บรรจงเก็บกระเป๋าเจ้าหัวใจ ลงเป้ใหญ่ด้วยสองมือถือกลับบ้าน ฝ่าความหนาวเหนื่อยเหน็บเจ็บร้าวราน ล้มซมซานน่าอนาถแทบขาดใจ จากบ้านมาเมืองกรุงมุ่งสร้างหวัง มีพลังตั้งมั่นมิหวั่นไหว พากเพียรเรียนปริญญามาหนึ่งใบ พร้อมก้าวไปเรียนรู้สู้สังคม เจอะโลกกว้างจางน้ำใจในเมืองหลวง ความหลอกลวงเล่ห์หลอนซ้อนขื่นขม ผู้อ่อนแอแพ้พิษร้ายพ่ายตรอมตรม ลุกแล้วล้มลนลานสะท้านใจ ขอกลับไปบ้านนาเมืองป่าเขา เติมรักเราปลอบขวัญที่หวั่นไหว อ้อมอกแม่แท้หอมกรุ่นยามอุ่นไอ ปัดเป่าภัยพาลพ่ายจางหายพลัน จะสร้างรักร้อยใจในบ้านเรา แม้หลังเก่าก็ร่วมเรียงเคียงสร้างฝัน พร้อมรอยยิ้มพิมพ์ใจมอบให้กัน สร้างสวรรค์หัวใจอวลไอรัก.
27 มกราคม 2550 19:25 น. - comment id 649982
ฉันก็อีกคนหนึ่งซึ่งจากบ้าน ต้องซมซานอยู่ในภายเมืองหลวง ต้องโดดเดี่ยวยิ่งนักถูกรักลวง คนเมืองหลวงใจดำช้ำปางตาย มองเห็นดาวลอยคว้างกลางเวหน เหม่อมองบนนภาน่าใจหาย มองหาพ่อแลหาแม่อยู่แห่งใด อยากเห็นสายตาท่านมองผ่านมา ชีวิตที่ท้องทุ่งได้สิ้นสูญ เหลือแต่รอยอาดูรอันล้ำค่า หลับตาเห็นพ่อแม่และท้องนา แต่ทว่าลืมตาตื่นสะอื้นตรม ไม่เหลือแล้วพ่อกับแม่และท้องทุ่ง นอนสดุ้งตื่นตาพาขื่นขม ผจญโลกในเมืองกว้างอย่างระทม ฝืนใจข่มอ้างว้างอย่างเดียวดาย...
28 มกราคม 2550 07:30 น. - comment id 650106
กลับมาบ้านอีกครั้งหวังเต็มร้อย พ่อแม่คอยรับขวัญปลอบหวั่นไหว นิ่งสนิทเหว่ว้าน่าแปลกใจ มีหยากไหย่กับกระท่อมเก่าที่เฝ้ารอ สายเกินไปใช่ไหมไร้ความหวัง เพราะเผลอพลั้งหลงเมืองใหญ่ใช่ไหมหนอ อนาคตพ่ายพังช้ำน้ำตาคลอ ไร้แม่พ่อเป็นหลักพักพิงใจ.
18 กุมภาพันธ์ 2550 09:20 น. - comment id 658703
กลับบ้านเรากันเถิดหนอรักรออยู่ ใจเรารู้อยู่เพื่อใครใช่หน่ายหนี บ้านที่ล้อมอ้อมรักฟักไมตรี ล้วนมากมีน้ำใจรินให้กัน จะล้มลุกสักกี่ครั้งยังปลุกปลอบ และมีมอบน้ำใจไปรับขวัญ ไม่แคะค่อนย้อนเข่นฆ่าพร่าฟาดฟัน มีรางวัลคือน้ำใจเอื้อไมตรี.