานดินวิมานไพรนะแห่งนี้ จะ.. นอนนิ่งรานทอดตาหวานเศร้า ซึ้งซับรับระยิบเรียวใบแก้ว.. ที่กำลังปลิดปลิวลิ่วลอยควะคว้าง ปรายโปรยแพร้วพร่าง..อย่างช้าๆ ช้าๆ.. ที่ช่างแสนงามจับตาจับใจเป็นยิ่งนัก ที่ช่างให้ความรู้สึกหอมหวานในใจ ในสัจจธรรม เปิดใจให้หอมงามอบร่ำพาพร่ำร่ำรินรับมาสอนใจ ในธรรมะ ธรรมชาติ ธรรมดาๆ ที่ทุกเวลาคือความจริงแห่งชีวิต... ............. และ บางครา..เมื่อไพล..เหว่ว้าใจสุดทน ไพลจะหมุนกมลฟังบทเพลงบรรเลง *Poetry Of The Sea&Mountain* ที่ราวจะพาจิตวิญญาณไพรนี้ติดปีกเสรีแห่งความฝัน ลอยพลันไปนั่งเหนือเนินทรายริมทะเล เพื่อเฝ้ารอ ดูตะวันค่อยๆผันดวงโผล่พ้นผืนน้ำงามสีมรกต ให้งามงดในใจ จนอยากร้องไห้ เห็นนกนางนวลโผผินบินถลา น้ำทะเลพากันสาดซัดฝั่งอย่างนวลนุ่มอ่อนโยน เสียงคลื่นวอนทรายคล้ายดั่งคำมั่นสัญญา พาให้น้ำตาไพลละหลั่งริน ในสายถวิลเสน่หา รักวันเติมวันมิผันแปรใจมิพรากไกลมิพรากลา ไม่ว่า จะผ่านกาลเวลามากี่ฤดูกาล ผ่านฤดีใครมากี่คนก็ยังคงหนักแน่นมั่นคง ไม่ไหวหวั่น ยังคงสัตย์ซื่อถือมั่น เคลียคลอทรายทุกคืนค่ำ ช่วยกันพร่ำฝัน บรรเลงบทเพลงรักเพลงเดียว... ไม่เหลียวแลใครไม่แปรใจไม่แปรรัก.. และ ในบางครา มโนไพล.. จะพาลอยไปสัมผัส กลิ่นควันไฟปะทุจากเตาถ่านแตกเปรี๊ยะๆ ในกระท่อมร้างไร้ ในไพรกว้าง ในยามอุษาสาง ที่หยาดละออละอองน้ำค้างเยียบเย็น ยังพรายแต้มเรียวแก้มรวงข้าว พราวไสวในทุ่งทองปองขวัญสวรรค์ไพรสวรรค์ใจ ดงดอกหญ้ายังพัดไหวโบกพลิ้วเอนลิ่วล้อสายลมแรง แฝงพายุกระหน่ำซ้ำซัดก็ยังระบัดไหวทานทน.. รออรุณเบิกฟ้า..หลังฝน สดแจ่ม แต้มหวานด้วยเรียวรุ้งพาดคุ้งโค้งฟากฟ้าไกล ไพลจดจำ..เช้าวันที่ได้เดินย่ำทราย วิ่งไล่ล้อคลื่นกับรื้นน้ำใสในดวงตา ในยามที่โลกหล้าและผู้คนยังพากันหลับลึกหลับไหล ที่มีเพียงแค่ไพลลำพัง เดินดายเดียวเดียวดายริมชายหาดกว้างร้างไร้ผู้คน ในครองตาหมอง ที่อยากร้องไห้สะอื้นไห้เงียบๆ กับความเงียบงามของ ทุกสรรพสิ่งกับทะเลนิ่ง น้ำจรดฟ้าไกล กับเกาะสองเกาะตรงหน้า ที่พากันเกี่ยวเกาะกันราวเพื่อนตาย มิพลัดหลงพลัดหาย ราวเพื่อนภักดิ์ พลีรักพร้อม.. ที่ไพล..มิอาจบอกถึงความงามประทับใจให้ใครล่วงรู้ งามดวงใจได้ไปทั้งหมดทั้งสิ้น ในวันนี้มิมีเลย นอกจากหวังหวานผ่านบทรักรจนา พาคนงามใจรักงามไพรรักงามทะเลพอกัน ไปปันใจไปเยือนแย้มแต้มใจฝันฝัน ไปเดินเหว่ว้าคลอกันกับผืนทรายให้ซึ้งทราบ..สุขซ่าน หวานหอมด้วยตัวตนด้วยตัวเอง.. . และกับความจริงในวันนี้ ไม่น่าเชื่อเลยว่า คืนฝันวันแสนสุขหนึ่งปีจะผันผ่านรวดเร็ว ราวนกปีกหัก อาลัยรักมาซุกซบให้โอบอุ้มทะนุถนอมใจ และกำลังจะบินไกล ใฝ่สูง ฝันสูง สู่ดวงดาวสู่พราวฟ้ากว้างทางช้างเผือก เลือกดาวดวงงามสักดวงเคียงข้างประดับใจประทับใจ.. มิกลับมาสู่อ้อมใจอ้อมตักอ้อมภักดิ์อีกเลยแล้ว.. หนึ่งปีที่แสนสุขในร่มรัก หนึ่งปีที่หวานงามนักในทรงจำ หนึ่งปีในความฝันที่ไม่อยากตื่น หนึ่งปีที่นำชื่นมาล้นทรวงให้ห่วงหาโหยหา หนึ่งปีแห่งชีวิตชีวาที่เปี่ยมล้นด้วยหลากรสชาติชีวิต ที่จักสถิตเป็นบทเรียนมหัศจรรย์รักเป็นภักดิ์พลีชั่วนิจนิรันดร ให้ซึ้งสุข ซุกซ่อนเศร้าดายเดียวเหงาเปลี่ยวให้ไหวครวญ ยามหวนหาคำนึง..มิคลายมิราโรย.. ไม่น่าเชื่อใช่ไหมว่า โลกหล้านี้และชะตาชีวิตในบางครั้ง อยู่เหนือการควบคุม เหนือความคาดหมายว่าร่างร้าวใจไร้ จะได้รับรางวัลใดจากดวงตาสวรรค์ เป็นกำนัลใจจากพระผู้เป็นเจ้านะเบื้องบน ที่จะทรงต่อเติม เจ็บยื่นหรือชื่นหวาน ให้จิตวิญญาณทุกดวงที่ยังมิล่วงพ้นแรงกรรม..เก่า..กาล.. จะให้รานจะให้ร้องไห้จะให้ดายเดียว จะให้สวยงามทุกยามที่หลับตาลง.. ก็คือประสงค์ของพระพรหมผู้ลิขิตโลกโชคชะตา ไม่มีคำถาม!..ที่ต้องการหาคำตอบ.. ทำไม..ทำไม..และทำไม หากทุกใจพอใจทุกนาทีของชีวีชีวิต.. ไม่ว่า จะเป็นเสียงหัวเราะ ร้องไห้ เสียงบทสวดไห้หา พาหลุดพ้นวนวงกรรม เพราะ คือชะตากรรมชะตาชีวิต ลิขิตฟ้า..และจากใจข้าเอง หากมิเกรงอินทร์พรหมยมพญา หากอยากทายท้า ก็สุดแต่ใจใครจะลองทนลองทำลองทดสอบดู.. ให้รู้แน่กันไปข้างหนึ่ง..จะยอมแพ้ หรือจะชนะ..ชะตา.. ว่ากันไปตามเพรงกรรม..กระทำกันตามใจชอบ โอ้.. วาสนาชะตากรรม ไย.. นำมาให้ไพลมีวิมานดินวิมานไพรนะที่นี่ มิใช่ที่อื่นไกลและยัง น้อมนำให้กายไพลมานอนฟังทุกเสียงเงียบงาม ในทุกยามหัวใจเต้นในเตียงโบราณนี้ มิใช่เตียงใดมิใช่เคียงใครมิใช่ไหนอื่น.. รายล้อมด้วยด้วยดวงดอกหอมๆของแมกไม้ ต่อสายใจสายใยรักทายทัก ให้ไพลได้ยินเสียงนกร้องระริกหวาน ขานรับหยาดน้ำค้างจับเรียวใบไม้ ราวสายฝนพรำยามย่ำรุ่งระรินไหว ให้เห็นงามจับใจในทุกรายละเอียดของสรรพสิ่ง มิวิ่งวนว่องล่องชีวาพาตามไปกับกระแสโลกบ้าวัตถุ ไพล..จึงดีใจไม่มีคำถาม ในทุกทุกข์ งามตรมบ่มสุข ในทุกข์ทนเศร้า...ในไม่มี..ในว่างดาย ในร่มไม้ชายคาแห่งวิมานรักนี้ และ แสนพอใจ ดีใจ กับทุกเศษเสี้ยวในอารมณ์ มิว่าจะขมขื่นระทมหรือตื้นตันสุขใจสุขใด ในวิมานไพรวิมานดิน กับทุกสรรพสิ่งธรรมชาติไพรธรรมดาใจ ที่ไพลเพียรสร้างจากน้ำใจรัก.. และยอมรับทุกสิ่ง ไม่ว่าใครจะทิ้งอะไรไว้ให้ระกำย้ำรอยใจ หัวใจไพลก็ยังคงมีหวังหวาน ราวดอกไม้บานพราวเสมอมา..นะกลางใจในกลางซึ้ง ราวมีดวงแก้วเพียงหนึ่งเดียว เกี่ยวกระจ่าง สว่างใส แตกพราย ก่อเกิดประกายราวเพชรพร่าง จรัสเจรือง เรืองรอง ส่องนำทางใจ ราวสายรุ้งสวยใสบนเรียวฟ้า หลังคืนที่ฟ้าผ่านพายุฝนพรำ..ฉ่ำน้ำตานางฟ้า..นภาฝัน และหมุนวันอรุณรุ่งอันแสนหวานแสนอบอุ่น มาอุ่นอ้อมโอบเอื้อ.. เกื้อกมลปลอบกมลคนใจงาม..ในทุกยาม..ในทุกข์รัก..... ............... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song1933.html บทเพลงวิมานดิน ฝากรักเอาไว้ ฝากไปในแสงดวงดาว ที่ส่องประกายวับวาว วาว อยู่บนฟากฟ้า ให้แสงสุกใส ได้เป็นเสมือนดวงตา คอยส่องมองเธอด้วยแวว ตา แห่งความภักดี เก็บฟ้ามาสาน ถักทอด้วยรักละมุน คอยห่มให้เธอได้อบ อุ่น ก่อนนอนคืนนี้ ให้เสียงใบไม้ ขับกล่อมเป็นเสียงดนตรี คอยกล่อมให้เธอฝันดี ดี ให้เธอเคลิ้มไป เป็น วิมานอยู่บนดิน ให้เธอได้พักพิง พิง และนอนหลับไหล เก็บ ดาว เก็บเดือนมาร้อยมาลัย เก็บหยาดน้ำค้างกลางไพร มาคล้องใจเราไว้รวมกัน ก่อนฟ้าจะสาง ก่อนจันทร์จะร้างแรมไกล ยังอยู่กับเธอข้างเคียง กาย อยู่ในความฝัน ฝากเสียงกระซิบ ฝากไปในสายลมผ่าน ข้ามขอบราตรีที่ยาว นาน ให้เธอฝันดี เป็น วิมานอยู่บนดิน ให้เธอได้พักพิง พิง และนอนหลับไหล เก็บ ดาว เก็บเดือนมาร้อยมาลัย เก็บหยาดน้ำค้างกลางไพร มาคล้องใจเราไว้รวมกัน ก่อนฟ้าจะสาง ก่อนจันทร์จะร้างแรมไกล ยังอยู่กับเธอข้างเคียง กาย อยู่ในความฝัน ฝากเสียงกระซิบ ฝากไปในสายลมผ่าน ข้ามขอบราตรีที่ยาว นาน ให้เธอฝันดี ให้เธอได้อบ อุ่น และนอนฝันดี ให้เธอได้อบ อุ่นอยู่ใน วิมาน...
6 กุมภาพันธ์ 2550 10:51 น. - comment id 653457
ในวิมานม่านฟ้าเว่ว้าเหงา คิดถึงเงา..ใจคนรักสลักมั่น อีกนานไหม? หนอพ้อรำพัน จะมีกัน...หวานชื่นรื่นฉ่ำทรวง... วิมาน...ขวัญ... รักษาสุขภาพนะคะ
6 กุมภาพันธ์ 2550 14:39 น. - comment id 653558
ร้อยกรอง กวีกานต์ ที่ขับขาน อยุ่แห่งใด เผยอยิ้ม ณ.ริมใจ เพื่อสดับ..รับรอฟัง.. แวะมาทักทายครับ.. สบายดีนะครับ...
6 กุมภาพันธ์ 2550 14:43 น. - comment id 653559
บัวคิดถึงพี่พุดที่สุดค่ะ คิดถึงเสมอไม่ลืมค่ะ
6 กุมภาพันธ์ 2550 16:41 น. - comment id 653684
6 กุมภาพันธ์ 2550 17:24 น. - comment id 653706
เทียน .. เมื่อคราวที่อัลมิตราต้องการเทียนสักเล่ม แต่ก็บังเอิญเหลือเกินที่ไม่ได้ตระเตรียมมา ด้านหลัง คือ กองไฟลุกโชน ที่พอจะแก้หนาวได้บ้าง แต่บนโต๊ะอาหาร ยังคงอยากได้บรรยากาศโรแมนติคสักหน่อย อากาศเย็นมาก ๆ จนรู้สึกว่า หากก้าวห่างจากกองไฟที่ก่อไว้เพียงนิด ก็จะหนาวยะเยือกจับขั้วใจ .. เฮ้อ !! อยากได้เทียน อยากได้เทียน แต่แล้วเหมือนมีใครคนหนึ่ง ล่วงรู้ความรู้สึกนั้น เขาแซะน้ำตาเทียนที่ติดตามโต๊ะหินมาหยอดใส่ฝาน้ำอัดลม จากนั้นก็มวนกระดาษทิชชูทำเป็นไส้เทียน สักพัก เขาก็เรียกอัลมิตรา .. เซอร์ไพร์ส มีเทียนแล้ว มีเทียนจริง ๆ ด้วย หนึ่งฟอด คือรางวัล .. โอ้ .. นาฬิกาไม่น่าปลุกเลย กำลังฝันหวานแท้ ๆ
6 กุมภาพันธ์ 2550 22:26 น. - comment id 653844
เช้า ๆ ถิ่นนี้อากาศหนาวเย็น ไม่ค่อยภิรมย์เลยครับสำหรับผม